ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.66K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เรือนต้องห้าม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          หลังจากที่ วายุ ได้เอยปฏิเสธ ภูผา แล้วเดินกลับมายังลานฝึกดาบ ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับดาบไม้ที่แขวนอยู่บนราวดาบ เขาก็ได้หยุดนิ่งครุ่นคิดด้วยสีหน้าที่เขร็งขรึมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเกิดเปลี่ยนใจเดินตาม ภูผา กับ บุญเกิด ไปอย่างเงียบๆ

 

ระหว่างที่ ภูผา กับ บุญเกิด กำลังนั่งเรือเพื่อเตรียมเดินทางไปยังเรือนเก่าอยู่นั่น วายุ ที่เดินตามมาอย่างเงียบๆ ก็ขึ้นเรือตามไปนั่งอยู่ที่หัวเรือเหมือนอย่างเช่นเคย โดยไม่ได้พูดจาอะไร สองหนุ่มภูผาบุญเกิดมองด้วยสีหน้าที่งงงัน วายุ หันกลับไปมองทั้งสองคน

 

“เอ้า..ไม่ไปกันรึ” แล้วหันหน้ากลับ

“ที่แท้ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันละว้าา”

ภูผาเอยขึ้นเบาๆพร้อมหันไปสั่งบุญเกิด

“ไปโว้ยไอ้เกิด”

“ขอรับ” บุญเกิดตอบกลับพร้อมกับพายเรือออกจากท่าน้ำ มุ่งหน้าไปยังทางกลับเรือน

 

พอพายเรือมาใกล้ถึงเรือน ภูผา ก็สั่งให้บุญเกิดพายเรือเทียบตลิ่งซุกเรือไว้ในโพรงหญ้าหนาทึบก่อนถึงท่าน้ำขึ้นเรือนใหญ่ เพือปกปิดเรือเอาไว้ เพราะเกรงว่าผู้อืนจะมาเห็นเรือของพวกตนจะรู้ได้ว่าพวกเขาอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่

 

หลังจากซุกซ้อนเรือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ทั้งสามคนก็พากันขึ้นตลิ่งเดินลัดเลาะฝ่าดงหญ้า ไปหยุดอยู่ที่พุ่มไม้ข้างๆเรือนเก่าที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี กวาดสายตามองดูโดยรอบด้วยความระแวดระวัง

 

“พวกเราจะขึ้นไปเยืยงไรหรือขอรับ”

บุญเกิดเอยถามขึ้นพรางกวาดสายตาไปมา

“ดูให้แน่ใจ ถ้าไม่มีผู้ใดเฝ้าอยู่ พวกเราก็เดินขึ้นบันไดทางด้านหน้าไปเลย” ภูผาตอบสวนบุญเกิด ก่อนที่จะหันหน้าไปหาบุญเกิด ยิ้มอ่อนๆให้

“โดยให้เอ็งขึ้นไปก่อน หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเอ็ง ขึ้นเรือนไปได้โดยปลอดภัย พวกข้าสองคนจะตามเอ็งขึ้นไป”

“หา!” บุญเกิด เบิกตาอุทานออกมาเบาๆ

พอดูลาดลาวแล้วว่าไม่มีใครเฝ้าอยู่ในระแวกเรือนเก่า

อย่างแน่ใจ วายุ ตบไปที่ใหล่ของ บุญเกิดเบาๆพร้อมกับเอยปากบอกบุญเกิดสั้นๆ ”ไป”

 

ด้วยความที่บุญเกิดมีศักดิ์เป็นเพียงบ่าวรับใช้ จึงมิอาจขัดขืนคำสั่งของนายน้อยทั้งสองได้ รับคำไปด้วยความจำใจ “ข..ขอรับ” ก่อนที่จะวิ่งกึ่งย่องตรงไปสู่บันไดขึ้นเรือนอย่างลุกลี้ลุกลน

 

ก่อนที่จะก้าวขึ้นบันได บุญเกิด มองซ้ายแลขวาเลิ่กลั่กอยู่ครู่ใหญ่ด้วยความกังวลใจ แล้วเดินก้าวขึ้นบันไดด้วยความระมัดระวังไปจนถึงขั้นสุดท้ายแล้วเข้าสู่ประตูเรือนลับตาไป ภูผา กับ วายุ เมือเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงรีบตามบุญเกิดขึ้นไป

 

พอบุญเกิดขึ้นบนเรือนเขาก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ดังขึ้นแว้วๆจึงเดินผ่านพ้นประตูเข้าไป เจอกับฉากกั้นไม้สักบานใหญ่กั้นแสงจากด้านนอกเข้ามายังในเรือน มีแสงเปลวเทียนไสวลอดรูของฉากกั้นไม้ออกมา บุญเกิด แนบสายตาจ้องมองลอดผ่านรูหาที่มาของเสียงสวดมนต์และเปลวแสงด้วยความสงสัย

 

หลังจากที่บุญเกิดมองลอดรูของฉากกั้นไม้เข้าไปแล้ว ก็เห็นว่ามีคนนั่งล้อมเป็นมุมสี่ด้านมีเชิงเทียนตั้งอยู่ด้านหน้าของแต่ละคน หันห้าเข้าหาสิ่งที่อยู่ตรงกลาง มีดาบเล่มเก่าๆอยู่ในลักษณะปักอยู่ตรงกลางของคนทั้งสี่ ทั่งสี่คนนี่หาใช่คนอืนไกล พวกนั้นคือบ่าวที่เคยเฝ้าเรือนอยู่นั่นเอง

 

เมือ บุญเกิด เมือเห็นมีคนอยู่บนเรือน ด้วยความกังวลใจกลัวคนทั้งสี่คนจะรู้ตัว จึงรีบหันตัวกลับ หวังจะเดินออกจากประตูไปเพือลงไปเตือนนายน้อยทังสองที่อยู่ข้างนอกด้วยความลุกลี้ลุกลน

 

แต่ก็ไม่ทันการ พอหันกลับไปก็เจอหนุ่มน้อยทั้งสองเดินย่องผ่านประตูเข้ามาแล้ว

 

ภูผา เดินเข้ามาเอยทักบุญเกิดพรางกระซิบ

“นี่มันเสียงสวดอะไรกันไอ้เกิด” พร้อมกับจ้องมองลอดผ่านรูของฉากกั้นไม้ วายุ ก็อยู่ในลักษณะเช่นเดียวกัน

 

พ่อของบุญเกิดเป็นสัปเหร่อผู่มีวิชาอาคมเป็นที่รู้ดีในหมู่บ้าน บ่อยครั้งที่บุญเกิดเว้นว่างจากการดูแลฝาแฝดคู่นี้ ก็ได้ขอตัวออกไปช่วยพ่อฝังศพ หลังจากการฝังศพแล้ว จะมีการบริกรรมคาถาผนึกวิญญาณทุกครั้ง จนบุญเกิดท่องจำได้ขึ้นใจ

 

“เท่าที่ข้าได้ยิน คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นคาถาผนึกวิญญาณ แต่ก็ไม่มั่นใจขอรับ”

หากแต่ว่าบทสวดคาถาที่ได้ยินอยู่ตรงหน้า มีบางช่วงบางตอนที่ผิดแผลกไป จึงตอบกลับไปด้วยความไม่แน่ใจ

“พวกเรารีบออกไปจากที่นี้กันเถอะ ขอรับ ประเด๋ยวพวกนั้นรู้ตัวขึ้นมา พวกเราจะซวยกันหมดนะ ขอรับ”

ภูผา กับ วายุ ยังคงจดจ้องอยู่กับการมองดูด้วยอาการสงสัยใคร่รู้โดยไม่สนใจคำพูดของบุญเกิด

ทันไดนั้น ชายทั้งสี่คนก็หยุดสวด พร้อมกับใช้มือโบกพัดเทียนที่อยู่ตรงหน้าให้ดับลง เหมือนกับกำลังเสร็จสิ้นพิธีการ

บุญเกิน เห็นท่าจะไม่ได้การจึงคว้ามือของชายหนุ่มทั้งสองพร้อมเอยกระซิบด้วยความกังวลใจ

“ดูท่าพวกนั้นคงเสร็จพิธีแล้ว รีบออกไปกันเถอะ ขอรับ”

 

แต่ ภูผา เห็นต่างออกไป เหลือบไปเห็นตู้เก่าๆตรงมุมเรือนซึ้งใหญ่พอทีจะบดบังร่างกายของชายหนุ่มทั้งสามไว้ได้ ก่อนที่ทั้งสี่คนนั้นจะลุกขึ้น ภูผาจึงรีบสลัดมือที่บุญเกิดจับไว้แล้วเปลียนมาจับมือทั้งสองคนแทนแล้วเหนียวดึงมือทั้งสองคนให้ตามไปซ้อนอยู่หลังตู้ไม้เก่าด้วยกัน

 

หลังจากที่ชายทั้งสี่คนได้เดินลับลงจากเรือนไป ชายหนุ่มทั้งสามก็ออกมาจากหลังตู้แล้วเดินสำรวจไปทั่วทั้งบริเวณ

 

ภูผา กวาดสายตามองโดยรอบ

“นี่น่ะรึ ที่คุณพ่อห้ามนักห้ามหน่า มิให้ผู้ไดขึ้นมาเหยียบบนเรือนนี่ มีแต่ของใช้เก่าๆ แล้วก็ดาบเก่าๆแค่นี้น่ะรึ!”

“พวกเราออกไปกันเถอะขอรับ”

 

ระหว่างที่ ภูผากับบุญเกิด ได้บ่นพึมพำอยู่นั่น วายุ ได้ให้ความสนใจดาบเก่าที่ปักอยู่บนพื้นกลางเรือนมากกว่า

 

วายุ ยังคงไม่สนใจคำพูดของทั้งคู่ เดินปรี่เข้าไปแล้วนั่งอยู่เบื้องหน้าดาบเก่าในลักษณะคุกเข่า จ่องมองแบบพินิจพิจารณาดาบที่อยู่ตรงหน้า

 

ดาบเก่าๆเบื้องหน้าอยู่ในลักษณะปักอยู่กับพื้นไม้ เล็กน้อยแต่ดู่มั่นคง ปลายของดาบน่าจะเป็นปลายทรงปลาหลด ด้ามจับเป็นเหล็กแบบคอบัว หากมองดีๆจะเห็นลายกนกที่ปราณีตสวยงามสลักไว้ ส่วนกลางของด้ามจับมีรัดกลอยฝังพลอยทับทิมสีแดงไว้โดยรอบเป็นวงแหวน ประมาณความยาวด้วยตาปล่าวแบบคร่าวๆ ส่วนของใบดาบยาวราวหนึงศอก ส่วนด้ามจับยาวราวหนึ่งคืบ

 

แม้จะมีสภาพที่เก่าตามกาลเวลา เมือมองพิจารณาให้ดีแล้ว สภาพของดาบยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แม้จะมีคราบไคลเกาะอยู่ก็ตาม

 

“ว่าแต่ทำมัยเจ้าพวกนั้นทำมัยถึงมานั่งล้อมวงสวดคาถา....เอ็งว่าคาถาอะไรนะไอ้เกิด” ภูผาเอยถามบุญเกิด

“คล้ายๆจะเป็นคาถาสกดวิญญานนะขอรับ.....พวกเราออกไปกันเถอะขอรับ”

“ห่ะ..งั้นนี่เป็นดาบผีสิงอย่างนั้นรึ”

ภูผา เอยออกมาเผยสีหน้าตกใจเล็กน้อย

 

วายุ ที่เอาแต่จ้องมองดาบโดยไม่สนใจคำพูดของทังสองคนนั้น จู่ๆเขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงดาบเล่มนั้นขึ้นมาจากพื้น..........

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา