ชื่อเรื่อง ยังไม่มี
เขียนโดย PMTV
วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 22.35 น.
แก้ไขเมื่อ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564 15.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
43) ตอนที่43
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตื่นมาอีกทีก็เช้าของวันใหม่พอดี ผมก็อ่าบน้ำแต่งตัวไปทำงานปกติ พอไปถึงบริษัทก็เข้าไปนั่งทำงานเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะไปได้
สักพัก ซานาเอะก็เอาเอกสารฝึกงานของเคนชินมาให้ผมเซ็น
ผม-เอกสารฝึกงานของเคนชินมีแค่นี้ใช่มั้ยครับ
ซานาเอะ-ใช่ค่ะ บิกคุซังคะ จริงๆแล้วเคนชินอยากจะขอขึ้นมาพบกับบิกคุซัง แต่ดิฉันไม่แน่ใจว่ามันจะดีมั้ย ดิฉันก็เลยให้เคนชินรออยู่
ที่ข้างล่างค่ะ
ผม-อืม……จริงๆตอนนี้ผมก็ค่อนข้างจะยุ่งอยู่
ซานาเอะ-ถ้างั้นปฏิเสธไปก่อนจะดีกว่านะคะ
ผม-ไม่เป็นไรครับ ให้เคนชินขึ้นมาเลยล่ะกัน อาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้นะครับ
ซานาเอะ-ทราบแล้วค่ะ
ซานาเอะก็เดินออกจากห้องทำงานผมไปผมก็กลับมานั่งทำงานเอกสารได้แปปเดียวเคนชินและซานาเอะก็เข้ามา
ซานาเอะ-บิกคุซังคะ เคนชินมาแล้วค่ะ
เคนชิน-สะ สวัสดีครับ บะ บะ บะ บิกคุ….ซัง
ผม-นี่เคนชินถ้าแกไม่ชินละก็จะเรียกแบบตอนสมัยที่เราเรียนด้วยกันก็ได้นะ
ซานาเอะ-บิกคุซังคะ ช่วยอย่าพูดเล่นในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จะได้มั้ยคะ
ผม-ขะ…เข้าใจแล้วครับ เคนชินแล้ววันนี้แกมีเรื่องอะไรงั้นหรอ
เคนชิน-คะ คือว่า บะ บิกคุ..ซัง
ผม-เฮ้ออ นี่ซานาเอะซัง ช่วยปล่อยเคนชินพูดปกติกับผมสักครั้งจะได้มั้ยครับ ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่รู้จะคุยกันเสร็จตอนไหน
ซานาเอะ-แต่ว่า
ผม-นะครับ ซานาเอะซัง
ซานาเอะ-ทะ ทราบแล้วค่ะ
เคนชิน-ซานาเอะซัง จะดีหรอครับ!!
ผม-เคนชินแกมีเรื่องอะไรจะพูด รีบๆพูดมาสักทีสิวะ ข้ารอฟังอยู่นานแล้วนะ
ซานาเอะ-ไม่ได้ยินที่บิกคุซังถามหรอคะ เคนชิน ถ้าได้ยินก็ช่วยกรุณาตอบคำถามของบิกคุซังเร็วๆด้วยค่ะ ตอนนี้บิกคุซังกำลังยุ่งอยู่นะ
คะ
เคนชิน-ขะ เข้าใจแล้วครับ บะ บิกคุ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง หลังจากเรียนจบแล้วผมอยากจะมาทำงานที่นี่ต่อ จะได้มั้ยครับ
ผม-ห๊ะ!!นี่แกบ้ารึป่าว บอกไปกี่รอบแล้วว่าที่อื่นสบายกว่านี้ตั้งเยอะ
ซานาเอะ-นั่นสิคะเคนชิน ทำไมต้องเป็นบริษัทนี้คะ
เคนชิน-คะ คือ…..
ผม-ช่างมันเถอะครับ ซานาเอะซังถ้าเคนชินอยากจะมาทำงานที่นี่ก็ไม่เป็นไร แต่ว่านะเคนชินแกคงจะเข้าใจใช่มั้ยว่าต่อให้แกเป็น
เพื่อนข้าสมัยเรียน แต่แกก็จะไม่มีสิทธิพิเศษในบริษัทนี้หรอกนะ
เคนชิน-อะ อื้มเข้าใจแล้ว จริงๆแค่เงินเดือนที่จ่ายให้พนักงานและสวัสดิการก็ถือว่าดีกว่าบริษัทอื่นเยอะมากแล้วล่ะ
ผม-เป็นอย่างงั้นหรอครับซานาเอะซัง
ซานาเอะ-ค่ะ ถ้าเทียบกับบริษัทอื่นแล้ว ทางบริษัทเรานั้นถือว่าดีกว่าเยอะมากเลยค่ะ ดิฉันมาสมัครที่นี่ก็เพราะเหตุผลนี้เหมือนกันค่ะ
ผม-งั้นหรอครับ ถ้าแกเข้าใจเรื่องนั้นก็ดีแล้วล่ะ หลังจากเรียนจบก็มายื่นสมัครงานดูล่ะกันนะ แต่ไม่รับประกันว่าจะผ่านหรอกนะเคนชิน
เคนชิน-อื้ม!!
ผม-ถ้าจบเรื่องแล้ว งั้น ข้าต้องขอตัวทำงานต่อละ
ซานาเอะ-ทราบแล้วค่ะบิกคุซัง เคนชินถ้าเสร็จธุระแล้วเชิญค่ะ
เคนชิน-คะ ครับ
ซานาเอะก็พาเคนชินออกไปนอกห้องทำงานผม ผมก็หันกลับมาทำงานเอกสารไปเรื่อยๆ กว่าจะเสร็จก็บ่าย3โมงกว่าๆ ผมก็เดินเอา
เอกสารทั้งหมดที่เสร็จแล้วส่งให้ นานามิและซานาเอะ
ผม-นี่ครับเอกสารทั้งหมด ผมทำเสร็จหมดแล้วครับ
ซานาเอะ-ขอบคุณค่ะ
ในระหว่างที่ผมยื่นแฟ้มเอกสารให้นานามิ ผมก็ชำเลืองมอง หาแฟ้มงานที่มาส่งใหม่บนโต๊ะนานามิ
นานามิ-วันนี้งานหมดแล้วค่ะบิกคุซัง
ผม-เอ๊ะ!!ผมยังไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับงานเลยนะครับ นานามิซัง
นานามิ-ดิฉันเป็นเลขาของบิกคุซังมานานแล้วนะคะ แค่บิกคุซังมองดิฉันก็รู้แล้วค่ะ ว่าบิกคุซังต้องการอะไร
ผม-ผะ ผะ ผมก็แค่มองดูเฉยๆครับ แล้วเอกสารของสาขาโยโคเตะ ล่ะครับ
นานามิ-เรื่องนั้น พวกเรากำลังรวบรวมให้อยู่ค่ะถ้าบิกคุซังจะดู ดิฉันพอจะมีเอกสารอยู่บ้างถึงจะไม่ครบแต่ก็พอดูได้นะคะ
ผม-ไม่เป็นไรครับ ผมรอดูตอน ที่เอกสารมาครบดีกว่าครับเพราะ เอกสารที่ส่งมาถึงผมก็ไม่ค่อยมีในส่วนที่ผมสงสัยหรืออยากรู้อยู่เลย
นานามิ-ทราบแล้วค่ะ
ซานาเอะ-บิกคุซังคะ แล้วเรื่องของเคนชินตอนที่มาสมัครงานใหม่อีกรอบอยากจะให้เพิ่มความยากของแบบทดสอบมั้ยคะ
ผม-อืมมม….ถ้าเพิ่มแค่ของเคนชินคนเดียวมันจะดูไม่ดีนะครับ ต่อให้มันยากกว่าของคนอื่น แต่มันก็ไม่เหมือนคนอื่นอยู่ดี อาจจะดู
เหมือนไม่ยุติธรรมนะครับ ผมว่าปล่อยให้เป็นไปตามปกติละกันนะครับ
ซานาเอะ-ทราบแล้วค่ะ
ผม-ถ้าไม่มีงานแล้วผมกลับบ้านเลยล่ะกัน ถ้ามีงานด่วนก็โทรมาแจ้งได้เลยนะครับ
นานามิ/ซานาเอะ-ทราบแล้วค่ะ
หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปในห้องเพื่อเก็บของกลับบ้าน พอมาถึงบ้านผมก็เอารถไปจอดเก็บในโรงรถและเดินเข้าบ้านไป
ทานากะ-ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ
ผม-ครับ ฮารุอยู่ที่ไหนหรอครับ
ทานากะ-คุณผู้หญิง ออกไปที่บ้านท่านสึคุยะ เมื่อสักครู่นี้เองครับ
ผม-งั้นหรอครับ
ทานากะ-คุณท่านจะรับอาหารเย็นเลยมั้ยครับ
ผม-ยังไม่เอาดีกว่าครับ ผมจะขึ้นไปอ่าบน้ำก่อน
ทานากะ-ทราบแล้วครับ
หลังจากนั้นผมก็ขึ้นมาอ่าบน้ำ แต่งตัวพอลงมาข้างล่างก็เจอฮารุ กับ ชิสึ และเก็นจิ กำลังเดินเข้าบ้านมาพอดี
ผม-กลับมาแล้วหรอครับ
ฮารุ-อ๊ะ!! ที่รักกลับบ้านมาแล้วหรอคะ ทำไมวันนี้กลับบ้านไวจัง
ผม-พอดีวันนี้งานมันไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ
ฮารุ-เย็นนี้ ที่รักอยากจะทานอะไรดีคะ
ผม-เอาที่มันง่ายๆก็ได้ครับ ผมไม่มีอะไรที่อยากทานเป็นพิเศษตอนนี้
ฮารุ-ค่า~~ ชิสึซังอายะซังพวกเรารีบเข้าครัวไปทำอาหารเย็นกันเถอะนะคะ
ผม-เด๋วสิฮารุ ให้คนอื่นไปทำเถอะนะ พอดีผมมีเรื่องอยาจะคุยกับคุณสักหน่อย
ฮารุ-กะ ก็ได้ค่ะ
ผม-ชิสึซัง อายะซัง รบกวนด้วยนะครับ
ชิสึ/อายะ-ทราบแล้วค่ะ
และชิสึกับอายะก็เดินเข้าไปในครัว ส่วนผมกับฮารุและเก็นจิเดินตามผมเข้ามาในห้องทำงานของผม
ฮารุ-ที่รักมีเรื่องอะไรจะคุยหรอคะ
ผม-ฮารุ คุณรู้เรื่องโรงแรมของเราที่ สาขาเมืองโยโคเตะ บ้างมั้ยครับ
ฮารุ-เมืองโยโคเตะหรอคะ….. อ๋อ!! รู้สิคะ ที่นั่น มีเทศกาลบ้านหิมะด้วยนะคะ ที่รักจะไปเที่ยวที่นั่นหรอคะ ขอฮารุไปด้วยนะ
ผม-ใช่ครับผมหมายถึงที่นั่นแหละ แต่ผมไม่ได้จะไปนะครับ ผมแค่ รู้สึกแปลกกับรายงานที่ทางสาขานั้นส่งมา จากข้อมูลที่ผมได้รับมา
ตอนแรก สรุปได้ว่า ยอดลูกค้ามาใช้บริการจะน้อยลงเรื่อยทุกปีๆถึงจะไม่ได้เยอะก็เถอะ แต่มันไม่แปลกไปหน่อยหรอครับ ตั้งแต่ผม
ทำงานมา สาขานั้นไม่เคยทำยอดตามเป้าได้เลยสักปี แต่พอดูในช่องหมายเหตุดันไม่มีอะไรเขียนชี้แจงมาสักอย่าง
ฮารุ-เอ๊ะ!!! จริงหรอคะ แล้วที่รักบอกคุณพ่อรึยังคะ
ผม-ยังไม่ได้บอกครับ เพราะคุณพ่อเคยสั่งไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งกับสาขานั้นโดยปกติคุณพ่อจะเป็นคนจัดการเอกสารและทุกๆอย่างเกี่ยว
กับสาขานั้นด้วยตัวเองตลอดแต่จู่ๆก็มีแฟ้มเอกสารส่งมาที่ผม
ฮารุ-ที่รัก พวกเราเข้าไปปรึกษาคุณแม่ กับคุณพ่อที่บ้านดีมั้ยคะ
ผม-มะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ ตอนนี้ผมแค่สั่งให้นานามิซังกับซานาเอะซัง รวบรวมเอกสารของสาขานั้นมาให้ผมอยู่ หลัง
จากได้เอกสารผมก็ว่าจะเข้าไปคุยกับคุณพ่อเหมือนกันครับ
ฮารุ-แบบนั้นก็ได้ค่ะ
ผม-จริงสิ เกือบลืมไปเลย หลังจากที่เคนชินเรียนจบมันจะมาสมัครงานที่บริษัทของเรา ผมหวังว่า
ฮารุ-ไม่ได้ค่ะ!!!
ผม-ทะ ทำไมล่ะครับ
ฮารุ-ฮารุไม่ชอบเคนชินค่ะ
ผม-นี่ฮารุ เรื่องในวันนั้นก็ช่างมันเถอะนะครับ อีกอย่างในวันนั้นผมเองก็ไม่ได้เจ็บตัวอะไรด้วยนะครับ
ฮารุ-ก็ได้ค่ะ!! ฮารุจะเป็นคนจัดการเอง และที่รักห้ามมาช่วยเคนชินด้วย
จะ จัดการ? ฮารุจะจัดการอะไรอีกเนี้ยยโอ้ยหัวจะปวด ช่วงนี้เจอแต่ล่ะอย่างมีแต่เรื่องปวดหัว แต่ช่างเถ๊อะ อีกนานกว่าเคนชินมัน
จะมาสมัครงานถึงตอนนั้นฮารุคงลืมไปแล้วพอผมคิดแบบนั้นผมก็เลยตอบตกลงกับฮารุไปอย่างส่งๆ
ผม-ครับๆ ผมทราบแล้วครับ
ฮารุ-ค่ะ งั้นฮารุไปทำข้าวเย็นให้ที่รักก่อนนะคะ
ผม-ให้คนอื่นเค้าทำไปเถอะครับ ฮารุก็นั่งพักสักหน่อยสิ วันๆจัดการเรื่องในบ้านอยู่คนเดียว
ฮารุ-ถึงจะเหนื่อยแต่ มันก็ยังมีหน้าที่ของภรรยารออยู่อีกนี่คะ
ผม-ครับๆ ผมเข้าใจแล้วครับ เย็นนี้ผมจะรอชิมอาหารฝีมือคุณนะครับ
ฮารุ-ค่ะ งั้นฝากเก็นจิให้อยู่กับที่รักนะ
แล้วฮารุก็วิ่งมาจุ๊บผมก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากห้องทำงานของผมไป
ผม-เฮ้อออ
เก็นจิ-คะ คุณท่าน คงไม่ได้คิดที่จะไปจัดการสาขาโยโคเตะคนเดียวหรอกนะครับ
ผม-ใครมันจะไปรู้อนาคตกันล่ะไอ้บ้า
เก็นจิ-ตะ แต่ว่าจากนิสัยของลูกพี่ เอ๊ย นิสัยของคุณท่านแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ คุณท่านจะออกไปคนเดียว
ผม-เรื่องไร้สาระนี่ขยันจำจริงๆนะเก็นจิ ว่าแต่แกได้จัดตาราง การฝึกของไอ้พวกบ้า2คนนั้นรึยัง
เก็นจิ-ยะ..ยังครับ คือผมจะมาขออณุญาตจากคุณท่านก่อน เพราะผมอยากจะขอทดสอบ2คนนั้นอีกที
ผม-เห้ย นี่แกคิดจะเอาคืนไอ้พวกบ้านั่นรึไง ในวันนั้นแกก็สู้กับไอ้พวกบ้านั่นจนสมใจอยากแล้วนิ่
เก็นจิ-ตะ…แต่ ถ้าไม่ทำผมก็จัดตารางไม่ถูกนะครับ
ผม-เออๆ เข้าใจแล้วจะทำไรก็ทำ แต่อย่าให้มันหนักเกินไปนักล่ะ ถ้าแกทำอะไรกับ2คนนั้นอีกครั้งล่ะก็ แม้แต่ข้าก็ช่วยชีวิตเอ็งไม่ได้
แล้วนะ
เก็นจิ-ฮึ!! ผมไม่ได้กลัวคนพวกนั้นเลยครับ
ผม-เฮ้ออ!!มรึงนี่มันโครตโง่เลยนะจะโลกแคบไปถึงไหนกันโตเป็นผู้ใหญ่สักทีและลองมองดูรอบๆตัวมรึงดีๆอีกทีซิ(ภาษาไทย)
เก็นจิก็ได้แต่เงียบไม่ได้ตอบอะไรผมกลับมา ผมคิดว่าคงถึงเวลาที่จะต้องสอนเก็นจิมันจริงๆจังๆซะที ที่ผ่านมาสิ่งที่เก็นจิรับรู้และเห็น
ในสิ่งที่ผมทำมีแต่การใช้กำลังเข้าจัดการทุกอย่าง ที่มันจะหลงตัวเองเพราะเคยผ่านประสบการณ์แบบเดียวกับผมมา ถึงจะไม่ได้
ทั้งหมด ก็คงช่วยไม่ได้ที่มันจะหลงตัวเองและคิดแบบนั้น ถ้าเทียบกับคนที่นี่แล้วมันก็สามารถอยู่หัวแถวในเรื่องโง่ๆพวกนี้ได้ไม่ยาก
แต่ที่นี่ยังมีอีกหลายคนที่พวกผมไม่ควรจะเข้าไปยุ่งถ้ายังรักชีวิตของตัวเองอยู่
ผม-จะบอกอะไรให้ละกัน ที่กูอยู่กับทาเคดะซังและซาซากิซังได้สบายๆแบบที่มรึงเห็นนั่นก็เพราะกูไม่ได้ใช้กำลังสู้กับคนพวกนั้นไงล่ะ
มรึงคิดว่าคนอย่างพวกเราที่มาอยู่ต่างแดนต่างถิ่นเนี้ย ควรจะไปหาเรื่องกับยากูซ่าเจ้าถิ่นมั้ยมรึงลองคิดดูดีๆ นั่นแหละคือความเป็นจริง
ที่กูต้องดูแลไอ้พวกบ้านั่น ก็เพราะนี่คืองานที่กูได้รับมาจาก2คนนั้น!!! ส่วนชิโระมันคือเพื่อนสนิทกูตอนที่ได้ที่มาเรียนที่นี่ !! (ภาษา
ไทย)
เก็นจิ-ละ ลูกพี่ถ้างั้นพวกเราเป็นลูกน้องเค้าหรอครับ(ภาษาไทย)
ผม-เห้ย! พวกเราไม่ใช่ลูกน้องของทั้ง2คนนั้น และจะไม่มีวันเป็นจำเอาไว้(ภาษาไทย)
เก็นจิ-ถ้างั้นแล้วทำไมพวกเราถึงยังต้องไปช่วยพวกเค้าอีกล่ะครับ(ภาษาไทย)
ผม-กูขอถามมรึงหน่อยเก็นจิ มรึงคิดว่ากูคิดยังไงกับ2คนนั้น(ภาษาไทย)
เก็นจิ-ค…คิดยังไงหรอครับ คิดว่าเป็นแค่หัวหน้าแก๊งยากูซ่าธรรมดา(ภาษาไทย)
ผม-ไม่ใช่โว้ยไอ้โง่!! กูหมายถึง สำหรับกูแล้ว2คนนั้นเป็น มิตรหรือศัตรูกันแน่(ภาษาไทย)
เก็นจิ-ศัตรูครับ!!! (ภาษาไทย)
ไอ้เก็นจิมันตอบผมมาอย่างไม่คิด หลังจากที่ผมได้ฟังคำตอบของมันแล้วผมถึงกับเอามือกุมขมับทันที เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะว่าผม
พูดกับมันไปตั้งเยอะ มันกับคิดไม่ได้อีกปวดหัวโว้ยยยย!!!!! รอบหน้าที่เจอเคียวซังจะขอให้ทำงานให้เข็ดเลยคอยดู!!!
ผม-มิตรโว้ย!! เฮ้อออ กูจะทำยังไงกับมรึงดีนะ เก็นมรึงฟังดีๆนะ 2คนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของเมียกูมรึงเข้าใจคำนี้มั้ย มรึงสะกด
คำว่าครอบครัวเป็นมั้ยวะ!! (ภาษาไทย)
เก็นจิ-ปะ..เป็นครับ(ภาษาไทย)
ผม-เออ!! 2คนนั้นคือครอบครัวของพวกเรารวมถึงไอ้พวกบ้านั่นและคนในแก๊งทุกคนและอีกอย่างนะจะบอกแกเอาไว้เพื่อแกยังไม่รู้
ซาซากิซังและทาเคดะซัง 2คนนั้นน่ะตัวอันตรายของจริงเลยล่ะโดยเฉพาะทาเคดะซัง แกไม่คิดบ้างหรอทำไมคนที่ใจดีแบบเค้าถึงได้
รับตำแหน่งหัวหน้ายากุซ่ากันล่ะ ถ้าเป็นซาซากิซังก็ว่าอย่าง คนๆนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนใส่ชุดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะตอนไหน ดูยังไงเค้าก็คือ
หัวหน้ายากุซ่า คนที่แกควรจะระวังไม่ใช่ซาซากิซังหรอกนะ แต่เป็นทาเคดะซังต่างหากล่ะจำเอาไว้ให้ดี อย่าไปยุ่งกับ2คนนั้นและอย่า
ทำให้2คนนั้นโกรธเด็ดขาด มรึงเข้าใจที่กูพูดรึยัง(ภาษาไทย)
เก็นจิ-ขะ..เข้าใจแล้วครับ(ภาษาไทย)
หลังจากเก็นจิตอบผมเสร็จก็มีคนเคาะประตูห้องทำงานผม
ก๊อกๆ
ฮารุ-ทะ..ที่รักคุยอะไรกันอยู่หรอคะดูเครียดกันมากเลยนะคะ
ผมหันไปตามเสียงฮารุก็เห็นฮารุกับยัยพลอยยืนแอบหลังประตูโผล่เข้ามาแค่หัว
ผม-ทำอะไรกันอยู่ครับ ทำไมไม่เข้ามาพูดในห้องดีๆล่ะครับ
พลอย-พี่ชายทำหน้าดุ ขนาดนั้นใครจะกล้าเข้าไปคะ
ฮารุ-พะ..พลอยจังอย่าไปว่าพี่ชายสิจ๊ะ ที่รักข้าวเย็นเสร็จแล้วค่ะ ไปทานข้าวกันเถอะนะคะ เก็นจิคุงก็ไปทานข้าวเย็นได้แล้วนะจ๊ะ
ผม-งั้นพวกเราก็ไปทานข้าวกันเลยนะครับ
เก็นจิ-ทราบแล้วครับคุณผู้หญิง งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ
หลังจากนั้นเก็นจิก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงานผม ในระหว่างที่เก็นจิกำลังจะเดินออกไปผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมยังเหลือคำถามของ
เก็นจิที่ยังไม่ได้ตอบอยู่
ผม-จริงสิเก็นจิลืมบอกแกไปอย่างถ้าถามว่าพวกเราเป็นลูกน้องของใครล่ะก็ พวกเราเป็นลูกน้องของโอคะวะกรุ๊ป แค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
จำเอาไว้ให้ดีด้วย
เก็นจิมันก็ชะงักไปแปปนึงและมันก็ก้มหัวให้พวกผมก่อนที่จะปิดประตูห้องทำงาน ดูท่ามันจะเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว
ผม-ยัยพลอยเมื่อกี้แกไม่ได้แปลอะไรให้ใครฟังใช่มั้ย(ภาษาไทย)
พลอย-ใครจะกล้าแปลกันคะ สิ่งที่พี่ชายพูดออกมาคิดบ้างรึป่าวถ้า2คนนั้นได้ยินพวกเค้าจะรู้สึกยังไง พวกเราจะซวยกันนะตาพี่
บ้า(ภาษาไทย)
ผม-ถึงจะใช้คำพูดไม่เหมาะสมก็เถอะแต่ต่อให้ถูกแปลให้คนอื่นฟังความหมายที่สื่อออกไปมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ถูกมั้ยล่ะ(ภาษาไทย)
พลอย-ได้งั้นหนูจะแปลให้พี่ฮารุฟัง(ภาษาไทย)
ผม-หยุด!! (ภาษาไทย)
ฮารุ-นี่ทั้ง2คน ทำไมถึงไม่คุยกันด้วยภาษาญี่ปุ่นล่ะ ฮารุเหมือนคนนอกเลยนะคะ
ผม-ขะ..ขอโทษครับผมไม่ได้ตั้งใจ
ฮารุ-ทั้ง2คนมีความลับกับฮารุหรอคะถึงไม่คุยกันด้วยภาษาญี่ปุ่น
หลังจากฮารุพูดเสร็จฮารุก็เริ่มทำท่าจะร้องไห้ผมก็เลยรีบลุกเข้าไปหาฮารุพร้อมกับกอดฮารุเอาไว้
ผม-ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะครับเพียงแต่มันมีบางคำพูดที่มันไม่มีในภาษาญี่ปุ่นอยู่เยอะพวกผมก็เลยคุยภาษาไทยกันเพื่อความง่าย
พลอย-ชะ ใช่แล้วค่ะพี่ฮารุ
ฮารุ-จริงๆนะคะ
ผม-ครับ
พลอย-งั้นหนูจะสอนภาษาไทยให้พี่ฮารุเอามั้ยคะ
ผม-เด๋ว
ฮารุ-เอาค่ะ!! ขอความกรุณาด้วยนะคะ คุณครูพลอย
พลอย-อะ แฮ่ม! วางใจได้เลยค้า~~
และยัยพลอยก็เอามือทั้ง2ข้างท้าวเอวและทำหน้าเชิด ประหนึ่งว่าข้านี่เก่งที่สุดในปฐพีนี้แล้ว ผมได้แต่เอือมระอาอยู่ในใจ
ผม-นี่ฮารุไม่ต้องเรียนหรอกนะ ยังไงก็มีผม ยัยพลอยและเก็นจิที่คอยแปลให้อยู่นะครับ
ฮารุ-ไม่เอาหรอกค่ะ
ผม-แค่คุณคอยจัดการเรื่องในบ้านนี่มันก็เหนื่อยแล้วนะอย่าเลยครับ
ฮารุ-ที่รักคะถ้าพูดไปแล้วเหมือนจะอวด แต่ฮารุเนี้ยเรียนเก่งมากๆเลยนะคะ
ผม-เรื่องนั้นผมรู้ดีครับแต่ว่า
ฮารุ-ฮารุไม่ยอมเป็นคนนอกไปตลอดหรอกนะคะ ฮารุจะเรียนภาษาไทยค่ะ!!
ผม-เฮ้อออ เข้าใจแล้วครับ
และผมก็หันไปมองยัยพลอยผมไม่รู้ว่ายัยนั่นมันจะเอาจริงเอาจังแค่ไหนถ้าฮารุพูดมาขนาดนี้ก็คงจะตั้งใจจริงๆนั่นแหละ แต่ยัยพลอย
จะตั้งใจสอนให้ฮารุจริงๆหรอ ยัยน้องบ้ามีเวลาว่างขนาดนั้นเลยเร๊อะ เอาเถอะยังไงก็ยังเหลือเก็นจิอีกคนน่าจะมีเวลาสอนให้ฮารุ
ได้เยอะกว่ายัยพลอย
ฮารุ-ถ้างั้นพวกเราไปทานข้าวเย็นกันเถอะนะคะ
ผม-คร้าบๆ
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินไปที่ห้องอาหารนั่งกินข้าวไปคุยกันไปหลังจากนั้นผมก็แยกตัวออกมาเดินเล่นที่สวนหลังบ้านต้มไม้ที่เอามา
ปลูกใหม่เดิมทีก็มีดอกกันหมดแล้วพอลงดินแล้วยิ่งทำให้โตไวมากกว่าเดิมอีกปีนี้อาจจะมีผลไม้ของตัวเองกินแล้ว วะ ฮ่ะ ฮ่ะๆ!!!ในระหว่างที่กลับมายืนดูสวนตรงหลังบ้านอยู่นั้นทานากะที่มาพร้อมกับรถเข็นที่มีกาน้ำชาและแก้วก็ได้เข็นรถตรงมาหาผม
ทานากะ-คุณท่าน กระผมเอาชาร้อนมาให้ครับ
ผม-อ่า
ทานากะ-อาหาศเย็นแบบนี้ระวังจะไม่สบายนะครับ
ผม- ฮ่ะๆผมไม่เป็นไรหรอก ทานากะซังตอนนี้มีคนครัวมาสมัครงานบ้างรึยัง
ทานากะ-มีครับ แต่น่าเสียดายที่คนเหล่านั้นไม่มีคุณสมบัติตามที่คุณท่านต้องการครับ
ผม-เฮ้อออ หรือพวกเราจะยอมลดเงื่อนไขลงหน่อยดีมั้ย
ทานากะ-กระผมคิดว่า ไม่จำต้องทำแบบนั้นหรอกครับ กระผมจะหาคนที่ตรงตามคุณสมบัติที่คุณท่านตั้งไว้มาให้ได้ครับ
ผม-ถ้าทานากะซังยืนยันแบบนั้นผมก็ดีใจครับ และก็ช่วยบอกให้คนมาคอยดูและต้นไม้หลังบ้านให้ผมด้วยนะครับ ผมอยากจะชิมเหล้า
บ๊วยที่ดองเองมานานแล้วครับ
ทานากะ-โฮ๊ะๆ กระผมรับรองได้เลยว่าปีนี้คุณท่านจะได้ทำการดองเหล้าบ๊วยแน่นอนครับ ที่บ้านของเรามีต้นบ๊วยทั้งหมด7ต้น
กระผมมั่นใจว่าคุณท่านจะปวดหัวกับการหาที่เก็บแน่นอนครับ
ผม-ฮ่ะๆๆ! ทานากะซังคุณกำลังทำให้ผมคาดหวังอยู่นะ แล้วปกติเค้าต้องดองนานแค่ไหนหรอครับ
ทานากะ-โฮ๊ะๆกระผมจะทำให้เต็มที่เลยครับถ้าพูดถึงการบ่มเหล้าบ๊วยแล้วประมาณ1ปีเป็นอย่างน้อยครับ บางคนบ่มไว้นาน
กว่า60ปีเลยนะครับ ว่ากันว่ารสชาตินุ่มลึกและหอมกลิ่นของบ๊วยมากเลยล่ะครับ
ผม-ว้าว!!มันต้องอร่อยมากแน่ๆเลยครับ ถ้างั้นช่วยเตรียมของให้ผมหน่อยนะครับ ถ้าได้บ๊วยแล้วจัดการดองเหล้าทันทีเลยนะครับ
ทานากะ-หลังจากทำเหล้าบ๊วยแล้วบ๊วยสดในส่วนที่เหลือกระผมอยากจะขอนำเสนอให้แบ่งบ๊วยสดที่ได้มาดองมาทำน้ำบ๊วยไว้ให้คุณ
ผู้หญิงดื่มจะได้สดชื่นและในส่วนสุดท้ายเอามาดองเค็มไว้ทานกับข้าวสวย ดีมั้ยครับ
ผม-อืม…ก็ดีเหมือนกันยังไงเราก็คงจะมีบ๊วยเหลือเยอะเกินที่จะทำแค่เหล้าบ๊วยเก็บไว้ก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วด้วยล่ะนะ งั้นผมฝาก
จัดการด้วยนะครับ ทานากะซัง
ทานากะ-รับทราบแล้วครับ
ผม-จริงสิ คอยดู เก็นจิอย่าให้มันทำเรื่องบ้าๆนะครับ
ทานากะ-เก็นจิซังหรอครับ เรื่องของท่านชิโระและท่านริว สินะครับ
ผม-อืม บอกตามตรง ผมไม่อยากจะมีปัญหากับซาซากิซังและทาเคดะซังโดยที่ไม่จำเป็นหรอกนะครับ
ทานากะ-ทราบแล้วครับ กระผมจะจับตามมองเก็นจิซังอย่างไม่ให้คลาดสายตาเลยครับ
ผม-ฝากด้วยนะครับ งั้นผมไปนอนก่อนนะและก็ขอบคุณสำหรับชาร้อนหอมๆแก้วนี้ด้วยนะครับ
ทานากะ-โฮ๊ะๆด้วยความยินดีครับคุณท่าน
พูดจบผมก็ดื่มชาที่ทานากะเทมาให้จนหมดแก้วและก็ส่งแก้วคืนให้กลับทานากะหลังจากนั้นผมก็เดินขึ้นไปที่ห้องและก็ล้มตัวลงนอน
ตื่นเช้ามาผมก็ไปทำงานปกติ จนเวลาผ่านไป1อาทิตย์ผมก็ตื่นเช้าตามปกติอ่าบน้ำแต่งตัวไปทำงานพอลงมาข้างล่างผมก็เดินไปกิน
ข้าวที่ห้องอาหาร
ฮารุ-วันนี้ที่รักไปทำงานสายกว่าปกตินะคะ
ผม-อืมมก็นิดหน่อยครับ ช่วงนี้ผมมีงานให้คิดเยอะไปหน่อย
ฮารุ-ถ้างั้นวันนี้ให้โทชิโร่ซังหรือเก็นจิซังตามที่รักไปด้วยสักคนดีมั้ยคะ
ผม-เฮ้ออ ไม่ต้องหรอกนะครับ บางทีผมต้องไปทำงานหลายทีมันไม่สดวกอีกอย่างรถผมก็นั่งได้แค่2คนเท่านั้นเองนะครับ
ฮารุ-ที่รักก็เอารถฮารุไปสิคะ ยังไงตอนนี้ฮารุก็มีรถตู้อีกคัน
ผม-แต่ว่า
ฮารุ-นี่คุณไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะ โทชิโร่ซังช่วยพาคุณท่านไปส่งที่บริษัทหน่อยได้มั้ยจ๊ะ
โทชิโร่-ด้วยความยินดีครับ คุณผู้หญิง
ทาชิโร่ตอบรับคำสั่งของฮารุด้วยรอยยิ้มและก้มหัวลง หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้องอาหารไป
ผม-แต่ผมคิดว่าให้เก็นจิและโทชิโร่ซัง คอยดูแลคุณดีอยู่แล้วนะครับ
ฮารุ-ที่รักคะ จะให้มาดูแลฮารุทำไมกันเยอะนักคะ วันๆฮารุไม่ได้ออกไปไหนเลยนะคะ ทำงานอยู่แต่ที่บ้าน คุณเนี้ยต้องไปทำงานข้าง
นอกทุกวัน คุณเองก็ต้องมีคนคอยดูแลไม่ใช่หรอคะงั้นหลังจากนี้ไปให้อายะซัง
ผม-ผมไปทำงานก่อนนะครับ
จุ๊บ
ผมรีบตัดบทและลุกเข้าไปหอมแก้มฮารุก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากห้องอาหารมาที่หน้าบ้าน
โทชิโร่-เชิญขึ้นรถได้เลยครับ คุณท่าน
ผม-เฮ้อออ เรียกแบบเดิมไม่ได้หรอครับโทชิโร่ซัง
โทชิโร่-ฮ่ะๆทราบแล้วครับท่านบิกคุ แต่ถ้าอยู่ในบ้านผมคงต้องขอทำตามหน้าที่นะครับ
ผม-ครับๆผมรู้แล้วครับ พวกเรารีบไปทำงานกันเถอะ
โทชิโร่-ทราบแล้วครับ
หลังจากนั้นผมก็นั่งรถมาได้สักพักก็ถึงที่ทำงานเข้าไปในห้องทำงานก็มีเอกสารวางรอผมอยู่แล้วในระหว่างที่ผมนั่งทำงานเงียบ โทชิ
โร่เองก็คอยยืนรับคำสั่งจากผมอยู่ที่มุมห้องอย่างเงียบๆสักพัก
โทชิโร่-ท..ท่านบิกคุ
ผม-หื๋อ? มีอะไรหรอครับ
โทชิโร่-ผมอยากจะขอลงไปสูบบุหรี่สักหน่อยนะครับ
ผม-อืมไปเดินเล่นด้วยก็ได้นะ เพราะตารางงานผมวันนี้ไม่ได้มีไปประชุมที่ไหน
โทชิโร่-เฮ้อ!!คุณท่านนี่ละก็ จะให้ผมทิ้งงานไปเดินเล่นเนี้ยนะครับ ช่างหยอกล้อเก่งจริงๆเลยนะครับ
ผม-ฮ่ะๆ เหมือนผมจะโดนจับได้แล้วสินะครับ ที่ผมพยายามหาเรื่องให้โทชิโร่ซังไปจากผม
โทชิโร่-ใช่ครับ แต่หน้าที่ผมคือดูแลคุณท่านทุกอย่างรวมถึงเรื่องความปลอดภัยด้วยนะครับ ถึงมันจะไม่จำเป็นสำหรับคุณท่านก็เถอะ
ผม-โทชิโร่ซังคุณก็ มองผมซะเก่งเกินไปจากความเป็นจริงแล้วนะครับ คนที่เก่งกว่าผมนั้นมีอีกเยอะครับ
โทชิโร่-บอกตรงนะครับมาจนถึงตอนนี้ผมเองก็ยังนึกหน้าคนๆนั้นไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง
ผม-ฮ่ะๆ คนแบบนั้นโทชิโร่ซังก็เคยเจอแล้วไม่ใช่หรอครับ
โทชิโร่-เอ๊ะ!!!
ผม-เก็นจิยังไงล่ะครับ
โทชิโร่-ถึงผมจะรู้สึกได้ว่าเก็นจิเก่งก็เถอะนะครับ แต่ผมไม่คิดว่าจะเท่ากับท่านบิกคุหรอกนะครับ
ผม-ถ้าเป็นบ้านผมที่ ที่ผมจากมาล่ะก็ คุณจะเจอคนที่เก่งกว่าผมเดินกันเต็มไปหมดเลยล่ะครับ
โทชิโร่-โฮ่!! ผมเองก็อยากจะลองไปที่นั่นดูสักครั้งเหมือนกันนะครับเนี้ย
ผม-ก็นะ ถ้ามีโอกาสที่ผมต้องกลับไปที่นั่นล่ะก็ผมจะพาไปด้วยล่ะกันนะครับ
โทชิโร่-ขอบพระคุณมากเลยครับท่านบิกคุ
ก๊อกๆ
นานามิ-บิกคุซังคะ เอกสารเสร็จรึยังคะหลายๆแผนกเริ่มมาขอเอกสารกันแล้วนะคะ
ผม-ยังไม่เสร็จทั้งหมดหรอกนะครับ
หลังจากพูดจบผมก็หยิบแฟ้มเอกสารที่ทำเสร็จแล้วยื่นให้นานามิไป
นานามิ-ขอบคุณค่ะ ส่วนที่เหลือช่วยเร่งมือด้วยนะคะบิกคุซังและก็นี่คือแฟ้มเอกสารทั้งหมดของสาขาโยโคเตะค่ะ
นานามิก็หยิบแฟ้มหนาๆมาให้ผม
ผม-จริงสิโทชิโร่ซัง ลงไปสูบบุหรี่เถอะนะครับ
โทชิโร่-ครับ
หลังจากนั้นโทชิโร่ก็ก้มหัวให้กับและเดินออกจากห้องทำงานผมไปผมก็เปิดดูเอกสารที่นานามิเอามาให้มีในส่วนที่ผมอยากรู้เยอะมาก
ทั้งเรื่องรายรับรายจ่ายของสาขา เรื่องการเบิกเงิน หลายๆอย่าง
ผม-สาขานี้ใช้เงินเยอะกว่าที่ผมคิดไว้มากเลยนะครับ
นานามิ-ใช่ค่ะ และอีกอย่างนะคะ สาขานี้เบิกเงินค่าซ่อมสถานที่อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์บ่อยมากเลยด้วยนะคะ
ผมก็เปิดไปดูหน้ารายงานที่นานามิพูดถึง ทุกอย่างเป็นอย่างที่นานามิพูด สาขานี้ มีการเบิกค่ากระจกแตกบ้าง โต๊ะเค้าเตอร์ต้อนรับพัง
บ้าง ห้องพักพังบ้าง สารพัด แต่ในช่องหมายเหตุกับไม่มีอะไรเขียนเอาไว้ตามเคย
ผม-อืม…..ไม่สมเหตุสมผลกันเลยนะ
นานามิ-บิกคุซังหมายถึงอะไรหรอคะ
ผม-สิ่งที่ผมหมายถึงก็คือ ถ้าเราเป็นคนบริหารแต่มีบางสาขาที่ไม่เคยทำกำไรให้กับเรามาก่อนทำได้แค่ขาดทุนมาตลอดโดยที่หา
สาเหตุไม่ได้ ปล่อยเอาไว้ก็เป็นได้แค่ตัวถ่วงสำหรับสาขาอื่น พวกเราควรจะจำกัดทิ้งหรือไม่ก็ปิดสาขานั้นไปไม่ใช่หรอครับ
นานามิ-ที่บิกคุซังพูดก็มีเหตุผลนะคะ ดิฉันก็คิดเหมือนกันว่าทำไมท่านประธานถึงปล่อยเอาไว้แบบนั้น
ผม-ยิ่งผมดูรายงานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่า สาขานี้มีความลับกับทางเราเยอะมากเลยนะครับ
นานามิ-จะให้แจ้งเรื่องนี้กับท่านประธานเลยมั้ยคะ
ผม-ยังไม่ต้องครับ ผมอยากจะไปเห็นกับตาตัวเองสักครั้งจังเลยสาขาโยโคเตะ จะเป็นแบบในรายงานที่ผมอ่านรึป่าวนะ
นานามิ-พูดถึงความลับ ดิฉันเคยได้ยินเรื่องนี้ก่อนที่จะมาทำงานกับบิกคุซังด้วยล่ะคะ
ผม-เรื่องนี้? เรื่องอะไรหรอครับ
นานามิ-คือว่าเมื่อก่อนมันมีข่าวลือกันว่าถ้าไปที่เมืองโยโคเตะถ้าไม่อยากเจ็บตัวให้นั่งรถไฟไปนอนที่โรงแรมใหญ่ในตัวเมือง อะกิตะ
จะดีกว่าค่ะ
ผม-ถ้าไม่อยากเจ็บตัวหรอครับ อืม………
นานามิ-บิกคุซังคะ ดิฉันขอเสนอให้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมใหญ่ค่ะ เพื่อร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุดค่ะ
การประชุมใหญ่ที่นานามิพูดถึงคือการเรียกหัวหน้าแต่ละสาขามาพูดคุยเกียวกับกลยุทธ์การลงทุนในส่วนอื่น เพื่อมองหาสิ่งที่จะทำ
กำไรให้บริษัทเรามากขึ้น หลักๆก็จะประมาณนี้
ผม-ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่หลังจากที่ผมอ่านรายงานแล้ว ผมว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะมีคนเป็นไส้ศึกใน
กลุ่มคนพวกนั้น
นานามิ-ไส้ศึกหรอคะ แล้วเค้ามีเป้าหมายอะไรล่ะคะถึงทำแบบนี้
ผม-เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้หรอกนะครับเพราะว่า
ก๊อกๆ
โทชิโร่-ขออนุญาตครับท่านบิกคุ
ผม-อืม งั้นก็กลับไปทำงานต่อเถอะนะครับนานามิซัง
นานามิ-ทราบแล้วค่ะ
หลังจากนั้น นานามิก็กัมหัวให้ผมและปิดประตูห้องทำงานไป
โทชิโร่-ผมเข้ามาขัดตอนที่กำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่รึป่าวครับ ท่านบิกคุ
ผม-อ่อ ไม่หรอกโทชิโร่ซัง
หลังจากนั้นผมก็นั่งทำงานเอกสารไปได้สักพัก ผมก็ยังเอาเรื่องสาขาโยโคเตะออกจากหัวผมไม่ได้สักที ผมเลยคิดว่าผมจะนั่งรถไฟ
ไปที่เมืองนั้นเพื่อดูให้เห็นปัญหาด้วยตาของผมเองว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น แต่ก่อนอื่นผมต้องไล่โทชิโร่กลับบ้านไปก่อน เพราะผมคิดว่า
ถ้าจะแอบทำอะไรแบบนี้ ควรทำคนเดียวจะดีกว่าเพื่อการคลื่นตัวได้แบบไม่มีจุดเด่น
ผม-นี่โทชิโร่ซัง คุณช่วยทิ้งรถไว้ที่นี่และนั่งรถกลับไปที่บ้านก่อนได้มั้ย
โทชิโร่-ตะ แต่ว่า ท่านบิกคุ หรือว่าผมทำอะไรผิดรึป่าวครับ
ผม-ใจเย็นๆก่อนโทชิโร่ซัง ไม่มีอะไรทั้งนั้นผมแค่อยากให้คุณกลับไปอยู่ข้างๆฮารุเพราะผมเป็นห่วงฮารุ
โทชิโร่-แต่คุณผู้หญิงก็มีเก็นจิอยู่ด้วยยนะครับ
ผม-เพราะผมไม่ไว้ใจเก็นจิผมถึงได้บอกให้คุณกลับไปที่บ้านตอนนี้
โทชิโร่-ทะ ทราบแล้วครับ ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับท่านบิกคุ
ผม-อืม รบกวนด้วยยนะครับ
โทชิโร่ก็ก้มหัวและออกจากห้องทำงานผมไป เอาล่ะในเมื่อ ตัวขัดขวางไม่อยู่แล้วผมก็รีบเก็บของและเอาแฟ้มงานเอกสารที่เส็รจแล้ว
ส่งให้นานามิกับซานาเอะ
ผม-งั้นผมไปก่อนนะครับ ฝากจัดการที่เหลือต่อด้วยนะ
ซานาเอะ-ทราบแล้วค่ะ
นานามิ-ไปแค่ดูจริงๆนะ อย่าทำอะไรเกินเหตุนะคะบิกคุซัง พวกเรายังไม่อยากโดนคุณหนูไล่ออกจากงานในตอนนี้นะคะ
ผม-ผมรู้แล้วครับ
หลังจากนั้นผมก็ออกจาที่บริษัทมาเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าชิบูย่าไปที่สถานีอุเอโนะเพื่อซื้อตั๋วรถไฟชินคันเซ็นไปอะคิตะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ