_ERROR_
เขียนโดย CharP
วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.15 น.
แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 09.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ตอนพิเศษ ความฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ*ตอนนี้จะเป็นเรื่องราวในมุมมองของA14
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ในหอประชุมแห่งหนึ่งที่ฉันไม่รู้จัก ทั้งๆที่ตัวฉันน่าจะโดนรถชนตายไปแล้ว หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆในหอประชุม ทำให้ฉันพบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวฉันตอนนี้เป็นสิ่งที่ผิดปกติ ทุกคนที่นี่จะจำเรื่องในอดีตของตนเองไม่ได้ แต่ฉันดันจำมันได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ฉันเคยมีความฝันอยู่ล่ะ ในโลกที่สามารถสร้างพรสวรรค์จากความพยายามได้เช่นนี้ มันถือว่าเป็นโลกในอุดมคติของฉันเลยล่ะ ดังนั้นแล้วฉันที่จะไม่ยอมสูญเสียความทรงจำอันมีค่านี้ไปหรอกนะ
ย้อนกลับไปตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันเกิดมาในครอบครัวฐานะปานกลาง ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ พ่อแม่ของฉันเป็นพนักงานบริษัทธรรมดาๆ และพวกเราก็อยู่กันอย่างมีความสุขดี เพียงแต่พ่อแม่ของฉันค่อนข้างที่จะเข้มงวดกับเรื่องการเรียนกับฉัน จนทำให้พวกเราทะเลาะกันเป็นบางครั้ง
ฉันน่ะชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กแล้ว มันเป็นสิ่งที่ฉันทำแล้วมีความสุข แต่ไม่ใช่ว่าการที่ฉันชอบแล้วฉันจะทำได้ดีหรอกนะ ฉันน่ะไม่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะเลย แต่เมื่อมีเวลาฉันก็จะพยายามฝึกอยู่ตลอด เพราะว่า ฉันมีความเชื่อที่ว่า ถ้าเรารักและทุ่มเทกับการทำอะไรสักอย่าง เราจะประสบความสำเร็จได้ โดยที่ไม่เกี่ยวว่าจะมีพรสวรรค์หรือไม่น่ะสิ
แต่ว่าพ่อแม่ของฉันไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้หรอกนะ พวกท่านมองว่า ฉันไม่ควรเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับสิ่งที่ฉันไม่ถนัดและไม่สามารถเป็นงานที่มั่นคงให้กับฉันได้อย่างศิลปะ ฉันเข้าใจแหละว่าเป็นเพราะพวกเขาหวังดี และต้องการให้ฉันมีอนาคตที่มั่นคง แต่ฉันก็ยังชอบวาดรูปอยู่ดี ฉันมีความฝันว่า ฉันอยากจะวาดรูปส่งประกวดแล้วชนะซักครั้งหนึ่งน่ะ
พอฉันขึ้นม.ต้น พ่อแม่ของฉันก็ส่งฉันไปเรียนในโรงเรียนรัฐ ที่มีการแข่งขันในด้านการเรียนค่อนข้างสูง มันทำให้ ฉันต้องพยายามเรียนอย่างหนักเพื่อที่จะเรียนให้ทันเพื่อน ทั้งไปกวดวิชาทุกเย็น และอ่านหนังสือจนถึงดึกดื่น เวลาในการวาดรูปของฉันจึงลดน้อยลงตามไปด้วย
พอฉันขึ้นม.ปลาย ฉันพยายามที่จะขอพ่อแม่ไปเรียนสถาปัตย์ ตัวฉันมองว่ามันเป็นอาชีพที่ดูมั่นคง และฉันจะได้วาดรูปด้วย แต่พวกท่านไม่เห็นด้วย พวกท่านอยากให้ฉันเรียนบัญชีมากกว่า พร้อมบอกว่าพวกเขาไม่พร้อมที่จะออกค่าอุปกรณ์ และค่ากวดวิชาสำหรับเข้าสถาปัตย์ให้กับฉัน
สุดท้ายฉันก็ต้องพยายามที่จะสอบสถาปัตย์ให้ติดให้ได้ด้วยตัวเอง แต่มันก็ไม่สำเร็จ ฉันจึงต้องจำใจเรียนบัญชีอย่างที่พ่อแม่อยากให้เรียน โดยที่มีความหวังเล็กๆว่า ถ้าเรียนจบอย่างที่พวกท่านต้องการแล้ว ฉันจะสามารถหาเวลาไปทำตามความฝันได้
ฉันทนเรียนบัญชีจนจบใน4ปี แล้วก็ทำงานเป็นพนักงานบัญชีให้บริษัทเล็กๆ บริษัทหนึ่ง และฉันก็ใช้เวลาหลังเลิกงาน มาวาดรูปส่งประกวดในรายการต่างๆ
แต่เนื่องจากฉันไม่ได้วาดรูปมานานแล้ว และฉันก็ไม่ใช่คนเก่ง ฉันจึงต้องใช้เวลานานมากๆกว่าลายเส้นของฉันจะคงที่
และถึงแม้ว่าฉันจะเริ่มวาดรูปได้ในระดับที่ตัวเองพึงพอใจแล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยผ่านการคัดเลือกรอบแรกเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าฉันจะส่งประกวดไปกี่รายการ
แต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ และพยายามวาดรูปส่งประกวดอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้งานหลักของฉันจะหนักแค่ไหนก็ตาม
จนเวลาร่วงโรยมาจนถึงฉันอายุ30กว่าๆ ฉันได้รับการติดต่อว่าฉันผ่านรอบแรกในงานประกวดแห่งหนึ่ง ฉันดีใจมาก ถึงแม้จะเป็นแค่รอบแรก แต่นี่คือครั้งแรกในชีวิตของฉัน
ดังนั้นฉันเลยขอหยุดงานเพื่อไปฟังหัวข้อประกวดในรอบสอง
เพียงแต่ ดูเหมือนว่าฉันจะตื่นเต้นมากเกินไป จนไม่ทันได้ระวังตัว
ฉันถูกรถชน หน้าหอศิลป์ที่จัดงานประกวดนั้น
แต่ฉันไม่ตายนะ
ฉันโชคดีที่รอดชีวิตมาได้
แต่อุบัติเหตุครั้งนั้นมาพรากความฝันจากชั้นไป
ฉันตาบอดทั้งสองข้างจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
อย่าว่าแต่วาดรูปเลย แค่ใช้ชีวิตธรรมดา ฉันยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่างานประจำของฉันก็เช่นกัน
ด้วยอายุเท่านี้แทนที่ฉันควรจะดูแลพ่อแม่ แต่ฉันกลับต้องให้พวกท่านดูแลฉันแทน
พวกเขาโกรธมากๆเลยล่ะ เรื่องที่งานประกวดนั่น ทำให้ฉันต้องตาบอดแบบนี้
ฉันใช้ชีวิตด้วยความสิ้นหวังไปวันๆ
ฉันวาดรูปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
พ่อแม่เริ่มทะเลาะกันเรื่องเงิน และเรื่องที่ต้องดูแลฉัน
แต่ฉันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
ทุกๆวันมีแต่ปัญหาและเรื่องเครียดๆถาโถมกันเข้ามา
ฉันไม่สามารถทนอยู่ที่บ้านได้อีกแล้ว
ฉันจึงหนีออกมา
ทั้งๆที่ยังไม่ชิน กับการใช้ชีวิตแบบคนตาบอดเท่าไรนั่นแหละ
แหงสิ จะไปชินได้ยังไงล่ะ
และวันนั้นเป็นวันที่ชีวิตของฉันจบลง
ฉันโดนรถบรรทุกชนขณะที่ข้ามถนน
ทำไมฉันไม่ตายไปเลย ตั้งแต่โดนชนครั้งแรกกันนะ
หลังจากนั้นฉันก็ลืมตาตื่นมาที่หอประชุมแห่งนี้ ตอนแรกฉันตกใจมากเลยนะ ที่ฉันสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจน เหมือนเมื่อก่อน
ฉันกลับมามองเห็นได้ยังไงกัน? แล้วที่นี่คือที่ไหน? มันดูไม่เหมือนกับโลกหลังความตายเลยนะ เหมือนกับหอประชุมในโรงเรียนมากกว่า เพราะทุกๆคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ใส่เครื่องแบบเหมือนกันเลย
หลังจากนั้นก็มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผอ. เขาพูดอะไรซักอย่างขึ้น ด้วยภาษาที่ฉันไม่เคยได้ยิน แต่น่าแปลกที่ฉันเข้าใจมัน
‘ที่นี่คือโลกที่จะสร้างพรสวรรค์ติดตัว ตอนลงไปเกิดเป็นมนุษย์ ขอแค่คุณมีความพยายามและวินัยในการฝึกฝน คุณก็จะได้รับพรสวรรค์นั้นไป’
คำพูดนี้ ของผอ.ยังคงดังก้องกังวานอยู่ในหูของฉันจนถึงตอนนี้
ครั้งนี้แหละ ฉันจะต้องทำความฝันให้สำเร็จให้ได้
ในฐานะของA14นี่แหละ
.
.
.
เพราะว่ามีคนบอกว่าเหรียญเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของที่แห่งนี้ ฉันจึงเลือกที่จะไปตามคำชวนของพี่ที่ชุมนุมไพ่ ก่อนที่จะไปชุมนุมศิลปะ
‘พวกเราจะตัดสินผู้ได้รับรางวัลจากเกม “คนสุดท้าย” กันนะ’
พี่ๆในชุมนุมไพ่พูดขึ้นมา พร้อมทั้งอธิบายกฎกติกาให้ฟัง
‘เหมือนกับอีแก่กินน้ำเลย..’
ฉันเผลอหลุดปากออกมา
แต่มันเบามาก หวังว่าจะไม่มีใครได้ยินนะ
พอเกมเริ่มต้นขึ้น มันทำให้ฉันรู้ว่าการที่มีความทรงจำมันยอดมากเลยนะ คนที่นี่ไม่มีใครมีโป๊กเกอร์เฟสเลย ฉันเลยเล่นชนะได้ง่ายๆ แต่รู้สึกจะมีคนหนึ่งนะ ที่สีหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปตลอดเกมเลย เขาคือคนที่แพ้คนแรกไงล่ะ เขาคงดวงไม่ดีล่ะมั้ง
เพราะฉันเป็นผู้ชนะในเกมนี้ ฉันจึงได้เหรียญทองแดงมาเป็นรางวัล มันเขียนไว้ว่า
เหรียญ ‘คนโชคดี’
ระดับ : ทองแดง
ประโยชน์ : ทำให้การเป่ายิงฉุบแพ้ เป็นโมฆะได้ 1 ครั้ง
มันดูตลกดีนะ เหรียญนี่น่ะ
หลังจากนั้นฉันก็ไปที่ชุมนุมศิลปะ ตึกของชุมนุมศิลปะดูสวยมากเลย และบรรยากาศของที่นี่ ก็เหมาะสำหรับสร้างสรรค์งานศิลป์มากๆ ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้มาที่นี่
หลังจากนี้ฉันจะมีเวลาสำหรับวาดรูปได้อย่างเต็มที่แล้วสินะ
‘ฉันได้ยินมาว่า ปี1 มีerror เข้ามาในโรงเรียนน่ะ’
‘เบาๆหน่อยสิเธอ เดี๋ยวน้องๆก็ได้ยินหมดหรอก’
‘ว่าแต่เธอรู้ไหม ว่าerror ที่ว่านั่นคืออะไรน่ะ’
‘ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเห็นมันเป็นแค่ข่าวลือ ที่ลือกันในหมู่ปี2น่ะ’
พวกพี่ๆในชุมนุมศิลปะซุบซิบกัน
ฉันค่อนข้างแน่ใจเลยล่ะ ว่าerror ที่พวกพี่หมายถึงคือชั้นเอง
เรียกว่าerror แบบนี้ ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันที่เป็นerror อยู่ตรงนี้ ฉันจะถูกจับไปไหมนะ
ฉันไม่ยอมหรอกนะ อุตส่าห์มีโอกาสแบบนี้ทั้งที
แต่ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ ยังไงซะ สุดท้ายมันต้องมีคนจับได้แน่ๆ
เพราะว่าฉันไม่รู้มาตรฐานความสามารถ ของคนบนโลกนี้ไงล่ะ
ถึงฉันจะทำตัวแกล้งโง่ได้ แต่มันก็คงดูไม่เนียนอยู่ดี
ฉันต้องทำยังไง ฉันถึงจะได้วาดรูปต่อไปล่ะ
.
.
.
ถ้าตัวฉันคนเดียวทำไม่ได้ ฉันก็ต้องหาคนช่วย!
นี่คือข้อสรุปของฉัน
ต้องให้คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับฉัน ให้ความร่วมมือด้วย
ถ้าทำแบบนั้น อาจจะพอไหวก็ได้
ด้วยเหตุนั้นฉันจึงเริ่มร่างภาพ “คนจมน้ำ” ขึ้นมา
ถึงแม้มันอาจจะทำให้ฉันถูกจับได้เร็วขึ้น
แต่บางทีมันอาจจะคนที่มาจับฉัน เห็นใจฉันขึ้นมาก็ได้
ฉันวาดภาพชายหาดในความทรงจำในวัยเด็กขึ้นมา โดยใส่มือของคนที่กำลังจะจมน้ำลงไปด้วย โดยหวังว่าจะมีคนที่เข้าใจ ว่านี่คือSOS
แต่ดูเหมือนว่าแค่ความสามารถในการวาดรูปของฉัน ก็แตกต่างจากคนที่นี่มากแล้ว อย่าว่าแต่ทะเลเลย แค่วาดส้มเขายังวาดกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ดังนั้นเลยมีคนเดินเข้ามาชมภาพของฉันอย่างไม่ขาดสาย
‘นี่ๆ นี่คือภาพของที่ไหนหรอ มันดูสวยจังเลย’
มีเด็กผู้ชายเดินเข้ามาถามฉัน ถ้าฉันจำไม่ผิด เขาคือคนคนเดียวกับคนที่ตกรอบแรกที่ชุมนุมไพ่
‘สถานที่ในจินตนาการฉันเองน่ะ ฟังดูน่าอายจังเนอะ ขอบคุณที่ชมนะ’
แน่นอนว่าฉันบอกเขาไปตามตรงไม่ได้
‘แต่ว่ามันดูสมจริงมากเลยนะ’
เขายังคาดคั้นต่อ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้สนใจภาพนี้ขนาดนั้น
มันก็ต้องสมจริงอยู่แล้วสิ เพราะมันมีอยู่จริงไงล่ะ
‘จริงหรอ ขอบคุณนะ’
ฉันตอบ
รีบๆจบซะทีเถอะ ฉันก็กังวลเหมือนกันนะ ว่าจะเผลอพูดอะไรแปลกๆออกไปไหม
‘ผมอยากวาดได้แบบนี้บ้างจังเลย เธอช่วยสอนหน่อยได้ไหม’
‘ได้สิ แต่เป็นวันอื่นนะ วันนี้ตอนเย็นฉันมีธุระน่ะ’
ไม่ใช่ว่าฉันมีธุระอะไรหรอก วันนี้ฉันยังไม่พร้อมจะคุยกับใครต่างหาก
ขอเวลาฉันไปเตรียมบทพูดมาหน่อยเถอะ
‘ขอบคุณนะ ผมรหัสB45 แล้วเธอล่ะ’
‘A14น่ะ ฉันดีใจนะที่ได้เจอคนที่ชอบวาดรูปเหมือนกัน’
แต่ฉันจะเสียใจนะ ถ้าที่นายพูดเป็นเรื่องโกหกน่ะ
นายคงจะไม่เข้าหาเพื่อจับตัวฉันไปใช่ไหม? B45
.
.
.
วันรุ่งขึ้นฉันติดต่อไปหาB45ว่าให้มาเจอกันที่ห้องศิลปะตอน4โมง
แน่นอนว่าฉันเตรียมบทที่จะมาสอนเขาเรียบร้อยแล้ว
แต่เลยเวลามาครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาก็ยังไม่มา
ฉันจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ถ้ากลับมาแล้วยังไม่เห็นใคร ฉันจะกลับหอแล้ว
พอฉันกลับมา แทนที่จะเจอB45 ฉันกลับเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง วางอยู่บนเก้าอี้ของฉัน มันจ่าหน้าซองไว้ว่า
————————————————————————————————————
“ถึงเจ้าของภาพคนจมน้ำ…
มีอะไรให้ช่วยไหม?
จาก คนคนหนึ่งที่เข้าใจเธอ”
————————————————————————————————————
ความช่วยเหลือเข้ามาในเวลาที่ฉันไม่คาดคิด ใครเป็นคนส่งจดหมายนี้มากัน B45หรอ? ตอนที่ฉันนั่งรอเมื่อกี้ ถึงแม้ในห้องศิลปะจะมีฉันนั่งอยู่คนเดียว แต่ก็มีคนผ่านไปผ่านมาอยู่หลายคน ดังนั้นไม่ใช่แค่B45แน่ๆที่รู้ว่าฉันนั่งรออยู่ที่นี่
ใครกันที่เป็นฮีโร่ของฉันกันนะ ฉันคิดเช่นนั้นแล้วก็เปิดซองจดหมายดู….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ