โลกอมตะ

-

เขียนโดย silversoul

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.51 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,823 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 21.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) หอไผ่แดง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

โลกอมตะ

โลกอมตะแบ่งออกเป็นสามสิบสามชั้นคล้ายวงแหวนหมุนวนสลับไปมารอบศูนย์กลาง ศูนย์กลางนี้ว่ากันว่าคือโลกมนุษย์สถานที่กำเนิดของวิญญาณทั้งหลาย ผู้คนในโลกอมตะจึงเรียกดาวนี้ว่าดาวต้นกำเนิด

วงแหวนแต่ละวงของโลกอมตะกว้างเท่ากันแต่ยาวไม่เท่ากันตามลำดับชั้นจากหนึ่งถึง 33 ยิ่งสูงมากก็ยิ่งมีทรัพยากรมาก ความอุดมสมบูรณ์ของพลังงานอมตะที่ใช้ในการบ่มเพาะก็แตกต่างกันไป 

การจะไปยังวงแหวนที่สูงกว่าก็ต้องมีพลังมากในระดับหนึ่งเพราะการแข่งขันที่สูงขึ้นในการแย่งทรัพยากรในแต่ละชั้น หากโชคดีไปยังสถานที่ที่สูงตั้งแต่แรกก็จะได้พลังงานอย่างรวดเร็วแต่ก็ยากจะแย่งชิงทรัพยากรจากผู้ที่แข็งแก่งในชั้นนั้น ๆ 

โลกอมตะเองนั้นมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เช่นกัน ทั้งสองโคจรอยู่ขอบสุดแสนห่างไกลของโลกอมตะขนานกันโดยมีโลกต้นกำเนิดเป็นแกนกลาง แต่โลกอมตะแต่ละชั้นก็มีพระอาทิตย์และพระจันทร์แตกต่างกันไปในแต่ละที่เช่นกันโยมากจะไม่ส่งผลกระทบต่อโลกอมตะชั้นอื่น ๆ 

เมืองทะเลหมอก

เมืองทะเลหมอกเป็นเมืองที่อยู่บนยอดเขาสูง บริเวณโดยรอบไม่มีภูเขาลูกอื่นเลย มองเห็นเพียงป่าไม้และบึงนำที่อยู่รอบภูเขาลูกนี้ ภูเขาลูกนี้เรียกว่าภูเขาที่ยี่สิบเอ็ด ที่อยู่ในโลกอมตะชั้นเจ็ดซึ่งถือเป็นโลกระดับต่ำ ทรัพยากรมีไม่มานัก

กลางยอดเขาใกล้กับเมืองทะเลหมอกมีทะเลสาบอยู่ตรงกลาง ทะเลสาบนี้คือทะเลสาบแรกกำเนิด ผู้อมตะทุกคนจะต้องถือกำเนิดในทะเลสาบนี้เมื่อแรกเข้ามาในโลกอมตะ หรืออาจจะเป็นทะเลสาบเเบบเดียวกันบนยอดเขาลำดับอื่น ๆ 

รอบทะเลสาบไม่ได้มีเพียงเมืองทะเลหมอกเท่านั้นแต่ยังมีเมืองอื่น ๆ อีกหลายเมือง เมืองเหล่านี้มีความแตกต่างกันออกไป เช่นเมืองทะเลหมอกมีลักษณะของแดนมังกร เมืองไอบริดจ์ มีลักษณะของเมืองตะวันตก หรือเมืองเมเนสมีลักษณะของเมืองลุ่มน้ำทะเลทราย เรียกได้ว่าเมืองแต่ละเมืองมีเอกลักษณ์ของแต่ละความเชื่อที่ต่างกันไป พวกเขาเรียกได้ว่ามีทั้งมิตรและศัตรู

ห้องวีไอพีชั้นสูงของหอไผ่แดง ชนชั้นสูงของเมืองทะเลหมอกมารวมกับอย่างลับ ๆ ในห้องนี้มีชายหญิงรวมกันเจ็ดคนนั่งล้อมโต๊ะกันอยู่ ท่าทางของพวกเขาดูเคร่งขรึมมาก

“นายท่านหลี่เหอ ท่านมีเรื่องด่วนอะไรจึงเรียกเรามาประชุมกันเช่นนี้ ข้าน้อยอี้หรานเซียวหวังว่าท่านจะมีเหตุผลที่ดีพอนะ” บุรุษหน้าขาวที่แต่งตัวคล้ายสตรีในชุดหรูหราพูดออกมาเป็นคนแรก เขาโบกพัดขนนกหลากสีพร้อมมองไปยังชายหนุ่มในชุดขายปักทอง

“เฟยเอ๋อร์ก็อยากรู้เช่นกัน ว่าอะไรทำให้พี่หลี่เหอร้อนใจเช่นนี้ได้” สตรีในชุดสีแดงสดเอ่ยขึ้นด้วยท่าทียั่วยวน

คนอื่นที่เหลือในห้องก็หันไปมองเขาด้วยความอยากรู้เช่นกัน

ชายหนุ่มหนุ่มชุดขาวไม่ได้รอช้าอีกต่อไปเขายืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “ที่ข้าเรียกทุกท่านมาครั้งนี้เกี่ยวกับการลงทุนในเหมืองแร่ครั้งล่าสุดของเรา”

พอได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหมืองแร่ทุกคนก็เกิดความความฮือฮาขึ้นมาทันที เหมืองแร่นี้พวกเขาใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากในการประมูลมาแต่ละคนใช้เงินเก็บมากกว่าครึ่งของตระกูลหรือสำนักมาลงทุน หากเกินเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาอาจทำให้พวกเขาเสียหายเป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้นนายท่านหลี่ หรือจะมีอสูรระดับสามมาก่อกวน” ชายชราในชุดป่านถามด้วยความสงสัย

“หามิได้บรรพบุรุษถังจิน หากเป็นอสูรระดับสามข้าก็สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง” นายท่านหลี่เหอตอบกลับด้วยความนอบน้อมไม่ได้ดูถูกชายชราที่ดูเหมือนขอทานผู้นี้

“หรือว่าจะขุดไปแล้วไม่เจอแร่ ไม่ได้นะเงินของข้า ขาดทุน ๆ แบบนี้ขาดทุนหมดตัว” ชายอ้วนในชุดทองคำ สวมมงกุฏมังกรทอง ตามนิ้วมือและแขนของเขาล้วนไม่ขาดทองคำและอัญมณีเป็นเหมือนเหมืองทองเคลื่อนที่

“ไม่ใช่เรื่องนั้นนายน้อยจิน” นายท่านหลี่เหอตอบชายอ้วนชุดทอง “เอาล่ะข้าจะไม่ทำให้ทุกท่านเสียเวลานึก เรื่องนี้เป็นเรื่องดีไม่ใช่เรื่องร้าย แต่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องจัดการอย่างระมัดระวังเช่นกันไม่เช่นนั้นจะเกิดหายนะได้” ชายหนุ่มชุดขาวพูดอย่างระมัดระวัง

“ไม่ใช่เรื่องร้ายก็พอแล้ว” ทุกคนโล่งใจ

“ในเหมืองของเรามีการขุดพบผลึกอมตะสีเขียว ทุกท่านคงคงรู้ความสำคัญของมัน พวกเราเป็นเพียงตระกูลระดับสามหากได้มาเป็นจำนวนมากเราอาจดูดซับแล้วเลื่อนขั้นเป็นนักรบอมตะได้อย่างรวดเร็ว แต่หากเรื่องนี้รั่วไหลไปถึงหูตระกูลระดับสี่เราอาจจะพบกับหายนะได้” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบผลึกสีเขียวออกมาวางไว้บนโต๊ะ “โชคดีที่คนที่ขุดพบเป็นคนของตระกูลข้าข้าจึงหยุดการขุดไว้ก่อน และเรื่องนี้ยังไม่มีใครล่วงรู้”

ทุกคนผลัดกันชมผลึกสีเขียวด้วนสายตาละโมบ หากพวกเขาได้ดูดซับผลึกสีเขียวจำนวนมากพวกเขาอาจจะเลื่อนระดับ และขยายอิทธิพลมากยิ่งขึ้น

“แล้วเราจะจัดการอย่างไร” สตรีชุดแดงเฟยเอ๋อร์ถามออกมา

ชายหนุ่มชุดขาวทำท่าครุ่นคิดแล้วตอบ “ที่ข้าคิดเอาไว้คือเราต้องหาคนงานที่เป็นผู้มาใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงสายลับ หลังพวกเขาขุดเสร้จก็กักตัวเอาไว้ก่อน เมื่อเราขนย้ายผลึกมาที่เมืองและแบ่งปันกันเรียบร้อยแล้วค่อยปล่อยตัวพวกเขา”

“ความคิดดีข้าเห็นด้วย” ชายชราถังจินตอบ

“ข้ามองเห็นความร่ำรวยแล้ว ข้าเห็นด้วย” ชายอ้วนชุดทองกล่าวสนับสนุน

ทุกคนต่างตอบรับกลับมาอย่างเห็นชอบ

“งั้นข้าขอให้ท่านอี้หรานเซียวช่วยหาคน เพราะข้าคิดว่าในบรรดาพวกเราท่านเป็นคนที่เก่งในด้านการโน้มน้าวที่สุด” ชายหนุ่มชุดขาวคาระวะไปทางชายหน้าขาวในชุดสตรี

“ถ้าทุกท่านไม่ขัดข้อง ข้าน้อยอี้หรานเซียวขออาสารับหน้าที่นี้” ชายหน้าขาวในชุดสตรียืนขึ้นคาระวะทุกคนในห้อง

“ท่านอี้หลานเซียวอาสาทำพวกเราก็สะบายใจ” ทุกคนต่างลุกขึ้นมาคาระวะแล้วหัวเราะอย่างสำราญใจ

“เมื่อปัญหาคลี่คลายแล้ว ข้าน้อยหงซินเอ๋อร์ในฐานะเจ้าบ้านขอเลี้ยงมื้อนี้เอง หวังว่าทุกท่านจะไม่รังเกียจ” สตรีในชุดหลากสีพูดขึ้นทำให้ทุกคนอารมดี “เด็ก ๆ เอาเมนูขึ้นชื่อทุกจานมา ทำให้สุดฝีมืออย่าให้เสียชื่อหอไผ่แดง อ้อ แล้วก็อย่าลืมสุราวิญญาณไผ่แดงที่ข้าหมักเองเมื่อสามหมื่นปีก่อนมาด้วย”

“ไม่รังเกียจ ๆ” 

“ได้ชิมสุราวิญญาณไผ่แดงเลื่องชื่อที่ออกขายทุกพันปี วันนี้ข้านับว่ามีวาสนาแล้ว”

“ขอบคุณพี่หญิงที่เลี้ยงพวกเรา”

ในเวลานี้ทุกคนต่างพูดคุยกัยด้วยความอารมเปรมปรี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา