ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  13.08K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เหตุจากความสงสัย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

<...ข้า มีชื่อว่า ภูผา มีพี่ชายฝาแฝดชื่อว่า วายุ

พวกราอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ดงปักษา

ข้ากับพี่ชายของข้าไม่ได้เกิดที่นี่ เดิมพ่อของข้าเคยเป็นขุนศึกอยู่ในเมืองหลวง ครั้นเมือข้าศึกตีเมืองหลวงแตก พ่อกับแม่ของข้าจึงพาข้ากับพี่ชายที่ยังแบเบาะอพยพหาแหล่งที่อยู่ใหม่เพื่อลงหลักปักฐานพร้อมกับทหารที่เคยติดตามพ่อข้ามาด้วยกันจำนวนหนึ่ง

ได้เดินทางมาพบกับที่แห่งนี้ซึ้งมีความอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำตัดผ่าน เหมาะแก่การทำไร่ทำนา จึงตกลงตั้งรกรากบนพื่นดินแห่งนี่

แต่เดิ่มที่นี่มีนกอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เลยตั้งชื่อหมู่บ้านตามเจ้าถิ่นเดิมว่า ดงปักษา ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำนาและทอผ้าเป็นหลัก ฟังดูอาจจะเหมือนเป็นหมู่บ้านที่สงบสุข แต่หาได้เป็นเช่นนั้น

หลายปีก่อนเกิดภาวะสงครามขึ้น ข้าศึกต่างถิ่น ใช้แม่น้ำที่ตัดผ่านหมู่บ้านเป็นเส้นทางหลักในการทำสงคราม เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่มีความอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านทำนาเป็นหลัก จึงถูกข้าศึกต่างถิ่นเข้ามาปล้นสะดมชิงเสบียงอยู่บ่อยครั้ง

ถึงแม้จะมีบางคราวที่ขับไล่พวกข้าศึกไปได้ แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียไพร่พลในหมู่บ้านไปไม่น้อยเช่นกัน

แม้ชาวบ้านหลายคนจะเคยรบทัพจับศึกกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป จากการจับดาบฟันคนมาเป็นจับเคียวเกี่ยวข้าว ประจวบกับอายุอันนามก็เริ่มมากกันด้วยแล้วจึงทำให้ทักษะการต่อสู้ได้เลือนหายไป เด็กหนุ่มในหมู่บ้านที่เติบโตมาด้วยการทำไร่ทำนาก็ไม่มีทักษะการป้องกันตัว

พ่อของข้าซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงจัดตั้งค้ายฝึกมวยและลานฝึกดาบขึ้นมาหวังให้คนในหมู่บ้านมีทักษะการต่อสู้เพื่อใช้ป้องกันตัวและกลับมาตอบโต้จากการรุกรานของข้าศึกได้อีกครั้ง
ข้ากับพี่ชายของข้าพึ้งจะเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน เพราะก่อนที่คณะเดินทางของพ่อข้าจะออกเดินทางหลังจากเมืองแตก ก็ได้นำข้าและพี่ชายไปฝากฝังไว้กับพระครูแสงธรรม อาจารย์เก่าของพ่อข้า เพราะยังแบเบาะ พ่อข้าเกรงว่าการเดินทางข้างหน้ามิรู้จะเจอกับภัยอันตรายเช่นไรบ้าง หากเจอที่มั่นที่เหมาะสมจะกลับมารับพวกข้าภายหลัง
หลังจากผ่านพ้นไปสิบเก้าปี วันหนึ่งพ่อข้าก็ได้ส่งคนมารับข้ากับพี่ชายให้มาเป็นกำลังเตรียมรับข้าศึกในหมู่บ้าน เนืองจากพระครูแสงธรรมได้สอนวิชามวยกับวิชากระบีกระบองให้กับข้าและพี่ชายจนชำนิชำนาญ

ข้าที่ถนัดเชิงมวยอยู่ก่อนแล้ว พ่อของข้าได้ส่งข้าที่มีร่างกายแข็งแรงสมส่วนพร้อมกับไอ้เกิดบ่าวรับใช้คนสนิทของข้าที่มีร่างกายบึกบึน กำยำ ไปฝึกเพิ่มเติมที่ค้ายมวยกับครูเทียนในค่ายมวยของหมู่บ้าน

ส่วน วายุ พี่ชายฝาแฝดของข้า มีความถนัดด้านเชิงดาบ มีรูปร่างที่ผอมบางแต่คล่องแคล่ว พ่อข้าได้ส่งตัวเขาไปฝึกดาบกับครูทองเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน..

 

ในละแวกบ้านของข้า มีเรือนอยู่สามหลัง เรือนแรกคือเรือนใหญ่ อยู่ติดกับแม่น้ำ มีพ่อ แม่ ข้า แล้วก็พี่ชายอาศัยอยู่ ข้างๆก็จะเป็นเรือนของพวกบ่าว ถัดจากเรือนบ่าวออกมาประมาณสิบกว่าก้าวเป็นเรือนไม้หลังเก่าๆที่มีบ่าวเฝ้าอยู่ตลอดเวลา โดยพ่อข้าห้ามมิให้ใครผู้ไดขึ้นเรือนนี้เป็นอันขาด ข้าเคยสงสัยและเคยถาม แต่ก็มิได้คำตอบกลับมา

วันนี่ก็เป็นอีกวัน ที่พวกข้าทั้งสามคน ออกไปฝึกมวยฟันดาบกันเป็นปกติเหมือนทุกวัน พวกเรามักจะเดินทางไปที่ค่ายมวยค่ายดาบโดยการพายเรือไป

ระหว่างที่ข้ากำลังจะขึ้นเรืออยู่นั้น ข้าก็เหลือบมองไปที่เรือนเก่าที่ปกติจะมีบ่าวคอยเฝ้าอยู่สามถึงสี่คน แต่เช้านี้กลับไร้วี่แววของบ่าวพวกนั้น ข้าเลยคิดว่าพวกบ่าวอาจจะอยู่แถวๆนั้นก็เป็นได้ จึงออกเดินทางไปยังค่ายมวยต่อโดยไม่คิดอะไร...>

พอพลบค่ำ พวกเขาทั้งสามคนกลับมาจากการฝึกโดยการพายเรือ วายุ นั่งอยู่หัวเรือ ภูผา นั่งอยุ่ตรงกลาง ส่วน บุญเกิด นั่งพายเรืออยู่ท้ายลำ ภูผา มองไปที่เรือนเก่าก็ยังไม่มีคนเฝ้าอยู่เช่นเคย

“ไอ้เกิด เอ็งรู้มั้ย พวกบ่าวที่เฝ้าเรือนเก่าหายไปใหนกันหมด”
ภูผา หันไปถาม บุญเกิด ด้วยความสงสัย

“ไม่รู้ขอรับ นายใหญ่คงจะเรียกใช้งานพวกนั้นกระมัง ประเดี๋ยวก็คงกลับมาเฝ้าที่เดิมกันเหละขอรับ”

บุญเกิด ตอบกลับ ภูผา ด้วยน้ำเสียงเรียบๆพรางหันไปมองที่เรือนเก่า

ภูผา ก็คิดเห็นเช่นเดียวกันกับบุญเกิดเลยไม่ติดใจหรือพูดสิ่งไดต่อ

ส่วน วายุ ที่นั่งอยู่หัวเรือ ก็เหลือบตาไปมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเหลือบตากลับมองตรง ด้วยท่าทีที่เรียบเฉย ไม่พูดสิ่งได

เช้าของวันถัดมา พวกเขาทั้งสามคน ออกไปฝึกมวยฟันดาบตามปกติอีกเช่นเคย และทุกเช้าก่อนออกเรือนไป ภูผา มักจะมองไปที่เรือนเก่าอยู่เป็นประจำ วันนี่ก็ยังคงไร้ซึ้งวี่แววของคนเฝ้าอีกตามเคย

ในขณะการฝึกมวยอยู่ ภูผา ก็ไม่สามารถสลัดความคิดความสงสัยที่ว่าบ่าวที่เฝ้าเรือนเก่านั่นหายไปใหน จนไม่มีสมาธิในการฝึก เขาจึงมีความคิดที่จะกลับไปดู หากไม่มีคนเฝ้าจริงๆ ก็จะขึ้นเรือนเก่าไปดูให้รู้แล้วรู้รอดขจัดความสงสัยที่เกาะกินเขามาหลายปีว่าบนเรือนนั้นมีอะไร ทำไมพ่อของตนถึงห้ามนักห้ามหน่า จึงเอยปากชวนบุญเกิดที่ฝึกมวยอยู่ด้วยกัน

“ไอ้เกิด ข้าไม่เห็นคนเฝ้าเรือนเก่ามาสองวันแล้ว เราไปดูกันมั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ไม่ได้นะขอรับ เดียวครูเทียนรู้ว่าเราโดดฝึก จะไปฟ้องนายใหญ่ได้นะขอรับ”

บุญเกิด รีบเอยปากห้ามปราม

“เอ็งไม่อยากรู้รึ ว่าบนเรือนนั้นมีอะไร อีกอย่างเวลานี้ก็เป็นเวลางีบกลางวันของครูเทียนอยู่ พวกเราออกไปแป๊ปเดียว ประเดี๋ยวกลับมาแก่คงยังไม่ทันตื่นด้วยซ้ำ”

“ถ้านายใหญ่รู้เข้ามีหวังเฆียนเราหลังหักแน่เลยนะขอรับ”

บุญเกิดตอบกลับพร้อมด้วยสีหน้ากังวล

“เอ็งไม่พูด ข้าไม่พูด ใครเล่าจะรู้ เอาละๆ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป เอ็งอยู่ฝึกมวยกับคนอืนที่นี่ไปก็แล้วกัน ประเดียวข้ามา.....ไปละ!”

ภูผา สวนกลับพร้อมกับหันหน้าตบเท้าเดินจากไป ทิ้งไว้ให้บุญเกิดยืนบ่นอยู่กับตัวเอง

“ตายแน่ไอ้เกิดเอ้ยย” ก่อนที่จะสาวเท้าวิ่งตาม ภูผาไป “รอไอ้เกิดด้วยขอรับบ” ภูผาเห็นบุญเกิดวิ่งตามมา หันหน้าไปสบตายิ้มกริ่ม เพราะรู้อยู่แล้วว่าบ่าวผู้นี้ ถึงแม้จะชอบพูดห้ามปรามเช่นไร ก็ตามตนมาอยู่ดี พร้อมกับยกมือขึ้นกอดใหล แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

“ประเดี๋ยวชวน วายุ ไปด้วยกันดีกว่า”

“อย่าไปรบกวนคุณวายุเลยขอรับ”

“นี่ถ้าเอ็งจะขัดคออีก ก็กลับไปฝึกมวยต่อเลยไป”

“ข.ขออภัยขอรับ” บุญเกิด ตอบเสียงอ๋อยๆ

ครั้นเมือทั้งคู้ได้เดินทางมาถึงยังลานฝึกดาบ เสียงที่ได้ยินเสียงแรก เป็นเสียงของดาบไม้กระทบกันของบรรดาลูกศิษย์ค่ายครูทองที่กำลังฝึกดาบอย่างแข็งขัน ดังระงมไปทั้วทั้งบริเวณลานฝึก วายุ ที่กำลังฝึกดาบโดยการซ้อมมือฟันดาบไม้เข้าไปที่ท่อนไม้ใผ่อยู่นั่น ได้เหลือบไปเห็น ภูผา กับ บุญเกิด ยืนจ้องมาที่ตนพร้อมกวักมือเรียก เมือเห็นดังนั้น

วายุ จึงหยุดซ้อมมือ นำดาบไม้ไปแขวนไว้ที่ราวดาบ แล้วก้าวเดินไปหาสองหนุ่มน้อยด้ยความใจเย็น พร้อมกับเอยถามด้วยความฉงนเล็กน้อย

“ไม่ไปซ้อมมวยรึ?”

“เช้านี่ตอนที่พวกเราออกเรือนมา ข้าเห็นเรือนเก่าไม่มีคนเฝ้าอยู่มาสองวันแล้ว นี่อาจจะเป็นโอกาศของเรา เราแอบขึ้นไปดูกันมั้ยว่ามีอะไรอยู่บนเรือนนั่น”

สองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ แม้จะมีหน้าตาที่เหมือนกัน แต่บุคลิกช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แฝดคนน้องมีนิสัยที่ขี่เล่น ร่าเริง เป็นคนขี้สงสัย ส่วนแฝดคนพี่ มีนิสัยที่สุขุม พูดน้อย

วายุ จึงตอบกลับ ภูผา ไปสั่นๆว่า “ไม่” พร้อมกับหันหลังเดินจากไปยังลานฝึกดาบ ทิ้งให้ ภูผา กับ บุญเกิด ยืนอึ๋งฉงลกับคำพูดสั่นๆของวายุ ภูผา สลัดสีหน้าพูดพรางตะโกนตามหลังวายุ “ตามใจเอ็ง”

“ไอ้เกิด...ไปกัน”
“ขอรับ”
แล้วทั้งสองก็เดินจากไป....

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา