แผนรักพิชิตใจคุณพี่ชาย
-
เขียนโดย คุณหนูบอนไซ
วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 20.32 น.
1 ตอน
0 วิจารณ์
1,152 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม พ.ศ. 2565 20.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ตอนที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เช้าในเมืองอันแสนวุ่นวาย มอเตอร์ไซค์รับจ้างขับพาผู้โดยสารหญิงสาวมุ่งหน้าฝ่ารถติดในชั่วโมงเร่งด่วน ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และเมื่อถึงบ้านเป้าหมาย เธอก้าวลงจากรถแล้วยื่นค่าโดยสารให้ ก่อนจะเดินเข้าไปกดออดหน้าบ้าน เธอกดย้ำสองสามรอบ ก่อนที่จะมีคนเปิดประตูบ้านให้
“ป้าอร” หญิงสาวทักหญิงที่มีอายุมากกว่า
“ป้านึกว่าหนูจะมาไม่ถูกเสียอีกนะ ฉัตร” อรอนงค์ยิ้มให้กับหลานสาวคนสวย “มาเข้ามาข้างใน ตอนนี้เจ้านายไม่อยู่ ไว้ตอนเย็นคุณเมฆกลับมา ค่อยแนะนำตัวกับคุณเขา” อรอนงค์จูงมือหลานสาวเข้ามาในบ้าน
“บ้านหลังใหญ่มาก ครอบครัวเจ้านายป้าอยู่กี่คนคะ” ฉัตรทริกา หรือฉัตร ถามผู้เป็นป้าระหว่างที่เดินไปสำรวจบ้านไป
“คุณเมฆอยู่คนเดียว เพราะบ้านใหญ่กับที่ทำงานอยู่ไกลกัน คุณเมฆเลยขอย้ายออกมาข้างนอก” อรอนงค์บอกหลานสาว และพาเดินมาจนถึงห้องพักของฉัตรทริกา “อันนี้ห้องพักของฉัตรนะ ตรงข้ามกันเป็นห้องคุณเมฆ ส่วนอีกห้องเป็นห้องทำงานของคุณเมฆเขา”
“ให้ฉัตรพักข้างบนหรอคะ ฉัตรก็นึกว่าจะเป็นห้องนอนเมทข้างล่างซะอีก” ฉัตรทริกาสำรวจห้องนอนหลังจากที่เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะวางกระเป๋าเป้ที่สะพายลงบนที่นอน
“บ้านนี้มีแค่สามห้องนอน ถ้าไม่อยู่ข้างบนแล้วจะไปอยู่ไหนกันล่ะ”
“อ้าว...แล้วห้องป้าอรล่ะคะ” ฉัตรทริกาถาม
“ใครว่าป้าอยู่ที่นี่กัน ป้าทำงานอยู่บ้านใหญ่ ส่วนฉัตรก็อยู่ที่นี่ ป้าบอกพวกคุณท่านไว้แล้ว คุณเมฆเองก็บอกว่าจะช่วยดูแลฉัตร ฉัตรเองก็ต้องดูแลบ้านหลังนี้ให้ดี รวมทั้งคุณเมฆด้วย เข้าใจไหม”
“ป้าจะปล่อยให้หลานสาว อยู่กับผู้ชายสองต่อสองนี่นะ” ฉัตรทริกายกมือปิดหน้าอกกระพริบตาถี่ๆ อรอนงค์จึงเขกหัวเจ้าหลานสาวด้วยความมั่นไส้ของท่าทางเธอ
“ป้าไม่ห่วงฉัตร ห่วงคุณเมฆมากกว่า”
“ป้าก็ ฉัตรเป็นผู้หญิงบอบบางจะไปทำอะไรใครได้”
“จ้า แม่บอบบาง เก็บของซะ แล้วมาเรียนรู้งานกับป้าก่อนคุณเมฆจะกลับบ้าน” อรอนงค์เอื้อมมือไปลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกจากห้อง ให้หลานสาวคนสวยได้เก็บของ ฉัตรทริกาเมื่อเห็นว่าผู้เป็นป้าออกไปแล้ว เธอจึงหันกลับไปมองกระเป๋าเป้ที่อยู่บนที่นอน
ฉัตรทริกาเปิดกระเป๋าหยิบชุดออกมาใส่ไม้แขวนผ้าที่อยู่ในตู้ ป้าของเธอช่างใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ช่างสมกับเป็นคุณแม่บ้านจริงๆ เธอแขวนชุดสุดท้ายใส่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง ห้องนอนที่ถูกตกแต่งเน้นสีชมพูหวานแหววจนเธอเองแอบขนลุกกับความชมพูนั้น ก็ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะชอบสีชมพูนี่น่า แต่ไม่ว่าจะสีไหนก็ได้ทั้งหมด แค่มีที่ซุกหัวนอนตลอดสี่ปีก็ดีแล้ว
“เฮ้อ...ขนาดห้องนอนเล็กแล้วยังดูใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านฉันอีก แถมยังสวยมากด้วย สักวันฉันจะต้องมีบ้านสวยๆห้องสวยๆแบบนี้ให้ได้” ฉัตรทริกายิ้มกับความหวังตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องเพราะไม่อยากให้ป้าต้องรอนาน
เมื่อเดินลงมาถึงข้างล่างที่อรอนงค์รออยู่ ฉัตรทริกาก็เดินเข้าไปหาเพื่อรับฟังและเรียนรู้งานที่ต้องทำเพื่อรอเจ้านาย แต่ว่าอรอนงค์สอนเธอไปทุกอย่างแล้วถึงกระนั้นเจ้านายของเธอก็ยังไม่กลับบ้าน ประจวบกับเวลาที่เดินล่วงเลยมาจนมืดค่ำ อรอนงค์จึงจำต้องเอ่ยลาหลานสาวและปล่อยให้เธอรอเจ้านายเพียงลำพัง
ฉัตรทริกานั่งรออยู่หน้าจอโทรทัศน์กับละครหลังข่าวที่ไม่ค่อยจะได้ดู แต่วันนี้เธอต้องดูมันเป็นเพื่อนเพื่อรอเจ้านายสุดหล่อของเธอ เธอรู้ได้ไงว่าเจ้านายหล่อ ก็เพราะว่าหลังจากที่ดูรูปถ่ายแล้วเจ้านายของเธอหล่อยิ่งกว่าบรรดาไอดอลบางคนที่เธอชื่นชอบเสียอีก ถึงในรูปจะหน้านิ่งไปหน่อย
“มาแล้วหรอ” ฉัตรทริกาหันไปมองทางประตูเมื่อได้ยินเสียงรถ เธอลุกขึ้นดินจากโซฟาไปที่ประตู ประตูหน้าบ้านค่อยเลื่อนเองจากการกดรีโมตของเจ้าของบ้าน ทำให้เธอไม่ต้องเดินไปเปิดให้เขา ดังนั้นเธอจึงยืนรอเขาที่ประตูบ้านพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
ชายหนุ่มปิดเครื่องยนต์ก่อนจะก้าวลงจากรถ และทันทีที่เขาปรากฏตัวแบบเต็ม พระเจ้า...เขาช่างหล่อเหลาดั่งคำศัพท์ที่มีคนกล่าวไว้ว่า หล่อวัวตายความล้มเลย นี่ขนาดอยู่ในแสงสลัวนะยังออร่าขนาดนี้ และยิ่งเขาเดินเข้ามาหาเธอ ภาพเค้าโครงหน้าค่อยๆชัด จนเขามาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
“มาถึงนานแล้วหรอ” เมธาสิทธิ์ หรือ คุณเมฆ ของเธอถาม
“ค่ะ” ฉัตรทริกาพยัก ก่อนจะยื่นมือเพื่อไปช่วยถือของเจ้านายสุดหล่อ
“ไม่ต้องหรอก ของแค่นี้พี่ถือเองได้” เมธาสิทธิ์บอก ก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน
“พี่หรอ พี่ชาย เขินอ่ะ” ฉัตรทริกาทำท่าทางกระดี๊กระด๊า ก่อนจะรีบเดินตามไปเข้าไปในบ้าน เมธาสิทธิ์วางข้าวของเขาที่โต๊ะกินข้าว ก่อนที่จะเดินไปทางห้องครัว ฉัตรทริกาจึงรีบวิ่งเข้าไปหา “จะไปไหนคะ”
“กินน้ำ” เมธาสิทธิ์ตอบ
“ไม่ต้องคะ ฉัตรไปเอาน้ำมาให้คุณเอง คุณนั่งรอก่อนนะคะ” ฉัตรทริกาบอกก่อนจะรีบเดินไปทำตามที่บอก เมธาสิทธิ์ยิ้มกับท่าทางของเด็กน้อยที่ดูกระตือรือร้น ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งที่โซฟา ไม่นานเธอก็เดินออกมาพร้อมน้ำมาเสริฟเขาแล้วถอยออกห่าง
“ทำไมไปยืนซะไกลขนาดนั้น” เมธาสิทธิ์ถาม
“แล้วจะให้ฉัตรไปอยู่ไหนคะ” เธอย้อนถาม เขาจึงชี้ไปที่โซฟาที่ว่างอยู่ เธอจึงค่อยเดินเข้าไปนั่งอย่างช้า ท่าทางของเธอที่ดูระมัดระวังช่างน่าเอ็นดู จนเขาอดยิ้มไม่ได้
“ฉัตร ใช่ไหม” เขาถามชื่อ เธอจึงพยักหน้า “ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ถือซะว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอแล้วกัน เราจะอยู่ร่วมกันที่นี่ แบบพี่น้อง ไม่ใช่เจ้านายกับคนใช้ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเกร็ง ทำตัวตามสบาย” เมธาสิทธิ์บอก เธอพยักหน้ารับทราบ แต่ว่าให้เธอไม่ต้องเกร็งกับคนหล่อแบบนี้นี่นะ “อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องบริการก็ได้”
“แต่ว่าคุณเป็นคนให้ที่พัก และยังให้เงินเดือนอีก ถ้าไม่ให้คอยดูแล แล้วจะให้ทำอะไรคะ” ฉัตรทริกาทำหน้าสงสัย
“แค่ดูแลบ้านก็พอ หน้าที่มีแค่นี้ล่ะ เข้าใจนะ” เมธาสิทธิ์บอก ฉัตรทริกาพยักหน้ารับทราบ “เอาล่ะ พี่ไปขึ้นห้องก่อน ส่วนเธอก็อย่านอนดึก ถ้าไม่ดูทีวีก็รีบขึ้นนอน”
“ค่ะ” ฉัตรทริกาตอบ เมธาสิทธิ์ยิ้มให้เธอ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน “พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ทำไมถึงได้หน้าตาดี แล้วยังนิสัยดีแบบนี้นะ เฮ้อ...ใจจ้า เธอจะอยู่รอดปลอดภัยตลอดสี่ปีไหมนะ” เธอพยายามหักห้ามใจตัวเอง
ฉัตรฑริกาปิดโทรทัศน์ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนสีหวานแหววของเธอ ค่ำคืนแรกในเมืองหลวงของเธอ ชีวิตต่อไปนี้ไม่รู้เลยว่าจะดีหรือร้าย แต่หวังว่าเธอจะฝ่าฟันในทุกวันได้และประสบความสำเร็จดั่งใจปรารถนา พรุ่งนี้และวันต่อไป ท้องฟ้าจะยังคงสดใสสำหรับเธอ
เช้าวันใหม่ เมธาสิทธิ์ลุกจากที่นอนนุ่มๆอันแสนสบาย ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เขาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานมาก เขาเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน กลิ่นหอมของอาหารจากห้องครัว ทำให้เขาต้องเดินตามเจ้ากลิ่นนั้นไป เด็กสาวสวมใส่ชุดนักศึกษากำลังยืนง่วนอยู่กับอาหารของเธอ
“ทำอาหารทำไมไม่ใส่ผ้ากันเปื้อนหน่อย เดี๋ยวก็เลอะชุดหรอก” เมธาสิทธิ์ถาม ฉัตรฑริกาหมุนตัวไปมองเขาที่กำลังยืนพิงประตูของห้องครัว
“ที่บ้านไม่เคยใส่ แต่ว่าวันหลังฉัตรจะใส่นะคะ ขอบคุณที่เป็นห่วง” ฉัตรฑริกาบอก เขาพยักหน้าและยิ้มให้เธอ “คุณไปรอที่โต๊ะอาหารก่อนนะคะ อาหารใกล้เสร็จแล้วคะ”
“โอเค” เมธาสิทธิ์เดินถอยกลับไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูเรื่องราวต่างๆในโลกโซเชี่ยล ไม่นานฉัตรฑริกาก็เดินนำข้าวต้มที่เธอตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำให้เขามาเสริฟให้ถึงโต๊ะ ก่อนจะถอยออกแต่เมธาสิทธิ์คว้าข้อมือของเธอไว้ก่อน
“จะไปไหน ไม่กินด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรคะ”
“ไม่เป็นไรได้ไง ไปตักข้าวมาแล้วนั่งลงกินที่นี้ อ้อ เอากาแฟมาด้วย” เขาสั่ง เธอพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในครัวทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง และเมื่อเห็นว่าเธอกลับมานั่งเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเริ่มกินข้าว “วันนี้มีกิจกรรมรับน้องสินะ เดี๋ยวไปส่งที่คณะ วันนี้ไม่มีเวรนอกเวลา ยังไงจะแวะไปรับ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกคะ ฉัตรดูแลตัวเองได้”
“ตั้งแต่วันนี้ไป พี่เป็นผู้ปกครองของเธอ เพราะฉะนั้นต้องเชื่อฟัง” เมธาสิทธิ์บอก ฉัตรฑริกาจึงได้แต่พยักหน้ารับทราบ อุตส่าห์ได้ออกมาจากบ้านมาเรียนแท้ๆ นึกว่าจะได้อิสระ แต่นี่ไม่ต่างจากอยู่บ้านเลย เปลี่ยนจากเจ้านายเป็นผู้ปกครอง ไม่เห็นจะต่างกันเลย เพราะยังไงก็ต้องมีหน้าที่ทำตามคำสั่งอยู่ดี
หลังจากกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เมธาสิทธิ์ขับรถไปส่งฉัตรฑริกาที่คณะของเธอ ก่อนที่เขาจะขับรถไปทำงาน เมธาสิทธิ์เป็นทันตแพทย์ประจำโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย หมอฟันหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ ด้วยหน้าตา รูปร่างที่แสนเพอร์เฟค ประกอบกับความรู้ความสามารถที่โดดเด่น และเป็นลูกชายคนเล็กของนักธุรกิจระดับต้นของประเทศ แต่กระนั้นก็ไม่มีสาวใดเคยอยู่ข้างกายเขา ยังคงเป็นหนุ่มโสดในวัยสามสิบปี ที่ครอบครัวเป็นห่วงในเรื่องนี้
“มีเรื่องอะไรครับ แม่ถึงได้วีดีโอคอลมาหาลูกชายในช่วงพักเที่ยง” เมธาสิทธิ์ถาม ผู้เป็นแม่ที่ไม่เคยโทรหาลูกชายในช่วงเวลางาน
“หนูฉัตรเป็นยังไงบ้าง” พรนภาถามลูกชายถึงผู้อาศัยที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้านของเขา
“ก็สบายดี แต่ถ้าแม่อยากรู้ก็ทำไม ไม่โทรไปหาหนูฉัตรของแม่” เมธาสิทธิ์บอก
“แม่โทรหาแน่ แต่แม่แค่อยากรู้ว่าเมฆคิดว่าน้องเป็นยังไงบ้าง”
“คิดยังไง แม่ต้องการอะไรกันแน่” เขามองแม่ผ่านจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังยิ้ม แน่นอนอยู่แล้วว่าตัวเขาเองก็รู้ว่าแม่กำลังคิดอะไร แต่ว่าเด็กนั่นอายุแค่สิบแปดเองนะ นี่ก็เด็กเกิน เด็กจนเกือบจะเป็นลูกได้เลย “ใกล้หมดเวลาพักแล้ว เมฆไปเตรียมตัวทำงานก่อน ไว้เสาร์นี้ไปหาที่บ้านครับแม่” เมธาสิทธิ์บอก ก่อนจะวางสาย
เลิกงาน เมธาสิทธิ์ขับรถไปที่คณะของฉัตรฑริกา แต่เธอยังคงทำกิจกรรมอยู่ เขาเลยส่งข้อความบอกเธอถึงจุดที่เขานั่งรอเธอ และเมื่อฉัตรทริกาเลิกจากกิจกรรม เธอเดินออกมาพร้อมเพื่อนๆคณะเดียวกัน ก่อนที่จะโบกมือลาเพื่อนๆที่ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนเธอนั้นยืนมองชายหนุ่มที่โดนสาวรุ่นพี่คณะเธอรุม
“อุ้ย นั่นหมอเมฆใช่ไหมอ่ะ หล่อมาก หล่อกว่าในรูปอีก” เสียงนักศึกษารุ่นพี่คนหนึ่งของเธอพูดกับเพื่อน ก่อนจะเดินเข้าไปหา เพื่อพูดคุยกับเขาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาเพราะการทักทายของสาวๆ เขายิ้มให้กับสาวๆรุ่นน้องตามมารยาทแต่นั่นทำให้สาวๆเขินอายไปตามๆกัน
“ฉัตร” เมธาสิทธิ์เรียกเด็กสาวของบ้าน เมื่อสายตามองไปเจอฉัตรฑริกายืนมองดูเขาคุยกับสาวๆ เขาเดินเลี่ยงออกจากวงล้อมไปหาเธอ “ยืนบื้ออะไรอยู่นี่ ยัยเด็กน้อย” เขาถามเธอ
“ยืนดูคุณกำลังคุยกับสาวๆอยู่” เธอตอบ
“ก็คุยตามมารยาท กลับบ้านได้แล้ว” เมธาสิทธิ์บอก เธอพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะเดินตามเขาไปที่รถแล้วขึ้นรถไปกับเขา ท่ามกลางสายตาและความสงสัยของกลุ่มหญิงสาว
“ก่อนกลับบ้าน เดี๋ยวแวะห้างก่อน” เมธาสิทธิ์บอก ทำให้ฉัตรฑริกาที่ได้ยินอย่างนั้น ดีใจอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อไปถึงความตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวของเธอ และสิ่งที่ตื่นเต้นมากกว่าสิ่งใดคือการเห็นของกิน แต่เธอไม่เอ่ยปากขอซื้อเลยสักอย่าง
“อยากกินไหม” เขาถามเธอ เมื่อเห็นเธอจ้องมองขนมในร้าน เธอหันกลับมาหาเขา ก่อนจะส่ายหน้า เขาถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปสั่งขนมให้เธอ และเมื่อได้รับขนมจากพนักงาน เขาก็ยื่นให้เธอ
“จริงๆ ไม่เห็นต้องซื้อเลย” ฉัตรฑริกาบอก
“ไม่กินใช่ไหม งั้นเอาไปทิ้ง” เขาบอกก่อนจะดึงมือกลับมา แต่ถูกเด็กสาวคว้าไว้
“ไม่ ไม่ ถ้าทิ้งแบบนี้น่าสงสารมันออก” เธอบอกก่อนจะหยิบขนมออกจากมือเขา “ดูสิมันกำลังบอกว่า อย่าทิ้งฉันเลย กินฉันเถอะ ถ้าทิ้งความปรารถนาเจ้าขนมที่อยากให้คนกิน น่าสงสารแย่เลย” เธอกำลังสื่อสารกับเจ้าขนมในมือ ทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้
“งั้นก็กินให้หมดแล้วกัน” เขาลูบหัวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินนำไปโซนซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อของใช้และของกิน ก่อนกลับบ้าน
“ป้าอร” หญิงสาวทักหญิงที่มีอายุมากกว่า
“ป้านึกว่าหนูจะมาไม่ถูกเสียอีกนะ ฉัตร” อรอนงค์ยิ้มให้กับหลานสาวคนสวย “มาเข้ามาข้างใน ตอนนี้เจ้านายไม่อยู่ ไว้ตอนเย็นคุณเมฆกลับมา ค่อยแนะนำตัวกับคุณเขา” อรอนงค์จูงมือหลานสาวเข้ามาในบ้าน
“บ้านหลังใหญ่มาก ครอบครัวเจ้านายป้าอยู่กี่คนคะ” ฉัตรทริกา หรือฉัตร ถามผู้เป็นป้าระหว่างที่เดินไปสำรวจบ้านไป
“คุณเมฆอยู่คนเดียว เพราะบ้านใหญ่กับที่ทำงานอยู่ไกลกัน คุณเมฆเลยขอย้ายออกมาข้างนอก” อรอนงค์บอกหลานสาว และพาเดินมาจนถึงห้องพักของฉัตรทริกา “อันนี้ห้องพักของฉัตรนะ ตรงข้ามกันเป็นห้องคุณเมฆ ส่วนอีกห้องเป็นห้องทำงานของคุณเมฆเขา”
“ให้ฉัตรพักข้างบนหรอคะ ฉัตรก็นึกว่าจะเป็นห้องนอนเมทข้างล่างซะอีก” ฉัตรทริกาสำรวจห้องนอนหลังจากที่เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะวางกระเป๋าเป้ที่สะพายลงบนที่นอน
“บ้านนี้มีแค่สามห้องนอน ถ้าไม่อยู่ข้างบนแล้วจะไปอยู่ไหนกันล่ะ”
“อ้าว...แล้วห้องป้าอรล่ะคะ” ฉัตรทริกาถาม
“ใครว่าป้าอยู่ที่นี่กัน ป้าทำงานอยู่บ้านใหญ่ ส่วนฉัตรก็อยู่ที่นี่ ป้าบอกพวกคุณท่านไว้แล้ว คุณเมฆเองก็บอกว่าจะช่วยดูแลฉัตร ฉัตรเองก็ต้องดูแลบ้านหลังนี้ให้ดี รวมทั้งคุณเมฆด้วย เข้าใจไหม”
“ป้าจะปล่อยให้หลานสาว อยู่กับผู้ชายสองต่อสองนี่นะ” ฉัตรทริกายกมือปิดหน้าอกกระพริบตาถี่ๆ อรอนงค์จึงเขกหัวเจ้าหลานสาวด้วยความมั่นไส้ของท่าทางเธอ
“ป้าไม่ห่วงฉัตร ห่วงคุณเมฆมากกว่า”
“ป้าก็ ฉัตรเป็นผู้หญิงบอบบางจะไปทำอะไรใครได้”
“จ้า แม่บอบบาง เก็บของซะ แล้วมาเรียนรู้งานกับป้าก่อนคุณเมฆจะกลับบ้าน” อรอนงค์เอื้อมมือไปลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินออกจากห้อง ให้หลานสาวคนสวยได้เก็บของ ฉัตรทริกาเมื่อเห็นว่าผู้เป็นป้าออกไปแล้ว เธอจึงหันกลับไปมองกระเป๋าเป้ที่อยู่บนที่นอน
ฉัตรทริกาเปิดกระเป๋าหยิบชุดออกมาใส่ไม้แขวนผ้าที่อยู่ในตู้ ป้าของเธอช่างใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ช่างสมกับเป็นคุณแม่บ้านจริงๆ เธอแขวนชุดสุดท้ายใส่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง ห้องนอนที่ถูกตกแต่งเน้นสีชมพูหวานแหววจนเธอเองแอบขนลุกกับความชมพูนั้น ก็ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะชอบสีชมพูนี่น่า แต่ไม่ว่าจะสีไหนก็ได้ทั้งหมด แค่มีที่ซุกหัวนอนตลอดสี่ปีก็ดีแล้ว
“เฮ้อ...ขนาดห้องนอนเล็กแล้วยังดูใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านฉันอีก แถมยังสวยมากด้วย สักวันฉันจะต้องมีบ้านสวยๆห้องสวยๆแบบนี้ให้ได้” ฉัตรทริกายิ้มกับความหวังตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องเพราะไม่อยากให้ป้าต้องรอนาน
เมื่อเดินลงมาถึงข้างล่างที่อรอนงค์รออยู่ ฉัตรทริกาก็เดินเข้าไปหาเพื่อรับฟังและเรียนรู้งานที่ต้องทำเพื่อรอเจ้านาย แต่ว่าอรอนงค์สอนเธอไปทุกอย่างแล้วถึงกระนั้นเจ้านายของเธอก็ยังไม่กลับบ้าน ประจวบกับเวลาที่เดินล่วงเลยมาจนมืดค่ำ อรอนงค์จึงจำต้องเอ่ยลาหลานสาวและปล่อยให้เธอรอเจ้านายเพียงลำพัง
ฉัตรทริกานั่งรออยู่หน้าจอโทรทัศน์กับละครหลังข่าวที่ไม่ค่อยจะได้ดู แต่วันนี้เธอต้องดูมันเป็นเพื่อนเพื่อรอเจ้านายสุดหล่อของเธอ เธอรู้ได้ไงว่าเจ้านายหล่อ ก็เพราะว่าหลังจากที่ดูรูปถ่ายแล้วเจ้านายของเธอหล่อยิ่งกว่าบรรดาไอดอลบางคนที่เธอชื่นชอบเสียอีก ถึงในรูปจะหน้านิ่งไปหน่อย
“มาแล้วหรอ” ฉัตรทริกาหันไปมองทางประตูเมื่อได้ยินเสียงรถ เธอลุกขึ้นดินจากโซฟาไปที่ประตู ประตูหน้าบ้านค่อยเลื่อนเองจากการกดรีโมตของเจ้าของบ้าน ทำให้เธอไม่ต้องเดินไปเปิดให้เขา ดังนั้นเธอจึงยืนรอเขาที่ประตูบ้านพร้อมกับรอยยิ้มสดใส
ชายหนุ่มปิดเครื่องยนต์ก่อนจะก้าวลงจากรถ และทันทีที่เขาปรากฏตัวแบบเต็ม พระเจ้า...เขาช่างหล่อเหลาดั่งคำศัพท์ที่มีคนกล่าวไว้ว่า หล่อวัวตายความล้มเลย นี่ขนาดอยู่ในแสงสลัวนะยังออร่าขนาดนี้ และยิ่งเขาเดินเข้ามาหาเธอ ภาพเค้าโครงหน้าค่อยๆชัด จนเขามาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
“มาถึงนานแล้วหรอ” เมธาสิทธิ์ หรือ คุณเมฆ ของเธอถาม
“ค่ะ” ฉัตรทริกาพยัก ก่อนจะยื่นมือเพื่อไปช่วยถือของเจ้านายสุดหล่อ
“ไม่ต้องหรอก ของแค่นี้พี่ถือเองได้” เมธาสิทธิ์บอก ก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน
“พี่หรอ พี่ชาย เขินอ่ะ” ฉัตรทริกาทำท่าทางกระดี๊กระด๊า ก่อนจะรีบเดินตามไปเข้าไปในบ้าน เมธาสิทธิ์วางข้าวของเขาที่โต๊ะกินข้าว ก่อนที่จะเดินไปทางห้องครัว ฉัตรทริกาจึงรีบวิ่งเข้าไปหา “จะไปไหนคะ”
“กินน้ำ” เมธาสิทธิ์ตอบ
“ไม่ต้องคะ ฉัตรไปเอาน้ำมาให้คุณเอง คุณนั่งรอก่อนนะคะ” ฉัตรทริกาบอกก่อนจะรีบเดินไปทำตามที่บอก เมธาสิทธิ์ยิ้มกับท่าทางของเด็กน้อยที่ดูกระตือรือร้น ก่อนที่เขาจะเดินไปนั่งที่โซฟา ไม่นานเธอก็เดินออกมาพร้อมน้ำมาเสริฟเขาแล้วถอยออกห่าง
“ทำไมไปยืนซะไกลขนาดนั้น” เมธาสิทธิ์ถาม
“แล้วจะให้ฉัตรไปอยู่ไหนคะ” เธอย้อนถาม เขาจึงชี้ไปที่โซฟาที่ว่างอยู่ เธอจึงค่อยเดินเข้าไปนั่งอย่างช้า ท่าทางของเธอที่ดูระมัดระวังช่างน่าเอ็นดู จนเขาอดยิ้มไม่ได้
“ฉัตร ใช่ไหม” เขาถามชื่อ เธอจึงพยักหน้า “ยินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ถือซะว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอแล้วกัน เราจะอยู่ร่วมกันที่นี่ แบบพี่น้อง ไม่ใช่เจ้านายกับคนใช้ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเกร็ง ทำตัวตามสบาย” เมธาสิทธิ์บอก เธอพยักหน้ารับทราบ แต่ว่าให้เธอไม่ต้องเกร็งกับคนหล่อแบบนี้นี่นะ “อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องบริการก็ได้”
“แต่ว่าคุณเป็นคนให้ที่พัก และยังให้เงินเดือนอีก ถ้าไม่ให้คอยดูแล แล้วจะให้ทำอะไรคะ” ฉัตรทริกาทำหน้าสงสัย
“แค่ดูแลบ้านก็พอ หน้าที่มีแค่นี้ล่ะ เข้าใจนะ” เมธาสิทธิ์บอก ฉัตรทริกาพยักหน้ารับทราบ “เอาล่ะ พี่ไปขึ้นห้องก่อน ส่วนเธอก็อย่านอนดึก ถ้าไม่ดูทีวีก็รีบขึ้นนอน”
“ค่ะ” ฉัตรทริกาตอบ เมธาสิทธิ์ยิ้มให้เธอ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน “พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ทำไมถึงได้หน้าตาดี แล้วยังนิสัยดีแบบนี้นะ เฮ้อ...ใจจ้า เธอจะอยู่รอดปลอดภัยตลอดสี่ปีไหมนะ” เธอพยายามหักห้ามใจตัวเอง
ฉัตรฑริกาปิดโทรทัศน์ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนสีหวานแหววของเธอ ค่ำคืนแรกในเมืองหลวงของเธอ ชีวิตต่อไปนี้ไม่รู้เลยว่าจะดีหรือร้าย แต่หวังว่าเธอจะฝ่าฟันในทุกวันได้และประสบความสำเร็จดั่งใจปรารถนา พรุ่งนี้และวันต่อไป ท้องฟ้าจะยังคงสดใสสำหรับเธอ
เช้าวันใหม่ เมธาสิทธิ์ลุกจากที่นอนนุ่มๆอันแสนสบาย ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เขาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานมาก เขาเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน กลิ่นหอมของอาหารจากห้องครัว ทำให้เขาต้องเดินตามเจ้ากลิ่นนั้นไป เด็กสาวสวมใส่ชุดนักศึกษากำลังยืนง่วนอยู่กับอาหารของเธอ
“ทำอาหารทำไมไม่ใส่ผ้ากันเปื้อนหน่อย เดี๋ยวก็เลอะชุดหรอก” เมธาสิทธิ์ถาม ฉัตรฑริกาหมุนตัวไปมองเขาที่กำลังยืนพิงประตูของห้องครัว
“ที่บ้านไม่เคยใส่ แต่ว่าวันหลังฉัตรจะใส่นะคะ ขอบคุณที่เป็นห่วง” ฉัตรฑริกาบอก เขาพยักหน้าและยิ้มให้เธอ “คุณไปรอที่โต๊ะอาหารก่อนนะคะ อาหารใกล้เสร็จแล้วคะ”
“โอเค” เมธาสิทธิ์เดินถอยกลับไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูเรื่องราวต่างๆในโลกโซเชี่ยล ไม่นานฉัตรฑริกาก็เดินนำข้าวต้มที่เธอตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำให้เขามาเสริฟให้ถึงโต๊ะ ก่อนจะถอยออกแต่เมธาสิทธิ์คว้าข้อมือของเธอไว้ก่อน
“จะไปไหน ไม่กินด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรคะ”
“ไม่เป็นไรได้ไง ไปตักข้าวมาแล้วนั่งลงกินที่นี้ อ้อ เอากาแฟมาด้วย” เขาสั่ง เธอพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในครัวทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง และเมื่อเห็นว่าเธอกลับมานั่งเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเริ่มกินข้าว “วันนี้มีกิจกรรมรับน้องสินะ เดี๋ยวไปส่งที่คณะ วันนี้ไม่มีเวรนอกเวลา ยังไงจะแวะไปรับ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกคะ ฉัตรดูแลตัวเองได้”
“ตั้งแต่วันนี้ไป พี่เป็นผู้ปกครองของเธอ เพราะฉะนั้นต้องเชื่อฟัง” เมธาสิทธิ์บอก ฉัตรฑริกาจึงได้แต่พยักหน้ารับทราบ อุตส่าห์ได้ออกมาจากบ้านมาเรียนแท้ๆ นึกว่าจะได้อิสระ แต่นี่ไม่ต่างจากอยู่บ้านเลย เปลี่ยนจากเจ้านายเป็นผู้ปกครอง ไม่เห็นจะต่างกันเลย เพราะยังไงก็ต้องมีหน้าที่ทำตามคำสั่งอยู่ดี
หลังจากกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เมธาสิทธิ์ขับรถไปส่งฉัตรฑริกาที่คณะของเธอ ก่อนที่เขาจะขับรถไปทำงาน เมธาสิทธิ์เป็นทันตแพทย์ประจำโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย หมอฟันหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวๆ ด้วยหน้าตา รูปร่างที่แสนเพอร์เฟค ประกอบกับความรู้ความสามารถที่โดดเด่น และเป็นลูกชายคนเล็กของนักธุรกิจระดับต้นของประเทศ แต่กระนั้นก็ไม่มีสาวใดเคยอยู่ข้างกายเขา ยังคงเป็นหนุ่มโสดในวัยสามสิบปี ที่ครอบครัวเป็นห่วงในเรื่องนี้
“มีเรื่องอะไรครับ แม่ถึงได้วีดีโอคอลมาหาลูกชายในช่วงพักเที่ยง” เมธาสิทธิ์ถาม ผู้เป็นแม่ที่ไม่เคยโทรหาลูกชายในช่วงเวลางาน
“หนูฉัตรเป็นยังไงบ้าง” พรนภาถามลูกชายถึงผู้อาศัยที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้านของเขา
“ก็สบายดี แต่ถ้าแม่อยากรู้ก็ทำไม ไม่โทรไปหาหนูฉัตรของแม่” เมธาสิทธิ์บอก
“แม่โทรหาแน่ แต่แม่แค่อยากรู้ว่าเมฆคิดว่าน้องเป็นยังไงบ้าง”
“คิดยังไง แม่ต้องการอะไรกันแน่” เขามองแม่ผ่านจอโทรศัพท์มือถือที่กำลังยิ้ม แน่นอนอยู่แล้วว่าตัวเขาเองก็รู้ว่าแม่กำลังคิดอะไร แต่ว่าเด็กนั่นอายุแค่สิบแปดเองนะ นี่ก็เด็กเกิน เด็กจนเกือบจะเป็นลูกได้เลย “ใกล้หมดเวลาพักแล้ว เมฆไปเตรียมตัวทำงานก่อน ไว้เสาร์นี้ไปหาที่บ้านครับแม่” เมธาสิทธิ์บอก ก่อนจะวางสาย
เลิกงาน เมธาสิทธิ์ขับรถไปที่คณะของฉัตรฑริกา แต่เธอยังคงทำกิจกรรมอยู่ เขาเลยส่งข้อความบอกเธอถึงจุดที่เขานั่งรอเธอ และเมื่อฉัตรทริกาเลิกจากกิจกรรม เธอเดินออกมาพร้อมเพื่อนๆคณะเดียวกัน ก่อนที่จะโบกมือลาเพื่อนๆที่ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนเธอนั้นยืนมองชายหนุ่มที่โดนสาวรุ่นพี่คณะเธอรุม
“อุ้ย นั่นหมอเมฆใช่ไหมอ่ะ หล่อมาก หล่อกว่าในรูปอีก” เสียงนักศึกษารุ่นพี่คนหนึ่งของเธอพูดกับเพื่อน ก่อนจะเดินเข้าไปหา เพื่อพูดคุยกับเขาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมาเพราะการทักทายของสาวๆ เขายิ้มให้กับสาวๆรุ่นน้องตามมารยาทแต่นั่นทำให้สาวๆเขินอายไปตามๆกัน
“ฉัตร” เมธาสิทธิ์เรียกเด็กสาวของบ้าน เมื่อสายตามองไปเจอฉัตรฑริกายืนมองดูเขาคุยกับสาวๆ เขาเดินเลี่ยงออกจากวงล้อมไปหาเธอ “ยืนบื้ออะไรอยู่นี่ ยัยเด็กน้อย” เขาถามเธอ
“ยืนดูคุณกำลังคุยกับสาวๆอยู่” เธอตอบ
“ก็คุยตามมารยาท กลับบ้านได้แล้ว” เมธาสิทธิ์บอก เธอพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะเดินตามเขาไปที่รถแล้วขึ้นรถไปกับเขา ท่ามกลางสายตาและความสงสัยของกลุ่มหญิงสาว
“ก่อนกลับบ้าน เดี๋ยวแวะห้างก่อน” เมธาสิทธิ์บอก ทำให้ฉัตรฑริกาที่ได้ยินอย่างนั้น ดีใจอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อไปถึงความตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวของเธอ และสิ่งที่ตื่นเต้นมากกว่าสิ่งใดคือการเห็นของกิน แต่เธอไม่เอ่ยปากขอซื้อเลยสักอย่าง
“อยากกินไหม” เขาถามเธอ เมื่อเห็นเธอจ้องมองขนมในร้าน เธอหันกลับมาหาเขา ก่อนจะส่ายหน้า เขาถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปสั่งขนมให้เธอ และเมื่อได้รับขนมจากพนักงาน เขาก็ยื่นให้เธอ
“จริงๆ ไม่เห็นต้องซื้อเลย” ฉัตรฑริกาบอก
“ไม่กินใช่ไหม งั้นเอาไปทิ้ง” เขาบอกก่อนจะดึงมือกลับมา แต่ถูกเด็กสาวคว้าไว้
“ไม่ ไม่ ถ้าทิ้งแบบนี้น่าสงสารมันออก” เธอบอกก่อนจะหยิบขนมออกจากมือเขา “ดูสิมันกำลังบอกว่า อย่าทิ้งฉันเลย กินฉันเถอะ ถ้าทิ้งความปรารถนาเจ้าขนมที่อยากให้คนกิน น่าสงสารแย่เลย” เธอกำลังสื่อสารกับเจ้าขนมในมือ ทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้
“งั้นก็กินให้หมดแล้วกัน” เขาลูบหัวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินนำไปโซนซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อของใช้และของกิน ก่อนกลับบ้าน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ