ร้อนรักราชาปีศาจ
-
เขียนโดย คุณจิดาภา
วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 12.44 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
1,890 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564 12.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) บทนำ วงล้อแห่งโชคชะตา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวงล้อแห่งโชคชะตา
ยามค่ำคืนในเมืองหลวงจะมองหาดวงดาวสักเท่าไรก็แทบจะไม่เห็นมันเลยแสงไฟที่ส่องสว่างตามถนนกับรถราที่มากมายนั้นต่างวิ่งไล่กันอย่างขวักไขว่ ในซอยเล็กๆ ปรากฏให้เห็นร่างหญิงสาวร่างหนึ่งที่กำลังมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวสลัวนั้นค่อยๆ ลู่ไปตามแรงลมที่พัดเข้ามา ใบหน้าสวยก้มลงมองดูนาฬิกาที่มือของตนเองที่บอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ทุกก้าวที่เดินไปใบหน้าเล็กๆ นั้นก็คอยท้องฟ้าราวกับกำลังหาสิ่งใดอยู่ เส้นทางข้างหน้าดูเหมือนถ้าเธอจะไม่มองมันก็คงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอแม้แต่น้อย คงเพราะคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดีก็มันคือเส้นทางที่เธอใช้เดินกลับบ้านอยู่เป็นประจำและทุกครั้งก็มักมองขึ้นไปบนท้องฟ้า วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยังคงมองไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท เธอค่อยๆ ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“วันนี้ก็ไม่เห็นดาวอีกแล้ว อยู่เมืองหลวงหาดาวยากจริงๆ เลย” ขาเรียวก้าวเดินอย่างเชื่องช้าและต้องหยุดชะงักลงเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับดวงไฟสีแดงที่ดูเหมือนจะเคลื่อนลงมาเรื่อยๆ เธอมองดวงไฟสีแดงนั้นอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่ามันค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้ทุกที ก็อดคิดไม่ได้ว่าดวงไฟนั้นกำลังมาหาเธอหรือไม่ และสุดท้ายก็ได้คำตอบเมื่อดวงไฟสีแดงนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า คิ้วที่ได้รูปปราศจากการตกแต่งใดๆ บนใบหน้าที่สวยหวานนั้นขมวดเป็นปมมองลูกแก้วที่มีแสงสีแดงตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นไปจับลูกแก้วนั้นเพื่อพิสูจน์ดูให้แน่ชัดว่ามันคืออะไรแต่ก็ต้องตกใจเมื่อลูกแก้วนั้นมันเปล่งแสงสีแดงออกมาสว่างมากจนไม่สามารถที่จะทนลืมตาอยู่ได้ดวงตาสวยที่มีขนตางอนยาวจึงรีบหลับตาลงเพราะทนต่อแสงสว่างนี้ไม่ไหว อยู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังเคลื่อนที่อยู่ท่ามกลางอากาศ ผ่านไปครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงการหยุดนิ่งไม่มีความรู้สึกเหมือนลอยได้แล้วและอีกอย่างแสงที่เคยสว่างนั้นค่อยๆ อ่อนลง เมื่อรับรู้ได้ดังนั้นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะปรับสายตาของตนเองให้เป็นปกติ
“กรี๊ด!!!” เสียงร้องอย่างตกใจหลังลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่ถนนตรงซอยกลับบ้าน แต่กลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อสังเกตเห็นผู้คนที่แต่งกายแปลกๆ แถมบางคนมีหู มีห่างด้วย
“นี้ฉันมาอยู่ในงานคอสเพลย์ได้ไงกัน” ปากเล็กเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ อย่างนึกสงสัย ณ เวลานี้ไม่อาจคิดเป็นอื่นได้เพราะทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวนั้นแต่งกายประหลาดทั้งนั้น ดวงตาคู่สวยจึงค่อยๆ กวาดสายตามองดูรอบๆ ก็ทำให้รู้ว่าจุดที่เธอยืนอยู่นั้นคือกลางห้องที่มีพรมแดงปูยาวอยู่เพียงคนเดียวและล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่แต่งกายประหลาด
“ว่าไงคู่ครองของข้า”
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพูดของใครคนหนึ่ง เธอค่อยๆ หันไปมองตามเสียง แต่แล้วดวงตาทั้งสองที่กลมโตอยู่แล้วนั้นต้องเบิกกว้างเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ตรงแท่นที่นั่งที่ดูหรูหราราวกับอยู่ในพระราชวัง ตรงนั้นมีหนุ่มร่างใหญ่ผมสีแดงเพลิงกับดวงตาที่เป็นสีเดียวกัน ข้างแก้มยังมีรอยสักคล้ายจะเป็นรูปดอกกุหลาบเล็กๆ บนโหนกแก้มซ้ายประกอบกับท่าทีเย็นชาและนิ่งจ้องมองเขม็งทำให้ดูน่ากลัวมากในสายตาของเธอ แต่ก็ต้องหลุดขำเพราะร่างใหญ่ตรงหน้ามีเขาสีดำสองข้างที่แทรกกลุ่มผมสีแดงขึ้นมา
“ฮาๆ นายก็แต่งคอสเพลย์มีเขาด้วยหรือ ฮาๆ ดูไม่เข้ากันเลย” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นอย่างนึกตลกก็คนหน้าโหดๆ มีเขานั้นมันไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด
“คอสเพลย์? คือสิ่งใดกันข้าหารู้จักไม่ ข้ารู้แค่ว่าเจ้าคือพระชายาของข้า” เสียงทุ้มที่ฟังดูน่ากลัวนั้นถูกเอ่ยมาจากคนผมสีแดงเพลิงเมื่อเธอได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าถึงกับหยุดหัวเราะทันทีพร้อมกับถามย่ำคนผมสีแดงอย่างงงๆ
“ฉันเป็นพระชายาของคุณ?” พูดไปพร้อมทั้งชี้นิ้วเข้าหาตัวเองใบหน้าสวยตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด
“ใช่! จะให้เป็นผู้ใดกันก็ในเมื่อมณีจันทราส่งเจ้ามาให้ข้า”
“คุณจะบ้าหรือไง อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” ได้ยินคนมีเขาพูดก็รีบตอบกลับอย่างหงุดหงิด เพราะอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเธอเป็นภรรยาทั้งที่ไม่เคยเจอกันเลยแท้ๆ
“รีฟเฟอร์เจ้าช่วยอธิบายให้คู่ครองของข้าฟัง ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งใดเลย” ร่างใหญ่พูดกับชายหนุ่มที่มีใบหน้านิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่มีหาง หูหรือเขาเลยซึ่งคงเป็นคนเดียวสินะที่ปกติ แล้วที่บอกว่าไม่เข้าใจนะมันก็แน่อยู่แล้วจะไปเข้าใจได้อย่างไรกันอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเธอเป็นภรรยาเฉยเลยทั้งที่ตลอดอายุ 23 ปีเธอไม่เคยคบใครมาก่อนเลย
“กระหม่อมขออนุญาตชี้แจงนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านผู้นี้คือราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์ องค์ราชาทรงทำการปล่อยมณีจันทราไปหาคู่ซึ่งมณีจันทราจะเป็นผู้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่องค์ราชาซึ่งผู้นั้นก็คือท่านพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มนามรีฟเฟอร์พูดขึ้น
“มณีจันทรา?” คนถูกอธิบายให้ฟังพูดขึ้นอย่างงงๆ ก็จะไม่ให้เธองงได้อย่างไรกัน มณีจันทรานั้นคือสิ่งใดกัน
“มณีจันทราคือลูกแก้วสีแดงที่จะทำการคัดเลือกคู่ครองให้กับราชาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์อธิบายเพิ่มเมื่อเห็นว่าคนถูกเลือกให้เป็นเป็นพระชายาดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจดีนัก ทางหญิงสาวเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดตกใจไม่ได้ ‘ไอ้ลูกแก้วนั้นคือมณีจันทรานี้เอง มันจะเป็นคนเลือกพระชายาให้ไอ้เขาควายนั่น แล้วทำไมเป็นฉันละ’ เธอคิด
“ก็อย่างที่บอก เจ้าคือพระชายาของข้า” ร่างใหญ่พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนักจนคนฟังนึกหมั่นไส้
“ใครบอกฉันจะเป็นพระชายาคุณกัน!” คนถูกบอกว่าเป็นพระชายาว่าขึ้นเสียงดังก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตูเพราะสังเกตเห็นประตูบานใหญ่อยู่ด้านหลัง แต่ทว่าต้องหยุดฝีเท้าเมื่อมีชายร่างใหญ่ในชุดเกราะที่มีทั้งหูทั้งหางเหมือนสุนัขมายืนขวางเธออยู่ ‘อยากรู้จริงไอ้เขาควายนั้นมันจะมีหางหรือเปล่า’ แม้จะอยู่ในวินาทีนี้เธอก็ยังมีใจคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็คงเพราะมันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ คิ้วสวยของเธอขมวดนิดหน่อยก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงขอให้ลีกทางแต่ร่างใหญ่ในชุดเกราะกลับไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย
“เจ้าไปจากที่นี้ไม่ได้หรอก เพราะโชคชะตาของเจ้าคือเป็นพระชายาของข้า” สิ้นเสียงของคนเป็นราชาปีศาจเธอแทบหันมามองตามเสียงนั้นทันทีแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เคยนั่งอยู่บนแท่นที่นั่งตอนนี้กำลังเดินมาใกล้ตัวเธอเต็มทีเธอรับรู้ได้ถึงความเร็วของหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นทุกครั้งยามที่คนเป็นราชาปีศาจก้าวเข้ามาใกล้
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็น ฉันจะกลับบ้าน พาฉันกลับไปบ้านเดี๋ยวนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉัน” คนถูกบอกให้เป็นพระชายาพูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโหสายตาจ้องคนที่กำลังเข้าหาเขม็งบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก็จะให้เธอรู้สึกพอใจได้อย่างไรกันในเมื่อคนตรงหน้าที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาหาเธอนั้นกำลังบังคับให้เธอเป็นพระชายาของเขา
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ พระชายาของข้า” ร่างใหญ่ที่เดินมาถึงพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ ใช้มือข้างหนึ่งจับคางมนสวยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ปากหนากระตุกยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กำลังนิ่วหน้าคิ้วขมวดด้วยความโมโห เธอรับรู้ถึงใจเจ้ากรรมที่เต้นเร็วระรัวอย่างไม่หยุดหย่อนใบหน้าของอีกคนที่ใกล้เข้ามานั้นช่างดูหล่อเหล่าและคมคายยิ่งนักจมูกโด่งเป็นสันโครงหน้าที่ได้รูปปากหนาที่ดูน่าสัมผัสสิ่งเหล่านี้ที่อยู่บนใบหน้าของเขาทำให้เธอใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ดวงตาสีแดงนั้นจะลุกวาวจนดูน่ากลัวแต่กลับทำให้ชายหนุ่มยิ่งน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น เธอไม่รู้หรอกว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่นั้นคืออะไรเธออาจจะกลัวคนตรงหน้าก็เป็นได้เลยทำให้ใจมันเต้นแรงได้ถึงขนาดนี้
“ปล่อยฉันอย่ามาแตะตัวฉันนะ” แม้จะถูกจับกุมใบหน้าเล็กๆ อยู่แต่เธอก็ยังคงพยายามที่แปร่งเสียงออกมาบอกกับคนตรงหน้าพร้อมกับสะบัดใบหน้าให้หลุดจากการจับกุมแม้มันจะเป็นไปได้ยากแต่เธอไม่อาจจะอยู่เฉยให้คนตรงหน้ากระทำถึงจะรู้ดีว่าแรงอันน้อยนิดนั้นจะสู้คนตัวใหญ่ตรงหน้าไม่ได้ก็ตาม
“ทำไมข้าจะแตะตัวเจ้าไม่ได้ในเมื่อเจ้าคือคู่ครองของข้า และจะต้องมีบุตรให้แก่ข้า” คนเป็นราชาปีศาจพูดขึ้นพร้อมกับดึงร่างเล็กของเธอเข้ามาในอ้อมกอดเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ออกมาจากกายนั้น
ยามเมื่ออยู่ใกล้ทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้นั้นช่างน่ามองยิ่งนัก ใบหน้าเล็กที่ไร้การตกแต่งใดๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่ดูโตบวกกับแผงขนตายาวงอนนั้นทำให้ดวงตาคู่นั้นดูหวานและดึงดูดมาก ผมสีน้ำตาลยาวสลัวที่ปล่อยให้ยาวไปตามไหล่มนนั้นดูเงาวาวสวยจนเขาอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปสัมผัสมัน
ส่วนอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่ได้รับรู้ถึงสายความต้องของอีกคนที่ส่งมาเลยแม้แต่น้อยคงเพราะเธอกำลังวุ่นอยู่กับการสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม และเธอนั้นคงจะไม่รู้เลยว่ายิ่งเธอพยายามจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการนี้เท่าไรมือใหญ่ก็ยิ่งโอบรัดเธอไว้แน่นมากขึ้น
“ปล่อยฉันนะ” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นพร้อมกับดิ้นตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้เธอเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น
“ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่ปล่อย หึหึ” น้ำเสียงเข้มที่ฟังยังไงก็กำลังกวนเธอนั้นเอ่ยก่อนจะกระชับอ้อมกอดอีกครั้งมือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าเล็กๆ ของเธอให้หยุดนิ่งก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากเล็กสีสวยอย่างรวดเร็ว คนถูกกระทำถึงกับหยุดชะงักแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะไม่เคยจูบใครและไม่เคยถูกใครจูบมาก่อน และที่สำคัญไอ้เขาควายกำลังจูบเธอท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย แถมยังเป็นจูบเร่าร้อนที่ทำร่างกายเธอนั้นอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนอยู่ได้ไม่รู้ว่าจูบนั้นหยุดลงไปตั้งแต่เมื่อไรเธอรู้เพียงตอนนี้เธอไม่มีแรงแม้แต่จะยืนได้แต่ทรุดตัวนั่งลงตรงนั้นอย่างรู้สึกมึนงง เธอพยายามมากเหลือเกินที่จะควบคุมหัวใจที่เต้นแรงนี้ให้มันกลับมาเป็นปกติ
ราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์มองหน้าผู้ที่เขาเอ่ยนามว่าเป็นพระชายาพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ก่อนจะเลื่อนไปจับกุมแก้มทั้งสองข้างของคนที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้นก่อนจะออกแรงกดเล็กน้อยลงบนแก้มขาวๆ ที่ดูขึ้นสีแดงระเรืองนั้น ‘อะไรกันเขาแค่จูบนิดหน่อยเท่านั้นไยเธอถึงได้ดูไร้เรี่ยวแรงถึงเพียงนี้’ คนถูกจับกุมรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าแต่ก็เรียกสติเธอกลับมาได้ เธอไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรกันแน่ ที่พูดมานั้นเธอไม่อาจทำใจยอมรับได้เลยก็จะให้มาเป็นพระชายาอะไรนั้นทั้งที่ไม่รู้จักกันได้อย่างไรกันเธอไม่อาจยอมรับได้จริงๆ ถ้าจะมีขอเป็นใครสักคนที่เธอรู้สึกรักด้วยหัวใจของเธอไม่ใช่แค่เพราะถูกเลือกจากใคร ใบหน้าสวยสะบัดหน้าหนีจากมือใหญ่แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นแรงเธอกับเขามันต่างกันเกินไป
“เจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้น
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคนอย่างคุณ” ปากเล็กพูดตอบกลับไปอย่างยากลำบากเพราะถูกจับกุมตรงบริเวณสองแก้ม มือเล็กค่อยๆ เลื่อนมาแกะมือใหญ่ที่จับแก้มอยู่ออกแต่ก็ไม่เป็นผลมือนั้นราวกับคีบเหล็กแข็ง
“บอกข้ามาเจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้นเสียงดังพร้อมกับเพิ่มแรงที่มือของตนเองที่กำลังจับกุมแก้มทั้งสอง จนเธอนั้นต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บอีกครั้ง
“กะ กัสมา” เสียงเล็กตอบออกไปอย่างยากลำบากจะไม่ตอบก็กลัวว่าคนมีเขาตรงหน้าจะเพิ่มแรงขึ้นมาอีกเธอไม่ไหวเจ็บตรงบริเวณแก้มจนรู้สึกระบมไปหมดทำไมถึงต้องทำอะไรรุนแรงใส่กันด้วยเธอไม่เข้าใจ
“กัสมา ชื่อแปลกดีนัก เป็นมนุษย์ด้วยอย่างนั้นหรือ” เขาพูดก่อนจะยิ้มมุมปากอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ปล่อยมือที่กุมแก้มสองข้างของเธอมือเล็กๆ รีบยกขึ้นลูบแก้มของตนเองทันทีที่รับรู้ว่ามันเป็นอิสระแก้มของเธอจะต้องเป็นรอยแดงเป็นแน่เธอรู้สึกอย่างนั้น
“ไอ้บ้าบีบมาได้เจ็บนะรู้ไหม” กัสมาพูดขึ้นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเอามือลูบแก้มก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น
“ก็เจ้าไม่เชื่อฟังข้า” แม้จะเป็นแค่เสียงบ่นเบาแต่เขาก็ได้ยินอดไม่ได้ที่จะว่าอีกคนกลับไป ผู้หญิงคนนี้ดูไม่มีอะไรก็จริงแต่เขารับรู้ได้ว่ามันคงไม่ใช่แบบนั้นเป็นแน่
“จะให้ฉันเชื่อฟังคุณแล้วเป็นพระชายาอะไรนั้นใครจะไปทำกัน...ไอ้เขาควายบ้า" เธอเถียงกลับไปพร้อมกับชื่อใหม่ของราชาปีศาจที่กัสมาคิดได้สดๆ ร้อนๆ
“ไอ้เขาควาย? เจ้าเรียกข้าว่าไอ้เขาควายอย่างนั้นหรือ” คนเป็นราชาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดปนสงสัยถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ชื่อนี้มันไม่เหมาะเลยจริงๆ
“ใช่แล้วจะทำไม ก็เขานายมันเหมือนควายจริงๆ และฉันก็ไม่รู้ชื่อคุณสักหน่อย” กัสมาพูดอย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะได้ยินชื่อของคนตรงหน้าแล้วแต่ก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรก็ชื่อเล่นยาวไม่พอยังแปลกอีกผิดตรงไหนถ้าเธอจะจำมันไม่ได้ ทางคนที่ถูกตั้งชื่อใหม่ดูจะไม่พอใจกับชื่อที่ได้รับสักเท่าไหร่
“อัสบัส เรียกข้าว่าอัสบัส”
“ฉันว่าไอ้เขาควายเหมาะกับคุณมากกว่านะ คิคิ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะทั้งที่ยังคงรู้สึกกลัวอยู่แต่กัสมาไม่อยากจะแสดงมันออกมาให้คนตรงหน้าเห็น เธอต้องเข้มแข็งเธอท่องคำนี้มาตลอดจนถึงตอนนี้
“เจ้าอยากเสียตัวก่อนแต่งหรืออย่างไร” อัสบัสที่กระชากแขนของกัสมาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด คนถูกกระชากตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความกลัวต่อการกระทำของอัสบัสก่อนจะเลื่อนเท้าของตนเองไปเหยียบบนเท้าของคนตรงหน้า อัสบัสตกใจจนปล่อยมือของกัสมา เมื่อมือหลุดจากการจับกุมก็วิ่งไปยังประตูทันที โชคดีที่ไม่มีใครขวางทางไว้อีก ซึ่งเธอเองก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่มาขวางเธอไว้เหมือนเมื่อสักครู่ หรือจะปล่อยให้กลับบ้าน กัสมายิ้มให้กับความคิดของตัวเองทันทีดีใจที่จะได้กลับบ้าน ครั้นเมื่อถึงบานประตูใหญ่ก็หันมาแลบลิ้นอย่างเยอะเย้ยให้กับอัสบัสที่ดูไม่ทุกร้อนใด
“ฝันไปเถอะใครจะไปเป็นเมียนายกันเหล่า” เมื่อพูดจบก็รีบหันไปเปิดบานประตูทันที แต่ทว่าเปิดมันเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก
“หึหึ” อัสบัสหัวเราะในลำคอ ทำให้กัสมาที่ได้ยินหันไปมองชายผมสีแดงเพลิงอย่างทันทีก็พบว่ากำลังส่งรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาให้เธอคิ้วสวยขมวดเป็นปมทันที พลางคิด เพราะแบบนี้พวกของไอ้เขาควายถึงไม่มาขวางไว้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าประตูเปิดไม่ได้ ทำไมกันเธอถึงไม่ชุกคิดให้เร็วกว่านี้
“ก็บอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าหนีจากที่นี้ไม่ได้ หึหึ” อัสบัสพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาที่เธอ กัสมารีบถอยหลังหนีแต่ก็ต้องจนมุมเมื่อหลังชนประตูเสียแล้วไม่มีที่ให้ถอยหนีร่างใหญ่ของอัสบัสอีกต่อไปได้แต่ยืนชิดประตูมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอัสบัสอย่างหวั่นๆ คนตัวใหญ่ค่อยๆ ใช้มือจับคางของเธอให้ยกขึ้นเพื่อมองตาของเขาก่อนโน้มใบหน้าเข้าใกล้แล้วเอ่ยกับเธอว่า
“เจ้าคือคู่ครองของข้า ต่อให้เจ้าคิดหนีสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจพ้นชะตากรรมนี้ โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้วจงมาเป็นพระชายาของข้าและมีบุตรสืบสกุลให้แก่ข้า”
“จะโชคชะตาหรือชะตากรรมอะไรฉันไม่สน เป็นพระชายาคุณ มีบุตรให้คุณ? คุณเข้าใจอะไรผิดไหม เราไม่เคยรู้จักกันเลยคุณคิดได้ไง ฉันไม่ยอมฉันจะกลับบ้านนนน” กัสมาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะจับมือของอัสบัสออกจากคางของตน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้เธอจำไม่ได้เลยว่ารู้สึกหงุดหงิดไอ้คำพูดของไอ้ราชาเขาควายนี้ไปกี่รอบแล้วจากที่เคยกลัวตอนนี้มันได้หายไปหมดสิ้นมีแต่ความโกรธเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ไม่เข้าใจทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้
“เรื่องเหล่านั้นข้าไม่ใส่ใจ แค่เจ้าคือผู้ที่มณีจันทราเลือกก็เพียงพอแล้ว แต่เหตุใดเจ้าถึงเป็นมนุษย์”
“เป็นมนุษย์แล้วไงละ ใครจะเป็นไอ้พวกมีเขาควายเหมือนนายกัน” เป็นมนุษย์แล้วมันแปลกนักหรือไงกัสมานึกขุ่นเคืองในใจ
“เจ้า! ข้าบอกให้เรียกอัสบัสไม่เข้าใจหรืออย่างไร อยากเสียตัวจริงๆ ใช่หรือไม่” อัสบัสพูดขึ้นด้วยใบหน้าหื่นกระหายเพียงเพื่อต้องการแกล้งหญิงสาวตรงหน้าเท่านั้น
“บ้า! ไอ้เขาควายหื่น ไอ้เขาควายโรคจิต” กัสมาว่ากลับอย่างหงุดหงิด มือเล็กๆ ก็ชี้หน้าอัสบัสไปด้วย แต่ดูเหมือนคำว่าของเธอจะไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าทุกร้อนแต่อย่างใดแต่ทำให้เขาหื่นกระหายแทนมากกว่าเพราะใบหน้าฉายแววอย่างชัดเจน เธอได้แต่ยืนพิงประตูอย่างหวาดระแวง
“ถ้าไม่อยากโดนก็อยู่นิ่งๆ เชื่อฟังที่ข้าพูดก็เป็นพอ” อัสบัสพูดก่อนจะยิ้มมุมปากกับอาการของคนตรงหน้า
“ใครจะไปฟังกันได้เป็นเมียปีศาจกันพอดี” กัสมาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้อัสบัสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินแต่ก็ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเพราะยังไงต่อให้หญิงสาวจะทำอะไรก็คงหนีไม่พ้นชะตากรรมนี้อยู่ดี
“อีกสามวันข้าจะจัดงานอภิเษกพวกเจ้าไปเตรียมการให้พร้อม ส่วนเจ้าก็ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าพิธีอภิเษกกับข้า” คนเป็นราชาปีศาจเอ่ยสั่งเหล่าพวกบริวารก่อนจะหันมาสั่งกัสมา
“ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ” เธอพูดค้านขึ้นมาอย่างโมโห อะไรกันมาบังคับกันได้อย่างไร
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” อัสบัสตอบกลับมาเสียงดังก่อนจะส่งยิ้มที่เธอมองยังไงก็กวนเธอชัดๆ ไม่มีเลยหรือไงที่เธอจะเถียงคนคนนี้ได้ชนะสักครั้งหนึ่ง
“อะไรไอ้เขาควายบ้าพูดเองเออเองทุกอย่าง" กัสมาได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะเธอไม่สามารถจะไปสู้รบตบมือกับคนที่เป็นถึงราชาของโลกปีศาจนี้ได้ ก็ต้องทำตามที่เขาบอกใช่หรือไม่แต่กัสมาไม่ได้ชอบเขาแม้แต่น้อยไม่อยากแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักจะทำอย่างไรให้ออกไปจากที่นี้ได้กันควรทำอย่างไรดีเธอได้แต่คิดวกวนไปมาอยู่กับความคิดของตัวเองจนเสียงใครอีกคนเรียกให้ออกจากภวังค์นั้น
“เดียวข้าจะให้คนพาเจ้าไปพักผ่อน” อัสบัสหันมาบอกกับกัสมาก่อนจะเรียกหญิงสาววัยกลางคนที่มีหูกับหางเหมือนแมวมาทางที่เธอยืนอยู่ครั้นจะเถียงออกไปก็ทำไม่ได้คงต้องยอมไปก่อนแล้วค่อยหาทางทีหลังอีกครั้งเธอได้แต่คิดเช่นนั้น
“เจ้าพาว่าที่พระชายาของข้าไปพักผ่อนที่ตำหนักทางทิศเหนือ” คนเป็นราชาสั่งขึ้นอีกครั้ง ตำหนักทิศเหนืออยู่คนละฝั่งกับตำหนักที่อัสบัสอยู่คือตำหนักทิศใต้การที่เขาไม่ให้กัสมาไปอยู่ตำหนักทิศใต้นั้นเพราะมันเป็นกฎตั้งแต่บรรพบุรุษก่อนเข้าพิธีอภิเษกจะไม่สามารถพบเจอกันได้เลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งวันอภิเษกทั้งที่ในใจของเขาอยากอยู่กับกัสมาก็ตาม
ตอนนี้กัสมาออกไปจากท้องพระโรงแล้วเรียบร้อยเหล่าบริวารคนอื่นๆ ก็เริ่มแยกย้ายไปทำงานตามคำสั่งของผู้เป็นราชาครู่หนึ่งท้องพระโรงที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนนั้นบัดนี้เหลือเพียงผู้เป็นราชาและคนสนิทอีกคนเพียงเท่านั้น
“ฝ่าบาทเหตุใดมณีจันทราถึงเลือกคู่ครองเป็นมนุษย์เหล่าพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่อดีตคู่ครองที่ถูกเลือกล้วนแต่เป็นเหล่าปีศาจด้วยกันทั้งนั้นเหตุใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่ปล่อยให้ท้องพระโรงนั้นปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่นานรีฟเฟอร์ก็เอ่ยแทรกผ่านความเงียบขึ้นมาอย่างสงสัย
“ข้าก็หารู้ไม่ว่าเพราะเหตุใด แต่ในกฎหาได้บอกไว้ว่าห้ามเป็นมนุษย์”
“มันจักไม่เป็นปัญหาใช่หรือไม่ฝ่าบาท โลกปีศาจกับโลกมนุษย์หาเคยยุ่งเกี่ยวกันมาก่อนนะพะยะค่ะ”
“จะทำการใดได้ในเมื่อมณีจันทราเลือกแล้วและอีกอย่างข้าก็ถูกใจนางเสียด้วย” คนเป็นราชาเอ่ยอย่างยิ้มๆ ดวงตาฉายแววความต้องการอย่างเด่นชัดคนเป็นลูกน้องอย่างรีฟเฟอร์ได้แต่นึกสงสารว่าที่ราชินีของเขาเหลือเกิน
“เจอราชินีประเดี๋ยวเดียวฝ่าบาทถึงกับเปลี่ยนไปนะพ่ะย่ะค่ะ จากราชาผู้เยือกเย็นกลายมาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไปเสียได้” รีฟเฟอร์เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันประสงค์ของผู้เป็นนาย
“เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ทันข้ารีฟเฟอร์”
“แล้วฝ่าบาทจะทรงทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนราชินีทรงไม่ยอมฝ่าบาทง่ายๆ เป็นแน่”
“เจ้าอย่าได้ห่วงไป ข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วกัสมาต้องยอมข้าเป็นแน่” อัสบัสตอบอย่างมั่นใจกับความคิดตัวเอง ก่อนร่างสูงใหญ่จะออกเดินแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อร่างกายทรุดลงกับพื้นด้วยอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกอย่างกะทันหัน
“ฝ่าบาททรงเป็นอะไรมากหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์ที่รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายเหนือหัวอย่างตกใจก็ราชาของเขาเคยเป็นอะไรที่ไหนกันเจอแบบนี้คนเป็นองครักษ์อย่างเขาเลยค่อนข้างที่จะตกใจอยู่ไม่น้อย
“ข้าไม่เป็นอะไรแค่เจ็บตรงตราแสงแห่งราวินทราเท่านั้น” อัสบัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูติดจะทรมาน มือทั้งสองกอบกุมหน้าอกแน่น
“แต่ฝ่าบาทไม่เคยปวดมาก่อนเลยนะพ่ะย่ะค่ะ หรือจะเป็นเหมือนดังตำนานที่กล่าวไว้” องครักษ์หนุ่มพูดขึ้นอย่างตกใจ
“อ๊ากกกกก” เรียกร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังมาจากอัสบัสเพราะเจ้าตัวรู้สึกถึงบีบรัดที่หน้าอกอย่างมหาศาลจนต้านทานไม่ไหว
“ฝ่าบาท!” รีฟเฟอร์ประคองร่างของผู้เป็นนายด้วยความกังวลมองใบหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมานแต่ฉายแววความปีติยินดีออกมาแม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม
“ผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ในที่สุดข้าก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเสียที
............................................................
ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
* เจอคำผิดรบกวนแจ้งหน่อยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
ยามค่ำคืนในเมืองหลวงจะมองหาดวงดาวสักเท่าไรก็แทบจะไม่เห็นมันเลยแสงไฟที่ส่องสว่างตามถนนกับรถราที่มากมายนั้นต่างวิ่งไล่กันอย่างขวักไขว่ ในซอยเล็กๆ ปรากฏให้เห็นร่างหญิงสาวร่างหนึ่งที่กำลังมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวสลัวนั้นค่อยๆ ลู่ไปตามแรงลมที่พัดเข้ามา ใบหน้าสวยก้มลงมองดูนาฬิกาที่มือของตนเองที่บอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว ทุกก้าวที่เดินไปใบหน้าเล็กๆ นั้นก็คอยท้องฟ้าราวกับกำลังหาสิ่งใดอยู่ เส้นทางข้างหน้าดูเหมือนถ้าเธอจะไม่มองมันก็คงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอแม้แต่น้อย คงเพราะคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดีก็มันคือเส้นทางที่เธอใช้เดินกลับบ้านอยู่เป็นประจำและทุกครั้งก็มักมองขึ้นไปบนท้องฟ้า วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยังคงมองไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท เธอค่อยๆ ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“วันนี้ก็ไม่เห็นดาวอีกแล้ว อยู่เมืองหลวงหาดาวยากจริงๆ เลย” ขาเรียวก้าวเดินอย่างเชื่องช้าและต้องหยุดชะงักลงเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับดวงไฟสีแดงที่ดูเหมือนจะเคลื่อนลงมาเรื่อยๆ เธอมองดวงไฟสีแดงนั้นอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่ามันค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้ทุกที ก็อดคิดไม่ได้ว่าดวงไฟนั้นกำลังมาหาเธอหรือไม่ และสุดท้ายก็ได้คำตอบเมื่อดวงไฟสีแดงนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า คิ้วที่ได้รูปปราศจากการตกแต่งใดๆ บนใบหน้าที่สวยหวานนั้นขมวดเป็นปมมองลูกแก้วที่มีแสงสีแดงตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นไปจับลูกแก้วนั้นเพื่อพิสูจน์ดูให้แน่ชัดว่ามันคืออะไรแต่ก็ต้องตกใจเมื่อลูกแก้วนั้นมันเปล่งแสงสีแดงออกมาสว่างมากจนไม่สามารถที่จะทนลืมตาอยู่ได้ดวงตาสวยที่มีขนตางอนยาวจึงรีบหลับตาลงเพราะทนต่อแสงสว่างนี้ไม่ไหว อยู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังเคลื่อนที่อยู่ท่ามกลางอากาศ ผ่านไปครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงการหยุดนิ่งไม่มีความรู้สึกเหมือนลอยได้แล้วและอีกอย่างแสงที่เคยสว่างนั้นค่อยๆ อ่อนลง เมื่อรับรู้ได้ดังนั้นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะปรับสายตาของตนเองให้เป็นปกติ
“กรี๊ด!!!” เสียงร้องอย่างตกใจหลังลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่ถนนตรงซอยกลับบ้าน แต่กลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อสังเกตเห็นผู้คนที่แต่งกายแปลกๆ แถมบางคนมีหู มีห่างด้วย
“นี้ฉันมาอยู่ในงานคอสเพลย์ได้ไงกัน” ปากเล็กเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ อย่างนึกสงสัย ณ เวลานี้ไม่อาจคิดเป็นอื่นได้เพราะทุกคนที่อยู่รอบๆ ตัวนั้นแต่งกายประหลาดทั้งนั้น ดวงตาคู่สวยจึงค่อยๆ กวาดสายตามองดูรอบๆ ก็ทำให้รู้ว่าจุดที่เธอยืนอยู่นั้นคือกลางห้องที่มีพรมแดงปูยาวอยู่เพียงคนเดียวและล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่แต่งกายประหลาด
“ว่าไงคู่ครองของข้า”
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพูดของใครคนหนึ่ง เธอค่อยๆ หันไปมองตามเสียง แต่แล้วดวงตาทั้งสองที่กลมโตอยู่แล้วนั้นต้องเบิกกว้างเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ตรงแท่นที่นั่งที่ดูหรูหราราวกับอยู่ในพระราชวัง ตรงนั้นมีหนุ่มร่างใหญ่ผมสีแดงเพลิงกับดวงตาที่เป็นสีเดียวกัน ข้างแก้มยังมีรอยสักคล้ายจะเป็นรูปดอกกุหลาบเล็กๆ บนโหนกแก้มซ้ายประกอบกับท่าทีเย็นชาและนิ่งจ้องมองเขม็งทำให้ดูน่ากลัวมากในสายตาของเธอ แต่ก็ต้องหลุดขำเพราะร่างใหญ่ตรงหน้ามีเขาสีดำสองข้างที่แทรกกลุ่มผมสีแดงขึ้นมา
“ฮาๆ นายก็แต่งคอสเพลย์มีเขาด้วยหรือ ฮาๆ ดูไม่เข้ากันเลย” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นอย่างนึกตลกก็คนหน้าโหดๆ มีเขานั้นมันไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด
“คอสเพลย์? คือสิ่งใดกันข้าหารู้จักไม่ ข้ารู้แค่ว่าเจ้าคือพระชายาของข้า” เสียงทุ้มที่ฟังดูน่ากลัวนั้นถูกเอ่ยมาจากคนผมสีแดงเพลิงเมื่อเธอได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าถึงกับหยุดหัวเราะทันทีพร้อมกับถามย่ำคนผมสีแดงอย่างงงๆ
“ฉันเป็นพระชายาของคุณ?” พูดไปพร้อมทั้งชี้นิ้วเข้าหาตัวเองใบหน้าสวยตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด
“ใช่! จะให้เป็นผู้ใดกันก็ในเมื่อมณีจันทราส่งเจ้ามาให้ข้า”
“คุณจะบ้าหรือไง อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” ได้ยินคนมีเขาพูดก็รีบตอบกลับอย่างหงุดหงิด เพราะอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเธอเป็นภรรยาทั้งที่ไม่เคยเจอกันเลยแท้ๆ
“รีฟเฟอร์เจ้าช่วยอธิบายให้คู่ครองของข้าฟัง ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งใดเลย” ร่างใหญ่พูดกับชายหนุ่มที่มีใบหน้านิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่มีหาง หูหรือเขาเลยซึ่งคงเป็นคนเดียวสินะที่ปกติ แล้วที่บอกว่าไม่เข้าใจนะมันก็แน่อยู่แล้วจะไปเข้าใจได้อย่างไรกันอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเธอเป็นภรรยาเฉยเลยทั้งที่ตลอดอายุ 23 ปีเธอไม่เคยคบใครมาก่อนเลย
“กระหม่อมขออนุญาตชี้แจงนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านผู้นี้คือราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์ องค์ราชาทรงทำการปล่อยมณีจันทราไปหาคู่ซึ่งมณีจันทราจะเป็นผู้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่องค์ราชาซึ่งผู้นั้นก็คือท่านพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มนามรีฟเฟอร์พูดขึ้น
“มณีจันทรา?” คนถูกอธิบายให้ฟังพูดขึ้นอย่างงงๆ ก็จะไม่ให้เธองงได้อย่างไรกัน มณีจันทรานั้นคือสิ่งใดกัน
“มณีจันทราคือลูกแก้วสีแดงที่จะทำการคัดเลือกคู่ครองให้กับราชาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์อธิบายเพิ่มเมื่อเห็นว่าคนถูกเลือกให้เป็นเป็นพระชายาดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจดีนัก ทางหญิงสาวเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดตกใจไม่ได้ ‘ไอ้ลูกแก้วนั้นคือมณีจันทรานี้เอง มันจะเป็นคนเลือกพระชายาให้ไอ้เขาควายนั่น แล้วทำไมเป็นฉันละ’ เธอคิด
“ก็อย่างที่บอก เจ้าคือพระชายาของข้า” ร่างใหญ่พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนักจนคนฟังนึกหมั่นไส้
“ใครบอกฉันจะเป็นพระชายาคุณกัน!” คนถูกบอกว่าเป็นพระชายาว่าขึ้นเสียงดังก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตูเพราะสังเกตเห็นประตูบานใหญ่อยู่ด้านหลัง แต่ทว่าต้องหยุดฝีเท้าเมื่อมีชายร่างใหญ่ในชุดเกราะที่มีทั้งหูทั้งหางเหมือนสุนัขมายืนขวางเธออยู่ ‘อยากรู้จริงไอ้เขาควายนั้นมันจะมีหางหรือเปล่า’ แม้จะอยู่ในวินาทีนี้เธอก็ยังมีใจคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็คงเพราะมันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ คิ้วสวยของเธอขมวดนิดหน่อยก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงขอให้ลีกทางแต่ร่างใหญ่ในชุดเกราะกลับไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย
“เจ้าไปจากที่นี้ไม่ได้หรอก เพราะโชคชะตาของเจ้าคือเป็นพระชายาของข้า” สิ้นเสียงของคนเป็นราชาปีศาจเธอแทบหันมามองตามเสียงนั้นทันทีแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เคยนั่งอยู่บนแท่นที่นั่งตอนนี้กำลังเดินมาใกล้ตัวเธอเต็มทีเธอรับรู้ได้ถึงความเร็วของหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นทุกครั้งยามที่คนเป็นราชาปีศาจก้าวเข้ามาใกล้
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็น ฉันจะกลับบ้าน พาฉันกลับไปบ้านเดี๋ยวนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉัน” คนถูกบอกให้เป็นพระชายาพูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโหสายตาจ้องคนที่กำลังเข้าหาเขม็งบ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก็จะให้เธอรู้สึกพอใจได้อย่างไรกันในเมื่อคนตรงหน้าที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาหาเธอนั้นกำลังบังคับให้เธอเป็นพระชายาของเขา
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ พระชายาของข้า” ร่างใหญ่ที่เดินมาถึงพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ ใช้มือข้างหนึ่งจับคางมนสวยให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา ปากหนากระตุกยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กำลังนิ่วหน้าคิ้วขมวดด้วยความโมโห เธอรับรู้ถึงใจเจ้ากรรมที่เต้นเร็วระรัวอย่างไม่หยุดหย่อนใบหน้าของอีกคนที่ใกล้เข้ามานั้นช่างดูหล่อเหล่าและคมคายยิ่งนักจมูกโด่งเป็นสันโครงหน้าที่ได้รูปปากหนาที่ดูน่าสัมผัสสิ่งเหล่านี้ที่อยู่บนใบหน้าของเขาทำให้เธอใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ดวงตาสีแดงนั้นจะลุกวาวจนดูน่ากลัวแต่กลับทำให้ชายหนุ่มยิ่งน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น เธอไม่รู้หรอกว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่นั้นคืออะไรเธออาจจะกลัวคนตรงหน้าก็เป็นได้เลยทำให้ใจมันเต้นแรงได้ถึงขนาดนี้
“ปล่อยฉันอย่ามาแตะตัวฉันนะ” แม้จะถูกจับกุมใบหน้าเล็กๆ อยู่แต่เธอก็ยังคงพยายามที่แปร่งเสียงออกมาบอกกับคนตรงหน้าพร้อมกับสะบัดใบหน้าให้หลุดจากการจับกุมแม้มันจะเป็นไปได้ยากแต่เธอไม่อาจจะอยู่เฉยให้คนตรงหน้ากระทำถึงจะรู้ดีว่าแรงอันน้อยนิดนั้นจะสู้คนตัวใหญ่ตรงหน้าไม่ได้ก็ตาม
“ทำไมข้าจะแตะตัวเจ้าไม่ได้ในเมื่อเจ้าคือคู่ครองของข้า และจะต้องมีบุตรให้แก่ข้า” คนเป็นราชาปีศาจพูดขึ้นพร้อมกับดึงร่างเล็กของเธอเข้ามาในอ้อมกอดเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ออกมาจากกายนั้น
ยามเมื่ออยู่ใกล้ทำให้เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้นั้นช่างน่ามองยิ่งนัก ใบหน้าเล็กที่ไร้การตกแต่งใดๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่ดูโตบวกกับแผงขนตายาวงอนนั้นทำให้ดวงตาคู่นั้นดูหวานและดึงดูดมาก ผมสีน้ำตาลยาวสลัวที่ปล่อยให้ยาวไปตามไหล่มนนั้นดูเงาวาวสวยจนเขาอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปสัมผัสมัน
ส่วนอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่ได้รับรู้ถึงสายความต้องของอีกคนที่ส่งมาเลยแม้แต่น้อยคงเพราะเธอกำลังวุ่นอยู่กับการสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม และเธอนั้นคงจะไม่รู้เลยว่ายิ่งเธอพยายามจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการนี้เท่าไรมือใหญ่ก็ยิ่งโอบรัดเธอไว้แน่นมากขึ้น
“ปล่อยฉันนะ” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นพร้อมกับดิ้นตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้เธอเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น
“ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่ปล่อย หึหึ” น้ำเสียงเข้มที่ฟังยังไงก็กำลังกวนเธอนั้นเอ่ยก่อนจะกระชับอ้อมกอดอีกครั้งมือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าเล็กๆ ของเธอให้หยุดนิ่งก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากเล็กสีสวยอย่างรวดเร็ว คนถูกกระทำถึงกับหยุดชะงักแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะไม่เคยจูบใครและไม่เคยถูกใครจูบมาก่อน และที่สำคัญไอ้เขาควายกำลังจูบเธอท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย แถมยังเป็นจูบเร่าร้อนที่ทำร่างกายเธอนั้นอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนอยู่ได้ไม่รู้ว่าจูบนั้นหยุดลงไปตั้งแต่เมื่อไรเธอรู้เพียงตอนนี้เธอไม่มีแรงแม้แต่จะยืนได้แต่ทรุดตัวนั่งลงตรงนั้นอย่างรู้สึกมึนงง เธอพยายามมากเหลือเกินที่จะควบคุมหัวใจที่เต้นแรงนี้ให้มันกลับมาเป็นปกติ
ราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์มองหน้าผู้ที่เขาเอ่ยนามว่าเป็นพระชายาพลางกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ก่อนจะเลื่อนไปจับกุมแก้มทั้งสองข้างของคนที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้นก่อนจะออกแรงกดเล็กน้อยลงบนแก้มขาวๆ ที่ดูขึ้นสีแดงระเรืองนั้น ‘อะไรกันเขาแค่จูบนิดหน่อยเท่านั้นไยเธอถึงได้ดูไร้เรี่ยวแรงถึงเพียงนี้’ คนถูกจับกุมรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าแต่ก็เรียกสติเธอกลับมาได้ เธอไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรกันแน่ ที่พูดมานั้นเธอไม่อาจทำใจยอมรับได้เลยก็จะให้มาเป็นพระชายาอะไรนั้นทั้งที่ไม่รู้จักกันได้อย่างไรกันเธอไม่อาจยอมรับได้จริงๆ ถ้าจะมีขอเป็นใครสักคนที่เธอรู้สึกรักด้วยหัวใจของเธอไม่ใช่แค่เพราะถูกเลือกจากใคร ใบหน้าสวยสะบัดหน้าหนีจากมือใหญ่แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นแรงเธอกับเขามันต่างกันเกินไป
“เจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้น
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคนอย่างคุณ” ปากเล็กพูดตอบกลับไปอย่างยากลำบากเพราะถูกจับกุมตรงบริเวณสองแก้ม มือเล็กค่อยๆ เลื่อนมาแกะมือใหญ่ที่จับแก้มอยู่ออกแต่ก็ไม่เป็นผลมือนั้นราวกับคีบเหล็กแข็ง
“บอกข้ามาเจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้นเสียงดังพร้อมกับเพิ่มแรงที่มือของตนเองที่กำลังจับกุมแก้มทั้งสอง จนเธอนั้นต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บอีกครั้ง
“กะ กัสมา” เสียงเล็กตอบออกไปอย่างยากลำบากจะไม่ตอบก็กลัวว่าคนมีเขาตรงหน้าจะเพิ่มแรงขึ้นมาอีกเธอไม่ไหวเจ็บตรงบริเวณแก้มจนรู้สึกระบมไปหมดทำไมถึงต้องทำอะไรรุนแรงใส่กันด้วยเธอไม่เข้าใจ
“กัสมา ชื่อแปลกดีนัก เป็นมนุษย์ด้วยอย่างนั้นหรือ” เขาพูดก่อนจะยิ้มมุมปากอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ปล่อยมือที่กุมแก้มสองข้างของเธอมือเล็กๆ รีบยกขึ้นลูบแก้มของตนเองทันทีที่รับรู้ว่ามันเป็นอิสระแก้มของเธอจะต้องเป็นรอยแดงเป็นแน่เธอรู้สึกอย่างนั้น
“ไอ้บ้าบีบมาได้เจ็บนะรู้ไหม” กัสมาพูดขึ้นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเอามือลูบแก้มก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น
“ก็เจ้าไม่เชื่อฟังข้า” แม้จะเป็นแค่เสียงบ่นเบาแต่เขาก็ได้ยินอดไม่ได้ที่จะว่าอีกคนกลับไป ผู้หญิงคนนี้ดูไม่มีอะไรก็จริงแต่เขารับรู้ได้ว่ามันคงไม่ใช่แบบนั้นเป็นแน่
“จะให้ฉันเชื่อฟังคุณแล้วเป็นพระชายาอะไรนั้นใครจะไปทำกัน...ไอ้เขาควายบ้า" เธอเถียงกลับไปพร้อมกับชื่อใหม่ของราชาปีศาจที่กัสมาคิดได้สดๆ ร้อนๆ
“ไอ้เขาควาย? เจ้าเรียกข้าว่าไอ้เขาควายอย่างนั้นหรือ” คนเป็นราชาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดปนสงสัยถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ชื่อนี้มันไม่เหมาะเลยจริงๆ
“ใช่แล้วจะทำไม ก็เขานายมันเหมือนควายจริงๆ และฉันก็ไม่รู้ชื่อคุณสักหน่อย” กัสมาพูดอย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะได้ยินชื่อของคนตรงหน้าแล้วแต่ก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรก็ชื่อเล่นยาวไม่พอยังแปลกอีกผิดตรงไหนถ้าเธอจะจำมันไม่ได้ ทางคนที่ถูกตั้งชื่อใหม่ดูจะไม่พอใจกับชื่อที่ได้รับสักเท่าไหร่
“อัสบัส เรียกข้าว่าอัสบัส”
“ฉันว่าไอ้เขาควายเหมาะกับคุณมากกว่านะ คิคิ” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะทั้งที่ยังคงรู้สึกกลัวอยู่แต่กัสมาไม่อยากจะแสดงมันออกมาให้คนตรงหน้าเห็น เธอต้องเข้มแข็งเธอท่องคำนี้มาตลอดจนถึงตอนนี้
“เจ้าอยากเสียตัวก่อนแต่งหรืออย่างไร” อัสบัสที่กระชากแขนของกัสมาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด คนถูกกระชากตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความกลัวต่อการกระทำของอัสบัสก่อนจะเลื่อนเท้าของตนเองไปเหยียบบนเท้าของคนตรงหน้า อัสบัสตกใจจนปล่อยมือของกัสมา เมื่อมือหลุดจากการจับกุมก็วิ่งไปยังประตูทันที โชคดีที่ไม่มีใครขวางทางไว้อีก ซึ่งเธอเองก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่มาขวางเธอไว้เหมือนเมื่อสักครู่ หรือจะปล่อยให้กลับบ้าน กัสมายิ้มให้กับความคิดของตัวเองทันทีดีใจที่จะได้กลับบ้าน ครั้นเมื่อถึงบานประตูใหญ่ก็หันมาแลบลิ้นอย่างเยอะเย้ยให้กับอัสบัสที่ดูไม่ทุกร้อนใด
“ฝันไปเถอะใครจะไปเป็นเมียนายกันเหล่า” เมื่อพูดจบก็รีบหันไปเปิดบานประตูทันที แต่ทว่าเปิดมันเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก
“หึหึ” อัสบัสหัวเราะในลำคอ ทำให้กัสมาที่ได้ยินหันไปมองชายผมสีแดงเพลิงอย่างทันทีก็พบว่ากำลังส่งรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาให้เธอคิ้วสวยขมวดเป็นปมทันที พลางคิด เพราะแบบนี้พวกของไอ้เขาควายถึงไม่มาขวางไว้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าประตูเปิดไม่ได้ ทำไมกันเธอถึงไม่ชุกคิดให้เร็วกว่านี้
“ก็บอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าหนีจากที่นี้ไม่ได้ หึหึ” อัสบัสพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาที่เธอ กัสมารีบถอยหลังหนีแต่ก็ต้องจนมุมเมื่อหลังชนประตูเสียแล้วไม่มีที่ให้ถอยหนีร่างใหญ่ของอัสบัสอีกต่อไปได้แต่ยืนชิดประตูมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอัสบัสอย่างหวั่นๆ คนตัวใหญ่ค่อยๆ ใช้มือจับคางของเธอให้ยกขึ้นเพื่อมองตาของเขาก่อนโน้มใบหน้าเข้าใกล้แล้วเอ่ยกับเธอว่า
“เจ้าคือคู่ครองของข้า ต่อให้เจ้าคิดหนีสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจพ้นชะตากรรมนี้ โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้วจงมาเป็นพระชายาของข้าและมีบุตรสืบสกุลให้แก่ข้า”
“จะโชคชะตาหรือชะตากรรมอะไรฉันไม่สน เป็นพระชายาคุณ มีบุตรให้คุณ? คุณเข้าใจอะไรผิดไหม เราไม่เคยรู้จักกันเลยคุณคิดได้ไง ฉันไม่ยอมฉันจะกลับบ้านนนน” กัสมาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะจับมือของอัสบัสออกจากคางของตน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้เธอจำไม่ได้เลยว่ารู้สึกหงุดหงิดไอ้คำพูดของไอ้ราชาเขาควายนี้ไปกี่รอบแล้วจากที่เคยกลัวตอนนี้มันได้หายไปหมดสิ้นมีแต่ความโกรธเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ไม่เข้าใจทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้
“เรื่องเหล่านั้นข้าไม่ใส่ใจ แค่เจ้าคือผู้ที่มณีจันทราเลือกก็เพียงพอแล้ว แต่เหตุใดเจ้าถึงเป็นมนุษย์”
“เป็นมนุษย์แล้วไงละ ใครจะเป็นไอ้พวกมีเขาควายเหมือนนายกัน” เป็นมนุษย์แล้วมันแปลกนักหรือไงกัสมานึกขุ่นเคืองในใจ
“เจ้า! ข้าบอกให้เรียกอัสบัสไม่เข้าใจหรืออย่างไร อยากเสียตัวจริงๆ ใช่หรือไม่” อัสบัสพูดขึ้นด้วยใบหน้าหื่นกระหายเพียงเพื่อต้องการแกล้งหญิงสาวตรงหน้าเท่านั้น
“บ้า! ไอ้เขาควายหื่น ไอ้เขาควายโรคจิต” กัสมาว่ากลับอย่างหงุดหงิด มือเล็กๆ ก็ชี้หน้าอัสบัสไปด้วย แต่ดูเหมือนคำว่าของเธอจะไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าทุกร้อนแต่อย่างใดแต่ทำให้เขาหื่นกระหายแทนมากกว่าเพราะใบหน้าฉายแววอย่างชัดเจน เธอได้แต่ยืนพิงประตูอย่างหวาดระแวง
“ถ้าไม่อยากโดนก็อยู่นิ่งๆ เชื่อฟังที่ข้าพูดก็เป็นพอ” อัสบัสพูดก่อนจะยิ้มมุมปากกับอาการของคนตรงหน้า
“ใครจะไปฟังกันได้เป็นเมียปีศาจกันพอดี” กัสมาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้อัสบัสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินแต่ก็ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเพราะยังไงต่อให้หญิงสาวจะทำอะไรก็คงหนีไม่พ้นชะตากรรมนี้อยู่ดี
“อีกสามวันข้าจะจัดงานอภิเษกพวกเจ้าไปเตรียมการให้พร้อม ส่วนเจ้าก็ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าพิธีอภิเษกกับข้า” คนเป็นราชาปีศาจเอ่ยสั่งเหล่าพวกบริวารก่อนจะหันมาสั่งกัสมา
“ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะ” เธอพูดค้านขึ้นมาอย่างโมโห อะไรกันมาบังคับกันได้อย่างไร
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” อัสบัสตอบกลับมาเสียงดังก่อนจะส่งยิ้มที่เธอมองยังไงก็กวนเธอชัดๆ ไม่มีเลยหรือไงที่เธอจะเถียงคนคนนี้ได้ชนะสักครั้งหนึ่ง
“อะไรไอ้เขาควายบ้าพูดเองเออเองทุกอย่าง" กัสมาได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะเธอไม่สามารถจะไปสู้รบตบมือกับคนที่เป็นถึงราชาของโลกปีศาจนี้ได้ ก็ต้องทำตามที่เขาบอกใช่หรือไม่แต่กัสมาไม่ได้ชอบเขาแม้แต่น้อยไม่อยากแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รักจะทำอย่างไรให้ออกไปจากที่นี้ได้กันควรทำอย่างไรดีเธอได้แต่คิดวกวนไปมาอยู่กับความคิดของตัวเองจนเสียงใครอีกคนเรียกให้ออกจากภวังค์นั้น
“เดียวข้าจะให้คนพาเจ้าไปพักผ่อน” อัสบัสหันมาบอกกับกัสมาก่อนจะเรียกหญิงสาววัยกลางคนที่มีหูกับหางเหมือนแมวมาทางที่เธอยืนอยู่ครั้นจะเถียงออกไปก็ทำไม่ได้คงต้องยอมไปก่อนแล้วค่อยหาทางทีหลังอีกครั้งเธอได้แต่คิดเช่นนั้น
“เจ้าพาว่าที่พระชายาของข้าไปพักผ่อนที่ตำหนักทางทิศเหนือ” คนเป็นราชาสั่งขึ้นอีกครั้ง ตำหนักทิศเหนืออยู่คนละฝั่งกับตำหนักที่อัสบัสอยู่คือตำหนักทิศใต้การที่เขาไม่ให้กัสมาไปอยู่ตำหนักทิศใต้นั้นเพราะมันเป็นกฎตั้งแต่บรรพบุรุษก่อนเข้าพิธีอภิเษกจะไม่สามารถพบเจอกันได้เลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งวันอภิเษกทั้งที่ในใจของเขาอยากอยู่กับกัสมาก็ตาม
ตอนนี้กัสมาออกไปจากท้องพระโรงแล้วเรียบร้อยเหล่าบริวารคนอื่นๆ ก็เริ่มแยกย้ายไปทำงานตามคำสั่งของผู้เป็นราชาครู่หนึ่งท้องพระโรงที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนนั้นบัดนี้เหลือเพียงผู้เป็นราชาและคนสนิทอีกคนเพียงเท่านั้น
“ฝ่าบาทเหตุใดมณีจันทราถึงเลือกคู่ครองเป็นมนุษย์เหล่าพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่อดีตคู่ครองที่ถูกเลือกล้วนแต่เป็นเหล่าปีศาจด้วยกันทั้งนั้นเหตุใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่ปล่อยให้ท้องพระโรงนั้นปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่นานรีฟเฟอร์ก็เอ่ยแทรกผ่านความเงียบขึ้นมาอย่างสงสัย
“ข้าก็หารู้ไม่ว่าเพราะเหตุใด แต่ในกฎหาได้บอกไว้ว่าห้ามเป็นมนุษย์”
“มันจักไม่เป็นปัญหาใช่หรือไม่ฝ่าบาท โลกปีศาจกับโลกมนุษย์หาเคยยุ่งเกี่ยวกันมาก่อนนะพะยะค่ะ”
“จะทำการใดได้ในเมื่อมณีจันทราเลือกแล้วและอีกอย่างข้าก็ถูกใจนางเสียด้วย” คนเป็นราชาเอ่ยอย่างยิ้มๆ ดวงตาฉายแววความต้องการอย่างเด่นชัดคนเป็นลูกน้องอย่างรีฟเฟอร์ได้แต่นึกสงสารว่าที่ราชินีของเขาเหลือเกิน
“เจอราชินีประเดี๋ยวเดียวฝ่าบาทถึงกับเปลี่ยนไปนะพ่ะย่ะค่ะ จากราชาผู้เยือกเย็นกลายมาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไปเสียได้” รีฟเฟอร์เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันประสงค์ของผู้เป็นนาย
“เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ทันข้ารีฟเฟอร์”
“แล้วฝ่าบาทจะทรงทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนราชินีทรงไม่ยอมฝ่าบาทง่ายๆ เป็นแน่”
“เจ้าอย่าได้ห่วงไป ข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วกัสมาต้องยอมข้าเป็นแน่” อัสบัสตอบอย่างมั่นใจกับความคิดตัวเอง ก่อนร่างสูงใหญ่จะออกเดินแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อร่างกายทรุดลงกับพื้นด้วยอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกอย่างกะทันหัน
“ฝ่าบาททรงเป็นอะไรมากหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์ที่รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายเหนือหัวอย่างตกใจก็ราชาของเขาเคยเป็นอะไรที่ไหนกันเจอแบบนี้คนเป็นองครักษ์อย่างเขาเลยค่อนข้างที่จะตกใจอยู่ไม่น้อย
“ข้าไม่เป็นอะไรแค่เจ็บตรงตราแสงแห่งราวินทราเท่านั้น” อัสบัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูติดจะทรมาน มือทั้งสองกอบกุมหน้าอกแน่น
“แต่ฝ่าบาทไม่เคยปวดมาก่อนเลยนะพ่ะย่ะค่ะ หรือจะเป็นเหมือนดังตำนานที่กล่าวไว้” องครักษ์หนุ่มพูดขึ้นอย่างตกใจ
“อ๊ากกกกก” เรียกร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังมาจากอัสบัสเพราะเจ้าตัวรู้สึกถึงบีบรัดที่หน้าอกอย่างมหาศาลจนต้านทานไม่ไหว
“ฝ่าบาท!” รีฟเฟอร์ประคองร่างของผู้เป็นนายด้วยความกังวลมองใบหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมานแต่ฉายแววความปีติยินดีออกมาแม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม
“ผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ในที่สุดข้าก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเสียที
............................................................
ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
* เจอคำผิดรบกวนแจ้งหน่อยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ