ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
5.3
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
67 ตอน
3 วิจารณ์
41.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
63) สุดท้ายก็เป็นแค่ไอ้หมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “คุณนี่ความลับเยอะนะ” ผมพึมพำแล้วแกล้งแหย่อีกฝ่ายเล่นด้วยการทำท่าเหมือนจะเอามันเข้าปาก พอสาริกาเห็นเข้าก็ถึงกับร้องห้ามเสียงหลง
“อย่านะตาบ้า เอาคืนมา”
แล้วเจ้าหล่อนก็เกาะแขน เขย่าตัวจนผมโงนเงนไปมา
“นี่คุณผมไม่ใช่ต้นมะยมนะ จะได้มีลูกตกลงมาอ่ะ แล้วร้องโวยวายไปทำไมเนี่ย” ผมบอกก่อนจะตัดรำคาญด้วยการหย่อนขนมลงผอบไปเบาๆ
สาริการีบปิดฝาไม้ลงฉับจากนั้นจึงเสกให้มันหายวับไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อนคุณผมยังไม่ได้กินสักเม็ดเลยนะ เสกมาให้ผมก่อนสิ” ผมท้วงด้วยความเสียดายรสชาติอันเอร็ดอร่อยที่ได้เคยทาน
“สมน้ำหน้า อยากเล่นไม่เข้าท่าดีนัก” เธอเยาะแล้วจึงแลบลิ้นใส่เหมือนเด็กๆ “จะฟังเรื่องของฉันต่อรึเปล่าล่ะ ถ้าไม่ฟังฉันจะได้ไม่เล่า”
“ฟังๆ สิ ฟัง” ผมรีบบอก ชันขาขึ้นมาแล้วเอาสองมือรวบกอดเข่าเอาไว้ “เห็นคุณเคยบอกว่า พออยู่บนสวรรค์แล้วจะจำเรื่องราวในอดีตชาติไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคุณถึงจำได้”
“ก็ฉันน่ะไปขอดูข้อมูลจากฝ่าย ‘พรหมบันดาลระหว่างชาติภพ’ มาน่ะสิเลยรู้ว่าฉันกับนายเคยมีกรรมร่วมกันในปางก่อน”
“…แบบนี้นี่เอง”
“ถึงไหนแล้วล่ะ…อ่อ ก็โชคดีที่ตอนนั้นนายเข้ามาช่วยเอาไว้ฉันจึงได้รอดปลอดภัยมาได้นั่นแหละ” เจ้าตัวสรุปสั้นๆ
“ผะผมเนี่ยนะที่ช่วยคุณไว้” ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็อดที่จะมโนนึกถึงภาพชายชาติอาชาไนยสวมชุดนักรบไทยโบราณสีดำเดินลวดลายสีทองดูสง่าผ่าเผย ที่หาญกล้าเข้าปกป้องหญิงงามสูงศักดิ์สวมผ้าถุงสีเขียวขี้ม้าแบบมีหน้านางห่มสไบเฉียงโทนเดียวกันแต่อ่อนกว่าปล่อยผมดำยาวสลวยซึ่งกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากจากกลุ่มชายฉกรรจ์อันธพาลด้วยดาบคู่ใจแบบหกต่อหนึ่งอย่างไม่สะท้านกลัวขึ้นมาไม่ได้
หมวกเหล็กอันหนักอึ้ง หยาดเหงื่อที่หยดย้อยพราวใบหน้า พร้อมกับท่วงท่ายามเงื้อดาบฟาดฟันพวกคนพาลดูองอาจและปราดเปรียวราววีรบุรุษผู้ช่ำชองศึก เสียงประดาบดัง โช้งเช้ง ก่อนจะตามด้วยเสียงอ้อนวอนร้องขอชีวิตของพวกมันที่ปราชัย และสุดท้ายก็เผ่นหนีหางจุกตูดไปกันคนละทิศละทางพาให้ผมยิ้มกริ่มด้วยภูมิใจความเก่งกาจของตนเมื่อกาลก่อนจะเกิดมาในภพนี้
“ตอนนั้นนายขู่แล้วเห่าดังมาก สามคนนั่นก็เลยหนีเตลิดไปกันหมด”
พอได้ยินคนเล่าพูดเช่นนั้นก็ทำเอาผมถึงกับต้องตะแคงหูฟังอีกหน
“ห๋า อะไรนะคุณพูดใหม่สิ”
“ฉันจำได้ว่านายขนสีดำๆ ปากแหลมๆ แล้วก็หางม้วนๆ แบบนี้” สาริกาเล่าไปก็ทำท่าทางประกอบไปเพื่อให้เห็นภาพ ทว่าผมกลับรู้สึกผิดคาดจนเผลอทำหน้าเจื่อนจ๋อยออกมาให้เห็น
‘นี่ชาติก่อนผมเกิดเป็นหมาอย่างนั้นเหรอ’
“ไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” หญิงสาวเอ่ยทักก่อนจะยืนยัน “อื้มก็ใช่น่ะสิ…ฉันน่ะซาบซึ้งบุญคุณนายมากๆ เลยนะ ถ้าจำไม่ผิดฉันคิดว่าได้ยินเสียงนายหอนด้วย ไหนลองหอนซิ”
พอได้ฟังดังนั้น ผมก็รับมุกแหงนหน้ายื่นปากส่งเสียงแหลมสูงผ่านลำคอ
“ฮวู้……..”
พอภุควันท์ได้ยินผมหอนก็เปล่งเสียงประสานพร้อมไปในทันใด
“ฮวีดดด”
“ฮวู้ /ฮวีดดด”
“นายนี่คงหายเศร้าแล้วสินะ” เจ้าหล่อนพูดก่อนจะปิดปากหัวเราะร่วน “แต่เปลี่ยนเป็นบ้าแทนฮิๆ”
“อย่านะตาบ้า เอาคืนมา”
แล้วเจ้าหล่อนก็เกาะแขน เขย่าตัวจนผมโงนเงนไปมา
“นี่คุณผมไม่ใช่ต้นมะยมนะ จะได้มีลูกตกลงมาอ่ะ แล้วร้องโวยวายไปทำไมเนี่ย” ผมบอกก่อนจะตัดรำคาญด้วยการหย่อนขนมลงผอบไปเบาๆ
สาริการีบปิดฝาไม้ลงฉับจากนั้นจึงเสกให้มันหายวับไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อนคุณผมยังไม่ได้กินสักเม็ดเลยนะ เสกมาให้ผมก่อนสิ” ผมท้วงด้วยความเสียดายรสชาติอันเอร็ดอร่อยที่ได้เคยทาน
“สมน้ำหน้า อยากเล่นไม่เข้าท่าดีนัก” เธอเยาะแล้วจึงแลบลิ้นใส่เหมือนเด็กๆ “จะฟังเรื่องของฉันต่อรึเปล่าล่ะ ถ้าไม่ฟังฉันจะได้ไม่เล่า”
“ฟังๆ สิ ฟัง” ผมรีบบอก ชันขาขึ้นมาแล้วเอาสองมือรวบกอดเข่าเอาไว้ “เห็นคุณเคยบอกว่า พออยู่บนสวรรค์แล้วจะจำเรื่องราวในอดีตชาติไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคุณถึงจำได้”
“ก็ฉันน่ะไปขอดูข้อมูลจากฝ่าย ‘พรหมบันดาลระหว่างชาติภพ’ มาน่ะสิเลยรู้ว่าฉันกับนายเคยมีกรรมร่วมกันในปางก่อน”
“…แบบนี้นี่เอง”
“ถึงไหนแล้วล่ะ…อ่อ ก็โชคดีที่ตอนนั้นนายเข้ามาช่วยเอาไว้ฉันจึงได้รอดปลอดภัยมาได้นั่นแหละ” เจ้าตัวสรุปสั้นๆ
“ผะผมเนี่ยนะที่ช่วยคุณไว้” ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็อดที่จะมโนนึกถึงภาพชายชาติอาชาไนยสวมชุดนักรบไทยโบราณสีดำเดินลวดลายสีทองดูสง่าผ่าเผย ที่หาญกล้าเข้าปกป้องหญิงงามสูงศักดิ์สวมผ้าถุงสีเขียวขี้ม้าแบบมีหน้านางห่มสไบเฉียงโทนเดียวกันแต่อ่อนกว่าปล่อยผมดำยาวสลวยซึ่งกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากจากกลุ่มชายฉกรรจ์อันธพาลด้วยดาบคู่ใจแบบหกต่อหนึ่งอย่างไม่สะท้านกลัวขึ้นมาไม่ได้
หมวกเหล็กอันหนักอึ้ง หยาดเหงื่อที่หยดย้อยพราวใบหน้า พร้อมกับท่วงท่ายามเงื้อดาบฟาดฟันพวกคนพาลดูองอาจและปราดเปรียวราววีรบุรุษผู้ช่ำชองศึก เสียงประดาบดัง โช้งเช้ง ก่อนจะตามด้วยเสียงอ้อนวอนร้องขอชีวิตของพวกมันที่ปราชัย และสุดท้ายก็เผ่นหนีหางจุกตูดไปกันคนละทิศละทางพาให้ผมยิ้มกริ่มด้วยภูมิใจความเก่งกาจของตนเมื่อกาลก่อนจะเกิดมาในภพนี้
“ตอนนั้นนายขู่แล้วเห่าดังมาก สามคนนั่นก็เลยหนีเตลิดไปกันหมด”
พอได้ยินคนเล่าพูดเช่นนั้นก็ทำเอาผมถึงกับต้องตะแคงหูฟังอีกหน
“ห๋า อะไรนะคุณพูดใหม่สิ”
“ฉันจำได้ว่านายขนสีดำๆ ปากแหลมๆ แล้วก็หางม้วนๆ แบบนี้” สาริกาเล่าไปก็ทำท่าทางประกอบไปเพื่อให้เห็นภาพ ทว่าผมกลับรู้สึกผิดคาดจนเผลอทำหน้าเจื่อนจ๋อยออกมาให้เห็น
‘นี่ชาติก่อนผมเกิดเป็นหมาอย่างนั้นเหรอ’
“ไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” หญิงสาวเอ่ยทักก่อนจะยืนยัน “อื้มก็ใช่น่ะสิ…ฉันน่ะซาบซึ้งบุญคุณนายมากๆ เลยนะ ถ้าจำไม่ผิดฉันคิดว่าได้ยินเสียงนายหอนด้วย ไหนลองหอนซิ”
พอได้ฟังดังนั้น ผมก็รับมุกแหงนหน้ายื่นปากส่งเสียงแหลมสูงผ่านลำคอ
“ฮวู้……..”
พอภุควันท์ได้ยินผมหอนก็เปล่งเสียงประสานพร้อมไปในทันใด
“ฮวีดดด”
“ฮวู้ /ฮวีดดด”
“นายนี่คงหายเศร้าแล้วสินะ” เจ้าหล่อนพูดก่อนจะปิดปากหัวเราะร่วน “แต่เปลี่ยนเป็นบ้าแทนฮิๆ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ