ภูผาวายุ
เขียนโดย มุมน้ำเงิน
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) พี่น้องพบปะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พวกมึงเอาตัวพวกมันไปขังไว้เรือนกู”บัวลอยเอยขึ้นแล้วหันหน้าเดินขึ้นเรือนไปทันที
สิ้นเสียงบัวลอย กะเหรี่ยงหนุ่มทั้งสองก็ฉุดกระชากลากถูหญิงสาวทั้งสอง แต่ด้วยความที่ดิ้นไม่หยุด หนุ่มกะเหรี่ยงคนหนึ่งหมดความอกทน จึงใช้สันมือฟาดลงไปที่ท้ายทอยของดวงแขพลันแน่นิ่งไปในทันที ชายอีกคนเห็นเช่นนั้นจึงทำตาม เมื่อหญิ่งสาวทั้งสองสลบแน่นิ่งแล้ว หนุ่มกะเหรี่ยงทั้งคู่จึงแบกร่างของสองสาวพาดบ่าแล้วเดินขึ้นเรือนตามบัวลอยไป
หนุ่มกะเหรี่ยงสองคนหันหน้ามาเอยกันอุบอิบ “มึงหน้าจักให้พวกมันขึ้นเรือนไปก่อนแล้วค่อยรวบตัว ไม่ต้องมาแบกให้หนักเช่นนี้”
หนุ่มกะเหรี่ยงอีกคนเอยตอบ“กูเห็นมึงทำท่าจักเข้า กูก็เลยเข้าไปเลย ใครจะไปรู้เล่า”
บัวลอยที่เดินนำหน้ามา หันหลังไปออกคำสั่งกับกะเหรี่ยงทั้งสอง”พวกมึงเอาตัวพวกมันไปขังไว้ในเรือนนอนของกู แลมัดมือมัดปากพวกมันไว้”
“จ๊ะ แม่บัวลอย”กะเหรี่ยงหนุ่มทั้งสองรับคำทำตามทันที
ทางด้านภูผากับบุญเกิด ที่กำลังเดินตามนายเงินขึ้นไปยังเรือนไม้เก่าๆหลังใหญ่ พอเดินขึ้นไปก็ได้กลิ่นธูปเตะจมูกจางๆ
ภูผามองทอดออกไปกลางเรือน โต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ มีของทำพิธีกรรมมากมายเต็มไปหมด อาจารย์ผู้หนึ่งนั่งอยู่บนตั่งเบื้องหน้าโต๊ะหมู่ นุ่งห่มหนังเสือราวกับฤๅษี สักยันต์เต็มตัวลามไปถึงใบหน้า รู้ได้ทันทีว่าผู้นี้ต้องเป็นอาจารย์ทิพย์ กวักมือเรียกนายเงินให้เข้าไปหา นายเงินหันหน้ามาทางสองหนุ่ม
“พวกเอ็งรออยู่ตรงนี้ประเดี๋ยว”
เอยจบนายเงินเร่งเดินเข้าไปนั่งพับเพียบข้างล่างตั่งเบื้องหน้าอาจารย์ทิพย์ เอยสนทนากันด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“เอ็งให้ไอ้คนที่ใช้ดาบเข้ามาผู้เดียว” อาจารย์ทิพย์เอย
“จ๊ะ”นายเงินรับคำกวักมือเรียกหนุ่มกะเหรี่ยงที่ทำหน้าทีปรนนิบัติอาจารย์ทิพย์ให้เข้ามาหา
”มึงไปบอกอีบัวลอยถ่วงเวลาไอ้เกิดเอาไว้ อีบัวลอยมันรู้ว่าต้องทำเช่นไร ประเดี๋ยวกูจักไล่มันไปเอง”
หนุ่มกะเหรี่ยงรับคำแล้วเร่งเดินลงไปจากเรือน นายเงินเห็นบุญเกิดแสดงสีหน้าชอบพอบัวลอย จึงคิดหาอุบาย นายเงินเปลี่ยนสีหน้าแล้วลุกขึ้นเดินไปหาสองหนุ่ม
“พวกเอ็งเข้าไปหาอาจารย์เสียก่อนเถอะ ประเดี๋ยวหลังจากไหว้อาจารย์เสร็จนังบัวลอยคงจักนำกับข้าวกับปลามาให้พวกเอ็งกิน แต่เฮ้อ..!”นายเงินถอนหายใจ
“แต่กระไรหรือจ๊ะ ครูเงิน”บุญเกิดเอยถามทันทีด้วยความสนใจ
“อีนางบัวลอยมันทำกับข้าวไม่ได้เรื่องน่ะสิ เกรงว่าจักไม่ถูกปากพวกเอ็ง”
“มิเป็นกระไรดอกจ๊ะ พวกข้ากินง่ายอยู่ง่าย”
บุญเกิดเอยตอบออกมาสีหน้ายิ้มๆแต่ขัดใจนายเงินเป็นอย่างยิ่ง เพราะหวังจะได้คำตอบเสนอตัวไปช่วยบัวลอยทำกับข้าวจากบุญเกิด นายเงินจึงเอยออกไปต่อ
“ไอ้เกิด เอ็งไปช่วยบัวลอยทำกับข้าวได้หรือไม่”
ภูผาเอยสวนขึ้นมาทันที”อย่าเลยครูเงิน ไอ้เกิดมันทำกับข้าวเป็นเสียที่ใหน ให้ข้าไปดีกว่ากระมัง ข้ามักจักเข้าครัวไปหาของกินเล่นแลไปนั่งมองพวกบ่าวทำกับข้าวกับปลาอยู่ร่ำไป”
คำพูดของภูผายิ่งขัดใจนายเงินหนักเข้าไปใหญ่ ทันทีที่นายเงินจะเอยคำใดต่อ บุญเกิดเอยแทรกขึ้นมาทันที
“ให้ข้าไปช่วยแม่บัวลอยเถอะ ข้าอยากไป”
บุญเกิดเสนอตัวออกมานายเงินพลันโล่งใจ ภูผามองหน้าบุญเกิดแล้วเอยขึ้น
”ป่ะ พวกเราไปช่วยแม่บัวลอยกัน แต่มาถึงนี่แล้วก็ทักไหว้อาจารย์ทิพย์ก่อนแล้วกัน”
นายเงินได้ยินภูผาเอยจึงรีบเอยสวนขึ้นทันที
”ให้ไอ้เกิดไปผู้เดียวเถอะ ไปช่วยกันแยะ ประเดี๋ยวจะวุ่นวายเอาปล่าวๆ เอ็งไม่อยากรู้รึ ว่าอาจารย์ให้ข้าช่วยเอ็งไว้ทำไม”
บุญเกิดได้ยินเช่นนั้น จึงมองไปที่อาจารย์ทิพย์ ยกมือขึ้นไหว้”ดีจ้า อาจารย์ ข้าขอตัวก่อนนะจ๊ะ”เอยจบบุญเกิดรีบวิ่งลงไปจากเรือนทันที
ภูผาเดินตามนายเงินเข้าไปหาอาจารย์ทิพย์ นั่งลงบนพื้นเสื่อตรงหน้าตั่งของอาจารย์ทิพย์ นายเงินนำดาบที่ภูผาฝากเก็บไว้วางลงข้างๆ
ภูผายกมือไหว้ “อาจารย์ทิพย์ ข้าขอสวัสดีจ้า”อาจารย์ทิพย์พยักหน้ารับไหว้ภูผา ภูผาเอยขึ้นมาต่อ
”ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์มากเลยจ๊ะ ที่ส่งครูเงินไปช่วยเหลือพวกข้ามา ว่าแต่อาจารย์ ใยถึงไปช่วยพวกข้าละจ๊ะ”
น้ำเสียงแหบพร้าของคนวัยชราเอยตอบภูผา
”ข้าจักเล่าให้เอ็งฟัง ข้าเคยร่วมคณะปลุกเสกดาบเล่มนี่ (หันหน้าไปมองดาบที่วางไว้ข้างกายภูผาแล้วหันหลับมามองที่ใบหน้า) คราหนึ่งข้าเข้าญาณตามปกติ ก็รับรู้ได้ว่าดาบเล่มนี้ถูกปลดจากคาถาผนึกศาสตรา จึงให้พวกไอ้เงินไปตามช่วยใครก็ตามที่ครอบครองดาบเล่มนี้”
“แล้วอาจารย์แลพวกครูเงินรู้ได้เยี่ยงไรจ๊ะ ว่าดาบอยู่ที่หมู่บ้านของข้า”ภูผาเอยถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าให้ไอ้เงินเดินทางไปตามนิมิตของข้า”
ภูผารับฟังคำบอกเล่าของอาจารย์เงิน เกิดความรู้สึกศรัทธาในวิชาอาคมที่แก่กล้าจึงก้มกราบลงพร้อมกับเอยขึ้นมา
“ช่วยสอนคาถาอาคมให้ข้าด้วยเถิดอาจารย์ ข้าจักกลับไปแก้แค้นให้พ่อ แม่ แลพี่ชายฝาแฝดของข้า”
“เช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่ว่าเอ็งต้องทำพิธีคืนศาสตราเสียก่อน”
อาจารย์ทิพย์เอย เหลือบตาไปมองดาบ
“พิธีกระไรรึ”ภูผาเอยถามด้วยความฉงน
“ก็พิธีคืนดาบที่เอ็งถือครองเล่มนี้อย่างไรเล่า”
นายเงินเอยเสริมพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ดาบ ภูผามองตามพลันหันหน้าไปเอยกับอาจารย์ทิพย์
“ดาบผีเล่มนี้นะรึ มันมิใช่ของข้าดอก ข้ามิกล้าแม้แต่จักจับมันเสียด้วยซ้ำ ทุกคราที่ข้าแตะต้องมัน ก็เป็นอันต้องสลบไปทุกที”
“ทุกคราที่เอ็งถือดาบเป็นต้องสลบไปทุกที นั่นเพราะวิญญาณที่สถิตย์อยู่ในดาบได้เข้าร่างสิงเอ็งยังไงละ”
อาจารย์ทิพย์บอกถึงเหตุผลที่ภูผาสลบทุกครั้งที่จับดาบ ทำเอาภูผาขนลุกเกรียวไปทั่วทั้งร่าง นายเงินหันหน้าไปเอยบอกกับอาจารย์ทิพย์
“ข้าเคยได้ยินพวกไอ้เกิด สนทนาอยู่ด้วยเห็นว่าเป็นพี่ชายของไอ้ผา หน้าจักชื่อ วายุ นี่เหละจ๊ะอาจารย์”
ภูผาสบัดหน้าไปทางนายเงินทันทีแล้วเอยออกมาด้วยท่าทีตกอกตกใจ
“วายุ! วายุพี่ชายข้าน่ะรึที่สิงร่างข้า แล้วไอ้เกิดใยถึงไม่บอกข้า แล้วผู้อืนใยไม่ถูกสิง ไอ้เกิดหรือครูเงิน ก็เคยจับดาบเล่มนี่ ใยไม่ถูกสิง” ภูผาเอยขึ้นด้วยความฉงน
“นั่นเป็นเพราะ ดาบเล่มนี่ ได้ทำพันธะเลือดไว้กับเอ็งยังงัยล่ะ”
“พันธะเลือด!”ภูผาเบิกตาโพรงอุทานออกมา
“ถูกแล้ว พันธะนี้เกิดจากเลือดหยดแรกที่หยดลงบนทับทิมกลางด้ามดาบนั่น หลังจากที่ดาบได้วิญญาณดวงใหม่เข้ามาสถิต นั่นก็คือพี่ชายเอ็ง เจ้าของเลือดหยดนั้นจะถูกพันธะไปโดยปริยาย ถึงแม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม”
“แล้วจักมีหนทางแก้ยกเลิกพันธะนี่ได้ไหมจ๊ะ อาจารย์”ภูผาเอยถามสีหน้าตื่นๆ
“ก็พิธีคืนศาสตรา ที่ข้าพูดถึงนี่เหละ เอ็งจักได้หลุดจากพันธะ แลพี่ชายของเอ็งที่สิงสถิตอยู่ในดาบเล่มนี้ก็จักได้ไปสู่สุขคติเสียที”
อาจารย์ทิพย์เอื้อมมือไปจับที่บ่าของภูผาแล้วเอยขึ้นมา
“เอาละ เอ็งนั่งขัดสมาธิ หลับตา ข้าจักให้เอ็งเข้าญาณ”
“เช่นไรรึ อาจารย์”ภูผาเอยถามด้วยความสงสัย
“เอาเถิด แค่เอ็งนั่งหลับตาเข้าสมาธิอยู่เฉยๆเยี่ยงนั้น”ภูผาทำตาม หลับตาพริ้ม อาจารย์ทิพย์ยกมืออีกข้างขึ้นกึ่งพนมขณะที่มืออีกข้างยังคงจับไปที่บ่าของภูผา บอกกล่าวให้กับนายเงินให้นำดาบเล่มนั้นวางไว้บนตักของภูผา แล้วพึมพำบริกรรมคาถาขึ้นมา
ไม่กีอึดใจภูผาหยั่งลึกเข้าสู่ห้วงสมาธิ เดินทางไปในความมืดมิดภายในจิตใต้สำนึก
ภูผาเดินวนอยู่ในความมืดมิดอย่างไร้จุดหมาย ปราศจากแสงใดๆทั้งสิ้น ครู่หนึ่งก็มีเสียงแผดแว่วขึ้นมาดังก้องกังวาล
[ภูผา! ภูผา นั่นเอ็งใช่หรือไม่]
ภูผาตกใจหันซ้ายหันขวาท่ามกลางความมืดมิดมองหาต้นเสียง”นั่นใคร!”
จากความมืดมิดก็ค่อยๆสว่างขึ้น ไอหมอกสีขาวเข้ามาปกคลุม ภูผาเห็นชายผู้หนึ่งอยู่กลางไอหมอก จึงเร่งรุจเดินเข้าไปหา ภูผาพลันเบิกตาวาวเมือเห็นหน้าชายผู้นั้นอย่างถนัดตา แล้วเอยออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“วายุ!”......
——————————
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ