โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )

6.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20.40 น.

  43 บทที่
  2 วิจารณ์
  28.10K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ขี้เถ้าและเงาดำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะให้เด็กหญิงทั้งสามนอนด้วยกันในห้องของคาโอเรีย   และพวกเด็กผู้ชายจะนอนเล่นรอบกองไฟที่ด้านนอกตัวบ้าน   แต่เหล่าเด็กผู้หญิงเกิดนึกสนุกอยากอยู่ร่วมด้วย   ทั้งหมดเลยตัดสินใจก่อไฟกองใหญ่   ส่วนด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยทหารรับจ้างฝีมือดี   พวกเขาจึงปลอดภัยอยู่ในวงล้อม

 

อีเลียสไม่ค่อยถูกใจกับการนอนบนพื้นหญ้านัก

จึงได้พึมพำออกมา

 

“ ข้ากำลังผจญภัยครั้งใหญ่   ขอพระเจ้าคุ้มครอง ”

 

“ ไม่ต้องกลัวข้าอยู่ข้างเจ้าแล้ว ”

 

โลธอร์ปลอบ

 

 

เวลาเที่ยงคืนนั้นเองที่ฟิโลโซเฟอร์สะดุ้งตื่นขึ้นมา  

ด้วยความหนาวเหน็บเสียดแทงถึงกระดูก  

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยพบว่าไฟกองใหญ่นั้นมอดดับไปนานแล้ว

เขาจึงตะกายลุกขึ้นควานหาฟืน

เพื่อจะจุดไฟขึ้นอีกครั้ง

 

แต่ทุกๆ ที่ที่เอื้อมมือไป

ล้วนแล้วแต่ละอองสีขาวขมุกขมัว

 

ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่นึกสงสัย

ว่าหิมะตกลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

เหตุใดพวกเขาจึงหลับไปไม่รู้ตัว

 

ในเมื่อหาทางจุดไฟไม่ได้แล้ว

เขาจึงเปลี่ยนใจ

คิดจะปลุกเพื่อนๆ ให้กลับเข้าไปนอนในบ้าน

 

แต่เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่าเพื่อนๆ นั้นนอนแข็งที่ตัวขาวโพลน

เด็กชายตัวน้อยรีบตะกายเข้าไปหา

ปัดหิมะออกจากร่างของพวกเขา

 

นั่นเองเขาจึงพบว่าร่างทั้งหมดตรงนั้นเหลือเพียงโคลงกระดูก

และสิ่งที่เขาคิดว่าหิมะแท้จริงแล้วมันคือเศษขี้เถ้า

 

ฟิโลโซเฟอร์ถอยหลังหนีลนลาน

นี่มันเรื่องอะไรกัน

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

 

เขาอยากตะโกนร้อง

แต่ก็ร้องไม่ออก

ได้แต่นั่งตะลึงอยู่ตรงนั้น

 

“ ยังไม่ตายอีกหรือ   เด็กน้อยที่น่ารำคาญแต่เจ้าดวงแข็งได้ไม่นานนักหรอก ”

 

เสียงราบเรียบคุ้นหูดังแว่วมา

 

ฟิโลโซเฟอร์จึงยืดกายขึ้น

จ้องมองไปยังทิศทางของเสียง

 

และเป็นดังที่คิด

ร่างในชุดคลุมยาวยืนสงบนิ่งในหมอกมืดมัว

 

แต่มีสิ่งหนึ่งแปลกไป

คทาที่อยู่ในมือมีประกายสีแดงเรื่อเรืองปรากฏขึ้น

 

“ เจ้าเป็นใครกัน ”

 

เด็กชายตะโกนถาม

 

“ เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ”

 

คนที่เขาเคยหวาดกลัว

แต่บัดนี้ความโกรธและเกลียดชังครอบงำ

จนลืมความกลัวเสียสิ้น

 

“ เจ้าทำอะไรลงไป   ทำแบบนี้แล้วได้อะไรกัน ”

 

เด็กชายยังถามอยู่อย่างนั้น

แม้ไร้คำตอบใด

 

เจ้าของร่างสูงโปร่งก้มหน้าลงเหมือนว่ากำลังสำนึกผิด

แล้วหันหลังเดินจากไป

 

“ เจ้าปีศาจร้ายหยุดเดี๋ยวนี้เจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์วิ่งตามไป

แม้ไร้ซึ่งอาวุธ

 

แต่เหมือนไล่ตาม

กลับยิ่งห่างไกลออกไปทุกที

 

เด็กชายเหนื่อยอ่อน

แต่ไม่ยอมแพ้

 

เขาไล่ตามไปอย่างไม่คิดชีวิต

 

“ หยุดเถอะข้าขอร้องเจ้า ”

 

เด็กชายกล่าวออกไป

เพราะไม่รู้จะต้องทำสิ่งใดแล้ว

 

ไม่น่าเชื่อร่างนั้นได้หยุดลงจริงๆ

 

“ เจ้าเป็นคนแรกที่เอ่ยคำขอร้องกับข้า ”

 

ร่างสีดำกล่าวโดยไม่หันกลับมา

 

และฟิโลโซเฟอร์ก็หยุดอยู่เบื้องหลังเขา

 

“ ข้าก็ไม่อยากนักหรอก ”

 

เด็กชายตอบพลางหอบ

เขาพยายามจ้องมองร่างนั้น

แต่ไอกำยานที่ขุ่นข้นทำให้แสบตายิ่งนัก

กลิ่นของมันก็หวานเอียนชวนคลื่นไส้

 

“ เช่นนั้นเจ้าต้องการสิ่งใด ”

 

เงาสีดำตรงหน้าเอ่ยถาม

 

“ ข้าแค่อยากถามว่าเจ้าเห็นดารีลบ้างหรือเปล่า ”

 

เจ้าของร่างลึกลับนั้นเงียบไปนาน

 

“ เจ้าไม่เห็นหรือเจ้าไม่รู้ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถามย้ำ

 

“ รู้สิ   มีหรือข้าจะไม่รู้ ”

 

คนผู้นั้นตอบเสียงเย็น

 

“ แล้วเขาอยู่ที่ไหนสบายดีหรือเปล่า ”

 

“ เขาตายแล้ว ”

 

“ ไม่จริงเจ้าโกหก   ข้าไม่เชื่อหรอก ”

 

เด็กชายรู้สึกตกใจไม่น้อยกับคำตอบนั้น

 

“ ข้าไม่มีเหตุผลใดต้องโกหกเจ้า   หรือต้องการให้เห็นกับตา   เด็กน้อยเอ๋ยใยเจ้าไม่วางมือจากจอมล่อลวงคนนั้นในเวลาที่เรายังสามารถเป็นเพื่อนกันได้   ดารีลน่ะเอาตัวเองให้รอดยังไม่ได้เลยเจ้าผูกมิตรผิดคนเสียแล้ว   ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป   จงคุกเข่าลงสาบานต่อหน้าข้าว่าจะติดตามข้าอย่างซื่อสัตย์ตลอดไป ”

     

“ ไม่ ไม่จริงบอกข้ามา   เจ้าเอาเขาไปซ่อนไว้ที่ไหน ”

 

“ จากนี้ไปจะไม่มีดารีลอีกแล้วเจ้าไม่เข้าใจหรือ ”

 

“ เจ้าโกหก   ข้าไม่มีวันเชื่อคืนเขามานะ ”

 

“ ก็ได้   ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้น ”

 

เงาร่างดำมืดชักมีดออกมา

มันเป็นมีดสั้นสีเงินประดับเพชรพลอย

ที่เคยปลิดชีพเจ้าหญิงลูเซียน่ามาแล้ว

 

และเขาคนนั้นก็หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว

ดารีลอยู่ในเงื้อมมือของเขานั้นเอง

 

ปลายมีดแหลมคมลากผ่านลำคองามระหง

รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด

 

เด็กชายได้แต่ยืนตะลึงตาค้าง

เมื่อตั้งสติได้ก็รีบพุ่งเข้าไปหา

 

ร่างปริศนาในชุดคลุมดำปล่อยดารีลให้ล้มลง

แล้วตัวเขาก็กลายร่างเป็นนกกลางคืนบินมากมายกระจายหนีไป

พร้อมกับเสียงหัวเราะเย้ยหยัน

 

ฟิโลโซเฟอร์คว้าร่างดารีลเอาไว้ได้

ก่อนที่จะล้มถึงพื้น

แต่ร่างนั้นได้กลายเป็นขี้เถ้าไปต่อหน้าเขา

 

และยังมีขี้เถ้าอีกมากมาย

ที่ปลิวฟุ้งในอากาศ

 

เด็กชายตัวน้อยพยายามโกยขี้เถ้าขึ้นมา

ด้วยหัวใจที่แตกสลาย

 

ดารีลตายแล้วจริงหรือ

เป็นไปไม่ได้

 

ในก้นบึ้งของหัวใจบอกเขาว่า

ดารีลยังไม่จากไปไหน

 

ด้วยความสับสนวุ่นวายมากมายใจความคิด

เขาจึงร้องตะโกนออกมา

 

“ กลับมาเดี๋ยวนี้เจ้าปีศาจร้ายเจ้าคนหลอกลวง   กลับมาบอกความจริงกับข้า   ข้าไม่เชื่อเจ้าทั้งหมดนี่เป็นภาพมายา   เจ้าหลอกข้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ”

 

ทันใดเขาก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง

จนหน้าสะบัด

 

เด็กชายหันหน้ากลับมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

แต่ภาพทุกอย่างพร่าเลือน

 

เขากระพริบตาปริบๆ

แล้วทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้น

 

โลธอร์นั่งอยู่ต่อหน้าเขา

เพื่อนคนอื่นๆ ก็อยู่ที่นั่นด้วย

ไม่มีฝุ่นขี้เถ้าอีกต่อไป

 

“ ไง   อรุณสวัสดิ์ ”

 

เจ้าเด็กร่างอ้วนทักขึ้นก่อน

หลังจากตบหน้าเขาไป

 

“ เช้านี้อากาศดีนะน่าวิ่งเล่นออก ”

 

ฟิโลโซเฟอร์มองไปรอบๆ เห็นมีแต่ทุ่งหญ้า

 

“ นี่มันอะไรกัน   เกิดอะไรขึ้น   กองไฟล่ะเต็นท์ล่ะ ”

 

เด็กชายตัวน้อยถามด้วยความงุนงง

 

“ เจ้าละเมอน่ะวิ่งออกมาตั้งไกลพวกเราตกใจแทบตาย ”

 

ฟีไลร่าตอบ

นางยืนเอาสองมือเท้าเข่าก้มลงมองเขา

ที่ยังนั่งกับพื้น

 

“ ใช่   ไม่ยักกะรู้ว่าพี่ชายวิ่งเร็วขนาดนี้ไล่ตะครุบกันให้วุ่นเลย ”

 

คาโอเรียว่า

พลางเอาหลังมือถูกรามพี่ชายตรงที่โดนตบ

ซึ่งตอนนี้รู้สึกชาขึ้นมาแล้ว

 

“ ใช่   ตอนวิ่งหนีผีร้ายไม่วิ่งให้ได้อย่างนี้ล่ะว่าแต่มีใครเห็นอีเลียสบ้าง ”  

 

โลธอร์พูดขึ้น

 

“ ไม่รู้สิ   ตอนนั้นทั้งมืดทั้งวุ่นวายข้าเลยไม่ทันสังเกต ”

 

เลโอน่าตอบ

 

“ บ้าจริงหายไปในทุ่งหญ้าไม่ได้นะ   เจ้านั่นยิ่งตัวเล็กอยู่ด้วย   อีเลียสอยู่ไหน ”

 

เจ้าเด็กร่างอ้วนตะโกนเรียกคู่หู

 

“ หนวกหูน่า   ข้าอยู่นี่ ”

 

น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ

 

อีเลียสนั่นเองเขาเดินขากระเผลก

โดยมีทหารรับจ้างคนหนึ่งคอยพยุง

 

“ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน่ะ ”

 

ฟีไลร่าถาม

 

“ ข้าสะดุดกอหญ้าล้มไปตั้งแต่ตรงโน้น   พวกเจ้าก็ใจดำกันนักวิ่งหนีข้าเฉยเลย ”

 

เด็กชายร่างผอมซีดประท้วง

เขานั่งลงบีบข้อเท้าตนเอง

 

“ วิ่งกลางทุ่งหญ้าคงไม่สนุกเท่าวิ่งในเมืองสินะ ”

 

คาโอเรียหัวเราะ

 

“ ที่ไหนก็ไม่สนุกทั้งนั้น   คนอย่างข้าต้องนั่งบนเก้าอี้สูงอ่านตำราถึงจะถูก ”

 

“ เอาล่ะเลิกวุ่นวายกันเสียที ”

 

เลโอน่าตัดบท

 

“ ตอนนี้ก็ใกล้สว่างแล้วกลับบ้านกันเถอะพวกเราจะต้องเตรียมอาหารเช้ากันนะ ”

 

ทันใดพวกเขาก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่ามาจากที่ไกลๆ

เมื่อมองดูก็พบว่าตรงเบื้องหน้านั้นเอง

 

เงาสีดำของเทือกเขาเดนตาย

หรือที่เรียกกันว่าเทือกเขาเงาปีศาจ

 

เกิดแสงสีแดงปรากฏขึ้นชัดเจนที่กลางหุบเขา

ดูลึกลับและชั่วร้าย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา