THE MYSTERY OF YOU : สืบรักนักล่าผี

-

เขียนโดย คัมรีน

วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.39 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,838 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 14.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) Chapter 2 : ปิดปาก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

#2 : ปิดปาก

 

                     “ไป! คุณนาวี คุณต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้!!” 

                    ณ สถานีตำรวจ

                     “นายศักดิ์ชัย สงบศึก อายุ 35 ปี เข้ามอบตัว อ้างว่าเป็นคนฆ่าคุณกานดาครับหมวด สายผมแจ้งมาว่า นายคนนี้เป็นอดีตมือปืนรับจ้างด้วยครับหมด” จ่าไท ยื่นเอกสารประวัติของผู้ต้องหาให้กับฉัน พร้อมกับแจ้งข้อมูลคร่าวๆ ฉันให้กับฉัน

                     “ทำไมหมวดถึงมาพร้อมคุณนาวีได้หล่ะครับ” จ่าอ้นกระซิบถามฉัน

                     “เดี๋ยวจันทร์เล่าให้ฟังนะพี่” 

                     “ผมขอโทษ!! กลัวแล้ว จับเลย จับผมเลยครับคุณตำรวจ ผมไม่เอาแล้ว ไม่หนีแล้ว ผมขอโทษครับ อย่า!! อย่าเข้ามานะเว้ย!!!!” 

                    เสียงชายฉกรรจ์รายหนึ่งดังออกจากห้องสอบสวน น้ำเสียงบ่งบอกถึงความหวาดกลัวอย่างสุดขีด ทำให้ฉันและทีมวิ่งจ้ำอ้าวไปยังต้นเสียงโดยเร็ว โดยมีนายนาวีตามพวกเรามาไม่ห่าง

                    ภายในห้องสอบสวน ที่ถูกกั้นด้วยกระจกที่สามารถมองเห็นเข้าไปด้านในได้ นายศักดิ์ชัย ชายหนุ่มร่างกายกำยำตัวสั่นเทา พร้อมกับพนมมือท่วมหัว มองไปรอบๆ ห้องด้วยท่าทีหวาดระแวง

                     “เดี๋ยวจันทร์จะไปสอบปากคำเขาเอง” 

                     “ครับ หมวด!” จ่าไทและจ่าอ้นรีบตอบรับฉันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

                    ฉันเดินก้าวเข้ามาในห้องสอบสวน ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องมาสอบสวนผู้ต้องหา แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งอื่นๆ เพราะมันเต็มไปด้วย กลิ่นอายของความรู้สึกแปลกๆ อีกทั้งทีมของเราก็ไม่เคยสอบสวนผู้ต้องหาในขณะที่มีคนนอกมาร่วมฟังคำรับสารภาพของผู้ต้องหาด้วย

                    ฉันหันไปจ้องมองหน้านายนาวี เขาเองก็กำลังจ้องมองมาที่ฉันด้วยนัยน์ตาที่เรียบนิ่ง เพื่อเป็นสัญญาณบอกกับฉันให้รู้ว่า เขาพร้อมที่จะรับฟังคำสภาพของจำเลยตรงหน้าเช่นกัน

                     “คุณตำรวจครับ ผมเองครับ ผมเป็นคนฆ่าเธอ” นายศักดิ์ชัย ยังคงพูดแต่คำเดิมซ้ำๆ 

                     “คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ มีใครบังคับให้คุณมามอบตัวหรือเปล่า” ฉันพยายามพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงใจเย็น เพราะคนตรงหน้าไม่มีท่าทีที่จะขัดขืนการทำงานของเรา ฉันจึงทำได้แค่เพียงถาม เพื่อให้เขาค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

                     “ฮื้อ คุณตำรวจ ช่วยผมด้วยเถอะนะ ผมฆ่าเธอ ผมฆ่าเธอเอง” เขายังคำละล่ำละลัก พูดคำเดิมซ้ำๆ จนแทบจับใจความไม่ได้

                     “งั้นคุณช่วยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เราได้ไหม”

                    ฉันจ้องมองไปยังนัยน์ตาหวาดกลัวของเขา นายศักดิ์ชัยพยายามหลบตาฉันด้วยการก้มหน้านิ่ง หายใจหอบถี่ ก้มมองมือของตนที่ถูกพันธนาการ ด้วยกุญแจมือ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉันอย่างเชื่องช้า

                     “ชะ..เช้าวันนั้น มีสายหนึ่งโทรหาผม บอกว่ามีงานให้ผมทำ เขานัดผมไปเจอที่ตึกร้างนั่น” เขาพยายามที่จะเรียบเรียงเรื่องราวอย่างยากลำบาก เพราะเขายังคงมีความหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา “ผะ..ผมไปตามนัด ก่อนจะคุยเรื่องรายละเอียดงาน พะ..พวกเขาแค่ชวนผมนั่งดื่มเหล้า ก่อนจะเอารูปของกานดาให้ผมดู แล้วพวกเขาก็บอกให้ผมฆ่าเธอ ฮือ.. ผมร้อนเงิน พวกเขาเสนอเงินให้ผมเยอะมาก ถ้าผมฆ่าเธอ ผมร้อนเงิน ผมเลยจำเป็นต้องทำ ฮื้อ แม่ผมป่วย ต้องการรักษา ผมต้องเอาเงินก้อนนั้นมารักษาแม่ของผม ฮือ ผมผิดไปแล้ว” 

                    พวกเขางั้นเหรอ นายศักดิ์ชัยคือผู้ถูกจ้างวานให้ฆ่าคุณกานดางั้นเหรอ..

                     “แล้วทำไมคุณถึงต้องเขียนอักขระอะไรพวกนั้นด้วย?” ฉันยังคงถามต่อ

                   “ไม่นะ ผมไม่ได้เขียน ผมไม่ได้ทำ ผมไม่รู้ว่าตัวหนังสือบ้าๆ พวกนั้นมันมาได้ยังไง ไม่ใช่ฝีมือผมนะ” เขารีบปฏิเสธเสียงแข็ง

                     “ทำไมคุณกานดาถึงยอมมากับคุณ หรือคุณลักพาตัวเธอมา?” ฉันยังคงซักถามเขาต่อ อย่างไม่ละความตั้งใจ

                     “มีคนพาเธอมาที่ตึกร้างนั่น” 

                     “ใคร? ใครเป็นคนพาคุณกานดามาหาคุณ?”

                     “พวกมันมากันสามคน .. ฮึก.. อึก .. โฮ้กก!!!” 

                     “เห้ย!! คุณ!! พี่ไท พี่อ้น ช่วยด้วย!!” อยู่ๆ นายศักดิ์ชัยก็มีอาการตาเหลือก ร่างกายของเขาสั่น และกระตุกอย่างรุนแรง บริเวณปาก และจมูกของเขา มีเลือดไหลออกมา พร้อมทั้งมีอาการน้ำลายฟูมปาก 

                     “เรียกรถพยาบาลด่วน ผู้ต้องหามีอาการช็อก และชีพจรอ่อนแรง” ฉันรีบส่งสัญญาณวิทยุสื่อสารแจ้งให้กับเพื่อนร่วมงานช่วยตามรถพยาบาลโดยด่วน

                     “คุณถอยออกมานี่” นายนาวีกล่าว ระหว่างที่ฉันกำลังตระหนกกับสิ่งที่เกินขึ้นตรงหน้า นายนาวีคว้าข้อมือของฉันจนสุดแรง ก่อนจะดึงฉันให้มาหลบอยู่ด้านหลังของเขา 

                     “คุณจะทำอะไร?” ฉันถาม 

                    เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อของเขา ก่อนจะถอยสร้อยคอของเขาออกมา แล้วรีบสวมให้กับร่างของนายศักดิ์ชัยที่ยังคงกระตุกอยู่กับฟื้น

                     “เฮ้ย คุณถอยออกไปเลยนะ อย่ามายุ่งกับการทำงานของเจ้าหน้าที่!!” จ่าอ้นตวาดนายนาวีสุดเสียง พร้อมกับปัดมือเขาที่มือของนายนาวีออกจากบริเวณร่างกายของนายศักดิ์ชัย

                     “ผมแค่จะใส่พระให้เขา ก็แค่นั้น” นายนาวีโต้เถียงกลับ

                     “ปล่อยเขาเถอะพี่” ฉันที่ยืนดูสถานการณ์ รีบกล่าวออกไปเพื่อระงับเหตุตรงหน้าทันทีก่อนที่พวกเขาจะทะเลาะกันไปมากกว่านี้

                     “หมวด!!! นายศักดิ์ชัยหมดสติไปแล้วครับ!” จ่าไทบอกฉันด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

                    หลังจากที่นายศักดิ์ชัยหมดสติ ไม่นานรถพยาบาลก็เดินทางมารับตัวเขาและนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ฉัน จ่าไท จ่าอ้น รวมถึงนายนาวี รีบตามรถพยาบาลมายังโรงพยาบาล 

                     “ผมขอคุยกับญาติคนไข้หน่อยครับ” เสียงของคุณหมอดังขึ้น ท่ามกลางพวกเราทั้งหมดที่นั่งรอฟังผลอยู่บริเวณเก้าอี้ที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมเอาไว้ให้

                     “ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ค่ะ เขาหมดสติในห้องสอบสวน ขณะที่เรากำลังสอบสวนเขาอยู่” ฉันรีบแจ้งกับหมอ

                     “ทางเราตรวจร่างกายของเขาอย่างละเอียด แต่ไม่พบความผิดปกติอะไรเลย เบื้องต้นหมอสันนิษฐานว่าอาการของเขาอาจจะเกิดจากความเครียดอย่างรุนแรง และพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ผมไม่เข้าใจว่าร่างกายของเขาเป็นปกติทุกอย่าง แต่ทำไมเขาถึงไม่ฟื้นขึ้นมา” หมอเริ่มจะเล่าอาการของนายศักดิ์ชัย ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

                     “ฮึ” นายนาวีหัวเราะเบาๆ ขึ้นมาในลำคอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ยังมีอารมณ์หัวเราะได้อย่างไรกัน

                     “ทางเราอาจจะต้องดูอาการของเขาสักพักนะครับ” หมอแจ้งให้พวกเราทุกคนทราบ ก่อนจะเดินจากไป

                     “ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้นคุณนาวี?” หลังจากที่หมอที่ตรวจอาการของนายศักดิ์ชัยเดินจากไป ฉันไม่รอช้ารีบหันมาสอบถาม นายนาวีเนื่องจากเขามีท่าทีกวนประสาทตรวจเวลาที่หมอมาแจ้งอาการ

                     “ตรวจยังไงก็เจอหรอกหมวด ศักดิ์ชัยอะไรนั่น มันโดน ยาสั่ง” เขากล่าว

                     “ยาสั่งบ้าอะไรของคุณวะ” จ่าไท โผงขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินนายนาวีพูดออกมาแบบนั้น และนั่นก็คือสิ่งที่ฉันสงสัยเช่นกัน 

                     “คุณเชื่อผมหรือยังหมวดปานจันทร์ ว่าไม่นานจะมีคนมามอบตัวกับคุณ” เขาไม่สนใจเสียงของจ่าไท แต่กลับหันมาจ้องมองฉัน และถามฉันออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

                    หลังจากที่นายนาวีถามฉันขึ้นมาแบบนั้น มันทำให้ฉันนึกย้อนถึงสิ่งที่หมอมั่นได้บอกกับฉันเอาไว้ว่า ไม่นานจะมีคนมามอบตัว นั่นยิ่งทำให้ฉันสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้นไปอีก 

                    นายนาวีอาจจะจัดเตรียมการทุกอย่างเอาไว้แล้วก็ได้..

                     “มีใครบางคนที่พยายามจะฆ่าปิดปากเขา” นายนาวีพูดต่อ

                     “อะไรของแกวะ!” จ่าอ้นที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่นาย ตะคอกนายนาวีขึ้นมาด้วยอาการหัวเสีย

                     “ให้เขาพูดเถอะพี่” ฉันปราม

                     “ชิ!” จ่าอ้นถอยกลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะละสายตาออกไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้านายนาวีสินะ ฉันเข้าใจดี เพราะก่อนหน้านี้ฉันก็มีอาการแบบนี้แหละ

                     “ยาสั่ง มันคือคุณไสยแขนงหนึ่ง ที่คนที่โดนทำใส่จะไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดน ระยะแรกก็ปกติเหมือนไม่มีอะไร ไอ้คุณไสยประเภทนี้ จะทำใส่เลยก็ได้ หรือจะผ่านการกินเข้าไปก็ได้ เหมือนเป็นการสาปแช่งคนคนนั้นเอาไว้ว่าถ้าหากต้องการเปิดเผยความลับ จะมีอันเป็นไปทันที” นายนาวีเริ่มอธิบายต่อ 

                     “กินเข้าไปงั้นเหรอ?” ฉันถามย้ำ

“คนที่จ้างวานฆ่ากานดา ได้ทำพิธีสาปแช่งนายศักดิ์ชัยเอาไว้โดยที่เขาไม่รู้ตัว พอเขาจะเปิดปากสารภาพกับหมวด ยาสั่งนั่นก็ทำงานทันที” นายนาวียังคงเล่าต่อโดยที่มี ฉัน จ่าไท และจ่าอ้นที่รอฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อ

                     “แล้วไอ้ยาสั่งนี่มันเอาอะไรทำวะ!” จ่าอ้นสบถอยู่เพียงลำพัง แต่ด้วยความเงียบสงบ จึงทำให้เราทุกคนได้ยินคำสบถนั้นอย่างชัดเจน

                     “ว่ากันว่า บางที่ก็ใช้สัตว์มีพิษ บางที่ก็ใช่สมุนไพรที่ออกให้โทษกับร่างกายหลายๆอย่างมาทำพิธีปลุกเสกแล้วสกัดออกมาเป็นยาสั่ง แล้วก็เอาไปโรย หรือผสมอาหารให้คนที่ตั้งใจจะทำใส่กินเข้าไป หลังจากนั้นคนที่ทำพิธีก็จะสามารถควบคุมพวกเขาได้แล้ว” นายนาวีเล่าต่อ

                     “เหล้า นายศักดิ์ชัยบอกว่า พวกนั้นชวนเขากินเหล้า” จ่าไทพูดขึ้น

                     “ใช่ ผมก็คิดว่าเหล้าขวดนั้นมีส่วนผสมของยาสั่ง” นายนาวีกล่าว

                     “แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน หมอก็บอกอยู่ว่าตรวจร่างกายแล้วไม่เจอสิ่งผิดปกติ ถ้าเขาโดนพิษจริงก็ต้องตรวจเจอสิ” ฉันโต้แย้งขึ้น พูดตามหลักความเป็นจริง ที่เราทั้งหมดเพิ่งจะได้รับข้อมูลมาจากแพทย์ที่ดูแลนายศักดิ์ชัย

                     “เพราะมันคือยาสั่งไงผู้หมวด มันคือไสยศาสตร์ มันมีอะไรมากกว่าที่วิทยาศาสตร์จะให้คำตอบได้” นายนาวีกล่าว

                     “แล้วพวกฉันต้องทำยังไงต่อ ถ้าเป็นเรื่องไสยศาสตร์นำเขียนรายงานส่งนายไม่ได้หรอกนะ” จ่าไทพูดขึ้นมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์

                     “พูดแบบนี้แสดงว่าทุกคนเชื่อผมแล้วใช่ไหม ว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น” นายนาวีมองมาที่พวกเราทั้งหมด และถามขึ้น

                     “เอาเป็นว่าพวกเราจะรับฟังสิ่งที่คุณบอก แต่จะยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ คุณน่าจะเข้าใจนะว่ามันเหลือเชื่อเกินไป” ฉันกล่าว

                     “ไม่เป็นไรคุณตำรวจ พวกคุณไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่คุณควรจะรู้ไว้ ต่อจากนี้ มันจะมีคนตายเพิ่มขึ้น พวกคุณต้องทำงานอย่างหนัก เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” 

 

_________________________________

 

Writer Talk : ไรเตอร์ยังคงขอขอบคุณทุกคนอย่างใจจริงนะคะ ติ ชม ให้กำลังใจไรเตอร์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ 

คัมรีน.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา