EVANDER อารัมภบทแห่งอีแวนเดอร์
เขียนโดย Vampz
วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.05 น.
แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 09.08 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) AREN
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"เจ้ารู้หรือไม่ว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง สามารถเเบกรับความโกรธแค้นของผู้คนได้มากขนาดไหน"
หญิงชราได้ตั้งคำถามไปยังเด็กชายที่นั่งฟังเรื่องเล่าของตนอยู่อย่างว่าง่าย ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาก็คือ ไม่รู้ ที่ตัวเธอเองได้รับรู้ผ่านใบหน้าที่สะบัดไปมาของเด็กน้อยคนนั้น
"คนเราไม่อาจแบกรับความโกรธเคืองของคนมากมายได้หรอก เพียงแต่คนที่ไร้สำนึกเท่านั้นที่อาจเมินเฉยได้ ถึงจะเป็นเช่นนั้นแล้ว แต่เด็กชายผู้ใสซื่อคนนี้กลับต้องแบกความโกรธแค้นจากคนนับไม่ถ้วนเอาไว้เพียงลำพัง "
"เมื่อยามตะวันลับฟ้า ความมืดจะปกคลุม ผืนดินจะนองเลือด ผู้คนจะล้มตายต่อหน้าเจ้า และเจ้า! ตัวเจ้าจะต้องแบกรับชะตากรรมนี้ไว้ เพราะมันคือหนี้ของเจ้า อาเรน"
"อาเรน... เฮ้! นี่เจ้าจะนอนไปถึงไหนกัน รีบตื่นได้แล้ว" เด็กหนุ่มนอนขดไปมาบนเตียงผ้าแพรที่ดูเหมือนว่าจะแพงเสียน่าดู ยิ่งดูแล้วยิ่งเหมือนกำลังขัดใจที่ถูกเสียงใครบางคนมาขัดขวางการนอนหลับของเขา
"อาเรน ตื่นเดี๋ยวนี้"
ดูเสียท่าว่าเสียงนั่นจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ มิหนำซ้ำคราวนี้ยังมาเขย่าตัวเขาอีกด้วยซ้ำ
"อาเรน"
"ไม่ได้ยิน"
เด็กหนุ่มสวนกลับทันควัน หลังจากการเรียกชื่อเขาครั้งล่าสุด
"เจ้าจะเอาแบบนี้ใช่มั้ย? ... ได้เลย"
ตุบบบบบบ
"อ้ากกก นี่เจ้าทำอะไรของเจ้าหน่ะ อากัส"
น้ำหนักตัวของเด็กหนุ่มอีกคนทุ่มลงบนตัวอาเรนที่กำลังนอนขดตัวเป็นดักแด้อยู่ มันหนักพอที่จะทำให้เจ้าคนขี้เซา ลุกขึ้นมาต่อล้อต่อเถียงได้
"ตื่นจนได้"
"ไม่ตื่นสิแปลก ตัวเจ้าเบาซะที่ไหนล่ะ อากัส"
"ช่างเหอะ แต่งตัวแล้วรีบไปกันได้แล้ว วันนี้เป็นวันสำคัญนะอย่าลืมสิ"
ประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงของอากัสที่ส่งไปยังอาเรนนั้นทำให้เขาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะขดตัวแล้วนั่งกอดเข่าในเวลาต่อมา
"ข้าไม่อยากไปเลยอากัส"
คนเป็นพี่งุนงงกับคำพูดของน้องชาย เพราะทั้งที่เป็นวันสำคัญแท้ ๆ แต่อาเรนกลับทำตัวโอ้เอ้ มันทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไร ที่ทำให้น้องชายที่ชอบการเปิดหูเปิดตาชื่นชมโลกภายนอกเป็นแบบนี้ ก่อนความสงสัยนั้น จะค่อย ๆ คลายลง เพียงเพราะคำพูดจากอาเรนเพียงคำเดียว
"พี่ชาย... ข้ากลัว!!"
คนเป็นพี่ได้แต่นิ่งเงียบ พร้อมกับความคิดวนไปมาในใจว่า เจ้ากลัวอะไรกันแน่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถามแต่อย่างใด ยังรอคอยให้คนเป็นน้องบอกมาด้วยตัวเองดีกว่า
"ข้ากลัววันนี้มากโดยตลอด... ข้าฝันถึงมัน.... วันที่ทุกคนต่างล้มตาย รวมถึงเจ้าด้วย...พวกเราไม่ไปที่นั่นกันได้มั้ย?"
ความสงสัยจากคำพูดของคนเป็นน้องทำให้คนเป็นพี่เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าเขาหวาดกลัวในคำพูดคนเป็นน้อง เพียงแต่เขาคิดในใจว่า เจ้าน้องคนนี้กลายเป็นคนขี้เกียจจนต้องกุเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาแล้วเหรอ เพียงแค่การไปร่วมพิธีประกาศตนของผู้บรรลุนิติภาวะ กลับเป็นถึงเพียงนี้
"บ้าบอ.....รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว อย่าให้ท่านพ่อต้องรอ... เจ้าก็รู้ดีนี่ ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญกับตัวเจ้าเอง ทุกคนต้องประกาศตนเมื่อถึงอายุสิบห้า นั่นรวมถึงเจ้าด้วย อาเรน องค์ชายแห่งเอเรนอส จะขัดต่อธรรมเนียมที่ส่งผ่านมาหลายร้อยปี เจ้าควรคิดดี ๆ นะ"
"เจ้าไม่เชื่อข้าเลยเหรอ.... ผู้คนจะล้มตายกันหมดในวันนี้ เจ้าก็ด้วย"
เห้อออออออออ
เสียงถอนหายใจของอากัสเป็นข้อบอกอย่างหนึ่งว่า เขาจะไม่ทนกับการกุเรื่องเพ้อเจ้อนี้อีกต่อเเล้ว
"นี่เจ้าไม่อยากไปจนถึงต้องสาปแช่งให้ข้าตายเลยเหรอ เจ้ามันเป็นน้องที่แย่จริง ๆ ให้ตายสิ"
อากัสสะบัดตัวพร้อมกับเดินออกไปจากห้องนอนอันหรูหราของผู้เป็นน้องอยากรวดเร็วความเร็วด้วยความโกรธ ก่อนที่จะชะงักกับคำพูดประโยคสุดท้ายของน้องชาย
"เสียงพลุไฟครั้งแรกจะมีหญิงสาวกรีดร้อง ครั้งที่สองจะเกิดเมฆครึ้มพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง และครั้งที่สาม ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไป"
สิ้นสุดเสียงของอาเรน ร่างกายของผู้เป็นพี่ก็ได้ลับสายตาออกไปเสียแล้ว....
ณ ห้องอาหารพระราชวัง
บนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาวระดับหนึ่ง ได้มีอาหารมากมาย นานาชนิดตั้งอยู่ ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนจะรื่นเริงของคนหมู่มากในราชวงศ์ แต่ไม่ในกับเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามด้านท้ายโต๊ะตัวใหญ่นี้ อากัส บุตรชายลำดับที่ 14 และอาเรน บุตรชายลำดับที่ 15 แห่งราชวงศ์ เฮสเทีย เพราะด้วยเรื่องที่ห้องนอนของอาเรนทำให้ทั้งสองต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก่อนความขุ่นมัวจะโดนขัดโดยเสียงอันน่าเกรงขามของชายผู้หนึ่ง
"ข้ายินดีเหลือเกิน ในที่สุด บุตรชายคนเล็กสุดของข้าก็ได้เข้าสู่พิธีประกาศตนเสียที... ข้ายินดีเจ้าด้วย อาเรน"
คำยินดีด้วยความจริงใจจากคนเป็นพ่อ แต่ลูกชายกลับไม่สามารถรับไว้ได้ เพียงเพราะความเกรงกลัวต่อฝันร้ายที่ไม่อาจรู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ใบหน้าของอาเรนไม่ได้สดในเช่นทุกวัน แต่เขาก็ได้ขานรับคำยินดีเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม
อย่างน้อย ๆ ก็เป็นคำยินดีแรกที่ได้ยินจากปากคนเป็นพ่อ
หลังจากห้องอาหารที่อุดอู้ราว 2 ชั่วโมง ทุกคนก็ต่างทยอยออกมาจากห้องโถง เพื่อเข้าสู่พิธีประกาศตนของอาเรน ซึ่งในใจของเจ้าตัวตอนนี้คิดเพียงเเต่ว่า กลัวสิ่งที่เขาเห็นจะเป็นจริง
ฝันหรือนิมิตที่เล่าเรื่องราวของผู้เป็นพ่อไว้ ความผิดบาปที่ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ซ่อนเอาไว้ ความจริงที่เขารับรู้มามันมีมากกว่าที่เขาได้บอกผู้ที่เป็นพี่ชาย เวลา 4 ชั่วโมงต่อจากนี้ ภาพเหตุการณ์ในฝัน จะเป็นนิมิต หรือแค่ฝันร้ายขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
"เมื่อยามตะวันลับฟ้า ความมืดจะปกคลุม ผืนดินจะนองเลือด ผู้คนจะล้มตายต่อหน้าเจ้า และเจ้า! ตัวเจ้าจะต้องแบกรับชะตากรรมนี้ไว้ เพราะมันคือหนี้ของเจ้า อาเรน"
ประโยคที่องค์ชายน้อยได้ยินมาจากความฝัน ซึ่งผู้ที่บอกเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นคำพูดที่มาจากคนเป็นพ่อ ความขุ่นมัวเพิ่มขึ้นในใจมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ต้องชดใช้? ชะตากรรม? ความผิด? หนี้?
"ท่านทำอะไว้กันแน่ ท่านพ่อ"
คำพูดมากมายที่อยากถามไถ่คนเป็นพ่อแต่ไม่อาจถามได้ เรื่องราวผิดบาปเหล่านั้นว่าเขาเป็นคนทำมันจริง ๆ ใช่หรือไม่? เอนเรนเดินเฉียดคนเป็นพ่อ ห่างกันเพี้ยงเอื้อมมือ แต่ราวกับว่า ทั้งคู่อยู่ห่างไกลกันเหลือเกิน ไม่เคยมีเลยช่วงเวลาสุขสันต์ของพ่อลูก ไม่เคยแม้แต่หนึ่งคำชมจากปาก ไถ่ถามปัญหาเหมือนพ่อลูกคู่อื่นกัน แม้แต่อ้อมกอด เขาก็ไม่เคยได้สัมผัส มิหนำซ้ำเรื่องราวจากความฝันยังมาทำให้ในใจต้องดิ่งลงไปสู่ความสิ้นหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก
"พันธสัญญาแห่ง เดมอส ถ้าพวกเราผ่านวันนี้ไปได้ช่วยบอกกับข้าหน่อยได้ไหม?"
ถ้อยคำที่อาเรนที่ร่ายออกมาครั้งเมื่อเดินสวนกันนำพาไปสู่ความตื่นตระนกของผู้ที่รับฟังมันเป็นอย่างมาก ราชาแห่งเอเรนอส ถึงกับฉุกคิดในใจกับคำพูดของผู้เป็นลูกชาย
"มาถึงแล้วสินะ..... ข้าขอโทษจริง ๆ ลูกชายของข้า เจ้าไม่ควรมาแบกรับเรื่องนี้เลย"
เสียงจากผู้เป็นราชาที่เอ่ยออกมาทำให้อาเรสที่ได้ยินถึงกบัหยุดเินแล้วหันหลังกลับมา
"ใช่จริง ๆ สินะ ความฝันที่ข้าเห็น มันคือความจริง..... นี่ท่านทำอะไรลงไปท่านคิดจะสังเวยชีวิตคนทั้งเมืองเพียงแค่ความเห็นแก่ตัวของท่านงั้นเหรอ"
อาเรนไม่อาจควบคุมความโกรธได้อีกต่อไป ทั้งหมดคือความจริง สิ่งที่เขาเห็นคือความจริง และความผิดที่บิดาของตนได้ก่อไว้ มันก็คือความจริง เขากลายมาเป็นราชาได้เพราะ พันธสัญญาแห่ง เดมอส ความฝันที่อาเรสเห็นคือคนเป็นพ่อขอเขาฆ่าคนนับไม่ถ้วนเพื่อสังเวยแก่การเรียกปีศาจตนหนึ่งออกมา ร่างสัญญาเพื่อเเลกดวงวิญญาณกับสิ่งที่ตรปราถนา
"ราชาจอมปลอมที่จะนำพาทุกอย่างสู่หายนะ ท่านคิดจะให้คนที่อยู่ที่นี่ชดใช้ กับสิ่งที่ท่านทำงั้นเหรอ"
ทุกคน.... ที่นี่......
"หมายความว่ายังไง?"
เสียงสบถจากราชาที่เต็มไปด้วยความงุนงงนั้นถามซ้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าตนฟังไม่ผิดเพี้ยนไป
"หมายความว่าเช่นไร ที่บอกว่าทุกคนที่นี่ ต้องตาย......พันธสัญญาแห่ง เดมอส ร่างไว้เพียงแค่เเลกกับดวงวิญญาณของคน แค่คนเดียว แล้วเหตุใดทุกคนถึงต้องตาย"
ความงุนงงได้เกิดขึ้นไปพร้อมกับความไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อลูกคู่นี้จะสื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ มีเเต่ความไม่เข้าใจ งุนงง สับสน
"นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ เหรอ?"
คำถามเพื่อความแน่ใจของอาเรน ทำให้เขารู้คำตอบเเล้วว่า สิ่งที่เขาเห็นในฝันอาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ทั้งเหตุการณ์ จากอดีต และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ความโล่งใจของอาเรนเกิดขึ้นมาทันที แต่แล้วก็ดับลงภายในชั่วอึดใจถัดมาเช่นเดียวกัน
ปังงงงงงงงงงงงงง
กรี้ดดดดดดดดดดดดด
เสียงพลุดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของหญิงสาวในบริเวณลานทำพิธี คนแรก คนที่สอง คนที่สาม และดังขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ทุกคนกรีดร้องออกมาด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายเลือด ไม่เว้นแต่คนในราชวงศ์เช่นเดียวกัน แต่ที่น่าแปลกก็มีเพียงแค่หญิงสาวเท่านั้นที่กรีดร้อง
"มันเกิดขึ้นแล้ว ชะตากรรม"
คำพูดที่สะท้านไปถึงใจของผู้เป็นราชา นี่หรือคือสิ่งที่เขาต้องชดใช้
"มันคือสิ่งที่ท่านทำสัญญาไว้ เเลกมาด้วยวิญญาณหนึ่งดวงเพื่อจุติ แต่หลังจากนั้นทุกคนจะต้องตาย...เเละข้ารู้อยู่เเล้วว่าท่านเลือกข้า...ท่านอาจจะคิดว่าข้าเป็นเครื่องสังเวย แต่ผิดแล้วท่าพ่อ ท่านไม่อาจหยุดมันได้แล้ว...ท่านมีอายุมาพันปี และได้ขึ้นเป็นราชาจากพันธสัญญาเดมอส แต่ท่านกลับไม่รู้ว่าสิ่งที่ต้องจ่ายมันมีราคาเพียงใด คิดว่าแค่วิญญาณจากสายเลือดท่านแค่คนเดียวก็ลบล้างทุกอย่างได้ แต่เปล่าเลย....."
สุดเสียงของอาเรน เขาก็ได้ล้มลงไปกองกับพื้น พร้อมกับพูดภาษาที่คนอื่น ๆ ไม่รู้จัก เว้นเสียแต่ผู้เป็นพ่อของเขาเท่านั้นที่รู้ว่า ลูกชายตนพูดภาษารูนอยู่ และกำลังบริกรรมคาถาอาคมเวทย์ คำสาป และคำพิพากษา
หลังจากนั้นไม่นาน เเสงสีเขียวขุ่น สว่างขึ้นจากทุกทั่วอาณาเขต ท้าฟ้าเต็มไปด้วยเมฆครึ้มและเสียฟ้าร้อง
"นี่มันหายนะชัด ๆ"
อากัสสบถออกมาหลังจากที่ทุกสิ่งที่อาเรนพูดมาเป็นความจริง และตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมน้องชายเขาถึงไม่อยากมาที่แห่งนี้
"เสียงพลุไฟครั้งแรกจะมีหญิงสาวกรีดร้อง ครั้งที่สองจะเกิดเมฆครึ้มพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง และครั้งที่สาม ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไป"
เเสงสีเขียวพร้อมหมอกสีดำกลืนกินทุกอย่างไม่เว้นแม้เเต่ร่างของผู้ที่มีอายุยืนมาพันปี ทุกอย่างจางหาย ทุกสิ่งดับสูญอยู่ในหมอกตลอดกาล
"องค์ชายผู้ที่ไม่เคยได้รับรัก มิหนำซ้ำยังต้องแบกรับคำสาป ความโกรธเเค้นจากวิญญาณทุกดวงที่มีต่อองค์ราชาผู้โง่เขลานี่แหละชะตากรรมที่เจ้าต้องรับ เมื่อยามตะวันลับฟ้า ความมืดจะปกคลุม ผืนดินจะนองเลือด ผู้คนจะล้มตายต่อหน้าเจ้า และเจ้า! ตัวเจ้าจะต้องแบกรับชะตากรรมนี้ไว้ เพราะมันคือหนี้ของเจ้า อาเรน หนี้ที่ต้องชดใช้แทนผู้เป็นบิดาของเจ้า"
เสียงของหญิงชราดับลงพร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงของเด็กชายที่กำลังนั่งฟังอยู่ ทันใดนั้นนางได้ลุกขึ้นมาพร้อมเดินออกมาจากต้นอาค ทิ้งท้ายด้วยคำพูดให้เด็กชายต้องงุนงงยิ่งกว่าเดิม
"ความตายได้เริ่มต้นขึ้นเเล้ว หายนะที่แท้จริงกำลังมา"
AREN HESTIA ARENOS
THE FRIST
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ