ภูผาวายุ

-

เขียนโดย มุมน้ำเงิน

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.55 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  12.68K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 15.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) การพบเจอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

ภูผาตกใจ พลันคว้าดาบที่ห่อด้วยผ้าขาวม้า ข้างกายขึ้น ชี้ดาบไปยังชายแปลกหน้าผู้นั้นโดยที่ยังไม่แกะผ้า เอยออกไปด้วยน้ำเสียงห้าวๆ
“เอ็งเป็นผู้ใดกัน แลจักพาพวกข้าไปหนใด!”
“ใจเย็นไอ้หนุ่ม ข้าหาได้คิดร้ายกับเอ็งไม่ ข้าเพียงแต่ม่าช่วยเหลือเอ็งตังหากเล่า”
ชายผู้นั้นเอยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ห้าวต่ำ สายตาจับจ้องมองทางอยู่เช่นเคย
“เพื่อเหตุใด” ภูผาเอยสวนขึ้นมา ยังคงชี้ดาบที่ยังพันผ้าไว้อยู่เช่นนั้น
“เพื่อดาบในมือของเอ็งยังไงเล่า”
“ที่พวกเอ็งเขามาทำร้ายคนในหมู่บ้านของข้า เพียงเพื่อดาบเก่าๆเล่มนี่นะรึ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าหาได้เป็นพวกนั้นไม่ แลข้ามิได้มาชิงดาบของเอ็ง หากเป็นเช่นนั้นเอ็งหาได้มานั่งสนทนาอยู่กับข้าเช่นนี้ดอก ข้าคงจักฆ่าเอ็งทิ้งเสียแล้วชิงดาบมา มิง่ายกว่าหรือ”
ชายผู้นั้นหัวเราะร่วนหันหน้ามาทางภูผา ภูผาเสดงท่าทางเข็งกร้าวพร้อมเอยขึ้นมา
“พาพวกข้ากลับไป บัดเดียวนี้ ข้าจักไปฆ่าพวกมันแลไปฝังศพผู้คนที่ข้ารัก”
“ก็เอาซี้ ไปเลย พาเกลอของเอ็งลงไปเสียด้วย รึถ้าเอ็งพามันไปมิใหว ก็ปล่อยให้มันนอนอยู่เยี่ยงนั้นแล้วเอ็งก็ไปเพียงผู้เดียว ดูจากสาระรูปของเอ็งแล้ว อย่าว่าแต่ฆ่าพวกมันเลย ประคองร่างไว้ให้ได้ก่อนเหอะ”
ภูผานิ่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ชายผู้นั้นเอยต่อออกมา
“ศพของคนในหมู่บ้าน ปานฉะนี้คงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้วกระมัง เท่าที่ข้าแอบดู พวกมันมิได้หมายจะมาเพียงปล้นชิง หากแต่ว่าพวกมันยึดเอาหมู่บ้านของเอ็งต่างหาก ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกมันคงมิอยู่อาศัยร่วมกับศพเกลื่อนหมู่บ้านเช่นนั้นหรอก คงจัดการไม่ฝั่งก็เผา หากเอ็งหมายจะทวงแค้น ก็รักษาตัวก่อนแล้วค่อยกลับไปล้างแค้น พวกมันมิหนีไปใหนหรอก”
ภูผาที่มีรอยฟกช้ำระบบมจากพิษหมัดทั่วตัว ได้ยินเช่นนั้น จึงลดทีท่าลง วางดาบพันผ้าในมือพร้อมเอย ตั้งคำถามออกมาด้วยความฉงน น้ำเสียงอ่อนลง
“แล้วที่เอ็ง มาช่วยพวกข้ามีเหตุผลอันใดเล่า แล้วมันเกี่ยวกระไรกับดาบนี่”
ชายผู้นั้นหันหน้ากลับไปบังคับเกวียนต่อ พรางเอยกับภูผาด้วยน้ำเสียงเรียบต่ำ
“เอ็งหายดีแล้วกระนั้นรึ นอนพักเสียเถอะ ประเดี๋ยวถึงที่หมายข้าจักตอบเอ็งทุกคำถาม”
“หึ เอางั้นก็ได้”ภูผาเอยตอบอย่างไม่สบอารมณ์ พรางบ่นพึมพำในลำคอ “ใช้ปากขับเกวียนรึกระไร”
ภูผา มิได้นอนลงตามที่ชายผู้นั้นบอก เพราะยังคงเชื่อในคำพูดของชายผู้นั้นโดยไม่สนิทใจ เขาขยับตัวมาท้ายเกวียน นั่งห้อยขาเหม่อมองทอดสายตาออกไปยังทิศที่หมู่บ้านที่เคยอาศัย รำลึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ตนได้ประสบมา น้ำตาคลอ ภูผา นั่งเงียบ มองเหม่ออยู่ครุ่ใหญ่ บุญเกิด ที่นอนอยู่ ขยับตัว ค่อยๆลืมตาได้สติ ภูผาหันไปมองปาดน้ำตา เอี้ยวตัวจับใหล่ เสดงสีหน้าโศกเศร้าขึ้นมา
“โถ่ ไอ้เกิด เอ็งจะตายทิ้งข้าไปอีกคนมิได้นะ ม้ายย”
ภูผาที่ขี่เล่นเป็นทุนเดิม รู้ว่าบุญเกิดได้สติ จึงเอยออกมาด้วยอาการเย้าหยอก สลายความเศร้าในจิตใจ บุญเกิดเอยขึ้น น้ำเสียงเออ อ่า
“อะ.ไอ้เกิด ยังมิตายขอรับ”
“กระนั้นรึ” ภูผาเอยยิ้มๆบุญเกิดกลอกสายตามองไปมาพร้อมเอยสวนเอยสวน
“พวกเราจักไปใหนกันรึขอรับ”
“มิต้องเอยความดอก นอนพักไปเอ็งน่ะ ข้าก็มิรู้เหมือนกัน ว่าไอ้หมอนั่นพาเราไปใหน ประเดี๋ยวถึงที่หมายจักรู้แจ้งเอง..มันว่า!”
ภูผาเอยแล้วหันกลับไปอยู่อาการห้อยขาตามเดิม บุญเกิดผละตัวขึ้นนั่งมองไปที่ชายหัวโล้นรอยสักเต็มแผ่นหลังที่กำลังขับเกวียน พลันนึกขึ้นได้ว่าชายผู้นี้ทำร้ายพวกของตนก่อนที่จะตื่นขึ้นมาบนเกวียนนี้ รีบจับดาบพันผ้าขึ้นมา ชี้ไปที่หลังของชายผู้นั้นอาการดูคุ้นๆ
“มึงจะพาพวกกูไปใหน”
ชายผู้นั้นหันมา “ไอ้นี่ก็อีกคน” แล้วหยุดเกวียน “พวกเอ็งไม่รู้จักข้า หากข้าบอกดีๆ พวกเอ็งจะยอมตามข้ามารึ ข้าขี้เกียจต่อคำจึงจำต้องทำให้พวกเอ็งสลบ แล้วพามาเท่านั้น”
เอยจบชายผู้นั้นหันหน้ากลับ เฆี่ยนไปที่ก้นควายเบาๆเดินทางต่อ ภูผา เอื้อมมือไปแตะดาบในมือบุญเกิดกดลงพลางส่ายหน้า
“ครู่นี้ ข้าก็ทำเช่นเอ็ง วางดาบลงแล้วนอนไปซะ”
เอยจบภูผาหันหน้ากลับไปที่เดิม บุญเกิดทำตามวางดาบลงด้วยอาการงงงวย แล้วขยับตัวมานั่งห้อยขาตามภูผาที่ท้ายเกวียน มองหน้าภูผาที่กำลังเหม่อ จึงไม่เอยคำใดแล้วมองทอดตาม
เกวียนที่ทั้งสองอาศัยมาก็พลันหยุดลง ภูผาเอี้ยวตัวกลับ มองไปยังปลายทาง เบื้องหน้าเกวียนของตน มีเกวียนอยู่อีกสองเล่ม มีชายหนุ่มหญิงสาวอายุดูอ่อนกว่าผู้ที่ขับเกวียนของตนคาดว่าประมาณสามสิบกลางๆเห็นจะได้ อยู่สี่คน เป็นหญิงสามคนชายอีกหนึ่งไม่รวมกับหญิงสาวร่างงามสองคน ที่กำลังวิ่งโผเข้ามาหาตน
ภูผาเบิกเบิกตาวาว กระโดดลงจากเกวียน ลืมความเจ็บปวด โผโอบหญิงสาวทั้งสองไว้ด้วยความตื่นเต้นดีใจ ทั้งสามคนน้ำตานองหน้าด้วยความปิติ
“มะลิ ดวงแข! ข้าคิดว่าพวกเจ้าสิ้นเสียแล้ว”
“หลังจากที่พี่ท่านลงจากเรือนไป พวกโจรขึ้นมา หมายจะฉุดน้องกับดวงแข แต่ดีที่คนพวกนี้ช่วยพวกเราให้รอดและหนีออกมาได้”
มะลิเอยตอบภูผา หญิงสาวทั้งสอง พยุงตัวภูผาไปนั่งขอนไม้ข้างทาง
“ไอ้เกิดอยู่ทางนี้ขอรับ”
บุญเกิดเอยขึ้นหลังจากภูผาทิ้งตนนั่งอยู่บนเกวียนคนเดียว ครั้นจะกระโดดลงไปคงจะลำบากเพราะบาดแผลที่สีข้าง ปวดเอาเรื่อง
ภูผาที่เห็นหญิงสาวทั้งสองอยู่รอดปลอดภัย จึงเอยถามออกไปด้วยความหวัง
“แล้วแม่ของพี่ละ หนีมากับพวกเจ้ารึปล่าว”
มะลิกับดวงแข ฟังคำถามแล้วมองหน้ากัน อึกอัก น้ำตาเริ่มคลออีกครั้ง ก่อนที่ดวงแข่จะเอยออกมาทั้งน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือ
“พวกโจรใจทมิฬ ใช้ดาบปักอกแม่ชบาที่กำลังนอนสลบ แลหันไปปักดาบพี่วายุต่อ ก่อนที่พวกมันจะลากพวกเราลงเรือนแล้วจุดไฟเผาเรือน”
ภูผากัดฟัน สีหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นก่อนที่จะมองหน้าหญิงสาวทั้งสองเปลียนสีหน้าอ่อนโยนลง
“พ่อของน้องเป็นตายร้ายดีเช่นไรมิรู้ ท่านลงเรือนตามหลังพี่ไปเห็นว่าจักลงไปหายา” มะลิเอยเสริม
ภูผา มองหน้าหญิงสาวทั่งคู่ ยกมือขึ้นลูบหัวทั้งคู่ที่นั่งขอนไม้ข้างกายทั้งสองด้วยความเอ็นดูที่ต้องมาเผชิญชะตากรรมเดียวกัน รำพึงคิดหนักอยู่ในใจว่าจะบอกข่าวร้ายดีหรือไม่ หากรู้ไว้เสียจะดีกว่าที่ต้องมานั่งรอคอยคนที่ตนรักให้กลับมา จึงตัดสินใจบอกข่าวร้ายให้ทั่งคู่ได้ทราบ
“พ่อขัน กับ ครูเทียน พวกท่านได้สิ้นเสียแล้ว”
หญิงสาวทั่งคู่ได้ยินเช่นนั้น ก็ถึงกับน้ำตาทะลักล้นออกมาหาที่สิ้นสุดมิได้ ภูผาได้แต่ลูบหัวปลอบใจ เพราะรู้แจ้งถึงการเสียคนที่รักไป มันเจ็บปวดเพียงใด
หลังจากที่พักทักทายกันอยู่ครู่หนึ่ง ชายผู้ที่พาภูผากับบุญเกิดขึ้นเกวียนมา เดินเข้ามาหาทั้งสามคนที่นั่งร้องให้เศร้าหมองอยู่บนขอนไม้ริมทาง เอยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เอาละ พวกเอ็งกลับไปขึ้นเกวียนเถอะ พวกเราจักเดินทางกันต่อ” “พวกเราจักไปที่ใดกันรึ” “สำนักไสยเวท อาจารย์ทิพย์” “ใยพวกข้าจึงต้องไปที่นั่น” “เพราะอาจารย์ให้พวกข้าช่วยเหลือแลพาพวกเอ็งไปพบท่านยังงัยเล่า หากยังสงสัยกระไรอีก จงเก็บคำถามไว้ถามท่านเองเถอะ”
ชายผู้นั้นเอยจบหันหน้ากลับ ตบเท้าไปยังเกวียน ภูผาที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างหญิงสาวทั้งสองคนค่อยๆลุกขึ้นหมายจะเดินตามชายผู้นั้น หญิงสาวทั้งสองเห็นเช่นนั้นจึงพยุงตัวภูผาลุกขึ้น แล้วประคองเดินไป
“ประเดี๋ยวก่อนพี่ชาย”ชายผู้นั้นหันหน้ามาหาภูผา ภูผาเอยต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ข้า ต้องขอขอบน้ำใจพวกท่าน ที่ได้ช่วยพวกเราเอาไว้ แลจักขอขมาที่กล่าวล่วงเกินท่านด้วย” “มิเป็นกระไรดอก ถือเสียว่าหายกันที่ข้าทำให้พวกเอ็งสลบก็แล้วกัน”
ชายผู้นั้นเอยยิ้มๆแล้วหันกลับไปขึ้นนั่งบนเกวียนแล้วบ่ายหน้ามาเอยกับภูผาต่อ
“พวกเอ็งรีบขึ้นเกวียนเสียเถอะ ใครจักขึ้นเล่มใหนก็เลือกเอา” “แล้วพี่ชาย มีนามว่ากระไรรึ” “ข้ามีนามว่า เงิน”
————————————-

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา