โลกอมตะ

-

เขียนโดย silversoul

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 21.51 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,833 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 21.54 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทนำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ในตำหนังเทพที่งดงาม ล้อมรอบไปด้วยภูมิทัศน์ที่มีทั้งภูเขาและแม่น้ำ บรรดาสัตว์อมตะน้อยใหญ่ต่างวิ่งเล่นกันขวักไขว่ หากมองมองให้ทั่วทั้งโลกนี้ ตำหนักนี้ก็ถือว่าอยู่ใกล้ศูนย์กลางเป็นอย่างยิ่ง

 

“ท่านพี่ปัญญาสวรรค์โปรดพิจารณาอีกครั้งด้วยเถิดเจ้าค่ะ หากท่านแบ่งวิญญาณไปโลกอมตะพลังของท่านก็จะอ่อนแอลงมาก หากเผ่าทะเลสุริยันเข้ามาโจมตีอีกครั้งเราจะป้องกันตนเองได้อย่างไร” 

 

สตรีชุดเขียวอ่อนใบหน้างดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ พูดขอร้องชายในชุดม่วงทองที่อยู่ด้านข้าง

 

ใบหน้าของเทพปัญญาสวรรค์นั้นหล่อเหลาเป็นอย่างมาก แต่แววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ 

 

เขาทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “น้องหญิงว่านเอ๋อร์ พี่คิดดีแล้ว ในบรรดาเทพชั้นสูงทั้งหมดมีเพียงพี่เท่านั้นที่ยังไม่ได้เป็นเทพจุติใหม่” 

 

เขามองไปที่ใบหน้าที่กังวลของหญิงคนรักก่อนจะพูดต่อ “ไม่ต้องกังวล วิญญาณที่แบ่งลงไป สักล้านปีก็คงฟื้นคืนดังเดิม และครั้งนี้พี่ได้นำหินปัญญาสวรรค์ที่กำเนิดมาพร้อมกับพี่ลงไปด้วยไม่เกินแสนปีก็คงเป็นเทพจุติใหม่ได้สำเร็จไม่ยาก”

 

เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่มั่นใจของคนรักฉินว่านเอ๋อร์จึงไม่ได้เอ่ยคัดค้านอีก เทพปัญญาสวรรค์สามีของนางเป็นหนึ่งในสิบสองเทพชั้นสูงที่กำเนิดมาพร้อมกับการสร้างเกาะเทพเต๋าสวรรค์ของมหาเทพมารดร 

 

เทพที่กำเนิดมาพร้อมกับการสร้างเกาะเต๋าสวรรค์นี้เรียกว่าเทพโดยกำเนิดซึ่งสามารถอาศัยอยู่ภายในเกาะเต๋าสวรรค์เท่านั้น ไม่สามารถออกไปยังทะเลโกลาหลได้ เทพโดยกำเนิดจะต้องผ่านการจุติใหม่ก่อนจึงจะสามารถออกจากเกาะเต๋าสวรรค์ได้

 

นอกจากเทพโดยกำเนิด เทพจุติใหม่แล้วยังมีเทพจุติสวรรค์ ซึ่งเป็นเทพที่ถือกำเนิดจากโลกอมตะแล้วมากลายเป็นเทพที่แดนเต๋าสวรรค์ เทพเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าเทพโดยกำเนิดมาก เพราะเป็นเทพที่สามารถออกไปแสวงหาทรัพยากรในทะเลโกลาหลเพื่อนำมาเพิ่มพลังให้เกาะเต๋าสวรรค์ได้

 

เทพปัญญาสวรรค์เป็นเทพชั้นสูงที่ความสำคัญกำลังลดลงเรื่อย ๆ เพราะมีเทพชั้นสูงจุติใหม่ และเทพชั้นสูงจุติสวรรค์มาเพิ่มอีกหลายองค์ เทพโดยกำเนิดที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้มีแต่จะเป็นที่ขบขันของเทพอื่น ๆ แม้แต่เทพชั้นต่ำกว่าก็ยังกล้านินทา

 

ดังนั้นเทพปัญญาสวรรค์จึงต้องการแบ่งวิญญาณลงไปยังโลกอมตะเพื่อจุติใหม่ ด้วยการแฝงอยู่ในวิญญาณของผู้อมตะเพื่อให้ผู้อมตะหล่อเลี้ยงวิญญาณของตน เมื่อผู้อมตะกำลังจะกลายเป็นเทพก็ยึดครองวิญญาณแทนแล้วกลายเป็นเทพจุติใหม่ ดังผีเสื้อที่ออกมาจากหนอนไหม 

 

แต่วิธีนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือเมื่อจุติใหม่ได้จะสามารถเพิ่มพลังได้อย่างน้อยสองเท่า ข้อเสียคือมีความเสี่ยงที่จะไม่สำเร็จแล้วถูกแทนที่ด้วยวิญญาณดวงอื่น และเกิดผลย้อนกลับทำให้วิญญาณบาดเจ็บจนขั้นพลังลดลง

 

“เอาล่ะ ๆ ข้าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแยกวัญญาณในวันพรุ่งนี้ น้องหญิงเจ้าไปพักผ่อนให้สะบายเสียเถอะ “ เทพปัญญาสวรรค์ยืนขึ้นพร้อมกับเดินไปส่งภรรยาของตน

 

“เจ้าค่ะท่านพี่” ฉินว่านเอ๋อร์รับคำอย่างอ่อนน้อมแล้วจากไป

 

หลังจากภรรยาออกไปเทพปัญญาสวรรค์ก็แสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา  การที่เขาลงไปครั้งนี้เป็นเพราะเขาใช้พลังทำนายออกมาเมื่อหลายปีก่อนว่า หากเขาไปจุติเวลานี้ เขาอาจจะพบโชคดีมีความก้าวหน้ามากขึ้น  ความจริงโชคชะตานี้เป็นของภรรยาของเขา แต่เพราะความโลภของเขาทำให้เขาวางแผนจนตนเองได้ไปจุติแทน

 

วันต่อมา

 

หุบเขาจุติสวรรค์ เป็นดินแดนสำคัญแห่งหนึ่งของเกาะเต๋าสวรรค์ หุบเขานี้ล้อมรอบด้วยภูเขาเจ็ดลูกที่มีสีสรรค์ต่างกันเจ็ดสี แต่ละลูกมีน้ำตกหลากสีไหลลงมาบรรจบกันที่ทะเลสาบที่เป็นทรงกลมสมบูรณ์ 

 

แม้ทะเลสาบนี้จะมีน้ำตกถึงเจ็ดสายไหลมาบรรจบ แต่ผิวนำในทะเลสาบที่เปล่งประกายเจ็ดสีกลับไม่เคลื่อนไหว ยังคงราบเรียบเหมือนดังกระจก

 

เวลานี้แทนหินเจ็ดสีกลางทะเลสาบหรือแท่นจุติสวรรค์ มีชายหนุ่มในชุดม่วงทองนั่งอยู่ตรงกลางทะเลสาบ คือ เทพปัญญาสวรรค์ที่กำลังแบ่งวิญญาณไปจุติที่โลกอมตะ 

 

รอบทะเลสาบต่างรายล้อมไปด้วยเทพมากมาย เหตุการณ์ที่เทพชั้นสูงจุติเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้นแม้จะผ่านไปนับล้านปี

 

ฟู่

 

ฟู่

 

ฟู่

.

.

.

 

ตอนนั้นเองทะเลสาบที่เคยเงียบสงบก็เดือดขึ้นมา ฟองหลากสีลอยขึ้นมาไม่ขาดสาย เทพปัญญาสวรรค์ที่นั่งอยู่ตรงกลางทะเลสาบแสดงมุทราวิชาแยกวิญญาณ

 

วิญญาณเทพสีทองลอยออกมาจากกลากสะดือของเทพปัญญาสวรรค์  กลางหน้าผากของวัญญาณสีทองนี้มีหินทรงกลมสีขาวมุก แต่ตรงกลางกลับมีสีดำเป็นวง หากดูไกล ๆ จะคล้ายดวงตาของมนุษย์

 

เมื่อวิญญาณสีทองค่อย ๆ ลอยหายไปท่ามกลางฟองหลากสีอย่างสมบูรณ์ เทพปัญญาสวรรค์ที่อ่อนล้าก็ค่อย ๆ เหาะออกมาจากแท่นจุติสวรรค์ 

 

“ขอแสดงความยินดีที่เทพชั้นสูงปัญญาสวรรค์กำลังจะเป็นผู้จุติใหม่”

 

“ขอแสดงความยินดีกับท่านเทพชั้นสูง”

 

“ขอแสดงความยินดี”

 

เมื่อเห็นว่าเทพชั้นสูงปัญญาสวรรค์ออกมาจากแท่นจุติสวรรค์ เหล่าเทพน้อยใหญ่ต่างมาร่วมแสดงความยินดี

 

“ขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณทุกท่าน” เทพปัญญาสวรรค์ประสานมือขอบคุณเทพทั้งหลายที่มาร่วมยินดี

 

“ท่านพี่คงจะเหนื่อยมากแล้ว คงต้องไปพักที่นำหนักได้แล้วนะเจ้าคะ” ฉินว่านเอ๋อร์เข้ามาประคองแล้วพูดด้วยท่าทีห่วงใย

 

“ใช่ ใช่ ใช่ วันนี้ข้ารู้สึกอ่อนล้าเหลือเกิน หนึ่งเดือนหลังจากนี้ข้าขอเชิญทุกท่านมาดืมเหล้ากับข้าที่ตำหนักปัญญาสวรรค์ด้วย” เทพปัญญาสวรรค์แม้จะเหนื่อยล้าแต่ใบหน้ากับเต็มไปด้วยความยินดี

 

“พวกเราไปแน่นอน” เทพน้อยใหญ่ต่างตอบรับอย่างพร้อมหน้าด้วยความยินดี

 

งานเลี้ยงของเทพชั้นสูงอย่างน้อยก็ต้องได้ชิมสุราหมกล้านปีสักจอกแน่ พวกเขาจะไม่ยินดีได้อย่างไร

 

“ข้าคงต้องขอตัวก่อนทุกท่าน” เทพปัญญาสวรรค์กับภรรยาก้าวไปข้างหน้าแล้วหายตัวไปในพริบตา

 

หลังจากนั้นไม่นานเทพน้อยใหญ่ก็ทยอยกัยจากไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา