Pathenon โรงเรียนมนตราพาเธนอน
เขียนโดย OAZIS
วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.58 น.
แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2564 15.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) วันพักผ่อนของเด็กปี 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 11
วันพักผ่อนของเด็กปี 1
เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังออกมาอย่างต่อเนื่องจากบรรดาเด็กปี 1 แห่งโรงเรียนมนตราพาเธนอน ที่ขณะนี้กำลังพากันเล่นน้ำอย่างเมามันในลานตามประสงค์
เด็กเกือบทั้งรุ่นตอนนี้มาชุมนุมกันอยู่ที่ลานตามประสงค์โดยไม่ได้นัดหมาย ทุกคนอยู่ในชุดลำลองดูสบายตา พากันกระโดดเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
ลานตามประสงค์ในตอนนี้แปรสภาพเป็นน้ำตกสีเขียวมรกตสดใส มีแอ่งน้ำตกขนาดใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตาอยู่ตรงกลาง รอบข้างเต็มไปด้วยป่าไม้ ดอกไม้นานาพรรณและโขดหินเล็กใหญ่เรียงรายไปทั่วบริเวณ มีโขดหินสูงเทียมฟ้าที่เด็กๆ ต่างพากันปีนป่ายขึ้นไปบนยอดเพื่อกระโดดลงมา หลายคนพากันว่ายน้ำอย่างสนุกสนานในแอ่งน้ำตก บางคนก็ยืนเล่น ยืนหยอกล้อกันอยู่บริเวณที่ตื้นริมแอ่งน้ำ ในขณะที่บางคนก็จับกลุ่มนั่งกินขนม หรือไม่ก็นั่งคุยกันอยู่บนโขดหิน เช่นเดียวกับเอ็ดเวิร์ด แอลเลน่า และเดรโก
“แล้วสรุปเรื่องพ่อของนายจะเอายังไงต่อ” แอเลน่าเอ่ยถามขึ้น พลางสอดส่ายสายตาหานิโคล ที่ก่อนหน้านี้วิ่งลงไปสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็วโดยไม่รอใคร ดูท่าทางเด็กหนุ่มคงทนไม่ไหวที่จะได้เล่นน้ำในวันนี้
“ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” เอ็ดเวิร์ดตอบด้วยท่าทางซังกะตาย พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนด้วยความเบื่อหน่าย
“ทำไมนายไม่ลองคุยกับครูใหญ่เอไลจาห์ดูล่ะ เผื่อเขาจะช่วยอะไรได้” แอเลน่าเสนอ “อย่างน้อยเขาก็พานายออกไปเจอแม่ได้นะ”
“เรื่องช่วยน่ะ เขาช่วยได้แน่ แต่ปัญหาคือเขาไม่ยอมช่วยเนี่ยสิ” เอ็ดเวิร์ดครวญคราง เหม่อมองดูก้อนเมฆสีขาวนวลบนฟ้าอย่างเหม่อลอย “อยากเกิดเป็นก้อนเมฆจังเลยน้า ไม่ต้องมาคอยปวดหัวกับเรื่องนู้นเรื่องนี้”
“ฉันว่าหมอนี่สติไม่ดีแล้วแน่ๆ” เดรโกพึมเพาเบาๆ แต่เหมือนเด็กสาวจะได้ยิน เลยกระทุ้งศอกใส่ท้องเข้าให้
“หมายความว่ายังไง ที่ว่าครูใหญ่ไม่ยอมช่วย” แอเลน่าหันไปถามต่อ เอ็ดเวิร์ดจึงยันตัวขึ้นมาเพื่อเริ่มอธิบาย
“ฉันกับนิคไปหาครูใหญ่มาแล้วน่ะสิ”
20 นาทีที่แล้ว
“เอ็ด นายแน่ใจหรอว่าจะเอาแบบนี้” นิโคลถามหวาดๆ ขณะค่อยๆ ก้าวเท้าย่องขึ้นไปบนชั้น 3 ของอาคารห้องพักครู เพื่อนของเขาตัดสินใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง หลังจากได้ฟังเรื่องราวชวนตกอกตกใจเกี่ยวกับพ่อของเขาจากครูซ แกสตัน 1 ใน 4 หัวหน้าครูของโรงเรียนนี้ แต่ที่แย่ที่สุดก็คือ มันดันชวนเขามาเป็นเพื่อนด้วยเนี่ยสิ
“ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอก” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างหวาดๆ เช่นเดียวกับคนถาม ฟังจากน้ำเสียงกิจะเดาได้ว่าเด็กหนุ่มเองก็ไม่อยากมาที่นี่นักหรอก “แต่มันไม่มีทางอื่นแล้ว จริงๆ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากคุยกับแม่เรื่องนี้ แต่ลำพังพวกเรายังออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ก็มีแต่ต้องขอความช่วยเหลือจากครูใหญ่เท่านั้นแหละ”
เป็นอีกครั้งที่เหมือนโชคจะเข้าข้างพวกเขา เมื่อทั้ง 2 คนแอบย่องจนมาถึงหน้าห้องครูใหญ่ได้สำเร็จ เด็กหนุ่มทั้ง 2 มองหน้ากันด้วยสายตาไม่มั่นใจนักกับสิ่งที่กำลังจะทำ แต่ด้วยความที่ไม่มีเวลาให้หันหลังกลับอีกแล้ว เอ็ดเวิร์ดค่อยๆ เอื้อมมือไปเคาะห้องครูใหญ่
“เข้ามาสิ” เสียงข้างในตอบกลับมา
เมื่อครูใหญ่หันไปสบตาเข้ากับผู้มาเยือนทั้ง 2 ก็พลันมีแววตาแปลกใจเล็กน้อย
“คุณฟอร์บส์ คุณไรเกอร์ ครูแปลกใจนะที่พวกเธอเข้ามาที่นี่กัน” ครูใหญ่เปลี่ยนสายตาแปลกใจกลับมาเป็นแววตาใจดีเช่นเคย พร้อมกับยืนขึ้นเพื่อต้อนรับเด็กหนุ่มทั้ง 2 “มากันถึงนี่คงจะมีเรื่องร้อนใจมากสินะ ไหนลองว่ามาซิ”
“ผมทราบเรื่องเกี่ยวกับพ่อของผมแล้วนะครับครูใหญ่” เอ็ดเวิร์ดตอบ เขาเลือกที่จะทิ้งความโลเลไว้ที่หน้าประตู เขาต้องการแสดงให้ครูใหญ่เห็นว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน “เรื่องอาร์เธอร์ ผู้พิชิต มนตราผนึกชีพก็ด้วย”
เซบาสเตียนมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด “เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”
“ไม่สำคัญหรอกครับว่าผมรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” เอ็ดเวิร์ดตอบ เขาเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับครูใหญ่ ไม่ใช่ว่าเขาต้องการปกป้องครูแกสตัน แต่ถ้าในกรณีที่เขาไม่สามารถรู้ความจริงจากครูใหญ่หรือใครคนอื่นได้ ครูแกสตันอาจเป็นแผนสำรองสุดท้ายที่ทำให้เขาได้รู้ความจริง “ผมอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ครูใหญ่”
“ครูไม่มีสิทธิบอกเธอเรื่องนั้นหรอก คุณฟอร์บส์” เซบาสเตียนถอนหายใจและตอบกลับมา
“หมายความว่ายังไงครับ ครูใหญ่” นิโคลแทรกขึ้น “หมายความว่าครูใหญ่รู้เรื่องทุกอย่าง แล้วทำไมครูใหญ่ถึงเล่าให้เอ็ดฟังไม่ได้ครับ”
“ไม่ใช่ว่าครูเล่าไม่ได้หรอก คุณไรเกอร์ แต่ครูไม่สมควรเล่าต่างหาก” เซบาสเตียนนั่งลงพร้อมกับหยิบน้ำขึ้นมาจิบ “ไม่ว่าพวกเธอจะรู้เรื่องนี้กันได้ยัง และไม่ว่าพวกเธอจะรู้เรื่องนี้กันมากแค่ไหน แต่ถ้าพวกเธออยากจะได้ยินรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเธอควรได้ยินจากปากคนคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิเล่าเรื่องนี้ให้พวกเธอฟัง”
“ใครครับ” เอ็ดวเวิร์ดถามเสียงเรียบ
“แม่ของเธอไง คุณฟอร์บส์ โอลิเวีย ฟอร์บส์” เซบาสเตียนยิ้มตอบ “เรื่องของชาร์ลส์ เธอไม่สมควรรับรู้จากใครทั้งนั้น นอกจากปากของแม่เธอ”
“ถ้าอย่างนั้นครูใหญ่ช่วยพาผมออกไปเจอแม่หน่อยได้ไหมครับ” เอ็ดเวิร์ดร้องขอ
“ครูเกรงว่าจะไม่ได้หรอก นอกจากจะเป็นเรื่องฉุกเฉินจริงๆ ครูจะไม่พาใครออกไปทั้งนั้น” ชายชราตอบกลับด้วยท่าทีสงบ
“แล้วเรื่องนี้มันยังไม่ถือเป็นเรื่องฉุกเฉินอีกหรอครับ ครูใหญ่” นิโคลโวยวาย
“พวกเธอยังไม่ต้องร้อนใจกันไปขนาดนั้นหรอก เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นคราวนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กก็จริงอยู่ แต่ว่ามันก็คงไม่เกิดอะไรขึ้นในเร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็อีกครึ่งปีนั่นแหละ” เซบาสเตียนยิ้มอย่างอบอุ่นและเริ่มต้นอธิบาย “อีกอย่าง ทางโรงเรียนก็ได้เตรียมการป้องกันเหตุที่จะเกิดไว้แล้วในระดับหนึ่ง
และที่สำคัญที่สุดนะ วันพรุ่งนี้จะมีการเรียนการสอนในวิชาเวทมนตร์พื้นฐาน ครูจะแอบบอกใบ้ให้พวกเธอไว้สักอย่างหนึ่ง หากพวกเธอทำได้ดีในการเรียนพรุ่งนี้ พวกเธอก็จะสามารถออกไปจากโรงเรียนนี้ได้”
เมื่อครูใหญ่พูดขนาดนี้ เอ็ดเวิร์ดจึงจำใจต้องกล้ำกลืนคำพูดมากมายในอกไว้ เขายอมรับตามที่ครูใหญ่เสนอ และหันไปหาเพื่อนของเขา นิโคลรับรู้ถึงสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดต้องการได้ผ่านทางสายตา เด็กหนุ่มทั้งสองจึงเลือกที่จะก้มหน้าเดินกลับอาคารปี 1 แต่ทันใดนั้น นิโคลก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ และรีบหันหน้ากลับไปหาชายชราทันที
“ครูใหญ่ครับ ก่อนไปผมมีเรื่องหนึ่งอยากขอ”
“แล้วเจ้านั่นก็เลยขอให้ครูใหญ่เปลี่ยนลานตามประสงค์ให้เป็นน้ำตก” เอ็ดเวิร์ดสรุปเรื่องราวให้เพื่อนทั้ง 2 ของเขาฟังด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“เฮ้อ ยังงี้นายก็”ไปหาครูใหญ่เสียเที่ยวเลยสิเนี่ย” แอเลน่ามีน้ำเสียงเสียดาย
“ถ้าในส่วนของฉันก็ใช่ แต่กับหมอนั่นท่าจะไม่ล่ะมั้ง” ทั้ง 3 คนหันไปเห็นนิโคลที่กำลังว่ายน้ำอย่างสนุกสนานอยู่คนเดียว ใช้คำว่าหิวกระหายจะดีกว่า ดูราวกับผู้รอดชีวิตในทะเลทรายอันแห้งแล้งที่เพิ่งค้นพบแหล่งน้ำดื่มอย่างนั้นแหละ
“เฮ้! พวกนายน่ะ” เสียงตะโกนเรียกไกลๆ ถึงพวกเขา พร้อมกับร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งที่ค่อยๆ กระโดดข้ามโขดหินมา เสียงตะโกนดังกล่าวดังมาจากเด็กหนุ่มผิวขาวร่างเล็กคนหนึ่ง เอ็ดเวิร์ดจำได้ว่าหมอนี่ชื่อโนเอล มันช์ เพราะหมอนี่มันเป็นคนที่พูดเก่งที่สุดในรุ่น เขาสามารถพูดได้โดยไม่ต้องหยุดพักหายใจนานเป็นนาที บางครั้งเอ็ดเวิร์ดก็คิดว่าทำไมมันช่างขัดแย้งกับร่างกายที่ดูเล็กและบอบบางของเขา อวัยวะภายในของหมอนี่ดูท่าจะมีแค่ปอดอย่างเดียวล่ะมั้ง
“ว่าไง โนเอล” แอเลน่าตอบกลับเมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้ามาใกล้
“พวกฉันลงความเห็นกันว่าจะจัดแข่งว่ายน้ำกันน่ะ” โนเอลบอก “สนใจมาลงแข่งด้วยไหม วัดกันไปเลยว่าใครเจ๋งสุดในปี 1 เรื่องว่ายน้ำ”
“ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่เก่งเรื่องว่ายน้ำสักเท่าไร” เด็กสาวปฏิเสธ
“ฉันก็ขอบายดีกว่า ขี้เกียจว่ะ” เอ็ดเวิร์ดตอบอีกเสียงและทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
“ฉันด้วย” คำตอบสั้นๆ จากเด็กหนุ่มอีกคนที่เหลือ
“พวกนายนี่มันโคตรน่าเบื่อเลย” โนเอลบ่นและทำท่าจะเดินจากไป แต่เขาก็ดันไปเห็นเข้ากับสายตาคู่หนึ่งที่อยู่หลังพวกเอ็ดเวิร์ด สายตาคู่นั้นพยายามส่งสัญญาณบางอย่างมาให้กับเขา และเมื่อเด็กหนุ่มเข้าใจ เขาก็ทำทีเป็นเดินหนีไปและทิ้งพวกเอ็ดเวิร์ดไว้ข้างหลัง
สักพักเอ็ดเวิร์ดก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งปาฏิหาริย์ อยู่ดีๆ ตัวเขาก็ลอยขึ้นมาเหนือพื้น แต่เมื่อมองดูรอบตัว เขาก็พบกับความจริงเบื้องหลังปาฏิหาริย์นั้น
“ไอ้บ้านิค! ปล่อยฉันลงนะโว้ย แกด้วยโนเอล” เอ็ดเวิร์ดร้องโวยวายเมื่อถูกเพื่อนจับยกลอยขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โวยวายอะไรมากไปกว่านี้ ร่างเขาก็ลอยละลิ่วลงสู่พื้นน้ำเบื้องล่าง
แอเลน่าและเดรโกที่เพิ่งรู้สึกตัวเมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดถูกโยนลงไป ทั้ง 2 คนก็รีบลุกขึนยืนเพื่อเตรียมตั้งรับกับสิ่งต่อไปที่กำลังจะเกิด แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อทั้ง 2 คนถูกผลักตกลงไปในน้ำเช่นเดียวกัน
เอ็ดเวิร์ดที่ตะกุยขึ้นมาบนผิวน้ำได้เป็นคนแรก ก็ทันเห็นภาพที่เพื่อนอีก 2 คนของเขาโดนผลักตกลงมาพอดี เขาลอยตัวอยู่เหนือน้ำเพื่อรอดูสภาพเพื่อนของเขาทั้งสองที่กำลังจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา สักพักเด็กสาวก็ลอยตัวขึ้นมา และก่นด่าไอ้เพื่อนตัวแสบของเธออย่างรวดเร็ว
“ไอ้พวกบ้า! รอก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปเตะตูดพวกแกเรียงตัวเลย”
คำพูดที่ออกมาเรียกความตกตะลึงให้กับ 2 ตัวแสบบนฝั่งได้เป็นอย่างดี พวกเขามองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนสาวคนขยันของเขาจะมีมุมน่ากลัวอย่างนี้กับเขาด้วย สักพักก็พากันหัวเราะออกมาเสียงดัง เอ็ดเวิร์ดก็พลอยระเบิดเสียงหัวเราะไปกับเขาด้วย ไม่เว้นแม้แต่แอเลน่า ที่แม้จะยังเคืองๆ อยู่ แต่เธอก็ยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆ
ผ่านไปสักพัก ร่างที่ 3 ก็โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำเช่นเดียวกัน แต่สภาพต่างจาก 2 คนแรกมาก เมื่อเดรโกใช้มือ 2 ข้างพยายามป่ายปัดไปรอบตัว ปากก็อ้าพะงาบๆ เพื่อรับอากาศหายใจ ดูไปดูมาแล้วเหมือนพยายามเอาชีวิตรอดมากกว่าจะว่ายน้ำนะ
“เฮ้ย! เดรโกว่ายน้ำไม่เป็น” เสียงนิโคลโวยวายออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ เขารีบกระโดดลงไปช่วยเพื่อนทันที เอ็ดเวิร์ดและแอเลน่าก็พยายามว่ายน้ำไปให้ถึงตัวเด็กหนุ่ม ส่วนโนเอลยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โชคยังดีที่เดรโกไม่ได้จมน้ำนานนัก เมื่อเขาขึ้นมาบนฝั่งได้ก็มีเพียงแค่อาการไอจากการสำลักน้ำเล็กน้อยเท่านั้น นิโคลกับโนเอลหน้าเจื่อนลงด้วยความสำนึกผิดอย่างเห็นได้ชัด พวกเขามั่นใจว่าเมื่อเดรโกหายจากอาการสำลักน้ำเมื่อไร พวกเขาได้โดนด่ากันจนหน้าชาแน่
“ทำไมนายไม่บอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น” แอเลน่าถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันอายนี่นา โตจนป่านนี้แล้วยังว่ายน้ำไม่เป็นเลย” เดรโกก้มหน้าตอบอย่างอายๆ
เอ็ดเวิร์ดหัวเราะเบาๆ พร้อมกล่าวปลอบใจ “ไม่เห็นมีอะไรน่าอายเลย นายดูอย่างไอ้ 2 คนนั้นสิ โตจนป่านนี้แล้ว สมองยังพัฒนาไม่ถึงไหนเลย”
“อ้าว ไอ้คุณเอ็ดเวิร์ด” นิโคลถกแขนเสื้อทำท่าจะเอาเรื่อง แต่ก็โดนสายตาของแอเลน่าจ้องกลับมา จนต้องกลับไปทำหน้าเจื่อนสำนึกผิดอีกครั้ง
“ขอโทษทีนะ เดรโก ฉันไม่ยักรู้ว่านาว่ายน้ำไม่เป็น” โนเอลสำนึกผิด
“ใช่สิ ท่าทางเป็นคุณหนูสุดเพอร์เฟคขนาดนั้น ใครจะไปคิดว่าจะว่ายน้ำไม่ได้” เอ็ดเวิร์ดพูดแซว แต่ก็ต้องทำหน้าเจื่อนไปอีกครั้งจากสายตาเด็กสาวเจ้าเดิม
นิโคลนั่งลง วางมือบนไหล่ของเดรโกและพูดขึ้นบ้าง “ว่าแต่ อิ่มน้ำยัง เอาอีกสักอึก สองอึกไหม”
คำถามของนิโคลที่เรียกเสียงหัวเราะให้ระเบิดจากกลุ่มเด็กหนุ่มสาวทั้ง 5 คนได้ ไม่เว้นแม้แต่เดรโกและแอเลน่าที่ก็พลอยหัวเราะไปกับเขาด้วย
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีใครเป็นอะไรก็ดีแล้ว ทุกคน!” โนเอลหันไปหาเพื่อนๆ กลุ่มที่เหลือที่ยังกระจัดกระจายกันอยู่พร้อมกับตะโกนเรียกความสนใจ เมื่อเพื่อนๆ ทุกคนหันมามอง เขาก็ตะโกนต่อ “มาเริ่มการแข่งขันว่ายน้ำของเด็กปี 1 กันเล้ย!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ