THE MYSTERY OF YOU : สืบรักนักล่าผี
เขียนโดย คัมรีน
วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.39 น.
แก้ไขเมื่อ 24 มกราคม พ.ศ. 2565 14.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Chapter 1 : สืบสาว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ#1 : สืบสาว
‘รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 25-30 ปีเสียชีวิตด้วยการขาดอากาศหายใจ จากก๊าซพิษ ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพานิชย์ สูงสามชั้น ภายในถูกขีดเขียนด้วยอักขระจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าฆาตกรอาจนับถือลัทธินอกรีตหรืออาจจะมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งพยายามลอกเลียนการฆาตกรรมผู้อื่นเพื่อบูชายัญจากสื่อต่างๆ’
“ข้อมูลเบื้องต้นผู้ตายเป็นพนักงานที่บาร์ชื่อดังแถวๆทองหล่อครับหมวด”
สิ้นเสียงรายงานสถานการณ์สดจากนักข่าวในสถานีโทรทัศน์ ‘จ่าไท’ เพื่อนร่วมงานของฉันรายงานข้อมูลเบื้องต้นให้ฉันรู้เกี่ยวกับประวัติคร่าวๆของหญิงสาวรายหนึ่ง ที่เพิ่งถูกพบกลายเป็นศพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้
“คุณคิดยังไงกับข่าวนี้ หมวดจันทร์?”
สิ้นเสียงเอ่ยถาม นายตำรวจทุกนายรวมถึงฉัน ลุกจากเก้าอี้เพื่อยืนทำความเคารพให้กับผู้บังคับบัญชาโดยพร้อมเพรียง
สีหน้าดูเป็นกังวลของผู้บังคับบัญชาบ่งบอกว่าสถานการณ์ภายในสถานีตำรวจแห่งนี้ไม่สู้ดีนัก
“ในข่าวแจ้งว่า มีอักขระแปลกๆอยู่จำนวนมากฉันคิดว่าฆาตกรอาจจะมีปัญหาทางจิตนะคะสารวัตร” ฉันรายงาน ‘สารวัตรทัตเทพ’ หรือที่พวกเราเรียกว่า สารวัตรทัต ออกไปอย่างที่ควรจะเป็น จากรูปคดีที่ฉันได้รับข้อมูล ยอมรับว่ามันอาจจะหลีกเลี่ยงเรื่องราวเหนือธรรมชาติได้ยาก แต่นั่นก็จะเป็นความคิดเห็นสุดท้ายที่ฉันนึกถึง เพราะเรื่องราวเหล่านั้นมันเป็นเพียงเรื่องหลอกเด็กก็เท่านั้นเอง
ทุกคนที่นี่รู้ดีว่าฉันเกลียดเรื่องราวเกี่ยวกับของต่ำพวกนั้นมากขนาดไหน ฉันมักจะพูดเสมอว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากความเชื่อของมนุษย์เราเพื่อยึดเหนี่ยว หรือ หลอกลวงตัวเองก็เท่านั้น ฆาตกรมักจะสร้างเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ สร้างสถานการณ์ต่างๆให้ตัวเองดูน่าค้นหา แต่สุดท้ายแล้ว ฆาตกร เพียงแค่ต้องการสังหารเหยื่อ เพราะความเลวทรามของตนเองเท่านั้นแหละ
“เอาเป็นว่าผมฝากด้วยแล้วกัน นี่ไม่ใช่คดีแรกที่มีเรื่องราวแบบนี้ นี่ศพที่สามแล้วที่เราติดตามข่าวนี้กันมา ผู้กำกับต้องการให้ทีมของเราดำเนินการเรื่องนี้ต่อ จากทีมเดิม” สารวัตรทัตเอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พร้อมมองมายังทีมของพวกเราอย่างมีความหวัง
“ทำไมทีมเก่าถึงไม่ได้ทำต่อแล้วล่ะครับ” จ่าอ้น หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของฉันที่มีนิสัยโผงผาง เอ่ยถามสารวัตรทัตขึ้นทันควัน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนคงอยากจะรู้เหมือนกัน
“ผมไม่รู้ ผู้ใหญ่ไม่ได้บอกอะไรผมนอกจากให้ทีมของเราทำงานนี้ต่อ ฝากด้วยนะทุกคน” หลังสารวัตรพูดจบ เขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานพร้อมกับซองเอกสารในมือ ซึ่งนั่นก็คงจะเป็นหนังสือคำสั่งการของผู้บังคับบัญชาของพวกเรานั่นแหละ แต่ให้ตายสิ เขาบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องว่าทำไมทีมเก่าถึงไม่ได้ทำเรื่องนี้ต่อ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่รู้ ฉันคิดว่าเขาแค่ต้องการปิดบังอะไรบางอย่างไว้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นตำรวจใต้บังคับบัญชา ฉันไม่มีสิทธิซักไซ้อะไรอยู่แล้ว
ฉันไม่ชอบคดีแบบนี้เลย ฉันไม่อยากสืบค้น หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการตายแปลกประหลาดแบบนี้ แต่ในเมื่อมันคือหน้าที่ที่ตำรวจอย่างฉันควรทำ ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธหรือละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่นี้ได้เลย
“พี่ไท พี่หาข้อมูลให้จันทร์ที บาร์ที่ผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่คือที่ไหน แล้วมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับบาร์นี้บ้าง” ฉันหันไปบอกกับพี่ไท หรือจ่าไท ทีมงานคุณภาพของฉัน
“ครับหมวด” จ่าไทตอบ
“หมวดฮะ ผมว่านะไอ้ฆาตกรโรคจิตนี่ มันต้องบูชาลัทธิอะไรอยู่แน่ๆ ดูจากตัวอักขระแปลกๆพวกนั้นสิ มันตั้งใจจะบูชาอะไรสักอย่างชัดๆ” จ่าอ้นโผงขึ้นมา และก็นั่นแหละ ฉันรู้อยู่แก่ใจว่ารูปแบบการตายของเหยื่อนั้น บ่งบอกได้ชัดเจนแค่ไหนว่าฆาตกรต้องการจะทำอะไร แต่อย่างไรก็ตาม ฉันไม่อยากปักใจเชื่อว่าฆาตกรต้องการบูชายัญ หรือทำพิธีกรรมอะไร เพราะอาจจะทำให้รูปคดีของเราเสียหายก็ได้หากเราให้ความสนใจกับเรื่องไสยศาสตร์ มนตร์ดำอะไรก็ตามแต่
“หมวดครับ ผมเจอข้อมูลเบื้องต้นของผู้ตายแล้วครับ เธอชื่อกานดา เธอทำงานอยู่ที่บาร์ NAVI CLUB เจ้าของบาร์คือนายนาวี นาวาสิงขร เจ้าพ่อธุรกิจรายใหญ่ของบ้านเราเลยนะครับเนี่ย” จ่าไทรายงานข้อมูลเบื้องต้นให้ฉัน
“จ่ารวบรวมข้อมูลของนายนาวี มาให้ได้มากที่สุดนะ ฉันว่าเขาอาจจะเป็นฐานข้อมูลสำคัญของเราเลยหล่ะ”
20.00 น.
“กลับมาแล้วค่า..” ฉันส่งเสียง พรางเปิดประตูบ้าน พร้อมกับฉีกยิ้มหวานส่งให้กับสมาชิกภายในครอบครัวของฉัน
“กลับมาแล้วเหรอลูก อาหารเสร็จพอดีเลยมาทานข้าวกันจ่ะ ตะวัน พ่อจ๋าอาหารพร้อมแล้ว” แม่ของฉันส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน พร้อมกับวางอาหารที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะอาหาร สิ้นเสียงของแม่ พ่อ และน้องสาวของฉันก็เดินมาที่โต๊ะอาหารของครอบครัวเราด้วยรอยยิ้ม
ครอบครัวของฉันคือเซฟโซนที่ดีที่สุด ฉันเหน็ดเหนื่อยมากกับงานในแต่ละวัน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฉันอยากจะทิ้งทุกอย่างเอาไว้นอกบ้าน และใช้เวลากับครอบครัวอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้
เอาหล่ะ ถึงเวลาที่ฉันต้องแนะนำตัวอย่างเป็นทางการแล้วสินะ ฉัน ร้อยตำรวจโทหญิง ปานจันทร์ พงไพรรักษ์ หรือที่ทุกคนเรียกกันสั้นๆว่า ‘หมวดจันทร์’ ฉันเป็นตำรวจสาว ประจำการอยู่ที่ สน. แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครฯเนี่ยแหละ
ฉันเข้ามารับราชการตำรวจ และปฏิบัติหน้าที่ของฉันอย่างดีมาโดยตลอด ไม่เคยขาดตกบกพร่องหรือละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่เลย การทำงานของฉันในแต่ละวัน มันแตกต่างกันออกไป บางวันก็ไปบุกจับกลุ่มวัยรุ่นค้ายาเสพติด จากรุ่นเล็กไปจนรุ่นใหญ่ บางวันก็ไปจับกุมกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเจ้าของสินค้าลอกเลียนลิขสิทธิ์ หรือแม้แต่กลุ่มชาวต่างชาติที่ลักลอบอยู่ในประเทศของเราโดยไม่มีวีซ่า หรือที่เรียกๆกันว่า Over stay ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของฉันที่ต้องตามจับกุม มันสร้างความตื่นเต้นให้ชีวิตของฉันมาก และเนื่องจากฉันปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี จึงได้ถูกผู้ใหญ่เล็งเห็นแววว่าฉันสามารถทำงานที่ใหญ่ขึ้นได้ ฉันจึงถูกย้ายมาอยู่ในชุดปฏิบัติการของ สารวัตรทัตเทพ จ่าไท และ จ่าอ้น ซึ่งเป็นชุดทีมปฏิบัติงานเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา และใช่เลย ฉันเพิ่งย้ายมาประจำการได้ไม่นานก็ต้องรับคำสั่งให้ทำคดีฆาตกรรมหญิงสาวที่ ทีมงานของฉันเชื่อว่า ฆาตรกรต้องการฆ่าเหยื่อเพื่อบูชายัญอะไรนั่น
“พี่จันทร์เป็นอะไรไหม ทำไมวันนี้ดูซึมจัง งานเยอะเหรอพี่” ปานตะวัน น้องสาวคนเล็กของบ้านเรา เอ่ยถามฉัน
“พี่เหนื่อยนิดหน่อยหน่ะ งานยุ่งๆ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มให้ตะวันไป
“งั้นก็ทานข้าวเยอะๆน้า แล้วอย่านอนดึก นอนพักผ่อนให้เยอะๆ ทานอาหารให้ตรงเวลา ดื่มน้ำผลไม้บ้างก็ดีนะพี่จะได้สดชื่นไง” เสียงใสๆของ ปานตะวัน พยาบาลสาวสวยคนเก่งประจำบ้านพูดกับฉันพร้อมรอยยิ้มสดใสที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
จริงๆแล้วฉันเป็นลูกสาวคนกลางของพ่อกับแม่ ฉันมีพี่ชายคนโตเป็นนักบินหนุ่มหล่อไฟแรงชื่อ ‘ระฟ้า’ หรือที่เราเรียกกันในครอบครัวว่า พี่ฟ้า เราสามคนพี่น้อง เป็นพี่น้องที่รัก และสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเราเติบโตขึ้น ต่างต้องแยกย้ายกันไปทำงาน จึงทำให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันโดยพร้อมหน้าพร้อมตาน้อยลง และเนื่องจากพี่ฟ้าเป็นนักบิน จึงต้องเดินทางไปรอบโลก ฉัน และ ปานตะวัน น้องสาวของฉันจึงมีหน้าที่ดูแลครอบครัวของเราให้ดีที่สุด
หลังจากที่ทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ เราทุกคนต่างแยกย้ายกลับห้องของตนเอง และเมื่อช่วงเวลาอันเงียบสงบมาถึง ไฟอันร้อนแรงของการทำงานมันก็ลุกโชนขึ้นในจิตใจของฉันทันที เกิดอยากจะมาขยันทำงานอะไรก็ตอนนี้ก็ไม่รู้ แทนที่จะเอาเวลาไปพักผ่อน แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิด ฉันเปิดคอมพิวเตอร์แล็ปท๊อปของฉันทันทีหลังจากที่ความคิดนั้นสิ้นสุดลง
Search : NAVI CLUB
ฉันเสริชหาข้อมูลเกี่ยวกับ NAVI CLUB ไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่พบเห็นความผิดปกติอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นคอมเมนท์รีวิวสถานบันเทิง รีวิวอาหารเครื่องดื่มอะไรทำนองนั้นมากกว่า ในรีวิวก็ต่างว่ากันว่า การตกแต่งของบาร์ NAVI CLUB นั้นแตกต่างจากที่อื่น และเป็นสถานที่ยอดนิยมของวัยรุ่นที่มักจะไปถ่ายรูปเช็คอินอีกด้วย
#เจ้าของหล่อบอกต่อด้วย #NAVICLUB #หล่อแต่แปลก
ฉันเลื่อนหาข้อมูลจนมาสะดุดตาเข้ากับแฮชแท๊กของชาวโซเชียล ‘หล่อแต่แปลก’ ฉันกดเข้าไปดูแฮชแท๊กนั้นทันที ด้วยความสงสัยว่าอะไรกันที่ว่าแปลก
‘วันนี้ฉันไปที่นาวีคลับมา ฉันเจอคุณนาวีกำลังยืนเหม่อคนเดียวแล้วยิ้ม ขนลุกเป็นบ้าเลย #หล่อแต่แปลก’
‘ฉันเห็นเขาพูดอะไรไม่รู้กับแก้วคอกเทล ก่อนจะส่งให้ผู้หญิงในร้านด้วย #นาวี #หล่อแต่แปลก’
‘เขาหล่อมาก ฉันอยากได้ #หล่อแต่แปลก’
‘ฉันเคยเดทกับเขา ฉันว่าเขาก็ปกตินะ พวกหล่อนคิดมากไปหรือเปล่า #หล่อแต่แปลก’
อะไรเนี่ย .. ข้อความบนโลกอินเตอร์เน็ตพวกนี้ คือแฮชแท๊กที่พูดถึงชายหนุ่มเจ้าของบาร์ที่ว่าฉันกำลังให้ความสนใจในตัวเขาอยู่ ฉันไม่รอช้ารีบเสริชหารูปเขาของทันที
อืม ก็หน้าตาดีพอตัวนะ
มันมีบางอย่างที่น่าสนใจเกี่ยวกับนายคนนี้ แฮชแท๊กนั่นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาควรได้รับการรักษา เขาอาจจะมีปัญหาทางจิต และที่สำคัญฉันอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าเขาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของกานดา พนักงานในร้านของเขาก็ได้
มันต้องมีอะไรเชื่อมโยงกันแน่ๆ
____________________________________________
Writer Talk : ขอขอบคุณทุกคนจากใจ ในทุกกำลังใจไม่ว่าจะมีให้กันหรือไม่มีนะคะ ไรท์ไม่ขออะไรมากเลย นอกจากคำติ ชม หรือแนะนำจากทุกคน เพื่อพัฒนาและแก้ไขจุดที่บกพร่อง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะคะ
คัมรีน.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ