ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) การกลับมา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“พวกเราออกเดินทางกันต่อเถอะ พลบค่ำแล้ว”


คนของครูเงินขึ้นเกวียนเตรียมออกเดินทาง หญิงสาวมะลิ ที่อยู่บนเกวียนเดียวกันกับบัวลอยเอยขึ้น


“พวกเราจักไม่รอกันอีกสักหน่อยหรือ พี่บัว” ดวงแขสบตาบัวลอย พยักหน้าเห็นด้วยกับคำของมะลิ


“แถวนี้เวลากลางคืนมันอันตราย ป่าแถบนี้เป็นพื้นที่ของพวกสาง ที่เห็นพวกผีโพงไม่ตามเรามาครั้นถึงแม่น้ำ ก็ด้วยเหตุนี้เหละ”


“กระไรกัน เจอแต่ผี แต่สาง ต่อไปจะเจอกระไรอีกเนีย ใยสำนักของอาจารย์ของพวกพี่ต้องมาอยู่ในที่หน้ากลัวเช่นนี้ด้วย” ดวงแขเอยขึ้น บัวลอยยิ้มให้อ่อนๆแล้วหันหน้ากลับไปบังคับเกวียนต่อ


บุญเกิดกำลังจะกลับขึ้นเกวียน มองทอดออกไปยังเส้นทางเบื้องหลัง เห็นแสงสีแดงเรืองขึ้นในหมอกยามเย็น ครู่หนึ่งก็พลันปรากฎกายของชายสองคน วิ่งตัด ผ่านหมอกเข้ามา


“คุณภูผา!”บุญเกิดเบิกตาวาว หันหน้าไปตะโกนบอกชาวคณะ สีหน้าตื่นเต้นดีใจ “คุณภูผา กับครูเงิน กลับมาแล้ว”


ภูผาที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลรอยกรีดของกรงเล็บจากผีโพง เมือเห็นหน้าบุญเกิด ดวงแข และมะลิ ภูผาจึงปราดตัวเข้าหาทันที


ทั้งสามคน พอเห็นหน้าภูผา รีบลงจากเกวียนวิ่งปรี่เข้าหาทันที ต่างพากันเอยถามความเป็นห่วง


บุญเกิด:”คุณภูผาขอรับเป็นเยี่ยงไรบ้าง”


มะลิ. :”เจ็บแผลมากมั้ยจ๊ะ”


ดวงแข :”พี่ไปโดนกระไรมาใยตาถึงแดงเช่นนั้น แล้วไอ้ควันแดงๆนี่มันคือกระไร”


ไม่เอยตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น ภูผาเดินเข้าไปสวมกอด ดวงแข ทันทีแล้วเอยขึ้นมา


“ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้พบเจ้า!!”


ทังสามคนบุญเกิดและสองสาวอยู่ในอาการตะลึงงัน จากพฤติกรรมของภูผา โดยเฉพาะมะลิ ที่เห็นคู่หมายเดินเข้าสวมกอด ดวงแข สหายสนิทของตนอย่างหน้าตาเฉย


บุญเกิด อ้าปากค้างเบิกตาโพรง ดวงแขก็อยู่ในอาการขัดเขินอึดอัด ทำตัวไม่ถูก ส่วนมะลินั้นเสดงสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจอย่างชัดเจน ด้วยความเป็นกลุสตรีจึงไม่เอยคำใดออกมาหันหน้ากลับหมายจะขึ้นเกวียน


ภูผาเห็นสีหน้าของมะลิ จึงเอี้ยวตัวไปคว้าแขนมะลิไว้ทันที แล้วเอยออกมาด้วยท่าทีที่สุขุม


“มะลิ เอ็งฟังข้าก่อน”ภูผาหันหน้าไปมามองหน้าทั้งสามคน


“ขาหาได้ใช่ภูผาไม่ แท้จริงแล้ว ข้าคือ วายุ!!”


ทั้งสองสาวตะลึงหนักขึ้นยิ่งกว่าเหตุการณ์เมือครู่นี่เสียอีก แต่บุญเกิดยังคงแบ่งรับแบ่งสู้ไม่ค่อยเชื่อคำ เนื่องจากภูผาที่ตนรู้จัก เป็นคนขี่เล่น


“ไม่เล่นแล้วขอรับ คุณภูผากลับมาปลอดภัยก็ดีแล้ว เราจักออกเดินทางกันต่อ รีบขึ้นเกวียนเถอะ ขอรับ”


ภูผาหันหน้าไปหาบุญเกิด แล้วเอยออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เอ็งก็เห็นแล้วมิใช่รึ หากข้าเป็นภูผา ใยข้าถึงใช้ดาบได้คล่องแคล่วเช่นนั้น”


ภูผาเอยขึ้น บุญเกิดพลันนึกถึงตอนที่ตนเอยถามภูผาก่อนหน้าที่จะทิ้งดาบลงไปจากเกวียน และบุญเกิดยังคงเชื่อว่าดาบนี่เป็นดาบผีสิง จึงคิดว่าสิ่งที่ภูผาพูดในขณะนี้เป็นเรื่องจริง พลันเบิกตาวาวหันหน้าไปหาภูผา ละล่ำละลักพูดออกมาติดๆขัดๆ ขยับตัวถอยหลังออกมา


“สะ สะ แสดงว่า วิญญาณของคุณวายุเองหรือขอรับที่สิ่งดาบนี่ ละ ละ ละ แล้วตอนที่อยู่บนเรือนใหญ่ คะ คะ คุณวายุ เข้าสิงคุณ ภูผา หรือ ขะ ขะ ขอรับ!?”


“น่าจักเป็นเช่นนั้น ข้าตื่นขึ้นเมือคราที่อยู่บนเรือนใหญ ก้มมองดูไม้ดูมือ เห็นรอยแผลเป็นบนนิ้วโป้ง และรูปร่างเช่นนี่ ข้าก็รู้ทันทีว่าข้าอยู่ในร่างของภูผา ข้าจำได้ว่าข้ากำลังจะลงไปกอดพ่อ แล้วภาพจำของข้าก็ตัดไป รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่ผีห่าพวกนั้นไล่ตามข้านี่ละ ตอนแรกข้าก็ไม่แน่ใจว่าข้าอยู่ในร่างของภูผาสักเท่าไหร่ แต่พอพวกเอ็งเรียกข้าว่าภูผา จึงได้มั่นใจ”


ภูผาเอยบอกกับทั้งสามคน บุญเกิดน้ำตาคลอเบ้าท่ีได้ยืนสนทนากับวายุ นายน้อยที่ตนรักอีกครั้ง แต่ด้วยความที่ตนเป็นคนกลัวผี จึงมีท่าทีที่กล้าๆกลัวๆอยู่ ดวงแขมองหน้าวายุในร่างภูผา น้ำตาใหลพราก


วายุ ยกมือขึ้น จับไปที่แก้มของดวงแข ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตา ดวงแขยิ่งร้องให้ตื้นตันยินดีที่คู่หมายของตนกลับมาอีกครั้ง


ดวงแขโผเข้ากอดร่างของวายุ แล้วเอยออกมาด้วยน้ำตาที่นองหน้า “ข้าคิดถึงพี่เหลือเกิน”


มะลิมองดูด้วยความเข้าใจ น้ำตาคลอยินดีกับคู่รักที่กลับมาพบกันด้วยความจริงใจ


คณะเดินทางจ้องมอง ไม่เอยคำใด ปล่อยให้ทั่งสี่คนใด้อยู่ลำพัง เพราะดูจากท้องฟ้าแล้ว ยังพอมีเวลา


“ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน คิดว่าในอีกไม่ช้าจำต้องคืนร่างให้ภูผา มิรู้ได้ว่าข้าจะกลับมาเมือใด หรืออาจจะไม่กลับมาเลย ขอให้เจ้า ดูแลตัวเองให้ดี”แล้วหันหน้าไปหาบุญเกิดกับมะลิ “พวกเจ้าด้วยละ”


วายุ เอยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มีนัยยะเหมือนกับจะกล่าวบอกลา มะลิก็โผเข้าไปซบใหล่วายุร้องให้อีกคน บุญเกิดแม้จะกลัวผี แต่นี่เป็นนายน้อยที่ตนรักจึงสลัดความกลัวแล้วโผเข้าไปจับแขนแล้วร้องให้ออกมาเช่นกัน บรรยากาศแปรเปลียนไปเป็นความโศกเศร้าทันที บุญเกิดปาดน้ำตาแล้วเอยขึ้นถามกับวายุ


“แล้วมันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ใด้เยี่ยงไรกันขอรับ”


“ข้าก็มิรู้เช่นกัน”วายุเอยตอบ บุญเกิด


“แต่ข้าว่า อาจารย์ของข้าหน้าจะรู้” นัยน์ตาสีแดงหันหน้าไปมองตามเสียง เสียงนั้นมาจากชายหัวโล้นร่างใหญ่รอยสักเต็มตัว ทั้งสี่คนที่ยืนกอดกันในอาการที่โศกเศร้า ผละตัวออกจากกัน วายุหันหน้าไปเอยถามกับบุญเกิด แล้วกวาดสายตามองไปที่คณะของนายเงิน“คนพวกนี่เป็นใครรึ”


“คนพวกนี่เหละ ขอรับ ที่ช่วยเหลือพวกเราออกจากหมู่บ้าน”


นายเงินแบมือไปหาวายุพร้อมกับเอยขึ้นมาในอาการยิ้มๆ


“ดาบนั่นฝากคืนไว้กับข้าก่อนก็แล้วกัน พวกเอ็งรีบขึ้นเกวียนกันเถอะ นี่มันก็จะมืดแล้ว พวกเราเห็นทีต้องเร่งเดินทาง”


วายุ เห็นพวกพ้องของตนไว้ใจ จึงยื่นดาบส่งให้กับนายเงินทันที โดยไม่เอยคำใด


“คุณภูผา ขอรับ!”บุญเกิดร้องลั่นน้ำเสียงตกใจ


——————————

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา