เธอ(YOU)
เขียนโดย ยาพิษหมื่นจอก
วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 19.24 น.
แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565 12.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Remember Me
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
Remember Me
อากาศสดใสที่มาพร้อมกับความเย็นสบายในยามรุ่งอรุณของวัน
ภายในบ้านเดี่ยวสองชั้นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของเนยโดยเฉพาะบริเวณครัว ร่างหนึ่งกำลังทำอาหารเช้าอย่างขะมักเขม้นคล่องแคล่ว
“คุณเจน วันนี้ไม่ได้ทานมื้อเช้าด้วยนะครับ เจษต้องรีบเอากล้องไปให้ทีม พอดีมีน้องจะออกต่างจังหวัด” เจษลินทร์เดินเอาหัวมาซุกไหล่พร้อมกอดผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกหลวมๆ มือขาวเรียวหยิบขนมปังมัฟฟินหอมๆที่ปิ้งไว้เข้าปากก่อนจะเดินไปใส่รองเท้าเตรียมออกจากบ้าน
“อ้อ! วันนี้เจษกลับดึกนะ ไม่ต้องรอทานข้าวนะครับ”
“จ้า ขับรถดีๆนะ อย่าลืมหาอะไรทานด้วยนะ”
“ครับคนสวย ไปแล้วนะคร้าบบ” เจษลินทร์เอ่ยอีกครั้งแล้วขึ้นรถขับออกไป
ไม่กี่อึดใจต่อมา เจนจิราได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งลงบันไดมา
“อ้าว นี่ก็จะไม่กินข้าวอีกคนเหรอเราน่ะ”
“วันนี้จันทร์ต้องไปแถวปริมณฑลครับคุณเจน อ้อ คงกลับดึกนะครับ ไม่ต้องรอจันทร์นะ” จิรากรเอ่ย พลางเอาหัวซุกไหล่มารดา หยิบขนมปังปิ้งเข้าปาก แล้วเดินไปใส่รองเท้าหน้าประตูบ้าน
เจนจิราส่ายหัวให้กับลูกชายฝาแฝดเทียม
ของเธอที่มักจะทำอะไรเหมือนๆกัน“อย่าลืมหาอะไรรองท้องด้วยนะ เราอ่ะมักจะลืมอยู่เรื่อย”
“ครับ”
“อ้าว จันทร์วันนี้ไปแต่เช้าเหรอ” ชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านเอ่ยถาม
“ครับลุงศิน มีงานที่ปริมณฑลแล้วก็คงกลับดึกด้วย ยังไงฝากแม่ด้วยนะครับ”
“ได้ๆไม่ต้องห่วง เราก็ขับรถดีๆล่ะ”
“ครับ” ว่าจบจิรากรก็เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปอีกคน
“เด็กๆนี่ไฟแรงกันจริงๆเลยเนอะ” วศินเอ่ยกับเจนจิราขณะนั่งทานมื้อเช้าด้วยกัน
“ถ้าได้ทำในสิ่งที่ชอบก็แบบนี้ ทุ่มกันสุดตัวเชียว ห่วงก็แต่จะพากันโหมงานหนักเกินไปเนี่ยแหละ”
“เด็กๆยี่สิบเจ็ดแล้วหน่าเขาดูแลตัวเองได้ ว่าแต่ที่ร้านเจนวุ่นรึเปล่าช่วง นี้ผมไม่ค่อยได้ไปที่ร้านเลย”
“ที่ร้านก็ไม่มีอะไรมากหรอก ลูกค้าก็ปกติ ช่วงนี้เจนกำลังลองทำขนมสูตรใหม่ ศินต้องมาเป็นหนูทดลองให้แล้วนะ”
“เจนก็รู้ว่าผมไม่กินของหวานๆ”
“รู้จ่ะรู้ แต่เมนูนี้รับรองศินกินได้แน่ นี่คิดมาเพื่อคนที่ไม่ชอบกินของหวานโดยเฉพาะ” เจนจิราเอ่ยก่อนจะยกชาขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
วศินมองดูหญิงวัยกลางคนตรงหน้า หน้าตาของเธอไม่ได้คล้อยตามอายุเอาซะเลย เพราะเจนจิราเป็นคนที่รักสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ และรู้จักแต่งตัว ทำให้เธอดูอ่อนกว่าวัยและสดใสอยู่เสมอ
เจนจิราและวศินเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมหาลัย ความจริงแล้วที่วศินได้รู้จักเจนจิราเพราะเธอเป็นแฟนของปฐวีเพื่อนสนิทเขา(พ่อของเจษลินทร์และจิรากร)ที่เสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้ว
เขาและเจนจิราในวัยกลางคนเลยได้อยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลกันและกันมาจนบัดนี้
- ตกเย็นที่ XZ Studio -
“มาด้วยเหรอครับคุณปรานต์”
“ไม่มาได้ไงผมน่ะคิดถึงพี่จะตาย”
“คิดถึงหรือตามมาดูงานเอาดีๆ ไหนบอกจะไม่มาไง” เจษลินทร์เอ่ยกับเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ แต่ก็เป็นกระแสอย่างรวดเร็ว
ปรานต์ ปภังกร คนที่เป็นทั้งลูกค้าและรุ่นน้องคนสนิทตั้งแต่สมัยมหาลัยของเจษลินทร์
“คืองี้พี่ ความจริงนายแบบผมไม่ใช่คนนี้หรอก ไอ้คนนี้น่ะมันเป็นรุ่นน้องในวงเหล้าผม ผมรบเร้ามันตั้งหลายครั้งให้มาถ่ายแบบให้ แต่มันก็ปฏิเสธหัวชนฝาชนกำแพงมาตลอด แล้วอยู่ดีๆไม่รู้ว่าผีเข้าหรือผีออก น้องมันถึงเพิ่งเปลี่ยนใจเมื่อวานซืนนี่เองว่าจะยอมถ่ายแบบให้ ผมเลยต้องมาดูซะหน่อย” ปภังกรอธิบาย
เจษลินทร์พยักหน้าหงึกหงัก พลางมองไปที่นายแบบ
ชายหนุ่มผิวขาวจัด ส่วนสูงน่าจะ 185 เซ็นติเมตรเพราะคงเท่าๆกับเขาแหละ ต่างก็ที่หุ่นของนายแบบนั้นดูมีเนื้อหนังกลามเนื้อสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดูรวมๆแล้วก็ต้องยอมรับว่า
เลือกได้ดี
.
.
สองชั่วโมงให้หลัง เมื่อนายแบบคนโปรดทำงานเสร็จ ปภังกรตั้งใจแนะนำให้รุ่นน้องและรุ่นพี่ของเขาให้รู้จักกันแต่...
“พี่เจษนี่ปืน ปืนนี่พี่เจ-”
“สวัสดีครับคุณเจษลินทร์ วิทยวรคุณณ์ เรียกผมสั้นๆว่าปัณณวิชญ์ก็ได้ครับ”
ยังไม่ทันจบประโยคของปภังกรเจ้าคนเด็กสุดก็เอ่ยโพล่งขึ้นมาก่อน
เรียกสั้นๆว่าซ่านน มันสั้นกว่าคำว่าปืนตรงไหนฟระ?
“อ่า สวัสดีครับคุณปัณณวิชญ์ ไม่ยักรู้ว่าคุณรู้จักผมด้วย” เจษลินทร์ทำหน้าแปลกใจ
“ครับ คุณอาจจะไม่รู้ ผมเป็นแฟนคลับคุณน่ะครับ ช่วงหนึ่งปีมานี้คุณสุขสบายดีมั้ยครับ?” ปัณณวิชญ์ตอบกลับด้วยใบหน้าที่แสนจะเรียบเฉย
แต่เจษลินทร์กลับสัมผัสได้ถึงรังสีความไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมา แถมคำพูดคำจาแบบนั้นอีก
แฟนคลับก็หอสระเอี้ยแล้วครับ สายตาแบบนี้มันเอาไว้มองคนที่ไม่ชอบไม่ใช่รึไง?
ปภังกรรับรู้ได้ถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากลจึงรีบตัดบท เปลี่ยนมาคุยเรื่องที่ตกลงกับเจษลินทร์ก่อนหน้านี้
“เราไปกินข้าวกันดีกว่าเนอะน่าจะหิวกันแล้ว พี่เจษเลือกร้านได้เลยนะครับ นำทางโลดเดี๋ยวผมขับรถตาม” พูดพลางล้อคคอปัณณวิชญ์เดินไปขึ้นรถตัวเอง
.
.
“หวังว่าเราคงได้มีโอกาสเจอกันอีกนะครับ คุณเจษลินทร์”
ปัณณวิชญ์เอ่ยกับคนตัวสูงหุ่นเพรียวบางที่ดำรงตำแหน่งเจ้าของ XZ STUDIO หลังจากพวกเขาทานอาหารกันเสร็จแล้ว และกำลังจะแยกย้ายกัน
“ครับ”
เจษลินทร์ตอบกลับพร้อมส่งยิ้มธุรกิจที่แสนจะเฟคไปให้
เดือดร้อนปภังกรที่ต้องเข้าห้ามสงครามประสาทอีกครั้ง
“พี่เจษกลับดีๆนะ ไว้เจอกันครับ”
“อื้อ เราก็เหมือนกัน เดี๋ยวส่งงานไปให้ ไปนะ” เจษลินทร์ตอบแล้วเดินขึ้นรถไปโดยไม่หันไปมองคนเด็กสุดที่ยืนกอดอกเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเองมองเขาอยู่
ปัณณวิชญ์มองเจษลินทร์จนเขาขับรถออกไปพ้นสายตาจึงได้เดินมาขึ้นรถ
“นี่ รู้จักเขาเหรอ? ไม่เห็นเล่าให้ฟัง แล้วไปกวนประสาทเขาทำไมฮะ อย่าบอกนะว่าที่รับงานนี้เพราะเขาน่ะ?” ปภังกรเอ่ยถามแทบจะทันทีที่ปัณณวิชญ์ขึ้นรถ
ก็ตลอดมื้ออาหาร เจ้าเด็กนี่เอาแต่จ้องเจษลินทร์เขม็ง พอเขาถามก็บอกว่าไม่มีอะไร แต่ก็ยังมองอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน คล้ายจะเล่นสงครามประสาทกัน
“ก็อย่างที่บอก ผมเป็นแฟนคลับเขาไง” คนเด็กกว่าตอบด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ยี่หร่ะอะไร
“แฟนคลับบ้าบออะไร เขาเป็นเจ้าของสตูดิโอ ไม่ใช่ดารานักร้องที่ไหน บอกมาเลยนะคิดจะทำอะไรกันแน่ นี่ปืนอย่ามาทำเป็นหลับนะ กูรู้ว่ามึงได้ยิน ไอ้ปืน ไอ้ปืนโว้ย!” ประภังกรถึงกับต้องคว่ำปากกลอกตากับอาการกวนประสาทของรุ่นน้องตัวแสบ
เขาเจอเจ้าเด็กคนนี้เมื่อห้าปีก่อนในร้านเหล้าแห่งหนึ่งตอนไปก๊งเหล้ากับแก๊งค์เพื่อนตามประสา
ตอนนั้นเห็นปัณณวิชญ์นั่งกินเหล้าคนเดียว ท่าทางเมามากแต่ก็กระดกเหล้าไม่พักเลย ประหนึ่งตั้งใจจะดื่มให้ตายกันไปข้าง
ปภังกรเห็นว่าน่าสนใจดีเลยพนันกับเพื่อนว่าหมอนี่ต้องหงายหลังแน่นอน ถ้าผิดจากคำพูดเขาเนี่ย เขาจะยอมอาสาพาเจ้าเด็กกลับคอนโดด้วยเลย เพราะดูท่าแล้วไม่น่าจะกลับบ้านเองไหว
แต่ปรากฏว่าปัณณวิญ์ดันลุกขึ้นเดินได้เฉย ถึงจะมีเซหน่อยๆก็เถอะ เขาเลยจำต้องหิ้วเจ้าเด็กแปลกหน้าที่เมาแอ๋กลับบ้านด้วย
พอตื่นเช้ามาหมอนี่ก็ไม่ได้มีอาการตกใจอะไรสักนิด แถมยังทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา จำได้ว่าวันนั้นปัณณวิชญ์พูดกับปภังกรแค่ประโยคเดียว
“คืนนี้ขอค้างที่นี่อีกคืนนะ”
แล้วเจ้าตัวก็ค้างจริงๆ โดยไม่พูดไม่จากับปภังกรสักคำ หนักกว่านั้นคือเจ้าของห้องก็เอออ่อห่อหมกฮวกไปกับน้องมันด้วย
ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะได้สนิทกันมาถึงทุกวันนี้ ปัณณวิชญ์เป็นคนที่มีนิสัยกวนประสาทมาก ชอบเก๊กหน้านิ่ง บทจะพูดกะคือพูดจนลิงหลับ บทจะไม่พูดก็อย่าหวังว่าทั่นจะปริปากให้ดอกพิกุลร่วงเลย
ปภังกรเองก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าพวกเขาคบกันได้ยังไง
- Next Day -
ในขณะที่เจษลินทร์กำลังง่วนวุ่นวายกับงาน เสียงข้อความจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นรัวๆ จนเขาต้องละจากอย่างอื่น หยิบมือถือขึ้นมาดู
Unknown: สวัสดี
: สบายดีมั้ย?
: อยากรู้จริงๆ ว่าทุกๆคืนคุณนอนหลับสบายดีรึเปล่า?
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างไม่ตั้งใจ เจษลินทร์ไม่รู้ว่าเจ้าของข้อความเป็นใคร แต่ดูจากลักษณะของข้อความก็ไม่น่าตอบกลับเท่าไหร่ กอปรกับเขากำลังวุ่นเรื่องงานเลยไม่ได้สนใจข้อความนั้นนัก จึงกดล้อคมือถือแล้วหันมาทำงานของตัวเองต่อ
.
.
แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นเขาได้รับข้อความจากเบอร์นี้ทุกวันตลอดหนึ่งสัปดาห์
ข้อความที่ส่งมาก็ทำนองเดิมๆ ว่าอยู่สบายดีมั้ย กินข้าวอร่อยรึเปล่า นอนหลับฝันดีทุกวันหรือไม่ คำถามออกแนวประชดประชันเสียส่วนใหญ่
'สงสัยคงเป็นพวกโรคจิต'
คิดได้ดังนั้นเจษลินทร์จึงบล็อกเบอร์ไปโดยไม่ได้เสียเวลาตอบกลับแม้แต่ข้อความเดียว
•.★★★★★.•
T B C
*ฝาแฝดเทียม (Fraternal twins) เป็นฝาแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบ อาจจะมากกว่า 2 ใบก็ได้ โดยไข่แต่ละใบถูกปฏิสนธิจากอสุจิคนละตัว และด้วยเหตุนี้จึงทำให้แฝดที่ออกมาอาจจะเป็นคนละเพศ หน้าไม่เหมือนกัน สีผิว เส้นผม ก็อาจไม่เหมือนกันได้ด้วยเช่นกัน
สวัสดีค่าาารี้ดที่น่ารักทุกๆท่าน // ย่อไหว้เข่าจูบพื้น
ขออนุญาตแนะนำตัวนะคะ เราชื่อบิวเรียกสั้นๆว่าบิวบิวก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆคนนะคะ
วันนี้ได้โอกาสเปิดนิยายเรื่องแรกของเรา ตื่นเต้นม๊ากกก
ヽ ( ̄▽ ̄) ノ
เปิดมาตอนแรกก็แลดูมีเรื่องให้หาคำตอบกันซะแล้ว
บอกไว้กงนี้เรื่องนี้แนวออกฟีลกู้ดจ้า ดราม่าจี๊ดเดียว
เนื้อเรื่องอาจจะชวนสงสัยกันบ้าง
จะค่อยๆคลี่คลายไปเรื่อยๆงับ
หากผิดพลาดประการใด ไร้ท์ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยนะคะ
ติชมกันเข้ามาได้เสมอเลยน้า บิวอยากได้ฟีดแบคมากๆ
ฝากเรื่อง #เธอ(YOU) ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกท่านด้วยนะคะ // กราบเบญจางคประดิษฐ์งามๆค่า
Enjoy Reading
- Love -
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ