คุณพฤกษ์รวยมาก (สนพ.Onederwhy)
-
เขียนโดย ฟ้ามุ่ย
วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เวลา 22.49 น.
41 ตอน
0 วิจารณ์
22.32K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564 23.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) 00 12
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ00 12
ลานจอดรถหลังผับบรรยากาศเงียบสงัด ฉัตรตะวันนั่งมองใบหน้านุ่มนวลที่หลับตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ข้าง ๆ ที่นั่งคนขับก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด พฤกษ์เมาปลิ้นไม่ได้สติเลยแม้เพียงสักนิด ไม่ทราบอีกด้วยว่านอกจากแอลกอฮอล์แล้วอีกฝ่ายได้กินหรือเสพสิ่งมึนเมาอย่างอื่นเข้าไปด้วยหรือเปล่า
ยาเสพติด.. นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดว่าพฤกษ์จะไปเกี่ยวข้องด้วย เขาและพฤกษ์เป็นเพื่อนเที่ยวผับบาร์กันมานาน แต่นอกเหนือจากแอลกอฮอล์แล้วเขาทั้งสองก็แทบไม่แตะต้องสิ่งผิดกฎหมายพวกนั้นเลยสักครั้ง ด้วยเนื่องจากฐานะทางสังคมที่ต้องพึงรักษาหน้าตาของครอบครัวแล้วพวกเขาต่างเป็นผู้ที่รู้ผิดชอบชั่วดีในระดับหนึ่ง ต่อให้นิสัยใจคอย่ำแย่แค่ไหนก็ไม่ตกต่ำถึงขนาดเข้าไปพัวพันกับเรื่องกฎหมายและศีลธรรมเด็ดขาด
ทุกครั้งที่ดื่ม แม้พฤกษ์จะดื่มมากจนไม่มีสติแต่ก็ยังคงมีเขาที่คอยดูแลไม่ให้อีกฝ่ายถูกชักจูงไปในทางเสื่อมโทรม แต่ครั้งนี้เป็นเขาที่พลาดปล่อยให้ตนเองเมาไม่รู้เรื่องจนไม่สามารถดูแลอีกฝ่ายได้ ดังนั้นในตอนนี้ฉัตรตะวันจึงได้แต่นึกเสียใจและนึกโทษว่าหากในร่างกายพฤกษ์เกิดได้รับสารเสพติดอะไรขึ้นมาก็เป็นความผิดของเขาคนเดียว
“คุณพฤกษ์” เขาโน้มตัวเข้าใกล้ ตบเบา ๆ ที่แก้มนุ่มก่อนจะเรียกเสียงเบาหวิว พฤกษ์สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเล็กน้อย มองคนตรงหน้าด้วยอาการมึนงงและหลับตาลงไปอีกครั้ง
“คุณได้กินอะไรแปลก ๆ ไปหรือเปล่า ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
“ปวดหัว” พฤกษ์ตอบเสียงอ้อแอ้ ดวงตา จมูกและแก้มแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“รู้สึกเคลิ้ม ๆ ไหม”
“ร้อน”
“มองเห็นสีอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า”
“ทำไมพูดมาก” ร่างโปร่งคว่ำปาก ทำสีหน้าดื้อรั้นราวกับเด็กน้อยถูกขัดใจและตะแคงหนีไปอีกด้าน ฉัตรตะวันเห็นดังนั้นจึงกดเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นก่อนจะคว้าไหล่บางให้หันกลับมามอง มือหนาทั้งสองประคองแนบชิดแก้มนุ่มเอาไว้
“ที่ถามเพราะเป็นห่วงรู้ไหม เกิดคุณไปมั่วของแบบนั้นขึ้นมาก็แย่น่ะสิ” คนเมาทำหน้างอ ดวงตาฉ่ำวาวแดงเรื่อนิด ๆ ช้อนขึ้นมามองเขา พูดว่า
“ผมโตแล้ว”
“เถียงหรือ คุณยังไม่โตเท่าไหร่เลย” ใช่ เพิ่งจะอายุยี่สิบเสียด้วยซ้ำ เอาอะไรมาโตกัน ตัวหรือก็ผอมบอบบางแค่นี้ ดีที่สูงโปร่งกว่าชาวบ้านเขาหน่อยเท่านั้น
“ฮื้ออออ” พฤกษ์ร้อง จับข้อมือแกร่งที่กอบกุมแก้มของตนไว้แน่นแล้วเขย่าไปมา
“ผมอายุสามสิบเจ็ดแล้วนะ โตแล้ว! โตกว่าคุณเยอะ! ผ่านอะไรมามากมายกว่าที่คิดเสียอีก! คุณก็แค่เด็กอายุยี่สิบ ไอ้หนุ่มเอ้ย เอิ๊ก! เราห่างกันตั้งสิบเจ็ดปีเชียวนะ! ไหนลองเรียกผมว่าคุณอาซิ! ”
ฉัตรตะวันขมวดคิ้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังเมาจนพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ปากสีแดงสดที่ขมุบขมิบไม่หยุดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอยากจะยื่นมือไปบีบ ๆ บี้ ๆ เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“อ๊ะ” ครู่หนึ่งพฤกษ์กลับทำหน้าเจ็บปวดออกมาก่อนจะปัดมือเขาออก ร่างโปร่งนั่งตัวงอ ท่าทางไม่สู้ดีนัก
“เป็นอะไร? ” ฉัตรตะวันถามพลางลูบหลังเบา ๆ หวั่นในใจคิดว่าอีกฝ่ายคงจะปวดปัสสาวะหรือคลื่นไส้อาเจียน ทว่าพฤกษ์กลับเงยหน้าขึ้นมามองเขา สีหน้างอง้ำน่ารักทำให้เขาหายใจสะดุดไปหลายครั้ง
“ตา ..ปวดตา”
“หือ”
“แสบตา เอามันออกไปที”
พฤกษ์ยกมือขยี้ดวงตาจนแดงก่ำคล้ายกับว่ามีบางอย่างทำให้รู้สึกระคายเคือง เขาที่เห็นอย่างนั้นจึงคว้าข้อมือบางเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะขยี้จนเยื่อบุดวงตาอักเสบไปมากกว่านี้ ฉัตรตะวันเปิดไฟในรถให้สว่าง มือข้างหนึ่งประคองใบหน้างามขึ้น พูดว่า
“คุณใส่คอนแทคเลนส์มาหรือ”
พฤกษ์พยักหน้าหงึกหงักทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอออกมา ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เกลี่ยน้ำสีใสออกอย่างนุ่มนวล หันกลับมามองในรถโดยรอบก่อนจะหยิบน้ำขวดหนึ่งที่วางเอาไว้แล้วออกไปล้างมือข้างนอก
ฉัตรตะวันกลับเข้ามาอีกที จับคางสวยได้รูปให้แหงนขึ้นมอง คาดว่าที่อีกฝ่ายแสดงอาการแบบนี้ออกมาคงเป็นเพราะความฝืดแห้งจากการสวมใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
“ถ้าเจ็บต้องบอกนะ” เขาพูดก่อนจะถ่างเปลือกตาอีกฝ่ายออกเล็กน้อย
“อ๊ะ..” พฤกษ์ส่งเสียงกระเส่าเมื่อนิ้วของเขาแตะลงบนเลนส์พลาสติกสีใสที่ครอบดวงตาของตนเอาไว้ เสียงหวานนุ่มนั้นปลุกให้ความรู้สึกดำมืดบางอย่างในตัวเขาตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มกัดฟันแน่นข่มใจเอาไว้จนสันกรามนูนเด่น อย่าสนใจ อย่าคิด อย่ารู้สึก อย่า.. อย่า
“อ๊ะ เจ็บ” ฉัตรตะวันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อมองภาพของคนเมาที่นอนตัวอ่อนเหลวอยู่ตรงหน้า ลมหายใจอุ่นร้อนเจือกลิ่นแอลกอฮอล์ของพฤกษ์เป่ารดลามเลียไปทั่วผิวเนื้อ สติเขาแทบเตลิดไปไกล ทว่าความอดทนยังคงมีอยู่ในจิตใต้สำนึก ฉัตรตะวันทำเป็นหูบอดสนิทยามที่เสียงกระเส่าของอีกฝ่ายดังขึ้นให้ได้ยินทุกครั้งที่ขยับนิ้ว เขาแตะนิ้วชี้บนเลนส์ค้างไว้ครู่หนึ่ง ลากขยับไปมาจนผิวเลนส์ย่นเข้าหากันจึงใช้หัวแม่มือช่วยหยิบออกมาจากดวงตาได้สำเร็จ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเฮือกและกระทำแบบเดิมกับดวงตาอีกข้างหนึ่ง
เมื่อนำคอนแทคเลนส์ออกมาได้ครบทั้งสองข้าง ฉัตรตะวันจึงดึงกระดาษทิชชู่มาห่อเอาไว้ก่อนจะทิ้งออกนอกตัวรถ ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมา เห็นคนเมาที่นอนคอพับคออ่อน
“รู้สึกดีขึ้นไหม”
พฤกษ์กระพริบตาปริบ ๆ มอง แม้จะไม่รู้สึกปวดที่ดวงตาทว่าโลกทัศน์ตรงหน้านั้นกลับมึนเบลอเป็นสิบเท่าจากเมื่อครู่ มือบางควานหาอีกฝ่ายในอากาศอย่างสะเปะสะปะก่อนจะไปสัมผัสเข้าที่ต้นคอแข็งแรง พฤกษ์ออกแรงดึงชายหนุ่มเข้าใกล้ ฉัตรตะวันตกใจเล็กน้อยกับแรงกระชากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พริบตาเดียวนั้น ใบหน้าของคนทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันจนน่าหวาดเสียว
“คุณพฤกษ์..”
คนเมาหรี่ตาจนเป็นเส้นตรง ฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มมากไปผสมกับอาการสายตาสั้นทำให้พฤกษ์เกิดภาพหลอนมองเห็นชายตรงหน้าเป็นคนรักเก่าอย่างอัคราอีกครั้ง..
“อัคร.. นั่นคุณหรือ” เสียงทุ้มเรียก ฉัตรตะวันขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเครียดตึง พูดว่า
“มันเป็นใคร”
พฤกษ์ไม่ได้สนใจคำถามนั้นแต่กลับดึงใบหน้าอีกฝ่ายแนบชิดเข้ามาอีก ภายในดวงตาคู่สวยที่เคยไร้ความรู้สึกกลับมีความวูบไหวปรากฏ ซ้ำประโยคต่อมาที่เขาพูดยังสร้างความใคร่รู้อย่างมากแก่เพื่อนสนิท
“ทำไมคุณยังตามมาหลอกมาหลอนผม ทำไมคนชั่วแบบคุณถึงยังอยู่ดีแบบนี้ ทำไมมีแค่ผมที่ตาย.. คนที่ควรตายไปซะก็คือคุณแท้ ๆ! ”
ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวพร้อมกำปั้นที่ทุบรัวลงมาที่อก พฤกษ์ทำราวกับว่าจะร้องไห้ออกมา สุดท้ายจึงทิ้งตัวซบใบหน้าอยู่ตรงซอกคอของฉัตรตะวันก่อนจะพูดอะไรต่อมิอะไรในใจ เนื้อความหลักคือระบายถึงใครสักคนที่ชื่ออัคร คล้ายกับว่าพฤกษ์รู้จักคน ๆ นี้เป็นอย่างดีและอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
“ผมเกลียดคุณ” พฤกษ์รำพันออกมาเบา ๆ ขณะที่หายใจรดซอกคออีกฝ่าย ชายหนุ่มขนลุกซู่ มือที่วางอยู่บนพวงมาลัยกำเข้าหากันแน่นจนข้อนิ้วเป็นสีขาว
คนเมาที่ซุกหน้าอยู่ในอกช้อนสายตาช่ำวาวขึ้นมอง เขาเห็นพฤกษ์กำลังร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมาราวกับไข่มุกที่ร่วงหล่นจากสาย ใบหน้าที่เคยขาวผ่องบัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อไปทั่วอย่างน่าเอ็นดู ไหนจะตัวอุ่น ๆ เป็นก้อนเหลว ไหนจะลมหายใจร้อนจัดที่เป่ารดกันชนิดที่เนื้อแนบเนื้อนั่นอีก ให้ตายสิ ความรู้สึกดำมืดที่ตกตะกอนอยู่ภายในใจเขากำลังคืบคลานออกมาทีละนิด แต่นั่นกลับยังไม่ใช่ทั้งหมด เขาเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อริมฝีปากนุ่มหยุ่นของพฤกษ์ทาบปิดลงมาบนริมฝีปากเขา ฉัตรตะวันหัวใจเต้นระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรดีในสถานการณ์นี้ สุดท้ายแล้วเขาจึงนั่งนิ่งไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร ปล่อยให้คนเมาไม่ได้สติขบริมฝีปากล่างของตนเล่นไปทั้งอย่างนั้น พฤกษ์ผละออกมาจ้องมาเขา ใบหน้างามงองุ้มเอาแต่ใจ
“ทำไมไม่จูบตอบผมล่ะอัคร”
“เพราะผมไม่ใช่อัครของคุณไง” เขาชักรู้สึกหงุดหงิดอีกฝ่ายขึ้นมาเสียดื้อ ๆ อะไรกัน เมื่อตะกี้ยังบอกอยู่หยก ๆ ว่าเกลียดเขาอยู่เลยแต่พอผ่านไปแค่พริบตาเดียวกลับมาอ้อนขอให้เขาจูบเสียอย่างนั้น ฉัตรตะวันกำพวงมาลัยแน่น
โธ่เว้ย! ทำ ไม ถึง ไม่ เป็น เขา ทำไมนะคุณพฤกษ์
“คุณไม่รักผมแล้ว” ยิ่งพฤกษ์แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาให้เห็นมากเท่าไหร่ น้ำตาของเจ้าตัวก็พาลไหลพรากออกมาอย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ในใจขณะที่เอื้อมมือไปเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มนุ่ม
ไอ้อัครมันเป็นใครมาจากไหนกันถึงทำให้พฤกษ์ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้!
คนเมาที่ทำตัวอ่อนเป็นก้อนเหลวพยายามปีนข้ามฝั่งมาหา แม้ชายหนุ่มจะรั้งไหล่บางเอาไว้ได้แต่พฤกษ์กลับข้ามจากที่นั่งของตนมาคร่อมอยู่บนเอวเขาในที่สุด
“คุณไม่รักผม” พฤกษ์พูดซ้ำก่อนจะเอามือคล้องคอเขาเอาไว้ มือเรียวสวยข้างหนึ่งล็อคใบหน้าหล่อเหลาให้หันมาสบตา
“รักสิ” เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง เลือกแล้วที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกและหัวใจของตนเองแม้อีกฝ่ายจะไม่มีสติรู้ได้ว่าเขากำลังบอกความในใจออกไป
“งั้นจูบสิ..” ใบหน้างามนุ่มนวลโน้มเข้ามาใกล้ หัวใจของฉัตรตะวันเต้นเร่าจนแทบระเบิด เสียงกระซิบกระเส่าดังขึ้น “อ้าปากของคุณออก”
ริมฝีปากอุ่นร้อนของพฤกษ์บดเบียดลงมาอย่างเชื่องช้าและอ้อยอิ่ง รสหวานปะแล่มของแอลกอฮอล์คือสิ่งแรกที่ฉัตรตะวันรับรสได้ ชายหนุ่มขยับศีรษะเพื่อปรับท่าทางให้กลีบปากนุ่มของอีกฝ่ายได้สัมผัสแนบชิดกับเขามากขึ้น ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจับอยู่ที่ต้นคอของคนที่อยู่ด้านบน อีกข้างลูบวนไปมาทั่วทั้งแผ่นหลังบาง
“อืม..” เขาได้ยินเสียงพฤกษ์ดังขึ้นพร้อมกับความเปียกชื้นของลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาแตะเบา ๆ กับปลายลิ้นของตน พฤกษ์ตวัดลิ้นไปมาคล้ายกับกำลังหยอกล้อให้เขาหัวหมุน แต่นั่นยังไม่ร้อนเท่ากับสะโพกกลมกลึงที่บดเบียดแนบชิดกับช่วงล่างของเขา สัมผัสนั้นชักชวนให้สิ่งที่สงบนิ่งเริ่มแข็งตัวจากการเสียดสีของเนื้อผ้า อารมณ์หอมหวนอันดำมืดทำให้ชายหนุ่มมีความกล้าขึ้นมา เขาตวัดริมฝีปากพลิกขึ้นเป็นผู้นำ มือทั้งสองข้างเคลื่อนมาจับมั่นบนเอวอ่อนซึ่งกำลังบิดเร่าไปมาเหนือหว่างขา
“แฮ่ก.. อ่ะ” พฤกษ์ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะทิ้งใบหน้าลงที่ไหล่ข้างหนึ่งเพื่อพักหายใจ ฉัตรตะวันที่เหมือนจะมีสติรู้คิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นจึงนั่งตัวแข็งทื่อไปในทันที
“....” นอกจากร่างกายที่แข็งทื่อ ตรงหว่างขาเองก็แข็งทื่อไปด้วยเช่นเดียวกัน
“จูบอีกนะ” ฉัตรตะวันเม้มริมฝีปากแน่นปิดกั้นยามที่พฤกษ์ทาบริมฝีปากของตนเองลงมา คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความขัดใจก่อนที่ร่างโปร่งจะขย่มสะโพกลงมาโดยแรง ฉัตรตะวันแทบจะสำลักความปวดหนึบที่แล่นขึ้นมากลางกาย เขาผวาจับเอวอ่อนไว้มั่น พูดว่า
“เบา ..คุณพฤกษ์เบา” เขาเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นปนหอบทว่าคนบนร่างกลับไม่ยอมผ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย
“คุณกำลังทำให้ผมแข็งแล้วนะ” ฉัตรตะวันเคลื่อนมือขึ้นมาตรึงไหล่บางเอาไว้แน่นก่อนจะดันให้ออกห่างจากตัวเล็กน้อย
“ผมต้องการคุณ” พฤกษ์ทำตาใสขณะที่พูดประโยคนั้นออกมา ผิดกับเขาที่นั่งหน้าแดงจัด ดูเหมือนพฤกษ์จะไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้วนอกจากความต้องการของตนเอง ไม่รับรู้แม้กระทั่งคนที่กำลังบดเบียดร่างอยู่ด้วยในตอนนี้คือเพื่อนสนิทอย่างฉัตรตะวันไม่ใช่คนรักเก่าอย่างอัครา!
“นะครับ นะ..นะ พลีส..” เสียงกระเส่าดังขึ้นชิดใบหูข้างหนึ่ง ทันทีที่พฤกษ์ลงฟันขบเม้มติ่งเนื้อนุ่มเบา ๆวิญญาณของฉัตรตะวันก็หลุดลอยออกจากร่างเนื้อไปเป็นที่เรียบร้อย ดวงตาที่มักส่องประกายอบอุ่นอยู่เสมอมืดมนแล้วมืดมนอีก กระทั่งความอดทนที่เขายึดไว้เป็นฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง มือหนาบีบเบา ๆ ที่เอวอ่อนเหนือท่อนล่าง พูดขึ้นเสียงต่ำ
“มองหน้าผมให้ดี ๆ สิ ขืนคุณยังไม่หยุดผมจะไม่อดทนเหมือนทุกครั้งแล้วนะ”
พฤกษ์ยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง กระชับสองร่างให้บดเบียดแนบชิด ลมหายใจร้อนจัดเป่ารดที่แก้มตามด้วยริมฝีปากอุ่นที่ทาบปิดลงมาอีกครั้ง รสจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ฉัตรตะวันไม่ยอมตกเป็นรองเหมือนเมื่อครู่ เขาฉกชิง ลากไล้ และตวัดต้อนเรียวลิ้นเล็กจนอีกฝ่ายหายใจตามแทบไม่ทันและยอมจำนนในที่สุด เนิ่นนานกว่าริมฝีปากจะผละจากกัน พฤกษ์ตัวอ่อนยวบทรุดลงบนอกกว้าง นอนหอบแฮ่กก่อนจะสูดหายใจเข้าปอด ชายหนุ่มลูบไล้นิ้วมือไปตามกระดูกสันหลังของอีกฝ่าย น้ำเสียงจริงจังพูดขึ้นว่า
“แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังที่พูดว่าต้องการผม”
ฉัตรตะวันพลักร่างโปร่งนอนราบกับเตียงสีขาวคุณภาพกลางที่หาได้ดาษดื่นตามม่านรูดหรือโรงแรมที่ใช้เป็นที่พักชั่วครั้งชั่วคราว
ถูกต้อง ..พวกเขากอดก่ายกันอยู่ในม่านรูดแห่งหนึ่งที่ฉัตรตะวันพอจะควานหาได้ในตอนนี้
หลังจากที่นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงได้ไม่นาน ร่างสูงใหญ่กำยำก็ตามลงมาทาบทับ พฤกษ์สอดแขนเรียวกอดรัดร่างนั้นไว้พร้อมเผยอปากรับเรียวลิ้นร้อนซ่านของอีกฝ่ายเข้ามาอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มราวกับมอมเมาไปกับรสของแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งอยู่ทั่วโพรงปาก เคลิบเคลิ้มไปกับร่างนุ่มอุ่นร้อนใต้อาณัติ ทุกสิ่งตรงหน้าคล้ายกำลังฝันไปเสียอย่างนั้นจนกระทั่งฟันคมของอีกฝ่ายกดลงที่ปลายลิ้นโดยแรง
เสียง กึ๊ก ดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดและรสสนิมเหล็กก็กำจายไปทั่วปาก ชายหนุ่มจึงรู้เดี๋ยวนั้นว่าไม่ได้ฝันไป
“อืม..” ริมฝีปากละออกห่างกัน ฉัตรตะวันหอบหายใจถี่รัว ก้มลงมองเห็นของเหลวสีใสที่เคลือบริมฝีปากแดงเรื่อของพฤกษ์แวววาวก็พลันอดใจไม่อยู่จึงก้มลงไปอีกครั้งและขบกัดเบา ๆ ที่กลีบปากอ่อนเพื่อเป็นการเอาคืน
พฤกษ์ทำตาปรือปรอยมองคนบนร่างอย่างไม่ชัดเจนเท่าใดนัก แต่จากภาพจำก่อนหน้าทำให้เขาปักใจเชื่อไปเสียสนิทว่าคน ๆ นี้คืออัคราไปแล้ว หัวสมองหนักอึ้งราวกับถ่วงตะกั่วเอาไว้แต่หากความปรารถนาลึกล้ำกลับชักนำร่างของเขาให้แนบชิดกับอีกฝ่าย พฤกษ์พลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับพลางขย่มสะโพกแน่นหนั่นอยู่ตรงส่วนแข็งตึงภายใต้กางเกงสีดำของชายหนุ่ม ฝ่ามือเรียวลากไล้ไปตามแผงอกของตนเองอย่างเชิญชวน ฉัตรตะวันเห็นการกระทำนั้นก็แทบคลั่งจนจุกเสียดอยู่ในอก
พฤกษ์บิดเร่าร่าง ปลดกระดุมออกจากรังของมันตั้งแต่เม็ดบนจรดเม็ดล่าง ชายหนุ่มนอนกลืนน้ำลายอึกในคอยามที่สาบเสื้อสีดำถูกแหวกออกกว้างจนเห็นแผ่นอกขาวผ่องละออสะอาดตา
“คุณสวยเหลือเกิน..” ฉัตรตะวันพูดก่อนที่ฝ่ามือหนาถูกพฤกษ์ดึงขึ้นไปวางอยู่บนอกบาง ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจยามที่นิ้วหนึ่งของเขาสะกิดโดนตุ่มไตสีชมพูหวาน
“อ๊ะ! ” พฤกษ์ทำหน้าบิดเบี้ยว เสียงกระเส่าดังขึ้นเมื่อเขาตั้งใจสัมผัสและบีบคลึงอย่างเบาแรง
“คุณชอบให้เล่นหัวนมหรือ”
เมื่อเห็นสีหน้านั้นของพฤกษ์ปรากฏ เขาจึงได้ใจ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง สองมือจับเอวอ่อนไว้มั่นก่อนจะใช้ริมฝีปากครอบปิดยอดอกสีชมพูบนอกขาว ทันทีที่ลิ้นร้อนผ่าวสัมผัสโดน พฤกษ์ผวาเฮือกทันที นิ้วเรียวสวยจิกลงมาบนไหล่กว้างเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังก่อมรสุมขึ้นภายในกาย
“อา ..อื้ม ” ร่างโปร่งขย่มอยู่บนหน้าตัก ดวงหน้าบิดเบี้ยวอ้าปากแหงนขึ้นมองเพดาน พฤกษ์ก้มหน้าลง มือที่จิกอยู่บนไหล่เคลื่อนมาขยุ้มคอเสื้อด้านหลังให้เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ฉัตรตะวันเกี่ยวลิ้นรับอย่างคุ้นชิน ขณะที่มือไม้ก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตของตนเองออกจากร่างกายอย่างอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไป
กลางกายเขาแข็งขืนจากการกระทำของพฤกษ์จนปวดหนึบทรมานไปหมดและฉัตรตะวันก็คิดว่าอีกฝ่ายคงอยู่ในอาการที่ ‘อยาก’ เต็มทีแล้วเช่นเดียวกัน
ทันทีที่ริมฝีปากละออกจากกัน เขาพูดขึ้น
“มันอาจจะแย่หน่อย ผมไม่เคย ..กับผู้ชาย”
พฤกษ์หาได้ยินคำพูดขัดเขินนั้นไม่ ร่างโปร่งหอบหายใจรุนแรง ดูคล้ายคนไร้สติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิง เขาถดตัวลงต่ำ มือเรียวคว้าเข้าอย่างจังที่หว่างขา ฉัตรตะวันสะดุ้งตัวโหยง ไม่คาดฝันว่าคนตรงหน้าจะร้อนได้ถึงเพียงนั้น
“คุณ พะ ..พฤกษ์”
เขาพูดเสียงเบา ลมหายใจขาด ๆ หาย ๆ ยิ่งตอนที่ใบหน้าสวยโน้มลงไปใกล้ ทั้งยังใช้แก้มนุ่มบดเบียดเข้ากับสิ่งนั้น ก้อนเนื้อในอกก็ยิ่งบิดเร่าอย่างทรมาน
ทำแบบนี้.. จะฆ่ากันให้ตายหรือคุณพฤกษ์
พฤกษ์รูดซิปกางเกงออก ทันทีที่มือเรียวสวยเกี่ยวเอาชั้นในชายลง ส่วนที่แข็งแรงก็ผงาดดีดออกมาสูดอากาศภายนอกอย่างกระตือรือร้น!
ฉัตรตะวันไม่เคยรู้สึกเขินอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาไม่ใช่ว่าไม่เคยช่วยตัวเองหรือมีเซ็กซ์กับใครเลย แต่ทว่าทั้งที่เคยร่วมนอนกับคนอื่นมาบ่อยครั้งแต่พฤกษ์กลับทำให้เขารู้สึกว่ากำลังตกเป็นรองอยู่บนฝ่ามือในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพเมามายไม่มีสติเสียด้วยซ้ำ
ไปเรียนรู้มาจากไหนกัน ไอ้ท่าทาง สายตา การกระทำแบบนี้ ทำไมถึงดูเชี่ยวกราดนักทั้ง ๆ ที่ก็อยู่ภายใต้สายตาเขามาตลอดแท้ ๆ หากอีกฝ่ายมีใครที่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้
ให้ตายสิ ..หรือจะเกี่ยวกับคนที่ชื่ออัครอะไรนั่น!
มันเป็นใคร เสร็จจากพรุ่งนี้ไปเขาต้องถามให้รู้เรื่อง!
“อ่ะ..” ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ สมองของเขาก็ขาวโพลนไปหมด ครั้งเมื่อยันตัวขึ้นก็เห็นลิ้นร้อนลวกของพฤกษ์แลบเลียวนไปมาตรงส่วนหัวสีแดงก่ำที่บานออก
“อืม.. อ่ะ คุณพฤกษ์ บะ เบาหน่อย ซี๊ด” เขาครวญครางออกมาและกัดริมฝีปากตนเองแน่นยามที่ส่วนนั้นถูกกลืนหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน
พฤกษ์ทำให้เขาแทบจะเสร็จสมเพียงแค่อมแช่เอาไว้เฉย ๆ เขาไม่ได้โกหกตนเองแต่อย่างใด ด้วยความซื่อสัตย์ พฤกษ์ทำให้เขาเกือบจะเสร็จหลังจากที่เพิ่งเอาเข้าปากไปได้ไม่นานจริง ๆ จะด้วยเพราะความตื่นเต้นจนเกินเหตุของเขาเองหรือเพราะพฤกษ์มีวิธีจัดการหรือเปล่าไม่อาจทราบได้เลย
ฉัตรตะวันรู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้า ฝ่ามือของเขาจิกเกร็งไปบนผ้าปูที่นอนจนยับเยินเพื่อระบายความเสียวกระสันที่เพิ่มพูนมากขึ้น นานนับหลายนาที พฤกษ์ไม่มีท่าทีว่าจะเลิกสนใจจากสิ่งนั้นไปไหนเลยสักนิด ใบหน้าสวยยังคงจับจ้องที่ความแข็งขืนที่ขยายตัวคับแน่นอยู่ในโพรงปาก เรียวลิ้นร้อนก็ยังคงตวัดเลียและดุนดันไปตามลำเนื้ออย่างหิวโหยราวกับมันเป็นของโปรดปรานอย่างไรอย่างนั้น
กระทั่งถึงจุดหนึ่ง ความกระสันอยากพุ่งสูงจนเขาแทบเสร็จสม ฉัตรตะวันกระตุกตัวครั้งหนึ่งคล้ายกำลังจะปลดปล่อย เขาผวารีบถอนแกนกายออกมาจากปากสวยทันทีด้วยเกรงว่าพฤกษ์จะนึกรังเกียจหากว่าเขาเผลอหลั่งออกมาข้างใน ทว่าสายไปเสียแล้ว ของเหลวอุ่นร้อนได้อัดฉีดออกมาอย่างรวดเร็วในตอนที่เขากำลังดึงมันออก ส่งผลกระทบให้นอกจากจะหลั่งในปากแล้ว ของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้นก็กระเซ็นไปเปรอะใบหน้านุ่มนวลด้วย
ฉัตรตะวันลนลาน ในตอนที่กำลังคิดหาทิชชูหรือใช้มือเปล่าเช็ดคราบของเหลวออกจากใบหน้าของพฤกษ์ออกดี อีกฝ่ายก็ยืดตัวขึ้น จัดการถอดกางเกงและรูดเอาชั้นในทิ้งไปข้างเตียงเสียแล้ว การกระทำทั้งหมดนั้นรวดเร็วจนเขามองตามแทบไม่ทัน ร่างโปร่งสะโอดสะองคลานมาทางเขาเชื่องช้า ดวงตาหยาดเยิ้มฉ่ำวาวทว่าประกายความปรารถนาซ่อนเร้นเอาไว้อย่างร้อนแรง พฤกษ์ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งดันอกของเขาให้นอนราบก่อนจะขึ้นคร่อมอยู่เหนือแกนกายที่หดตัวลงเล็กน้อยจากการปลดปล่อยเมื่อครู่ ฉัตรตะวันพลันรู้สึกคอแหบแห้งกับภาพตรงหน้า พฤกษ์ในยามนี้ช่างดูปลุกปั่นอารมณ์ให้ดำดิ่ง ดูสวยงามตรึงตาและยั่วยวนตรึงใจให้ลุ่มหลงราวกับนางฟ้าและปีศาจน้อยในร่างเดียวกัน
พฤกษ์ก้มลงมองเขา แววตาไม่บ่งบอกสิ่งใดนอกจากความหิวโหยสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก้อนเนื้อน้อย ๆ ในอกเขาเต้นระส่ำระสายคล้ายจะหลุดเด้งออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด ฉัตรตะวันรู้สึกราวกับตนเองเป็นเพียงลูกกระต่ายน้อยที่อยู่ใต้อาณัติของเสือร้ายไม่มีผิด
“เอ็กซ์เป็นบ้า ซี๊ด” ชายหนุ่มสูดปาก
“..อย่างกับ อ่ะ..” เขาตั้งใจจะพูดว่าหนังเอวีสักเรื่องที่เคยดูและใช้ช่วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ทว่าทุกคำที่อยากจะเอื้อนเอ่ยกลับถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอเมื่อพฤกษ์ใช้นิ้วกวาดเอาคราบของเหลวบนหน้าตนเองป้ายลงที่แกนกายของเขา ฉัตรตะวันกัดริมฝีปากแน่นมอง ลมหายใจของคนทั้งคู่ดังไปทั่วห้องนอนไม่ใหญ่ไม่กว้างนี้
เมื่อนิ้วมือเรียวของพฤกษ์ชโลมของเหลวนั้นทั่วทั้งลำเอ็นเสร็จก็ทำให้ฉัตรตะวันรู้สึกแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง เขาหอบหายใจกระท่อนกระแท่น อยากจะยันกายลุกขึ้นก็กลับถูกฝ่ามือเรียวกดลงให้อยู่ใต้ร่างเช่นเดิม
ดูเหมือนพฤกษ์จะมีรสนิยมชอบเป็นผู้นำบนเตียงกระมัง
“อื๊อ..” เสียงหวานฉุดสติเขาให้กลับมา ภาพตรงหน้าทำเอาเขาแทบคลั่ง! พฤกษ์ใช้มือข้างหนึ่งเกาะบนหน้าท้องแกร่งของเขา อีกข้างดูเหมือนจะใช้โอบเนื้อสะโพกตนเองพร้อมทั้งค่อย ๆ ทิ้งตัวลงบนแกนกายที่ชูชัน
พร่วด!
“ซี๊ดดด! ” เขาร้องออกมาด้วยความเสียวอย่างอดไม่อยู่เมื่อส่วนนั้นของตนเองชำแรกสอดเข้าไปยังภายในโพรงเนื้อร้อนจัดของพฤกษ์ ร่างโปร่งเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน แต่ทว่าพฤกษ์กลับไปได้กระสันเสียวอย่างที่คนใต้ร่างรู้สึก
“เจ็บ..” ดวงหน้าสวยเหยเกและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับ ด้วยเพราะขนาดที่ใหญ่โตและช่องทางที่ไม่เคยถูกใช้งานในลักษณะนี้มาก่อนจึงทำให้เกิดความคับแน่นและฝืดเคืองอย่างถึงที่สุด
“อือ ..อ๊ะ”
พฤกษ์คงลืมไปเสียแล้วว่าตนเองในตอนนี้ไม่ใช่ตัวเขาที่อายุย่างเข้าสามสิบปลายที่ตรากตรำผ่านศึกมาอย่างโชกโชน แต่หากเป็นพฤกษ์ที่เพิ่งจะอายุยี่สิบไปได้ไม่นาน ยังอ่อนเยาว์ ยังบริสุทธิ์ ไม่เคยมีใครได้แตะต้องหรือสอดใส่ส่วนนั้นเข้ามาเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
“เจ็บหรือครับ” ฉัตรตะวันสังเกตเห็นความทรมานฉายชัดบนใบหน้านั้น ชายหนุ่มตกใจจนหน้าถอดสี ชั่วอึดใจหนึ่งเขาคิดจะยกตัวของพฤกษ์ออกโดยเร็วแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดขึ้นเสียงสั่น
“อัคร ..จูบหน่อย” แววตาที่ตื่นตระหนกเมื่อครู่พลันดำมืดลงทันที ฉัตรตะวันรู้สึกถึงเลือดภายในกายกำลังเดือดพล่าน อนึ่งด้วยความโกรธเป็นหลัก ความกระสันเป็นรองตามมา
กำลังเด้งเร่าอยู่บนส่วนนั้นของเขาอยู่แท้ ๆ แต่กลับเรียกหาคนอื่น คุณพฤกษ์ ..คุณนี่มันน่าตีจริง ๆ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะจำใจยื่นหน้าขึ้นไปรับจูบจากริมฝีปากอิ่มนั้น
“อืม ..อะ” เนิ่นนานที่เขาทั้งคู่ใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดประหนึ่งจะหลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกันเสียให้ได้ ในที่สุดฉัตรตะวันก็เป็นฝ่ายผละออกมาสูดหายใจ พฤกษ์สูดหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะทิ้งใบหน้าซบลงที่ซอกคอแกร่ง ลมหายใจร้อนระอุทำเอาเขาขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาตกใจไปกว่าการที่ริมฝีปากร้อนทาบลงมาบนผิวเนื้อและดูดเม้มจนเกิดเป็นเสียงของน้ำลาย พฤกษ์ทำรอยบนซอกคอของเขาหลายจุดทีเดียว ทั้งเดี๋ยวขบเม้ม เดี๋ยวขบกัด ซอกคอด้านหนึ่งจึงเต็มไปด้วยรอยแดงด่าง ๆ ปรากฏเป็นวงโดยทั่ว
“ซี๊ด คุณ.. อย่าขยับสิ”
เขาปรามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับสะโพกขึ้นและกดลงมาอย่างแช่มช้า พฤกษ์ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งก่อนจะรู้สึกว่าช่องทางด้านล่างเริ่มปรับตัวให้รับกับขนาดของฉัตรตะวันได้และเริ่มไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อครู่ที่สอดใส่เข้ามา
“อ๊ะ! อ๊ะ! ..” พฤกษ์ร้องออกมาสองครั้งติดเมื่อขย่มสะโพกกดลงไปทีเดียวลึกทำให้ส่วนหัวที่แข็งขืนพลันแตะสัมผัสตรงจุดหนึ่งเข้า จุดนั้นราวกับจุดตายของพฤกษ์ ร่างโปร่งหอบหายใจหนักหน่วง ยกแขนขึ้นกอดแผ่นหลังกว้างพลางกระซิบอยู่ชิดใบหูเขา
“ช่วยหน่อยครับ ..ทำมันที อึ่ก” ฉัตรตะวันที่ร้อนรออยู่แล้วพอได้ยินคำพูดนั้นถึงกับแสดงแววตาหิวกระหายออกมาอย่างไม่ปิดบัง ร่างสูงหยัดตัวขึ้นนั่ง แขนแกร่งกอดรัดคนที่คร่อมอยู่ด้านบนไว้แน่นก่อนจะกระแทกสะโพกสวนขึ้นมาจากด้านล่างโดยแรงหนึ่งครั้งถ้วน
“อ๊า! ” พฤกษ์ดวงตาเบิกโพลงและอ้าปากหวีดร้องด้วยความรู้สึกที่ทั้งจุกเสียดและทั้งซ่านเสียวเกินอธิบาย ดวงหน้าสวยเหยเกอย่างสุขสม เขากอดศีรษะของฉัตรตะวันไว้แนบอก ฝ่ามือทั้งสองขยุ้มเส้นผมสีดำเอาไว้ พฤกษ์ก้มหน้าลง กดจูบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อนั้นราวกับกำลังให้รางวัลชายหนุ่ม
“อ๊ะ ..อือ ดี ” พฤกษ์ครางกระเส่าดังขึ้นระงม ขณะที่ฉัตรตะวันก็กระแทกกระทั้นแกนกายสวนขึ้นมาถี่ยิบราวกับสว่านที่เจาะผ่านแผ่นไม้จนทะลุปรุโปร่ง
“ดีไหมครับ” เขากระซิบ ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ปลายคาง “ชอบไหม”
“ฮื่อออ อ๊ะ! ”
ร่างโปร่งผวาเฮือกยามที่แกนกายเครียดตึงนั้นถูกสาวเข้าสาวออกจากช่องทาง ความเสียวกระสันแล่นปลาบไปทั่วร่างคล้ายกระแสไฟฟ้า ความรู้สึกนั้นไม่ลดลงเลยสักนิดมีแต่จะก่อมรสุมเพิ่มทวีขึ้นมา ยามที่ฉัตรตะวันกระแทกสวนมันเข้ามาลึกฉันใด พฤกษ์ก็เสียวปานจะขาดใจตายฉันนั้น
กระทั่งเขาใกล้สุขสม อีกฝ่ายก็ตอกสะโพกเข้ามาด้วยความเร็วและแรงราวกับค้อนที่ตอกลงบนตะปูด้วยความบ้าคลั่ง มือใหญ่ข้างหนึ่งเคลื่อนมาจับแกนกายที่แข็งตึงของพฤกษ์ก่อนจะออกแรงรูดรั้งเสียจนวิญญาณที่อยู่ในร่างแทบจะหลุดติดฝ่ามือนั้นไปด้วย
“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า..” เสียงหวานครางระงมอย่างไม่อาจอดกลั้นเมื่อแกนกายในอุ้งมือร้อนกระตุกและปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาเลอะฝ่ามือ
พฤกษ์เสร็จจากด้านหน้าเป็นอย่างแรกก่อนที่ความปรารถนาลึกล้ำจะถูกเติมเต็มด้วยของเหลวร้อนจัดที่อัดฉีดอยู่ในช่องทางด้านหลังจนล้นออกมาเปรอะเปื้อนไปตามโคนขาอ่อนด้านใน ฉัตรตะวันกระแทกแกนกายเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มสองสามครั้งก่อนจะกระตุกเกร็งและปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาอีกระลอก
“แฮ่ก.. ” ฉัตรตะวันหอบฮั่ก รู้สึกสมองโล่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนพฤกษ์นั้น หลังถูกเขากระทำปรนเปรอจนเสร็จสมทั้งหน้าและหลังก็พลันตัวอ่อนยวบยาบ ทิ้งกายลงสู่อ้อมแขนเขาราวกับตุ๊กตาที่หมดลาน ชายหนุ่มก้มลงมองใบหน้านุ่มนวลที่หลับใหลด้วยความอ่อนเพลีย เขาค่อย ๆ ถอนแกนกายออกอย่างระมัดระวัง ปรากฏว่านอกจากคราบของเหลวจากกิจเมื่อครู่ยังมีคราบเลือดจำนวนหนึ่งเปื้อนเป็นวงอยู่บนผ้าปูที่นอน
ฉัตรตะวันหันขวับมามองพฤกษ์ที่ม่อยหลับในอ้อมแขนด้วยสีหน้าซีดเผือด
“นี่ผม ..ทำ ...ครั้งแรก ..”
ลานจอดรถหลังผับบรรยากาศเงียบสงัด ฉัตรตะวันนั่งมองใบหน้านุ่มนวลที่หลับตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ข้าง ๆ ที่นั่งคนขับก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด พฤกษ์เมาปลิ้นไม่ได้สติเลยแม้เพียงสักนิด ไม่ทราบอีกด้วยว่านอกจากแอลกอฮอล์แล้วอีกฝ่ายได้กินหรือเสพสิ่งมึนเมาอย่างอื่นเข้าไปด้วยหรือเปล่า
ยาเสพติด.. นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นกังวลมากที่สุดว่าพฤกษ์จะไปเกี่ยวข้องด้วย เขาและพฤกษ์เป็นเพื่อนเที่ยวผับบาร์กันมานาน แต่นอกเหนือจากแอลกอฮอล์แล้วเขาทั้งสองก็แทบไม่แตะต้องสิ่งผิดกฎหมายพวกนั้นเลยสักครั้ง ด้วยเนื่องจากฐานะทางสังคมที่ต้องพึงรักษาหน้าตาของครอบครัวแล้วพวกเขาต่างเป็นผู้ที่รู้ผิดชอบชั่วดีในระดับหนึ่ง ต่อให้นิสัยใจคอย่ำแย่แค่ไหนก็ไม่ตกต่ำถึงขนาดเข้าไปพัวพันกับเรื่องกฎหมายและศีลธรรมเด็ดขาด
ทุกครั้งที่ดื่ม แม้พฤกษ์จะดื่มมากจนไม่มีสติแต่ก็ยังคงมีเขาที่คอยดูแลไม่ให้อีกฝ่ายถูกชักจูงไปในทางเสื่อมโทรม แต่ครั้งนี้เป็นเขาที่พลาดปล่อยให้ตนเองเมาไม่รู้เรื่องจนไม่สามารถดูแลอีกฝ่ายได้ ดังนั้นในตอนนี้ฉัตรตะวันจึงได้แต่นึกเสียใจและนึกโทษว่าหากในร่างกายพฤกษ์เกิดได้รับสารเสพติดอะไรขึ้นมาก็เป็นความผิดของเขาคนเดียว
“คุณพฤกษ์” เขาโน้มตัวเข้าใกล้ ตบเบา ๆ ที่แก้มนุ่มก่อนจะเรียกเสียงเบาหวิว พฤกษ์สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเล็กน้อย มองคนตรงหน้าด้วยอาการมึนงงและหลับตาลงไปอีกครั้ง
“คุณได้กินอะไรแปลก ๆ ไปหรือเปล่า ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
“ปวดหัว” พฤกษ์ตอบเสียงอ้อแอ้ ดวงตา จมูกและแก้มแดงเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“รู้สึกเคลิ้ม ๆ ไหม”
“ร้อน”
“มองเห็นสีอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า”
“ทำไมพูดมาก” ร่างโปร่งคว่ำปาก ทำสีหน้าดื้อรั้นราวกับเด็กน้อยถูกขัดใจและตะแคงหนีไปอีกด้าน ฉัตรตะวันเห็นดังนั้นจึงกดเร่งแอร์ให้เย็นขึ้นก่อนจะคว้าไหล่บางให้หันกลับมามอง มือหนาทั้งสองประคองแนบชิดแก้มนุ่มเอาไว้
“ที่ถามเพราะเป็นห่วงรู้ไหม เกิดคุณไปมั่วของแบบนั้นขึ้นมาก็แย่น่ะสิ” คนเมาทำหน้างอ ดวงตาฉ่ำวาวแดงเรื่อนิด ๆ ช้อนขึ้นมามองเขา พูดว่า
“ผมโตแล้ว”
“เถียงหรือ คุณยังไม่โตเท่าไหร่เลย” ใช่ เพิ่งจะอายุยี่สิบเสียด้วยซ้ำ เอาอะไรมาโตกัน ตัวหรือก็ผอมบอบบางแค่นี้ ดีที่สูงโปร่งกว่าชาวบ้านเขาหน่อยเท่านั้น
“ฮื้ออออ” พฤกษ์ร้อง จับข้อมือแกร่งที่กอบกุมแก้มของตนไว้แน่นแล้วเขย่าไปมา
“ผมอายุสามสิบเจ็ดแล้วนะ โตแล้ว! โตกว่าคุณเยอะ! ผ่านอะไรมามากมายกว่าที่คิดเสียอีก! คุณก็แค่เด็กอายุยี่สิบ ไอ้หนุ่มเอ้ย เอิ๊ก! เราห่างกันตั้งสิบเจ็ดปีเชียวนะ! ไหนลองเรียกผมว่าคุณอาซิ! ”
ฉัตรตะวันขมวดคิ้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังเมาจนพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ปากสีแดงสดที่ขมุบขมิบไม่หยุดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอยากจะยื่นมือไปบีบ ๆ บี้ ๆ เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“อ๊ะ” ครู่หนึ่งพฤกษ์กลับทำหน้าเจ็บปวดออกมาก่อนจะปัดมือเขาออก ร่างโปร่งนั่งตัวงอ ท่าทางไม่สู้ดีนัก
“เป็นอะไร? ” ฉัตรตะวันถามพลางลูบหลังเบา ๆ หวั่นในใจคิดว่าอีกฝ่ายคงจะปวดปัสสาวะหรือคลื่นไส้อาเจียน ทว่าพฤกษ์กลับเงยหน้าขึ้นมามองเขา สีหน้างอง้ำน่ารักทำให้เขาหายใจสะดุดไปหลายครั้ง
“ตา ..ปวดตา”
“หือ”
“แสบตา เอามันออกไปที”
พฤกษ์ยกมือขยี้ดวงตาจนแดงก่ำคล้ายกับว่ามีบางอย่างทำให้รู้สึกระคายเคือง เขาที่เห็นอย่างนั้นจึงคว้าข้อมือบางเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะขยี้จนเยื่อบุดวงตาอักเสบไปมากกว่านี้ ฉัตรตะวันเปิดไฟในรถให้สว่าง มือข้างหนึ่งประคองใบหน้างามขึ้น พูดว่า
“คุณใส่คอนแทคเลนส์มาหรือ”
พฤกษ์พยักหน้าหงึกหงักทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอออกมา ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เกลี่ยน้ำสีใสออกอย่างนุ่มนวล หันกลับมามองในรถโดยรอบก่อนจะหยิบน้ำขวดหนึ่งที่วางเอาไว้แล้วออกไปล้างมือข้างนอก
ฉัตรตะวันกลับเข้ามาอีกที จับคางสวยได้รูปให้แหงนขึ้นมอง คาดว่าที่อีกฝ่ายแสดงอาการแบบนี้ออกมาคงเป็นเพราะความฝืดแห้งจากการสวมใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
“ถ้าเจ็บต้องบอกนะ” เขาพูดก่อนจะถ่างเปลือกตาอีกฝ่ายออกเล็กน้อย
“อ๊ะ..” พฤกษ์ส่งเสียงกระเส่าเมื่อนิ้วของเขาแตะลงบนเลนส์พลาสติกสีใสที่ครอบดวงตาของตนเอาไว้ เสียงหวานนุ่มนั้นปลุกให้ความรู้สึกดำมืดบางอย่างในตัวเขาตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มกัดฟันแน่นข่มใจเอาไว้จนสันกรามนูนเด่น อย่าสนใจ อย่าคิด อย่ารู้สึก อย่า.. อย่า
“อ๊ะ เจ็บ” ฉัตรตะวันกัดริมฝีปากแน่นเมื่อมองภาพของคนเมาที่นอนตัวอ่อนเหลวอยู่ตรงหน้า ลมหายใจอุ่นร้อนเจือกลิ่นแอลกอฮอล์ของพฤกษ์เป่ารดลามเลียไปทั่วผิวเนื้อ สติเขาแทบเตลิดไปไกล ทว่าความอดทนยังคงมีอยู่ในจิตใต้สำนึก ฉัตรตะวันทำเป็นหูบอดสนิทยามที่เสียงกระเส่าของอีกฝ่ายดังขึ้นให้ได้ยินทุกครั้งที่ขยับนิ้ว เขาแตะนิ้วชี้บนเลนส์ค้างไว้ครู่หนึ่ง ลากขยับไปมาจนผิวเลนส์ย่นเข้าหากันจึงใช้หัวแม่มือช่วยหยิบออกมาจากดวงตาได้สำเร็จ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเฮือกและกระทำแบบเดิมกับดวงตาอีกข้างหนึ่ง
เมื่อนำคอนแทคเลนส์ออกมาได้ครบทั้งสองข้าง ฉัตรตะวันจึงดึงกระดาษทิชชู่มาห่อเอาไว้ก่อนจะทิ้งออกนอกตัวรถ ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับมา เห็นคนเมาที่นอนคอพับคออ่อน
“รู้สึกดีขึ้นไหม”
พฤกษ์กระพริบตาปริบ ๆ มอง แม้จะไม่รู้สึกปวดที่ดวงตาทว่าโลกทัศน์ตรงหน้านั้นกลับมึนเบลอเป็นสิบเท่าจากเมื่อครู่ มือบางควานหาอีกฝ่ายในอากาศอย่างสะเปะสะปะก่อนจะไปสัมผัสเข้าที่ต้นคอแข็งแรง พฤกษ์ออกแรงดึงชายหนุ่มเข้าใกล้ ฉัตรตะวันตกใจเล็กน้อยกับแรงกระชากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พริบตาเดียวนั้น ใบหน้าของคนทั้งคู่ก็อยู่ใกล้กันจนน่าหวาดเสียว
“คุณพฤกษ์..”
คนเมาหรี่ตาจนเป็นเส้นตรง ฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ดื่มมากไปผสมกับอาการสายตาสั้นทำให้พฤกษ์เกิดภาพหลอนมองเห็นชายตรงหน้าเป็นคนรักเก่าอย่างอัคราอีกครั้ง..
“อัคร.. นั่นคุณหรือ” เสียงทุ้มเรียก ฉัตรตะวันขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเครียดตึง พูดว่า
“มันเป็นใคร”
พฤกษ์ไม่ได้สนใจคำถามนั้นแต่กลับดึงใบหน้าอีกฝ่ายแนบชิดเข้ามาอีก ภายในดวงตาคู่สวยที่เคยไร้ความรู้สึกกลับมีความวูบไหวปรากฏ ซ้ำประโยคต่อมาที่เขาพูดยังสร้างความใคร่รู้อย่างมากแก่เพื่อนสนิท
“ทำไมคุณยังตามมาหลอกมาหลอนผม ทำไมคนชั่วแบบคุณถึงยังอยู่ดีแบบนี้ ทำไมมีแค่ผมที่ตาย.. คนที่ควรตายไปซะก็คือคุณแท้ ๆ! ”
ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวพร้อมกำปั้นที่ทุบรัวลงมาที่อก พฤกษ์ทำราวกับว่าจะร้องไห้ออกมา สุดท้ายจึงทิ้งตัวซบใบหน้าอยู่ตรงซอกคอของฉัตรตะวันก่อนจะพูดอะไรต่อมิอะไรในใจ เนื้อความหลักคือระบายถึงใครสักคนที่ชื่ออัคร คล้ายกับว่าพฤกษ์รู้จักคน ๆ นี้เป็นอย่างดีและอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
“ผมเกลียดคุณ” พฤกษ์รำพันออกมาเบา ๆ ขณะที่หายใจรดซอกคออีกฝ่าย ชายหนุ่มขนลุกซู่ มือที่วางอยู่บนพวงมาลัยกำเข้าหากันแน่นจนข้อนิ้วเป็นสีขาว
คนเมาที่ซุกหน้าอยู่ในอกช้อนสายตาช่ำวาวขึ้นมอง เขาเห็นพฤกษ์กำลังร้องไห้ น้ำตาที่ไหลออกมาราวกับไข่มุกที่ร่วงหล่นจากสาย ใบหน้าที่เคยขาวผ่องบัดนี้ขึ้นสีแดงระเรื่อไปทั่วอย่างน่าเอ็นดู ไหนจะตัวอุ่น ๆ เป็นก้อนเหลว ไหนจะลมหายใจร้อนจัดที่เป่ารดกันชนิดที่เนื้อแนบเนื้อนั่นอีก ให้ตายสิ ความรู้สึกดำมืดที่ตกตะกอนอยู่ภายในใจเขากำลังคืบคลานออกมาทีละนิด แต่นั่นกลับยังไม่ใช่ทั้งหมด เขาเบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อริมฝีปากนุ่มหยุ่นของพฤกษ์ทาบปิดลงมาบนริมฝีปากเขา ฉัตรตะวันหัวใจเต้นระส่ำระสาย ไม่รู้ว่าควรต้องทำอย่างไรดีในสถานการณ์นี้ สุดท้ายแล้วเขาจึงนั่งนิ่งไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร ปล่อยให้คนเมาไม่ได้สติขบริมฝีปากล่างของตนเล่นไปทั้งอย่างนั้น พฤกษ์ผละออกมาจ้องมาเขา ใบหน้างามงองุ้มเอาแต่ใจ
“ทำไมไม่จูบตอบผมล่ะอัคร”
“เพราะผมไม่ใช่อัครของคุณไง” เขาชักรู้สึกหงุดหงิดอีกฝ่ายขึ้นมาเสียดื้อ ๆ อะไรกัน เมื่อตะกี้ยังบอกอยู่หยก ๆ ว่าเกลียดเขาอยู่เลยแต่พอผ่านไปแค่พริบตาเดียวกลับมาอ้อนขอให้เขาจูบเสียอย่างนั้น ฉัตรตะวันกำพวงมาลัยแน่น
โธ่เว้ย! ทำ ไม ถึง ไม่ เป็น เขา ทำไมนะคุณพฤกษ์
“คุณไม่รักผมแล้ว” ยิ่งพฤกษ์แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาให้เห็นมากเท่าไหร่ น้ำตาของเจ้าตัวก็พาลไหลพรากออกมาอย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ในใจขณะที่เอื้อมมือไปเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มนุ่ม
ไอ้อัครมันเป็นใครมาจากไหนกันถึงทำให้พฤกษ์ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ได้!
คนเมาที่ทำตัวอ่อนเป็นก้อนเหลวพยายามปีนข้ามฝั่งมาหา แม้ชายหนุ่มจะรั้งไหล่บางเอาไว้ได้แต่พฤกษ์กลับข้ามจากที่นั่งของตนมาคร่อมอยู่บนเอวเขาในที่สุด
“คุณไม่รักผม” พฤกษ์พูดซ้ำก่อนจะเอามือคล้องคอเขาเอาไว้ มือเรียวสวยข้างหนึ่งล็อคใบหน้าหล่อเหลาให้หันมาสบตา
“รักสิ” เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง เลือกแล้วที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกและหัวใจของตนเองแม้อีกฝ่ายจะไม่มีสติรู้ได้ว่าเขากำลังบอกความในใจออกไป
“งั้นจูบสิ..” ใบหน้างามนุ่มนวลโน้มเข้ามาใกล้ หัวใจของฉัตรตะวันเต้นเร่าจนแทบระเบิด เสียงกระซิบกระเส่าดังขึ้น “อ้าปากของคุณออก”
ริมฝีปากอุ่นร้อนของพฤกษ์บดเบียดลงมาอย่างเชื่องช้าและอ้อยอิ่ง รสหวานปะแล่มของแอลกอฮอล์คือสิ่งแรกที่ฉัตรตะวันรับรสได้ ชายหนุ่มขยับศีรษะเพื่อปรับท่าทางให้กลีบปากนุ่มของอีกฝ่ายได้สัมผัสแนบชิดกับเขามากขึ้น ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งจับอยู่ที่ต้นคอของคนที่อยู่ด้านบน อีกข้างลูบวนไปมาทั่วทั้งแผ่นหลังบาง
“อืม..” เขาได้ยินเสียงพฤกษ์ดังขึ้นพร้อมกับความเปียกชื้นของลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาแตะเบา ๆ กับปลายลิ้นของตน พฤกษ์ตวัดลิ้นไปมาคล้ายกับกำลังหยอกล้อให้เขาหัวหมุน แต่นั่นยังไม่ร้อนเท่ากับสะโพกกลมกลึงที่บดเบียดแนบชิดกับช่วงล่างของเขา สัมผัสนั้นชักชวนให้สิ่งที่สงบนิ่งเริ่มแข็งตัวจากการเสียดสีของเนื้อผ้า อารมณ์หอมหวนอันดำมืดทำให้ชายหนุ่มมีความกล้าขึ้นมา เขาตวัดริมฝีปากพลิกขึ้นเป็นผู้นำ มือทั้งสองข้างเคลื่อนมาจับมั่นบนเอวอ่อนซึ่งกำลังบิดเร่าไปมาเหนือหว่างขา
“แฮ่ก.. อ่ะ” พฤกษ์ถอนริมฝีปากออกมาก่อนจะทิ้งใบหน้าลงที่ไหล่ข้างหนึ่งเพื่อพักหายใจ ฉัตรตะวันที่เหมือนจะมีสติรู้คิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นจึงนั่งตัวแข็งทื่อไปในทันที
“....” นอกจากร่างกายที่แข็งทื่อ ตรงหว่างขาเองก็แข็งทื่อไปด้วยเช่นเดียวกัน
“จูบอีกนะ” ฉัตรตะวันเม้มริมฝีปากแน่นปิดกั้นยามที่พฤกษ์ทาบริมฝีปากของตนเองลงมา คิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความขัดใจก่อนที่ร่างโปร่งจะขย่มสะโพกลงมาโดยแรง ฉัตรตะวันแทบจะสำลักความปวดหนึบที่แล่นขึ้นมากลางกาย เขาผวาจับเอวอ่อนไว้มั่น พูดว่า
“เบา ..คุณพฤกษ์เบา” เขาเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นปนหอบทว่าคนบนร่างกลับไม่ยอมผ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย
“คุณกำลังทำให้ผมแข็งแล้วนะ” ฉัตรตะวันเคลื่อนมือขึ้นมาตรึงไหล่บางเอาไว้แน่นก่อนจะดันให้ออกห่างจากตัวเล็กน้อย
“ผมต้องการคุณ” พฤกษ์ทำตาใสขณะที่พูดประโยคนั้นออกมา ผิดกับเขาที่นั่งหน้าแดงจัด ดูเหมือนพฤกษ์จะไม่รับรู้สิ่งใดอีกแล้วนอกจากความต้องการของตนเอง ไม่รับรู้แม้กระทั่งคนที่กำลังบดเบียดร่างอยู่ด้วยในตอนนี้คือเพื่อนสนิทอย่างฉัตรตะวันไม่ใช่คนรักเก่าอย่างอัครา!
“นะครับ นะ..นะ พลีส..” เสียงกระเส่าดังขึ้นชิดใบหูข้างหนึ่ง ทันทีที่พฤกษ์ลงฟันขบเม้มติ่งเนื้อนุ่มเบา ๆวิญญาณของฉัตรตะวันก็หลุดลอยออกจากร่างเนื้อไปเป็นที่เรียบร้อย ดวงตาที่มักส่องประกายอบอุ่นอยู่เสมอมืดมนแล้วมืดมนอีก กระทั่งความอดทนที่เขายึดไว้เป็นฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง มือหนาบีบเบา ๆ ที่เอวอ่อนเหนือท่อนล่าง พูดขึ้นเสียงต่ำ
“มองหน้าผมให้ดี ๆ สิ ขืนคุณยังไม่หยุดผมจะไม่อดทนเหมือนทุกครั้งแล้วนะ”
พฤกษ์ยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง กระชับสองร่างให้บดเบียดแนบชิด ลมหายใจร้อนจัดเป่ารดที่แก้มตามด้วยริมฝีปากอุ่นที่ทาบปิดลงมาอีกครั้ง รสจูบที่เร่าร้อนและรุนแรงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ฉัตรตะวันไม่ยอมตกเป็นรองเหมือนเมื่อครู่ เขาฉกชิง ลากไล้ และตวัดต้อนเรียวลิ้นเล็กจนอีกฝ่ายหายใจตามแทบไม่ทันและยอมจำนนในที่สุด เนิ่นนานกว่าริมฝีปากจะผละจากกัน พฤกษ์ตัวอ่อนยวบทรุดลงบนอกกว้าง นอนหอบแฮ่กก่อนจะสูดหายใจเข้าปอด ชายหนุ่มลูบไล้นิ้วมือไปตามกระดูกสันหลังของอีกฝ่าย น้ำเสียงจริงจังพูดขึ้นว่า
“แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังที่พูดว่าต้องการผม”
ฉัตรตะวันพลักร่างโปร่งนอนราบกับเตียงสีขาวคุณภาพกลางที่หาได้ดาษดื่นตามม่านรูดหรือโรงแรมที่ใช้เป็นที่พักชั่วครั้งชั่วคราว
ถูกต้อง ..พวกเขากอดก่ายกันอยู่ในม่านรูดแห่งหนึ่งที่ฉัตรตะวันพอจะควานหาได้ในตอนนี้
หลังจากที่นอนบิดเร่าอยู่บนเตียงได้ไม่นาน ร่างสูงใหญ่กำยำก็ตามลงมาทาบทับ พฤกษ์สอดแขนเรียวกอดรัดร่างนั้นไว้พร้อมเผยอปากรับเรียวลิ้นร้อนซ่านของอีกฝ่ายเข้ามาอย่างเต็มใจ ชายหนุ่มราวกับมอมเมาไปกับรสของแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งอยู่ทั่วโพรงปาก เคลิบเคลิ้มไปกับร่างนุ่มอุ่นร้อนใต้อาณัติ ทุกสิ่งตรงหน้าคล้ายกำลังฝันไปเสียอย่างนั้นจนกระทั่งฟันคมของอีกฝ่ายกดลงที่ปลายลิ้นโดยแรง
เสียง กึ๊ก ดังขึ้น กลิ่นคาวเลือดและรสสนิมเหล็กก็กำจายไปทั่วปาก ชายหนุ่มจึงรู้เดี๋ยวนั้นว่าไม่ได้ฝันไป
“อืม..” ริมฝีปากละออกห่างกัน ฉัตรตะวันหอบหายใจถี่รัว ก้มลงมองเห็นของเหลวสีใสที่เคลือบริมฝีปากแดงเรื่อของพฤกษ์แวววาวก็พลันอดใจไม่อยู่จึงก้มลงไปอีกครั้งและขบกัดเบา ๆ ที่กลีบปากอ่อนเพื่อเป็นการเอาคืน
พฤกษ์ทำตาปรือปรอยมองคนบนร่างอย่างไม่ชัดเจนเท่าใดนัก แต่จากภาพจำก่อนหน้าทำให้เขาปักใจเชื่อไปเสียสนิทว่าคน ๆ นี้คืออัคราไปแล้ว หัวสมองหนักอึ้งราวกับถ่วงตะกั่วเอาไว้แต่หากความปรารถนาลึกล้ำกลับชักนำร่างของเขาให้แนบชิดกับอีกฝ่าย พฤกษ์พลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับพลางขย่มสะโพกแน่นหนั่นอยู่ตรงส่วนแข็งตึงภายใต้กางเกงสีดำของชายหนุ่ม ฝ่ามือเรียวลากไล้ไปตามแผงอกของตนเองอย่างเชิญชวน ฉัตรตะวันเห็นการกระทำนั้นก็แทบคลั่งจนจุกเสียดอยู่ในอก
พฤกษ์บิดเร่าร่าง ปลดกระดุมออกจากรังของมันตั้งแต่เม็ดบนจรดเม็ดล่าง ชายหนุ่มนอนกลืนน้ำลายอึกในคอยามที่สาบเสื้อสีดำถูกแหวกออกกว้างจนเห็นแผ่นอกขาวผ่องละออสะอาดตา
“คุณสวยเหลือเกิน..” ฉัตรตะวันพูดก่อนที่ฝ่ามือหนาถูกพฤกษ์ดึงขึ้นไปวางอยู่บนอกบาง ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจยามที่นิ้วหนึ่งของเขาสะกิดโดนตุ่มไตสีชมพูหวาน
“อ๊ะ! ” พฤกษ์ทำหน้าบิดเบี้ยว เสียงกระเส่าดังขึ้นเมื่อเขาตั้งใจสัมผัสและบีบคลึงอย่างเบาแรง
“คุณชอบให้เล่นหัวนมหรือ”
เมื่อเห็นสีหน้านั้นของพฤกษ์ปรากฏ เขาจึงได้ใจ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง สองมือจับเอวอ่อนไว้มั่นก่อนจะใช้ริมฝีปากครอบปิดยอดอกสีชมพูบนอกขาว ทันทีที่ลิ้นร้อนผ่าวสัมผัสโดน พฤกษ์ผวาเฮือกทันที นิ้วเรียวสวยจิกลงมาบนไหล่กว้างเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังก่อมรสุมขึ้นภายในกาย
“อา ..อื้ม ” ร่างโปร่งขย่มอยู่บนหน้าตัก ดวงหน้าบิดเบี้ยวอ้าปากแหงนขึ้นมองเพดาน พฤกษ์ก้มหน้าลง มือที่จิกอยู่บนไหล่เคลื่อนมาขยุ้มคอเสื้อด้านหลังให้เขาเงยหน้าขึ้นก่อนจะบดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ฉัตรตะวันเกี่ยวลิ้นรับอย่างคุ้นชิน ขณะที่มือไม้ก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตของตนเองออกจากร่างกายอย่างอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไป
กลางกายเขาแข็งขืนจากการกระทำของพฤกษ์จนปวดหนึบทรมานไปหมดและฉัตรตะวันก็คิดว่าอีกฝ่ายคงอยู่ในอาการที่ ‘อยาก’ เต็มทีแล้วเช่นเดียวกัน
ทันทีที่ริมฝีปากละออกจากกัน เขาพูดขึ้น
“มันอาจจะแย่หน่อย ผมไม่เคย ..กับผู้ชาย”
พฤกษ์หาได้ยินคำพูดขัดเขินนั้นไม่ ร่างโปร่งหอบหายใจรุนแรง ดูคล้ายคนไร้สติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิง เขาถดตัวลงต่ำ มือเรียวคว้าเข้าอย่างจังที่หว่างขา ฉัตรตะวันสะดุ้งตัวโหยง ไม่คาดฝันว่าคนตรงหน้าจะร้อนได้ถึงเพียงนั้น
“คุณ พะ ..พฤกษ์”
เขาพูดเสียงเบา ลมหายใจขาด ๆ หาย ๆ ยิ่งตอนที่ใบหน้าสวยโน้มลงไปใกล้ ทั้งยังใช้แก้มนุ่มบดเบียดเข้ากับสิ่งนั้น ก้อนเนื้อในอกก็ยิ่งบิดเร่าอย่างทรมาน
ทำแบบนี้.. จะฆ่ากันให้ตายหรือคุณพฤกษ์
พฤกษ์รูดซิปกางเกงออก ทันทีที่มือเรียวสวยเกี่ยวเอาชั้นในชายลง ส่วนที่แข็งแรงก็ผงาดดีดออกมาสูดอากาศภายนอกอย่างกระตือรือร้น!
ฉัตรตะวันไม่เคยรู้สึกเขินอายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาไม่ใช่ว่าไม่เคยช่วยตัวเองหรือมีเซ็กซ์กับใครเลย แต่ทว่าทั้งที่เคยร่วมนอนกับคนอื่นมาบ่อยครั้งแต่พฤกษ์กลับทำให้เขารู้สึกว่ากำลังตกเป็นรองอยู่บนฝ่ามือในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในสภาพเมามายไม่มีสติเสียด้วยซ้ำ
ไปเรียนรู้มาจากไหนกัน ไอ้ท่าทาง สายตา การกระทำแบบนี้ ทำไมถึงดูเชี่ยวกราดนักทั้ง ๆ ที่ก็อยู่ภายใต้สายตาเขามาตลอดแท้ ๆ หากอีกฝ่ายมีใครที่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้
ให้ตายสิ ..หรือจะเกี่ยวกับคนที่ชื่ออัครอะไรนั่น!
มันเป็นใคร เสร็จจากพรุ่งนี้ไปเขาต้องถามให้รู้เรื่อง!
“อ่ะ..” ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ สมองของเขาก็ขาวโพลนไปหมด ครั้งเมื่อยันตัวขึ้นก็เห็นลิ้นร้อนลวกของพฤกษ์แลบเลียวนไปมาตรงส่วนหัวสีแดงก่ำที่บานออก
“อืม.. อ่ะ คุณพฤกษ์ บะ เบาหน่อย ซี๊ด” เขาครวญครางออกมาและกัดริมฝีปากตนเองแน่นยามที่ส่วนนั้นถูกกลืนหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน
พฤกษ์ทำให้เขาแทบจะเสร็จสมเพียงแค่อมแช่เอาไว้เฉย ๆ เขาไม่ได้โกหกตนเองแต่อย่างใด ด้วยความซื่อสัตย์ พฤกษ์ทำให้เขาเกือบจะเสร็จหลังจากที่เพิ่งเอาเข้าปากไปได้ไม่นานจริง ๆ จะด้วยเพราะความตื่นเต้นจนเกินเหตุของเขาเองหรือเพราะพฤกษ์มีวิธีจัดการหรือเปล่าไม่อาจทราบได้เลย
ฉัตรตะวันรู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะยันปลายเท้า ฝ่ามือของเขาจิกเกร็งไปบนผ้าปูที่นอนจนยับเยินเพื่อระบายความเสียวกระสันที่เพิ่มพูนมากขึ้น นานนับหลายนาที พฤกษ์ไม่มีท่าทีว่าจะเลิกสนใจจากสิ่งนั้นไปไหนเลยสักนิด ใบหน้าสวยยังคงจับจ้องที่ความแข็งขืนที่ขยายตัวคับแน่นอยู่ในโพรงปาก เรียวลิ้นร้อนก็ยังคงตวัดเลียและดุนดันไปตามลำเนื้ออย่างหิวโหยราวกับมันเป็นของโปรดปรานอย่างไรอย่างนั้น
กระทั่งถึงจุดหนึ่ง ความกระสันอยากพุ่งสูงจนเขาแทบเสร็จสม ฉัตรตะวันกระตุกตัวครั้งหนึ่งคล้ายกำลังจะปลดปล่อย เขาผวารีบถอนแกนกายออกมาจากปากสวยทันทีด้วยเกรงว่าพฤกษ์จะนึกรังเกียจหากว่าเขาเผลอหลั่งออกมาข้างใน ทว่าสายไปเสียแล้ว ของเหลวอุ่นร้อนได้อัดฉีดออกมาอย่างรวดเร็วในตอนที่เขากำลังดึงมันออก ส่งผลกระทบให้นอกจากจะหลั่งในปากแล้ว ของเหลวสีขาวขุ่นเหล่านั้นก็กระเซ็นไปเปรอะใบหน้านุ่มนวลด้วย
ฉัตรตะวันลนลาน ในตอนที่กำลังคิดหาทิชชูหรือใช้มือเปล่าเช็ดคราบของเหลวออกจากใบหน้าของพฤกษ์ออกดี อีกฝ่ายก็ยืดตัวขึ้น จัดการถอดกางเกงและรูดเอาชั้นในทิ้งไปข้างเตียงเสียแล้ว การกระทำทั้งหมดนั้นรวดเร็วจนเขามองตามแทบไม่ทัน ร่างโปร่งสะโอดสะองคลานมาทางเขาเชื่องช้า ดวงตาหยาดเยิ้มฉ่ำวาวทว่าประกายความปรารถนาซ่อนเร้นเอาไว้อย่างร้อนแรง พฤกษ์ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งดันอกของเขาให้นอนราบก่อนจะขึ้นคร่อมอยู่เหนือแกนกายที่หดตัวลงเล็กน้อยจากการปลดปล่อยเมื่อครู่ ฉัตรตะวันพลันรู้สึกคอแหบแห้งกับภาพตรงหน้า พฤกษ์ในยามนี้ช่างดูปลุกปั่นอารมณ์ให้ดำดิ่ง ดูสวยงามตรึงตาและยั่วยวนตรึงใจให้ลุ่มหลงราวกับนางฟ้าและปีศาจน้อยในร่างเดียวกัน
พฤกษ์ก้มลงมองเขา แววตาไม่บ่งบอกสิ่งใดนอกจากความหิวโหยสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก้อนเนื้อน้อย ๆ ในอกเขาเต้นระส่ำระสายคล้ายจะหลุดเด้งออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด ฉัตรตะวันรู้สึกราวกับตนเองเป็นเพียงลูกกระต่ายน้อยที่อยู่ใต้อาณัติของเสือร้ายไม่มีผิด
“เอ็กซ์เป็นบ้า ซี๊ด” ชายหนุ่มสูดปาก
“..อย่างกับ อ่ะ..” เขาตั้งใจจะพูดว่าหนังเอวีสักเรื่องที่เคยดูและใช้ช่วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ทว่าทุกคำที่อยากจะเอื้อนเอ่ยกลับถูกกลืนหายกลับเข้าไปในลำคอเมื่อพฤกษ์ใช้นิ้วกวาดเอาคราบของเหลวบนหน้าตนเองป้ายลงที่แกนกายของเขา ฉัตรตะวันกัดริมฝีปากแน่นมอง ลมหายใจของคนทั้งคู่ดังไปทั่วห้องนอนไม่ใหญ่ไม่กว้างนี้
เมื่อนิ้วมือเรียวของพฤกษ์ชโลมของเหลวนั้นทั่วทั้งลำเอ็นเสร็จก็ทำให้ฉัตรตะวันรู้สึกแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง เขาหอบหายใจกระท่อนกระแท่น อยากจะยันกายลุกขึ้นก็กลับถูกฝ่ามือเรียวกดลงให้อยู่ใต้ร่างเช่นเดิม
ดูเหมือนพฤกษ์จะมีรสนิยมชอบเป็นผู้นำบนเตียงกระมัง
“อื๊อ..” เสียงหวานฉุดสติเขาให้กลับมา ภาพตรงหน้าทำเอาเขาแทบคลั่ง! พฤกษ์ใช้มือข้างหนึ่งเกาะบนหน้าท้องแกร่งของเขา อีกข้างดูเหมือนจะใช้โอบเนื้อสะโพกตนเองพร้อมทั้งค่อย ๆ ทิ้งตัวลงบนแกนกายที่ชูชัน
พร่วด!
“ซี๊ดดด! ” เขาร้องออกมาด้วยความเสียวอย่างอดไม่อยู่เมื่อส่วนนั้นของตนเองชำแรกสอดเข้าไปยังภายในโพรงเนื้อร้อนจัดของพฤกษ์ ร่างโปร่งเองก็มีท่าทีไม่ต่างกัน แต่ทว่าพฤกษ์กลับไปได้กระสันเสียวอย่างที่คนใต้ร่างรู้สึก
“เจ็บ..” ดวงหน้าสวยเหยเกและบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับ ด้วยเพราะขนาดที่ใหญ่โตและช่องทางที่ไม่เคยถูกใช้งานในลักษณะนี้มาก่อนจึงทำให้เกิดความคับแน่นและฝืดเคืองอย่างถึงที่สุด
“อือ ..อ๊ะ”
พฤกษ์คงลืมไปเสียแล้วว่าตนเองในตอนนี้ไม่ใช่ตัวเขาที่อายุย่างเข้าสามสิบปลายที่ตรากตรำผ่านศึกมาอย่างโชกโชน แต่หากเป็นพฤกษ์ที่เพิ่งจะอายุยี่สิบไปได้ไม่นาน ยังอ่อนเยาว์ ยังบริสุทธิ์ ไม่เคยมีใครได้แตะต้องหรือสอดใส่ส่วนนั้นเข้ามาเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
“เจ็บหรือครับ” ฉัตรตะวันสังเกตเห็นความทรมานฉายชัดบนใบหน้านั้น ชายหนุ่มตกใจจนหน้าถอดสี ชั่วอึดใจหนึ่งเขาคิดจะยกตัวของพฤกษ์ออกโดยเร็วแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับพูดขึ้นเสียงสั่น
“อัคร ..จูบหน่อย” แววตาที่ตื่นตระหนกเมื่อครู่พลันดำมืดลงทันที ฉัตรตะวันรู้สึกถึงเลือดภายในกายกำลังเดือดพล่าน อนึ่งด้วยความโกรธเป็นหลัก ความกระสันเป็นรองตามมา
กำลังเด้งเร่าอยู่บนส่วนนั้นของเขาอยู่แท้ ๆ แต่กลับเรียกหาคนอื่น คุณพฤกษ์ ..คุณนี่มันน่าตีจริง ๆ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะจำใจยื่นหน้าขึ้นไปรับจูบจากริมฝีปากอิ่มนั้น
“อืม ..อะ” เนิ่นนานที่เขาทั้งคู่ใช้ลิ้นเกี่ยวกระหวัดประหนึ่งจะหลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกันเสียให้ได้ ในที่สุดฉัตรตะวันก็เป็นฝ่ายผละออกมาสูดหายใจ พฤกษ์สูดหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะทิ้งใบหน้าซบลงที่ซอกคอแกร่ง ลมหายใจร้อนระอุทำเอาเขาขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาตกใจไปกว่าการที่ริมฝีปากร้อนทาบลงมาบนผิวเนื้อและดูดเม้มจนเกิดเป็นเสียงของน้ำลาย พฤกษ์ทำรอยบนซอกคอของเขาหลายจุดทีเดียว ทั้งเดี๋ยวขบเม้ม เดี๋ยวขบกัด ซอกคอด้านหนึ่งจึงเต็มไปด้วยรอยแดงด่าง ๆ ปรากฏเป็นวงโดยทั่ว
“ซี๊ด คุณ.. อย่าขยับสิ”
เขาปรามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับสะโพกขึ้นและกดลงมาอย่างแช่มช้า พฤกษ์ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งก่อนจะรู้สึกว่าช่องทางด้านล่างเริ่มปรับตัวให้รับกับขนาดของฉัตรตะวันได้และเริ่มไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อครู่ที่สอดใส่เข้ามา
“อ๊ะ! อ๊ะ! ..” พฤกษ์ร้องออกมาสองครั้งติดเมื่อขย่มสะโพกกดลงไปทีเดียวลึกทำให้ส่วนหัวที่แข็งขืนพลันแตะสัมผัสตรงจุดหนึ่งเข้า จุดนั้นราวกับจุดตายของพฤกษ์ ร่างโปร่งหอบหายใจหนักหน่วง ยกแขนขึ้นกอดแผ่นหลังกว้างพลางกระซิบอยู่ชิดใบหูเขา
“ช่วยหน่อยครับ ..ทำมันที อึ่ก” ฉัตรตะวันที่ร้อนรออยู่แล้วพอได้ยินคำพูดนั้นถึงกับแสดงแววตาหิวกระหายออกมาอย่างไม่ปิดบัง ร่างสูงหยัดตัวขึ้นนั่ง แขนแกร่งกอดรัดคนที่คร่อมอยู่ด้านบนไว้แน่นก่อนจะกระแทกสะโพกสวนขึ้นมาจากด้านล่างโดยแรงหนึ่งครั้งถ้วน
“อ๊า! ” พฤกษ์ดวงตาเบิกโพลงและอ้าปากหวีดร้องด้วยความรู้สึกที่ทั้งจุกเสียดและทั้งซ่านเสียวเกินอธิบาย ดวงหน้าสวยเหยเกอย่างสุขสม เขากอดศีรษะของฉัตรตะวันไว้แนบอก ฝ่ามือทั้งสองขยุ้มเส้นผมสีดำเอาไว้ พฤกษ์ก้มหน้าลง กดจูบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อนั้นราวกับกำลังให้รางวัลชายหนุ่ม
“อ๊ะ ..อือ ดี ” พฤกษ์ครางกระเส่าดังขึ้นระงม ขณะที่ฉัตรตะวันก็กระแทกกระทั้นแกนกายสวนขึ้นมาถี่ยิบราวกับสว่านที่เจาะผ่านแผ่นไม้จนทะลุปรุโปร่ง
“ดีไหมครับ” เขากระซิบ ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ปลายคาง “ชอบไหม”
“ฮื่อออ อ๊ะ! ”
ร่างโปร่งผวาเฮือกยามที่แกนกายเครียดตึงนั้นถูกสาวเข้าสาวออกจากช่องทาง ความเสียวกระสันแล่นปลาบไปทั่วร่างคล้ายกระแสไฟฟ้า ความรู้สึกนั้นไม่ลดลงเลยสักนิดมีแต่จะก่อมรสุมเพิ่มทวีขึ้นมา ยามที่ฉัตรตะวันกระแทกสวนมันเข้ามาลึกฉันใด พฤกษ์ก็เสียวปานจะขาดใจตายฉันนั้น
กระทั่งเขาใกล้สุขสม อีกฝ่ายก็ตอกสะโพกเข้ามาด้วยความเร็วและแรงราวกับค้อนที่ตอกลงบนตะปูด้วยความบ้าคลั่ง มือใหญ่ข้างหนึ่งเคลื่อนมาจับแกนกายที่แข็งตึงของพฤกษ์ก่อนจะออกแรงรูดรั้งเสียจนวิญญาณที่อยู่ในร่างแทบจะหลุดติดฝ่ามือนั้นไปด้วย
“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า..” เสียงหวานครางระงมอย่างไม่อาจอดกลั้นเมื่อแกนกายในอุ้งมือร้อนกระตุกและปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาเลอะฝ่ามือ
พฤกษ์เสร็จจากด้านหน้าเป็นอย่างแรกก่อนที่ความปรารถนาลึกล้ำจะถูกเติมเต็มด้วยของเหลวร้อนจัดที่อัดฉีดอยู่ในช่องทางด้านหลังจนล้นออกมาเปรอะเปื้อนไปตามโคนขาอ่อนด้านใน ฉัตรตะวันกระแทกแกนกายเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มสองสามครั้งก่อนจะกระตุกเกร็งและปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกมาอีกระลอก
“แฮ่ก.. ” ฉัตรตะวันหอบฮั่ก รู้สึกสมองโล่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนพฤกษ์นั้น หลังถูกเขากระทำปรนเปรอจนเสร็จสมทั้งหน้าและหลังก็พลันตัวอ่อนยวบยาบ ทิ้งกายลงสู่อ้อมแขนเขาราวกับตุ๊กตาที่หมดลาน ชายหนุ่มก้มลงมองใบหน้านุ่มนวลที่หลับใหลด้วยความอ่อนเพลีย เขาค่อย ๆ ถอนแกนกายออกอย่างระมัดระวัง ปรากฏว่านอกจากคราบของเหลวจากกิจเมื่อครู่ยังมีคราบเลือดจำนวนหนึ่งเปื้อนเป็นวงอยู่บนผ้าปูที่นอน
ฉัตรตะวันหันขวับมามองพฤกษ์ที่ม่อยหลับในอ้อมแขนด้วยสีหน้าซีดเผือด
“นี่ผม ..ทำ ...ครั้งแรก ..”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ