โอรีเวีย 2 ( ล่มสลาย )

6.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 20.40 น.

  43 บทที่
  2 วิจารณ์
  28.08K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) บรรณาการแห่งคาเล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หนึ่งปีที่ผ่านพ้นในโอรีเวียนั้นช่างดำมืดเหลือเกินสำหรับพ่อมดเฒ่าดีมีน   เขามองเห็นแต่ความล่มสลายของเมืองต่างๆ รวมทั้งจิตใจของมนุษย์   หลายสิ่งไม่อาจฟื้นคืนหลายอย่างไร้การเยียวยา   ทุกอย่างดำเนินไปตามกาลเวลาดังข้าวโพดอ่อนที่งอกงามขึ้นในท้องทุ่ง   ต่างเติบโตแล้วแตกฝักก่อนจะแห้งตายไป   รอให้ใครสักคนมาเก็บเกี่ยวเอาโดยไม่อาจต้านทานหรือขัดขืนได้

 

พ่อมดดีมีนรู้สึกมาตลอดว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนมีใครฝังรากเอาไว้   ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือใครพยายามจะทำอะไรผลสุดท้ายก็รวมอยู่เป็นรากเดียวไม่อาจหลีกพ้น

 

พ่อมดเฝ้ามองสิ่งต่างๆ ที่ดำเนินไปด้วยความรู้สึกหดหู่   ไม่อาจเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสิ่งใดได้   ราวกับเขาคือมดตัวน้อยๆ แม้อยากขวางทางสายน้ำที่เชี่ยวกราก   แต่ด้วยตัวเพียงคนเดียวแค่คิดก็ผิดมากแล้ว

 

 

ในเย็นวันหนึ่ง   ก่อนที่พ่อมดดีมีนจะออกจากโอรีเวียเพื่อไปทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย   เขาได้ก้าวผ่านประตูห้องที่ประดับด้วยหินสีดำบิดเป็นเกลียว   เข้าไปสู่ห้องของส่วนตัวของจอมเวทวาลาน   ซึ่งเจ้าของห้องเวลานี้กำลังนั่งอยู่เหนือบัลลัง

 

“ ท่านวาลานข้ามาขอคำชี้แนะ ”

 

พ่อมดดีมีนเอ่ยขึ้น

 

“ เรื่องมันจบไปแล้วดีมีน   ถึงแม้จะจบไม่ดีอย่างที่เจ้าหวังไว้   แต่อย่าได้กังวลไปต่อจากนี้ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง   แล้วทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยอย่างที่ควรจะเป็น ”

 

จอมเวทวาลานชิงสรุปก่อน

ในห้องนั้นยังมีคนอีกผู้หนึ่ง

 

เขาคือที่ปรึกษาเบรนทรัส

ขณะนี้กำลังยืนพิงกรอบหน้าตางอ่านตำราไปเงียบๆ

โดยไม่มีท่าทีจะสนใจผู้อื่นใด

 

“ แต่ข้ายังมีข้อสงสัยในเรื่องบุตรแห่งควอซาร์   ความวุ่นวายในโอรีเวียย่อมมีสาเหตุ   การที่เราจับกุมตัวการไม่ได้นั่นหมายถึงความวุ่นวายจะยังไม่ยุติ   แต่อย่างน้อยหากเราเข้าใจจุดประสงค์ของเขาเราจะสามารถเดาแผนการของเขาออก   หรืออย่างน้อยเราควรรู้ว่าเขาเป็นใคร ”

 

พ่อมดดีมีนเอ่ยถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจ

 

“ ข้าคงจะไม่พูดว่านั่นคือบุตรแห่งควอซาร์จริง   การที่มีคนผู้หนึ่งผุดขึ้นมาจากเงามืดโดยไร้ที่มาที่ไป   มันง่ายที่จะอ้างตนเป็นคนนั้นคนนี้   ยิ่งในช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังสับสน   บุตรแห่งควอซาร์แล้วอย่างไรเป็นผู้อื่นแล้วอย่างไร   ในเมื่อเมืองคาเลกลายเป็นซากไปแล้ว   การอ้างตัวว่าเป็นทายาทของเมืองนั้นจะได้อะไรนอกจากความลึกลับน่าเกรงขาม   ดีมีนเอ๋ยคิดดูให้ดีหากท่านเป็นคนผู้นั้น   ทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว   เป็นกษัตริย์ไร้บัลลังประชาชนในปกครองล้มหายตายหมดสิ้น   ท่านจะยังอ้างตัวแบบนั้นหรือเร้นกายหายไปเลย ”

 

วาลานกล่าว

พ่อมดดีมีนได้แต่ก้มหน้า

ข้อกังขามากมายไม่สามารถยกออกไปได้

 

ใช่

อ้างตัวเป็นทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเมืองคาเลแล้วได้อะไร

 

ในเมื่อเมืองนั้นล่มสลายไปแล้วนับสิบปี

และไม่มีทางฟื้นฟูคืนมาได้

 

เว้นแต่นี่คือการเตือน

เตือนถึงการแก้แค้นที่โหดร้ายและสาสม

 

“ ท่านอยากให้ข้ากลับไปที่เมืองคาเลอีกอย่างนั้นหรือ ”

 

พ่อมดดีมีนถาม

 

“ ยังก่อน   ข้ารู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดท่านไม่พบสิ่งใดในเมืองร้างนั่น   บางทีเราอาจมองหาผิดที่ข้าอยากให้ท่านไปยังเมืองอันดอรีสต่างหาก ”

 

“ เมืองนั้นเพิ่งถูกโจมตีอย่างหนัก   จากปีศาจร้ายที่ยังไม่อาจระบุตัวตน   ท่านอยากให้ข้าไปช่วยฟื้นฟูเมืองหรือตามสืบหาบุคคลลึกลับผู้นั้น ”

 

“ ข้าได้ยินมาว่ากษัตริย์แห่งอันดอรีสองค์ก่อนเคยมีสำพันธ์อันลึกซึ้งกับเมืองคาเล   ถึงขั้นมีการแลกเปลี่ยนเครื่องบรรณาการแก่กัน   และการที่เมืองอันดอรีสอยู่รอดปรอดภัยมาโดยตลอดนั้นช่วยยืนยันเรื่องนี้   ข้าอยากรู้ว่าในครั้งนั้นกษัตริย์เมืองคาเลส่งสิ่งใดมาบรรณาการแก่อันดอรีส ”

 

“ ฝ่าบาทข้าไม่คิดว่าเมืองอันดอรีสจะแอบก่อเรื่องร้าย   พวกเขาช่วยเหลือและให้ความร่วมมือกับเรามาตลอด   หากท่านไม่หลงลืมเมืองอันดอรีสเพิ่งถูกโจมตีอย่างหนัก   ถ้าพวกเขาจะติดต่อกับเมืองคาเลอย่างลับๆ ข้าก็พอเข้าใจเรื่องนี้ได้   เมืองทั้งสองมีชายแดนติดกันอีกทั้งยังไม่มีปราการใดขวางกั้น   หากมีวิธีที่จะลดการกระทบกระทั่งก็สมควรต้องทำมิใช่หรือ ”

 

พ่อมดดีมีนแย้ง

 

“ ช้าก่อนท่านดีมีน   ข้าเองก็ไม่ได้คิดว่าพันธมิตรเก่าแก่จะกลายเป็นศัตรูไปได้   แต่ชาวเมืองคาเลนั้นชั่วร้ายนักกษัตริย์ที่อ่อนแอของเมืองอันดอรีสหรือจะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม   ข้าจึงอยากให้ท่านไปสืบว่าปีศาจร้ายตนนั้นส่งสิ่งใดไปไว้ยังเมืองที่น่าสงสาร ”

 

ที่ปรึกษาคนเดียวแห่งจอมเวทวาลาน

ที่กำลังยืนอ่านหนังสืออยู่ริมหน้าต่าง

ได้ลดหนังสือของตนเองลง

จ้องมองเจ้านายเหมือนอยากกล่าวอะไร

 

แต่สุดท้ายก็ไม่เอ่ยออกมา

เพียงแต่ยกหนังสือขึ้นแล้วอ่านมันต่อไป

 

ส่วนพ่อมดเฒ่าดีมีนนั้นนิ่งเฉย

เหมือนยังตัดสินใจไม่ได้

 

“ ดีมีน ”

 

เสียงจอมเวทวาลานอ่อนโยน

 

“ ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงอะไร   แต่พวกเราชาวเวทย์ได้สัญญาแล้วว่าจะปกป้องมนุษย์   เราจำเป็นต้องทำลายเพื่อที่จะรักษามนุษย์ที่บริสุทธิ์เอาไว้   ข้าเองก็ลำบากใจที่ต้องเข่นฆ่าพวกเดียวกัน   ดีมีนเอ๋ยในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะลังเลอะไรอีกล่ะ   ถ้าเราเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลเราก็ต้องไปสอดส่องมิใช่หรือ   ถ้าหากควอซาร์ทิ้งสิ่งเลวร้ายเอาไว้ที่นั่นจริงเราจะไม่หาทางป้องกันก่อนหรือ ”

 

พ่อมดดีมีนได้แต่ถอนหายใจ

 

“ ปีนี้มีเรื่องร้ายแรงมากเหลือเกิน ”

 

เขาว่า

 

“ ข้ารู้   แต่คนเก่งๆ มีน้อยนักน่าเห็นใจมนุษย์ทั้งหลายที่ต้องตกเป็นเหยื่อ   ต้องลำบากท่านอีกแล้วอย่ากังวลเรื่องการเยียวยาเลย   ข้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ”

 

“ ก็ได้ข้าจะไปอันดอรีส ”

 

พ่อมดเฒ่ารับปากแล้วเดินออกไป

 

จอมเวทวาลานหลับตาพลางถอนหายใจ

แล้วเอนกายไปด้านหลังอย่างเหนื่อยล้า

 

“ เขาใช้มนต์ดำโบราณนั่นหมายถึงว่าเขาเป็นชาวเมืองคาเล   อย่างน้อยก็ชั้นราชวงศ์หรือร้ายกว่านั้นเขาคือบุตรแห่งควอซาร์จริงๆ ”

 

เบรนทรัสว่า

พลางเดินมายืนข้างหน้านายของตน

 

“ ข้ารู้   แต่อย่างน้อยตอนนี้เขายังไม่มีกองกำลัง   ฝูงมังกรพวกนั้นก็ควบคุมยากยังไม่เป็นอันตรายกับพวกเรานักหรอก ”

 

วาลานว่า

เขาเอานิ้วจิ้มขมับด้วยอาการเหนื่อยล้า

 

“ ดูเหมือนท่านจะอาการไม่ค่อยดี ”

 

ที่ปรึกษาของเขาทัก

 

“ ดารีลเพิ่งจะส่งยาชุดใหม่มาให้เขาหายตัวไปนานกว่าที่ข้านึกไว้   ยาที่มีเลยหมด ”

 

“ ดูเหมือนเราจะดูแลเขาไม่ดีพอ   คู่หมั้นของเขาต้องมาตายที่โอรีเวีย   ทั้งหมดล้วนหละหลวมข้าคงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ”

 

เบรนทรัสว่า

 

“ ช่างเถอะ   ให้ตายไปน่ะดีแล้ว   เจ้าเด็กนั่นมีความคิดเห็นที่ไม่ดีกับการคืนชีพและการเป็นอมตะ   แต่เมื่อคนรักต้องมาด่วนตายจากไปแบบนี้   บางทีเขาอาจเปลี่ยนความคิด ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา