Trinity สงคราม 3 โลก
-
เขียนโดย Officeiiz
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.56 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
2,213 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2564 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) เอลฟ์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความให้มันสิ้นสุดที่นี่ แม้ว่าพวกเราจะต้องตายจากไป แต่สุดท้ายทุกคนที่รอดชีวิตในวันนี้จะจดจำพวกเรา เพื่ออนาคตอันสดใส
หากสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นคือ ประเพณี และวัฒนธรรม แล้วสงครามที่ไม่เคยจบสิ้น ควรเรียกว่าอะไร แม้ว่าปัจจุบันนี้สงครามจะไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อน แต่มันก็ส่งผลกระทบต่อเผ่าพันธุ์บางกลุ่มที่ยังไม่สามารถปรับตัวและรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้
ทุกวันนี้ โลก ได้เข้าสู่การแย่งชิงอำนาจที่ไม่มีวันสิ้นสุด แม้ว่าบางเผ่าพันธุ์จะใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อความอยู่รอดจากห่วงโซ่ครั้งนี้ แต่มันก็ไม่สามารถการันตีได้ว่า วันพรุ่งนี้ พวกเราจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้รึเปล่า
ณ สุดปลายขอบโลกแสนไกล “ นิฟฟิ่งไฮม์ ” ขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในขณะนี้ คือ เผ่าเอลฟ์…ว่ากันว่า เอลฟ์นั้นมีประสาทรับการได้ยินเร็วกว่าเผ่าไหน ๆ พวกเค้ามีความสามารถหลากหลาย ทั้งฉลาด และปราดเปรียวว่องไว แม้ว่าเอลฟ์นั้นจะมีวัฒนธรรมไม่ต่างจากเผ่าอื่น แต่ในสายตาเผ่ามนุษย์ และอีกมากมาย ทำให้เอลฟ์ถูกมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหย่อหยิ่ง และไม่สนใจใคร
“ ข้าว่า ในสงครามครั้งต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเราควรชะลอการโจมตีไว้ก่อนจะดีไหมขอรับฝ่าบาท ” เรเวนเกลคุกเข่าพร้อมเสนอคำแนะนำให้แก่ ราชวงศ์
เรเวนเกลเป็นแม่ทัพเอลฟ์ รูปร่างสูงยาว มีผมสีขาว ที่มีความฉลาดไม่แพ้ใครในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ใคร ๆ ก็ยกย่องให้กับเค้า ไม่ว่าจะเป็นด้านการรบ ความสามารถรอบด้าน เค้าล้วนแต่เป็นอันดับหนึ่งในเผ่าเอลฟ์ ไม่แปลกเลยที่พระราชาจะมอบชื่อเสียง เงินทอง และยศถาบรรดาศักดิ์ ให้กับเค้า
“ ทำไมล่ะ…ในเมื่อทุกอย่างที่เจ้าเตรียมพร้อมไว้ ก็ครบถ้วนแล้วไม่ใช่หรือ มันมีปัญหาอะไร ไหนเจ้าลองบอกข้ามาสิ ” พระราชาอัลฟ์เฮม์ถามกลับทันที
การบุกโจมตีในครั้งนี้ แม้ว่าเรเวนเกลจะเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว ทั้งเสบียง กำลังรบ และยุทธิวิถี แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างทำให้เรเวนเกลต้องยื่นชะลอการโจมตีครั้งนี้
“ เนื่องด้วยมานา ที่เหล่านักเวทย์ใช้เตรียมการเคลื่อนย้ายในครั้งไม่เพียงพอต่อการโยกย้ายกำลังพล ส่วนตัวข้าคิดไว้ว่า ถ้าเรามีการฝืนใช้เวทมนตร์ที่ไม่สมบูรณ์ อาจจะทำให้กองกำลังของเรามีการสูญเสียได้ขอรับ สืบเนื่องจากการใช้เวทย์เคลื่อนย้าย หากผู้ร่ายคาถามีมานาไม่เพียงพอ อาจจะทำให้ทหารของเราติดอยู่ในห้วงเวลาของมิติอื่นได้ขอรับ ”
(ที่เอล์ฟนั้นยึดครองอำนาจได้สูงที่สุดในโลกตอนนี้ ไม่ใช่เพราะศักยภาพของเผ่าพันธุ์ เท่านั้น แต่เป็นทางได้เปรียบทางการรบ…เวทมนตร์ เป็นสิ่งที่ยากจะต้านทาน มันเป็นพลังลึกลับของเผ่าพันธุ์ ว่ากันว่า เอลฟ์สามารถเรียกธาตุทั้ง 5 ได้ การโจมตีของเวทมนตร์ รุนแรงไม่แพ้ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ถึงแม้ว่าเวทมนตร์จะทรงอนุภาพขนาดไหน ทุกอย่างล้วนมีข้อเสีย)
(มานา เป็นพลังงานลึกลับในร่างกายเอล์ฟ ที่เอลฟ์ทุกคนล้วนมีมาตั้งแต่เกิด มันคล้าย ๆ กับความเหนื่อยล้า ยิ่งใช้มันมากเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งได้รับผลเสียมากเท่านั้น หากไม่ได้รับการฟื้นฟูที่อย่างถูกต้อง ใช้ว่าเอลฟ์ทุกคนมีมานาแล้วจะใช้เวทมนตร์ได้ มันต้องได้รับการศึกษา และการยอมรับจากธรรมชาติด้วย)
“ หยั่งงั้นหรอกรึ…จะว่าไป 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราไม่มีการหยุดพักเรื่องสงครามเลยนี่นะ ”
พระราชาอัลฟ์เฮมนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ทำให้พระราชวังนั้นเงียบผิดปกติ ผิดกันกับภายในใจของเรเวนเกล ตัวเค้าเองนั้นรู้ดีที่สุด แม้ว่าการโจมตีครั้งนี้ จะเตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างแล้ว แต่ระยะเวลาการเดินทางนั้นถี่เกินไป
ถึงจะเป็นแม่ทัพที่ดูน่าเกรงขาม แต่เรเวนเกลนั้นกลับมีจิตใจรักพวกพ้องเป็นอย่างยิ่ง เค้าได้แต่ภาวนาให้พระราชาเชื่อในคำแนะนำของเค้า เพราะถ้าพระราชาต้องการให้โจมตี เค้าก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของพระราชาอัลฟ์เฮมได้ นั้นก็เท่ากับว่า ในการรบครั้งนี้ อาจจะมีการสูญเสียมากกว่าครั้งไหน ๆ
“ ถ้าเจ้าจะมองว่าการโจมตีครั้งนี้ อาจจะมีการสูญเสียเนื่องจากเหตุผลนั้นล่ะก็…”
“ ข้าจะเชื่อคำแนะนำของเจ้า เราจะชะลอการโจมตีครั้งนี้ไว้ก่อน ”
ในที่สุดก็ได้คำตอบ พระราชาอัลฟ์เฮมยอมเชื่อคำแนะนำของราเวนเกล
“ ขอบพระทัยขอรับ ” เรเวนกล่าวขอบคุณ
“ ข้าเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหัวใจ เรื่องชื่อเสียงของเจ้าข้าก็พอได้ยินมาบ้าง ว่าเจ้านั้นถึงแม้จะเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ แต่ทุกครั้งที่ออกรบกลับมา เจ้ามักจะหมกมุ่นเกี่ยวกับพี่น้องที่ได้เสียชีวิตไป ข้าเข้าใจการสูญเสียดี ฉะนั้นจงอย่าได้โทษตัวเอง ทุกสิ่งอย่างต้องมีพรากจากกัน จงเงยหน้าขึ้นเถอะ ทหารเอ๋ย ยอมรับความเป็นจริง อดีตไม่อาจแก้ไขได้ แต่อนาคตเราสามารถสร้างขึ้นมาได้ ” พระราชาอัลฟ์เฮมกล่าวให้เรเวนเกลได้ฟัง
เรเวนเกลตัวสั่นเทา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพระราชาอัลฟ์เฮมมองเค้าได้ทะลุปรุโปร่ง หรือว่าตัวสั่นเพราะดีใจที่พระราชายอมเชื่อคำแนะนำของเค้า
เรเวนเกลเงยหน้าขึ้น พร้อมกับทำท่าเคารพพระราชาอัลฟ์เฮม แล้วหันหลังกลับ ค่อย ๆ เดินออกไปจากพระราชวังอย่างช้า โดยตลอดทางที่เดินผ่าน เหล่าทหารที่คอยอารักขาพระราชา ก็ทำความเคารพเรเวนเกลเช่นกัน
สิ้นสุดทางออกที่พระราชวัง เรเวนเกลเงยหน้ามองท้าฟ้าที่เป็นสีเขียวสลับกับสีฟ้า เค้าหลับตาลงแล้วได้แต่คิดว่า ทำไมโลกนี้ต้องมีสงคราม เพราะถ้าหากโลกนี้ไม่มีสงคราม พวกพี่น้องเค้าก็คงไม่จากไปแบบไม่มีวันกลับมาแบบนี้ ยืนคิดอยู่ไม่นานก็มีเสียงเรียกกระซิบอยู่
“ นี่ ๆ ไปเข้าเฝ้าพระราชามาเป็นยังไงบ้าง เรเวนเกล ”
เอลฟ์สาวตัวน้อย ผมสีทอง ยืนถามกระซิบอยู่ใกล้ ๆ ในขณะที่เรเวนเกลที่กำลังยืนคิดอะไรอยู่
เรเวนเกลได้ยินเสียงเรียกกระซิบ ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น พร้อมกับค่อย ๆ เดินลงบรรไดไป
“ ก็เป็นไปตามที่ใจของข้าต้องการล่ะนะ ”
เรเวนเกลเดินไปพลาง เล่าไประหว่างทางที่ลงบันได ทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนม และเรเวนเกลก็เล่าทุกอย่างให้เอลฟ์สาวคนนี้ฟัง รวมถึงความในใจทุกอย่างที่อยู่ในพระราชวังแห่งนั้น
ทั้งคู่เดินลงมาถึงเดินล่าง โดยใช้เวลาไม่นานนัก เอลฟ์สาวก็กล่าวชักชวนเรเวนเกล
“ งั้นวันนี้ พวกเราไม่ต้องไปสงครามใช่มั้ย ”
“ งั้นเราไปหาอะไรกินกันเถอะ !! เรเวนเกล…วันนี้ชั้นนะ จะต้องไปกินผลไม้สอดไส้ช็อกโกเลตให้ได้เลย”
เอลฟ์สาวชักชวนเรเวนเกลทันที หลังจากที่ได้ยินเรื่องเล่าจากในพระราชวัง
“ เลิกเขย่าตัวชั้นสักทีเถอะ ขอล่ะ…แล้วชั้นอยากจะรู้จริง ๆ ว่าในความคิดเธอนี่มีแต่เรื่องของกินหรือยังไงก็นะ เอเดล ”
เอเดล เป็นเอล์ฟในกองทัพของเรเวนเกล เธอเป็นเอลฟ์สาวที่ตัวเล็ก ผิดจากเอลฟ์สาวตนอื่น ๆ ที่ดูสูงยาว แม้จะตัวเล็กกว่าใคร แต่ความสามารถนั้นกลับไม่น้อยหน้าคนอื่นเลย เธอเชี่ยวชาญทั้งดาบ และ ธนู ทำให้เวลาออกรบนั้น เธอมักจะอยู่ไม่ห่างจากตัวแม่ทัพเรเวนเกลเท่าใดนัก
แม้ว่าเรเวนเกลจะไม่ชอบกินของหวานสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเค้าก็ยอมที่จะไปเป็นเพื่อนเอเดลทุกครั้ง
ตลาดใจกลางเมืองของนิฟฟิ่งไฮม์นั้นมีสินค้ามากมาย แม้ว่าจะเป็นเมืองของเอลฟ์ แต่ใช่ว่าสินค้าทุกชิ้นจะมาจากฝีมือเอลฟ์่ บางสิ่งบางอย่าง เอลฟ์นั้นก็ไม่สามารถที่จะสร้างเองได้ พันธมิตรจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการทำสงคราม มันจึงทำให้สินค้าบางประเภทนั้นก็มาจากนอกเมืองนิฟฟิ่งไฮม์
เรเวนเกลและเอเดลเดินตลาดอยู่พักใหญ่ เนื่องจากเอเดลนั้นเครื่องติด เดินสายชิมช้อปไปเรื่อย ด้านเรเวนเกลเองก็ไม่เอ่ยปริปากบ่นซักคำ ทั้งคู่เดินไปทั่วทั้งตลาด แล้วสุดท้ายก็หาที่นั่งพัก
“ วันนี้นะ ชั้นกินไปเยอะมาก ๆ เลยใช่ไหมเรเวนเกล ทั้งไอศครีม ผลไม้สอดไส้ ไหนจะสปาเก็ตตี้ราดซอสสตอเบอรี่ ท็อปปิ้งมะพร้าว และถั่ว ”
เอเดลสาธยายบรรดาเหล่าของกิน และขนมที่เธอได้กินมาระหว่างจนกระทั่งถึงที่นี่ ให้เรเวนเกลได้ฟัง ทั้งคู่ นั่งพักและคุยกันถึงเรื่องของกินในวันนี้ จนกระทั่ง…
“ แฮ่ก ๆ ๆ ๆ ”
เสียงหายใจหอบเหนื่อยมากแต่ไกล “ อยู่นี้นี่เองท่านแม่ทัพ…พระราชาอัลฟ์ไฮม์เรียกเข้าพบด่วนเลยครับ ”
ทหารในพระราชวังวิ่งมาตามหาเรเวนเกลไปทั่วทั้งตลาด สภาพอาการไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหนื่อยขนาดไหน
“ เข้าใจละ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ ” เรเวนเกลรับปากพร้อมไปรีบเดินทางไปพระราชวังทันที
“ ไว้เจอกันนะ เอเดล…”
เอเดลเงยหน้าไปมองเรเวนเกล ที่ดูท่าทางแล้วไม่สบายใจ ในใจเธอได้แต่คิดว่า อย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลยในวันนี้
“ อื้อ แล้วเจอกันนะ เรเวนเกล”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ