ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
5.3
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
67 ตอน
3 วิจารณ์
41.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
51) S0S ช่วยด้วย!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ปล่อยพวกฉันเดี๋ยวนี้นะ” สาริกาตวาดเสียงกร้าวพลางซัดพลังใส่มือผีร้ายที่จับขาเธอเอาไว้อยู่ แต่มันก็ฉลาดพอที่จะดึงแขนสีดำผลุบหายลงไปใต้ดินเพื่อเลี่ยงหลบการโจมตีก่อนที่จะโผล่มือขึ้นมายึดแขนนางฟ้าสาวเอาไว้
“อย่ายุ่งกับเขานะ ปล่อยสิ ปล่อย” เธอตะโกนพลางขัดขืนอย่างสุดกำลังแต่ก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เหตุการณ์กลับเลวร้ายลงไปอีก
ผมยังจำตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกวิญญาณสวะน่าขยะแขยงซึ่งพยายามลากผมลงไปในนรกพร้อมกับพวกมันได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกในตอนนั้นมันไม่ต่างอะไรกับ ณ วินาทีนี้เลยแม้แต่น้อย
‘ทำไมโลกหลังความตายถึงได้ น่ากลัวอะไรอย่างนี้’ ผมคิดน้ำตาเอ่อคลอ
‘ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยพวกเราด้วย’ ความคิดอันทดท้อร่ำร้องอยู่ภายในระหว่างที่เงาดำทะมึนค่อยๆ คลานขึ้นมาบนตัวผมส่วนข้อเท้ายังคงถูกวิญญาณบาปอีกตนจับไว้แน่น ดิ้นไม่หลุด น่าแปลกที่ใบหน้าของพรากบุญซึ่งผมเห็นในระยะประชิดช่างคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน
มันมีจมูกใหญ่ ดวงตาเล็กรี คิ้วเป็นเส้นตรง รูปร่างท้วม ไว้หนวดและหัวเกือบล้านมีแค่ผมขึ้นบางๆ ที่กลางกระหม่อม สวมใส่ชุดสูทที่ขาดวิ่นเน็กไทกระรุ่งกระริ่งและยังคงอ้าปากหุบปากราวกับหายใจด้วยปากอยู่ตลอดเวลา
แสงจากเรือนกายของสาริกาค่อยๆ หรี่อ่อนลง เช่นเดียวกับผมที่ถูกพวกมันดูดซับเอาผลบุญไปจากตัวเรื่อยๆ ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกไม่ช้าไม่นานผมกับเธอคงถูกช่วงชิงเอาผลบุญไปจนเหือดแห้งแน่ๆ
ฉับพลันนั้นก็สัมผัสได้ถึงแรงกดของตัวมันที่โถมทับลงมา แม้จะไม่มากนักเพราะเป็นแค่มวลพลังงานที่ไร้เนื้อหนังแต่ก็รับรู้ได้ถึงความพยายามที่จะล็อกตัวผมไว้ให้ติดกับพื้นเพื่อให้ผมกลายเป็นเหยื่ออันโอชะที่รอให้วิญญาณบาปซึ่งกำลังรุมล้อมเข้ามาอีกฝูงใหญ่ดูดซับพลังจากตัวผมและนางฟ้าสาวไปเสียจนหมดสิ้นสมกับชื่อของมันที่ถูกเรียกว่าพรากบุญ
แต่จะให้ผมนอนรอหายนะอยู่อย่างนี้กระนั้นหรือ
คงต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายลงไปมากกว่านี้
เมื่อได้ประจันหน้ากันชัดเจน ผมก็ถึงกับตื่นตะลึงจนพูดแทบไม่ออกเพราะใบหน้าที่เห็นคือใบหน้าของบุคคลสำคัญระดับประเทศที่มักปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ มากมาย เขาคือนักการเมืองใหญ่และอดีตรองนางยกรัฐมนตรีซึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนนั่นเอง
‘วังคม วิศยาธร’
เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วกลายมาเป็นพวก…สันตนาปานบุญเหล่านี้ได้ ก่อนหน้านั้นผมเคยอ่านหัวข่าวจากหนังสือพิมพ์หลากหลายฉบับที่ตีประเด็นเรื่องการทุจริตของอดีตรัฐมนตรีและส.ส.ผู้มีอิทธิพลและร่ำรวยมหาศาลคนนี้อยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดไม่ฝันว่า หลังจากที่ตายไปแล้วเขาจะมีสภาพน่าเอนจอนาถถึงกับกลายเป็นสัมปเวสีที่ต้องคอยช่วงชิงผลบุญจากคนอื่นเช่นนี้
“คุณวังคม อย่านะ” ผมวิงวอนชายชราตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่เหลือสติและความทรงจำใดๆ อีกต่อไปแล้ว มันใช้สองมือตะปบบคอผมแล้วกดลงให้ติดพื้นเพื่อดูดซับเอาผลบุญที่ค่อยๆ ถ่ายเทจากตัวผมไปยังร่างของตนเองทีละเล็กทีละน้อย ใบหน้าอันน่ารังเกียจประชิดเข้ามาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน น้ำตาของผมไหลหลั่งด้วยความโศกาอาดูรที่ก่อตัวขึ้นจากอิทธฤทธ์ของพวกมันมากกว่าจะเป็นความเศร้าสลดจากก้นบึ้งหัวใจโดยแท้จริง
พลังวิญญาณที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เศร้า แผ่ซ่านออกมาจากพวกมันอย่างมหาศาลพาให้ผมรู้สึกหดหู่รันทดใจจนร้องไห้ไม่หยุด
“ไม่นะ ปล่อยดิวะ ปล่อย” ผมแผดเสียง ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมกำลังต่อยเปรี้ยงไปที่ใบหน้าวิญญาณคุณวังคมถึงกับหน้าหัน สองมือที่กุมคอผมอยู่คลายออกโดยพลัน ไม่รอช้า ผมผลักเขาออกจากตัว ร่างท้วมหงายทับพรากบุญที่จับข้อเท้าผมไว้ทำให้มืออันแห้งกร้านและเยียบเย็นหลุดออกจากการเกาะกุมในทันที
ผมซึ่งได้จังหวะรีบฉวยโอกาสพลิกตัวขึ้นมาอยู่ในท่านั่งยอง ปาดน้ำตาทิ้ง แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นวิญญาณสีดำมากมายยืนออขนาบหน้าหลังปิดทางหนีของเราไว้หมดสิ้น
แต่ในนาทีนั้นผมกลับห่วงหาแต่ฝ่ายหญิงที่กำลังตกอยู่ในอันตรายเสียมากกว่า
“สาริกา คุณๆ” ผมรีบถลันเข้าหาเจ้าหล่อนซึ่งกำลังถูกรุมล้อมไปด้วยวิญญาณบาป
“เฮ้ยถอยไปนะ อย่ามายุ่งกับพวกกู” ผมขู่ฟ่อพลางชำเลืองสายตามองร่างเพรียวที่เสียหลักนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นวาดมือสาดพลังใส่พวกวิญญาณอย่างไม่ยั้ง วงล้อมของพรากบุญแตกฮือแต่กระนั้นก็ไม่ยอมลดละยังคงดาหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ประหนึ่งไม่รู้จักเจ็บจักปวด
“ผั่วะ…” ผมเหวี่ยงหมัดใส่พรากบุญตนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงชะลูดรูปหน้าเสี้ยมในชุดเสื้อเชิ้ตโทรมๆ จนมันแทบล้ม แล้วผลักวิญญาณผู้หญิงไว้ผมซอยสั้นในชุดเดรสยีนเกาะอกให้ถอยห่างจากสาริกาก่อนจะเข้าไปดึงตัวนางฟ้าที่มีสภาพวัยอันร่วงโรยให้ลุกยืนขึ้น
“สาริกาคุณรีบหนีไปก่อนเดี๋ยวผมถ่วงเวลาพวกมันไว้ให้เอง”
“นายคนเดียวเอาไม่อยู่แน่”
“อ๊าาาก…โอ๊ย!!!” ผมร้องลั่นเมื่อถูกอะไรบางอย่างงับเข้าที่ท่อนแขนซ้าย และเมื่อหันไปก็พบว่าเป็นฝีปากเด็กผมทรงกะลาครอบนั่นเอง
“นพ!” ผมโวยพร้อมกับชักแขนหนี “เอ็งมากัดพี่ทำไมเนี่ย”
“พวกมึงจะไปไหนไม่ได้ กูไม่ให้มึงปะ…ผั่วะ โอ๊ย”
ยังไม่ทันที่จะฟังมันพูดจบผมก็กระแทกหมัดขวาเข้าที่แก้มนพไปจังๆ จนไอ้เด็กผีนั่นล้มลงไปกองร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
“ไอ้วิญญาณผีตายโหง มึงอย่ามาทำซ่านะไปไกลๆ กูเลยไป!” ผมตะคอกใส่ในความโอหังของมันอย่างเหลืออด แล้วจึงพุ่งตัวไปตีเข่าใส่สันตนาปานบุญอีกตนที่โผเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะซัดเปรี้ยงเข้าที่ท้องของพรากบุญวัยฉกรรจ์ซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง แล้วเหวี่ยงเท้าถีบชายร่างเล็กอีกตน
โชคดีที่พวกมันค่อนข้างเคลื่อนไหวช้าและไม่ได้มีอาวุธ หรือพิษสงอะไรเท่าไหร่นัก วิญญาณบาปเหล่านี้จึงได้แต่รับแข้งรับขาของผมเสียเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งที่มันจับตัวผมได้ ผมก็จะรีบสะบัดตัวหรือผลักมันออก ขณะที่สาริกาก็ใช้พลังของเธอใส่พวกมันอย่างไม่ยั้งมือกระทั่งเริ่มออกอาการอิดโรย
ทว่าสิ่งที่น่าตระหนกก็คือ…
พวกมันเริ่มสมทบและใกล้ตัวเราสองคนเข้ามาเรื่อยๆ แม้จะพยายามสู้ยิบตาแต่ก็ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายตั้งรับเสียมากกว่า การจะฝ่าฝูงพรากบุญออกไปนั้นมันไม่ง่ายเลยเพราะหลังจากที่เราทั้งสองพลาดท่าเสียทีล้มลงไปกับพื้นเมื่อสักครู่ก็เปิดโอกาสให้พวกมันล้อมเอาไว้ได้หมดทุกด้าน
“คุณเอาไงดี” ผมลองถามอีกฝ่ายที่กำลังยืนหลังชนกันอย่างอับจนหนทาง
“ฟึ้บบ” เธอวาดมือเหนือศีรษะผมพัดเอาพรากบุญตนหนึ่งที่กระโดดลงมาโจมตีลอยหวือไปแล้วจึงพูดว่า
“คงต้องใช้ทางลัด ทะลุบ้านคนไปนั่นแหละ”
ผมพยักหน้ารับทราบ
แต่ไม่ทันจะได้ทำตามที่วางแผนไว้ เจ้านพที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้ก็วางท่าเหิมเกริมโดยการชี้นิ้วมาทางผมแล้วประกาศกร้าวในทันที
“เอาพวกมันให้ล้มมม!!!”
“ชะชะชิบหายแล้ว”ผมสบถออกมาด้วยความตกใจระคนขวัญเสีย สิ้นเสียงคำสั่งบรรดาวิญญาณร่างสีดำมะเมื่อมก็รุมกันเข้ามาบ้างก็กระโจนใส่จากบนรั้ว บางตนก็โถมตัวเข้าหาเพื่อคว่ำเราสองคนให้ได้ ผมเลยต้องรวบร่างของสาริกามาไว้ในอ้อมอกด้วยเกรงว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย แต่ดูเหมือนว่าเราทั้งสองจะตกอยู่ในภาวะคับขันและจนตรอกอย่างที่สุด
“ว้าย...กรี๊ด!” เจ้าหล่อนร้องเมื่อเธอถูกวิญญาณบาปกระแทกกองลงไปกับพื้นอีกครั้ง
“เฮ้ย คุณ” เมื่อผมหันไปมองจึงพลาดพลั้งเสียทีถูกคุณวังคมเล่นงานให้ด้วยการกระโดนขึ้นคร่อมหลัง ทรงตัวแทบไม่อยู่ก่อนจะถูกไอ้ผีเด็กเมื่อวานซืนนั่นกัดเข้าที่ต้นขาอีกหนหนึ่งจนทานน้ำหนักไม่ไหวพากันล้มลงระเนระนาด
“หว๋า….”
“ตุบ ตุบ ตุบ”
‘เสร็จมัน’
“ย้ง ย้ง!” เสียงร้องเรียกอันลนลานของสาริกาทำให้ผมตื่นเต้นเกิดแสงแล่นปราดวูบวาบอีกครั้ง ตอนนี้พวกเราตกอยู่ใต้กองวิญญาณพรากบุญที่ทับโถมลงมาจนผมแทบจะกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้ ผลบุญที่เคยกระทำมาถูกพวกมันยื้อแย่งดูดซับไปเรื่อยๆ ผมเห็นเป็นแสงสีเงินยวงไหลผ่านไปตามร่างสีดำแล้วก็นึกขุ่นแค้นแต่ก็ไม่มีเรี่ยวมีแรงพอจะพาตนเองให้หลุดพ้นไปได้เลยแม้แต่น้อย
“อย่ายุ่งกับเขานะ ปล่อยสิ ปล่อย” เธอตะโกนพลางขัดขืนอย่างสุดกำลังแต่ก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เหตุการณ์กลับเลวร้ายลงไปอีก
ผมยังจำตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกวิญญาณสวะน่าขยะแขยงซึ่งพยายามลากผมลงไปในนรกพร้อมกับพวกมันได้เป็นอย่างดี ความรู้สึกในตอนนั้นมันไม่ต่างอะไรกับ ณ วินาทีนี้เลยแม้แต่น้อย
‘ทำไมโลกหลังความตายถึงได้ น่ากลัวอะไรอย่างนี้’ ผมคิดน้ำตาเอ่อคลอ
‘ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยพวกเราด้วย’ ความคิดอันทดท้อร่ำร้องอยู่ภายในระหว่างที่เงาดำทะมึนค่อยๆ คลานขึ้นมาบนตัวผมส่วนข้อเท้ายังคงถูกวิญญาณบาปอีกตนจับไว้แน่น ดิ้นไม่หลุด น่าแปลกที่ใบหน้าของพรากบุญซึ่งผมเห็นในระยะประชิดช่างคุ้นหน้าคุ้นตาเหมือนเคยพบเจอที่ไหนมาก่อน
มันมีจมูกใหญ่ ดวงตาเล็กรี คิ้วเป็นเส้นตรง รูปร่างท้วม ไว้หนวดและหัวเกือบล้านมีแค่ผมขึ้นบางๆ ที่กลางกระหม่อม สวมใส่ชุดสูทที่ขาดวิ่นเน็กไทกระรุ่งกระริ่งและยังคงอ้าปากหุบปากราวกับหายใจด้วยปากอยู่ตลอดเวลา
แสงจากเรือนกายของสาริกาค่อยๆ หรี่อ่อนลง เช่นเดียวกับผมที่ถูกพวกมันดูดซับเอาผลบุญไปจากตัวเรื่อยๆ ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกไม่ช้าไม่นานผมกับเธอคงถูกช่วงชิงเอาผลบุญไปจนเหือดแห้งแน่ๆ
ฉับพลันนั้นก็สัมผัสได้ถึงแรงกดของตัวมันที่โถมทับลงมา แม้จะไม่มากนักเพราะเป็นแค่มวลพลังงานที่ไร้เนื้อหนังแต่ก็รับรู้ได้ถึงความพยายามที่จะล็อกตัวผมไว้ให้ติดกับพื้นเพื่อให้ผมกลายเป็นเหยื่ออันโอชะที่รอให้วิญญาณบาปซึ่งกำลังรุมล้อมเข้ามาอีกฝูงใหญ่ดูดซับพลังจากตัวผมและนางฟ้าสาวไปเสียจนหมดสิ้นสมกับชื่อของมันที่ถูกเรียกว่าพรากบุญ
แต่จะให้ผมนอนรอหายนะอยู่อย่างนี้กระนั้นหรือ
คงต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายลงไปมากกว่านี้
เมื่อได้ประจันหน้ากันชัดเจน ผมก็ถึงกับตื่นตะลึงจนพูดแทบไม่ออกเพราะใบหน้าที่เห็นคือใบหน้าของบุคคลสำคัญระดับประเทศที่มักปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ มากมาย เขาคือนักการเมืองใหญ่และอดีตรองนางยกรัฐมนตรีซึ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนนั่นเอง
‘วังคม วิศยาธร’
เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วกลายมาเป็นพวก…สันตนาปานบุญเหล่านี้ได้ ก่อนหน้านั้นผมเคยอ่านหัวข่าวจากหนังสือพิมพ์หลากหลายฉบับที่ตีประเด็นเรื่องการทุจริตของอดีตรัฐมนตรีและส.ส.ผู้มีอิทธิพลและร่ำรวยมหาศาลคนนี้อยู่บ้างแต่ก็ไม่คิดไม่ฝันว่า หลังจากที่ตายไปแล้วเขาจะมีสภาพน่าเอนจอนาถถึงกับกลายเป็นสัมปเวสีที่ต้องคอยช่วงชิงผลบุญจากคนอื่นเช่นนี้
“คุณวังคม อย่านะ” ผมวิงวอนชายชราตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่เหลือสติและความทรงจำใดๆ อีกต่อไปแล้ว มันใช้สองมือตะปบบคอผมแล้วกดลงให้ติดพื้นเพื่อดูดซับเอาผลบุญที่ค่อยๆ ถ่ายเทจากตัวผมไปยังร่างของตนเองทีละเล็กทีละน้อย ใบหน้าอันน่ารังเกียจประชิดเข้ามาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน น้ำตาของผมไหลหลั่งด้วยความโศกาอาดูรที่ก่อตัวขึ้นจากอิทธฤทธ์ของพวกมันมากกว่าจะเป็นความเศร้าสลดจากก้นบึ้งหัวใจโดยแท้จริง
พลังวิญญาณที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เศร้า แผ่ซ่านออกมาจากพวกมันอย่างมหาศาลพาให้ผมรู้สึกหดหู่รันทดใจจนร้องไห้ไม่หยุด
“ไม่นะ ปล่อยดิวะ ปล่อย” ผมแผดเสียง ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมกำลังต่อยเปรี้ยงไปที่ใบหน้าวิญญาณคุณวังคมถึงกับหน้าหัน สองมือที่กุมคอผมอยู่คลายออกโดยพลัน ไม่รอช้า ผมผลักเขาออกจากตัว ร่างท้วมหงายทับพรากบุญที่จับข้อเท้าผมไว้ทำให้มืออันแห้งกร้านและเยียบเย็นหลุดออกจากการเกาะกุมในทันที
ผมซึ่งได้จังหวะรีบฉวยโอกาสพลิกตัวขึ้นมาอยู่ในท่านั่งยอง ปาดน้ำตาทิ้ง แต่แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นวิญญาณสีดำมากมายยืนออขนาบหน้าหลังปิดทางหนีของเราไว้หมดสิ้น
แต่ในนาทีนั้นผมกลับห่วงหาแต่ฝ่ายหญิงที่กำลังตกอยู่ในอันตรายเสียมากกว่า
“สาริกา คุณๆ” ผมรีบถลันเข้าหาเจ้าหล่อนซึ่งกำลังถูกรุมล้อมไปด้วยวิญญาณบาป
“เฮ้ยถอยไปนะ อย่ามายุ่งกับพวกกู” ผมขู่ฟ่อพลางชำเลืองสายตามองร่างเพรียวที่เสียหลักนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นวาดมือสาดพลังใส่พวกวิญญาณอย่างไม่ยั้ง วงล้อมของพรากบุญแตกฮือแต่กระนั้นก็ไม่ยอมลดละยังคงดาหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ประหนึ่งไม่รู้จักเจ็บจักปวด
“ผั่วะ…” ผมเหวี่ยงหมัดใส่พรากบุญตนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงชะลูดรูปหน้าเสี้ยมในชุดเสื้อเชิ้ตโทรมๆ จนมันแทบล้ม แล้วผลักวิญญาณผู้หญิงไว้ผมซอยสั้นในชุดเดรสยีนเกาะอกให้ถอยห่างจากสาริกาก่อนจะเข้าไปดึงตัวนางฟ้าที่มีสภาพวัยอันร่วงโรยให้ลุกยืนขึ้น
“สาริกาคุณรีบหนีไปก่อนเดี๋ยวผมถ่วงเวลาพวกมันไว้ให้เอง”
“นายคนเดียวเอาไม่อยู่แน่”
“อ๊าาาก…โอ๊ย!!!” ผมร้องลั่นเมื่อถูกอะไรบางอย่างงับเข้าที่ท่อนแขนซ้าย และเมื่อหันไปก็พบว่าเป็นฝีปากเด็กผมทรงกะลาครอบนั่นเอง
“นพ!” ผมโวยพร้อมกับชักแขนหนี “เอ็งมากัดพี่ทำไมเนี่ย”
“พวกมึงจะไปไหนไม่ได้ กูไม่ให้มึงปะ…ผั่วะ โอ๊ย”
ยังไม่ทันที่จะฟังมันพูดจบผมก็กระแทกหมัดขวาเข้าที่แก้มนพไปจังๆ จนไอ้เด็กผีนั่นล้มลงไปกองร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
“ไอ้วิญญาณผีตายโหง มึงอย่ามาทำซ่านะไปไกลๆ กูเลยไป!” ผมตะคอกใส่ในความโอหังของมันอย่างเหลืออด แล้วจึงพุ่งตัวไปตีเข่าใส่สันตนาปานบุญอีกตนที่โผเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะซัดเปรี้ยงเข้าที่ท้องของพรากบุญวัยฉกรรจ์ซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง แล้วเหวี่ยงเท้าถีบชายร่างเล็กอีกตน
โชคดีที่พวกมันค่อนข้างเคลื่อนไหวช้าและไม่ได้มีอาวุธ หรือพิษสงอะไรเท่าไหร่นัก วิญญาณบาปเหล่านี้จึงได้แต่รับแข้งรับขาของผมเสียเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งที่มันจับตัวผมได้ ผมก็จะรีบสะบัดตัวหรือผลักมันออก ขณะที่สาริกาก็ใช้พลังของเธอใส่พวกมันอย่างไม่ยั้งมือกระทั่งเริ่มออกอาการอิดโรย
ทว่าสิ่งที่น่าตระหนกก็คือ…
พวกมันเริ่มสมทบและใกล้ตัวเราสองคนเข้ามาเรื่อยๆ แม้จะพยายามสู้ยิบตาแต่ก็ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายตั้งรับเสียมากกว่า การจะฝ่าฝูงพรากบุญออกไปนั้นมันไม่ง่ายเลยเพราะหลังจากที่เราทั้งสองพลาดท่าเสียทีล้มลงไปกับพื้นเมื่อสักครู่ก็เปิดโอกาสให้พวกมันล้อมเอาไว้ได้หมดทุกด้าน
“คุณเอาไงดี” ผมลองถามอีกฝ่ายที่กำลังยืนหลังชนกันอย่างอับจนหนทาง
“ฟึ้บบ” เธอวาดมือเหนือศีรษะผมพัดเอาพรากบุญตนหนึ่งที่กระโดดลงมาโจมตีลอยหวือไปแล้วจึงพูดว่า
“คงต้องใช้ทางลัด ทะลุบ้านคนไปนั่นแหละ”
ผมพยักหน้ารับทราบ
แต่ไม่ทันจะได้ทำตามที่วางแผนไว้ เจ้านพที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้ก็วางท่าเหิมเกริมโดยการชี้นิ้วมาทางผมแล้วประกาศกร้าวในทันที
“เอาพวกมันให้ล้มมม!!!”
“ชะชะชิบหายแล้ว”ผมสบถออกมาด้วยความตกใจระคนขวัญเสีย สิ้นเสียงคำสั่งบรรดาวิญญาณร่างสีดำมะเมื่อมก็รุมกันเข้ามาบ้างก็กระโจนใส่จากบนรั้ว บางตนก็โถมตัวเข้าหาเพื่อคว่ำเราสองคนให้ได้ ผมเลยต้องรวบร่างของสาริกามาไว้ในอ้อมอกด้วยเกรงว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย แต่ดูเหมือนว่าเราทั้งสองจะตกอยู่ในภาวะคับขันและจนตรอกอย่างที่สุด
“ว้าย...กรี๊ด!” เจ้าหล่อนร้องเมื่อเธอถูกวิญญาณบาปกระแทกกองลงไปกับพื้นอีกครั้ง
“เฮ้ย คุณ” เมื่อผมหันไปมองจึงพลาดพลั้งเสียทีถูกคุณวังคมเล่นงานให้ด้วยการกระโดนขึ้นคร่อมหลัง ทรงตัวแทบไม่อยู่ก่อนจะถูกไอ้ผีเด็กเมื่อวานซืนนั่นกัดเข้าที่ต้นขาอีกหนหนึ่งจนทานน้ำหนักไม่ไหวพากันล้มลงระเนระนาด
“หว๋า….”
“ตุบ ตุบ ตุบ”
‘เสร็จมัน’
“ย้ง ย้ง!” เสียงร้องเรียกอันลนลานของสาริกาทำให้ผมตื่นเต้นเกิดแสงแล่นปราดวูบวาบอีกครั้ง ตอนนี้พวกเราตกอยู่ใต้กองวิญญาณพรากบุญที่ทับโถมลงมาจนผมแทบจะกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้ ผลบุญที่เคยกระทำมาถูกพวกมันยื้อแย่งดูดซับไปเรื่อยๆ ผมเห็นเป็นแสงสีเงินยวงไหลผ่านไปตามร่างสีดำแล้วก็นึกขุ่นแค้นแต่ก็ไม่มีเรี่ยวมีแรงพอจะพาตนเองให้หลุดพ้นไปได้เลยแม้แต่น้อย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ