ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
5.3
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
67 ตอน
3 วิจารณ์
41.85K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) เธอคือนางฟ้า!?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“คุณเป็นนางฟ้าเหรอ?” ผมสันนิษฐานไปส่งๆ จากรูปร่างหน้าตาอันงดงามและแสงออร่าสีขาวที่ล้อมรอบตัวเธออยู่ตลอดเวลา ความจริงแล้วบนโลกนี้มีพวกผีสางเทวดานางฟ้าที่ไหนกันเล่า
ทว่าเธอกลับพยักหน้าแล้วจึงตอบว่า
“ใช่ฉันคือนางฟ้า…ฉันชื่อสาริกา”
“เอ๋?!”
“ว้ากกก ผี กลัว กลัว กลัวแล้วๆ!” ผมหลับตาปี๋ยกมือไหว้ปะหลกๆ ไอ้หย๋านี่เธอตายไปแล้วจริงๆ ด้วยเหรอนี่
“เป้ง!”
“โอ้ย!” จู่ๆ ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นก็เอาอะไรไม่รู้มาตีหัวผมฉาดหนึ่งจนหน้ายู่ จึงต้องรีบเบิกตาดูที่แท้มันคือฝากล่องคุกกี้สีแดงทรงกลมพิมพ์ภาพเหล่าทหารรักษาพระองค์ใส่เครื่องแบบสีแดงสดสวมหมวกสีดำทรงสูงตีกลองแต๊กนั่นเอง…นี่เธอไปเอามันมาจากไหนกัน?
“เป็นไงเปรี้ยวมั๊ย ทำหน้าเบี้ยวใหญ่เลยหึหึ” เธอพูดเยาะก่อนจะทำเสียงดุใส่ “เลิกบ้าได้แล้ว ฉันไม่ใช่ผี นายต่างหากล่ะที่ตอนนี้กลายเป็นผีไปแล้ว”
หลังจากนั้นผู้กระทำจึงกอดอกสะบัดหน้าพรืดแบบงอนๆ “ถ้าสงสัยนักก็ลองมองดูสารรูปตัวเองสิ”
ผมก้มหน้าลงทันควัน
ที่ใต้หว่างขานั้นมีศีรษะของใครคนหนึ่งหันเอียงไปข้างๆ ฟุบหน้ากับหมอนอยู่
“เหวออ!” อารามตกใจทำให้ผมกระเด้งตัวจนไถลตกโครมลงมาจากเตียงแขนกระแทกพื้นเต็มแรงก่อนจะรีบพลิกตัวหงายถีบเท้าและใช้สองมือยันส่งตัวให้ถอยถัดๆ ออกมาตั้งหลัก
“ฮิฮิ” สาริกายกมือข้างหนึ่งปิดปากหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน
ใบหน้าของผมที่นอนตาเหลือกลิ้นห้อยตกน้ำลายหยดย้อยเปื้อนหมอนในชุดเสื้อยืดขาวกางเกงผ้าร่มสีแดงแปร้ด ตายอยู่บนเตียงซึ่งเกลื่อนกลาดไปด้วยเม็ดยานอนหลับดูทุเรศทุรังเกินกว่าจะรับได้
“นะนะนะนี่นี่นี่ผะผะผมตายไปแล้วเหรอ?!” ผมปรารภปากคอสั่นหนัก ทั้งกลัวทั้งตกใจ หยดน้ำใสๆ ไหลรินกบตาอีกหน
“ก็ไม่เชิงหรอก” สาวสวยที่นั่งอยู่ตรงริมขอบเตียงบริเวณช่วงหัวเข่าของร่างผมตอบออกมาสั้นๆ “อย่าทำเป็นฟูมฟายไปหน่อยเลยน่า”
หลังจากนั้นเธอก็ลุกยืนขึ้นแล้วเยื้องย่างมาทางผม สาวงามเอวบางร่างน้อยดูสวยสง่าอยู่บนรองเท้าท็อปบูทยาวส้นเข็มสีเดียวกับถุงมือ “ก็นายไม่ใช่เหรอที่อยากจะตายน่ะนายวิศรุฒิ แสงพรไพโรจน์”
หญิงสาวหยุดยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะทอดสายตาลงมาแล้วจึงพูดต่อ
“เอาล่ะฉันในฐานะเจ้าพนักงานบนสวรรค์จะขออธิบายให้นายฟังสั้นๆ ละกันนะ และฉันคงจะพูดอะไรมากไม่ได้เพราะมันเป็นกฎบัญญัติข้อที่สามพันหกร้อยเก้าสิบห้าซึ่งระบุไว้ว่า ห้ามแพร่งพรายข้อมูลใดใดทั้งสิ้นเกี่ยวกับสวรรค์ให้แก่มนุษย์ได้รับทราบซึ่งถือเป็นโทษมหันต์ต้องได้รับการลงทัณฑ์สถานหนัก จองจำสิบทิวาตรีบนสวรรค์ หรือเท่ากับหนึ่งพันปีบนโลกมนุษย์ทีเดียวเชียวล่ะ”
“อุ๊ยตายแล้วไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ฉัน” เธอเปรยเสียงตระหนกพลางยกสองมือขึ้นกุมขมับย่นคิ้วทำหน้ากลุ้ม
‘เมื่อตะกี๊ยังหัวเราะร่วนอยู่เลยทำไมตอนนี้นี่ทำหน้าราวกับโลกจะแตกซะงั้น…เฮ้อผู้หญิง หนอ ผู้หญิง’
“จะไม่ให้ฉันเครียดได้ยังไงเล่า ก็ถ้าเทพองค์ใดรู้เข้าว่าฉันแอบละเมิดกฎสวรรค์ลงมาช่วยนาย ฉันคงมีแต่ซวยกับซวย น่ะสิ” สาริกาโต้เสียงขุ่น จนผมตะลึงพรึงเพริด
“นี่คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมคิดอะไรอยู่ แล้วไหนจะชื่อผมอีกล่ะคุณรู้มาจากไหน” ผมถามรู้สึกระแวงความแปลกพิสดารในตัวเธอขึ้นมาทุกทีๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยที่ผมได้พบนางฟ้าตัวเป็นๆ กระดุกกระดิกได้แบบนี้
“ก็ใช่น่ะสิ รู้ตั้งแต่ตอนที่นายวิพากษ์วิจารณ์นมฉันแล้วล่ะย่ะ ส่วนชื่อนายประวัติของนายเคยทำบุญมาเท่าไหร่ทำบาปมากี่ครั้งฉันก็รู้หมดนั่นแหละ” ร่างเพรียวในชุดขาวกล่าว ก่อนจะเดินเอาแขนซ้ายขึ้นตั้งฉากจับปลายคางวางศอกลงหลังมือขวาซึ่งสอดอยู่ใต้ราวหน้าอกและช่วงเอวคอด เดินวนรอบตัวทำท่าพินิจพิจารณาโดยหันมาพิศมองผมเป็นระยะๆ ประเดี๋ยวหนึ่งก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่รู้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา
“อืมม…แต่จะว่าไปแล้วสถานะของนายในตอนนี้ก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วนี่นา คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ฮิฮิ” และแล้วเธอก็หัวเราะ
….ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ….
“เป้งง!”
“อ๋อยย…”
“หยุดบ่นได้แล้ว” เธอพูดขณะที่มือขวายังค้างถาดอยู่บนศีรษะผม แม้เจ้าประคุณฟาดลงมาซะหัวแทบแบะ
‘เจ็บนะเฟ้ยยยัยนางฟ้าโรคจิต’ แค่เผลอคิดอีกฝ่ายก็รู้ทันเอานิ้วชี้หน้าผมเป็นเชิงขู่
“อยากเปรี้ยวอีกเหรอ?”
นี่เธอกล้าท้าาาผมเหรอเนี่ย!!! แน่นอนสุภาพบุรุษอย่างผมมีรึจะลงไม้ลงมือกับผู้หญิง ก็เลยได้แต่นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมลูบหัวป้อยๆ ยัยบ้านี่คงชอบดูตลกคาเฟ่แหงม
หลังจากนั้นนางฟ้าแสนสวยแต่โหดชะมัดยาดจึงวางมาดเป็นวิทยากรจำเป็นเอ่ยปากอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ผมซึ่งนั่งขัดสมาธิวางมือสองข้างยันพื้นฟังด้วยความตั้งใจ ผมชำเลืองมองไปที่ร่างที่นอนทอดยาวอยู่บนเตียง แอบรู้สึกเศร้าสลดนิดๆ กับความตายที่ผมหยิบยื่นมันให้แก่ตัวเอง
ทว่าเธอกลับพยักหน้าแล้วจึงตอบว่า
“ใช่ฉันคือนางฟ้า…ฉันชื่อสาริกา”
“เอ๋?!”
“ว้ากกก ผี กลัว กลัว กลัวแล้วๆ!” ผมหลับตาปี๋ยกมือไหว้ปะหลกๆ ไอ้หย๋านี่เธอตายไปแล้วจริงๆ ด้วยเหรอนี่
“เป้ง!”
“โอ้ย!” จู่ๆ ผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นก็เอาอะไรไม่รู้มาตีหัวผมฉาดหนึ่งจนหน้ายู่ จึงต้องรีบเบิกตาดูที่แท้มันคือฝากล่องคุกกี้สีแดงทรงกลมพิมพ์ภาพเหล่าทหารรักษาพระองค์ใส่เครื่องแบบสีแดงสดสวมหมวกสีดำทรงสูงตีกลองแต๊กนั่นเอง…นี่เธอไปเอามันมาจากไหนกัน?
“เป็นไงเปรี้ยวมั๊ย ทำหน้าเบี้ยวใหญ่เลยหึหึ” เธอพูดเยาะก่อนจะทำเสียงดุใส่ “เลิกบ้าได้แล้ว ฉันไม่ใช่ผี นายต่างหากล่ะที่ตอนนี้กลายเป็นผีไปแล้ว”
หลังจากนั้นผู้กระทำจึงกอดอกสะบัดหน้าพรืดแบบงอนๆ “ถ้าสงสัยนักก็ลองมองดูสารรูปตัวเองสิ”
ผมก้มหน้าลงทันควัน
ที่ใต้หว่างขานั้นมีศีรษะของใครคนหนึ่งหันเอียงไปข้างๆ ฟุบหน้ากับหมอนอยู่
“เหวออ!” อารามตกใจทำให้ผมกระเด้งตัวจนไถลตกโครมลงมาจากเตียงแขนกระแทกพื้นเต็มแรงก่อนจะรีบพลิกตัวหงายถีบเท้าและใช้สองมือยันส่งตัวให้ถอยถัดๆ ออกมาตั้งหลัก
“ฮิฮิ” สาริกายกมือข้างหนึ่งปิดปากหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน
ใบหน้าของผมที่นอนตาเหลือกลิ้นห้อยตกน้ำลายหยดย้อยเปื้อนหมอนในชุดเสื้อยืดขาวกางเกงผ้าร่มสีแดงแปร้ด ตายอยู่บนเตียงซึ่งเกลื่อนกลาดไปด้วยเม็ดยานอนหลับดูทุเรศทุรังเกินกว่าจะรับได้
“นะนะนะนี่นี่นี่ผะผะผมตายไปแล้วเหรอ?!” ผมปรารภปากคอสั่นหนัก ทั้งกลัวทั้งตกใจ หยดน้ำใสๆ ไหลรินกบตาอีกหน
“ก็ไม่เชิงหรอก” สาวสวยที่นั่งอยู่ตรงริมขอบเตียงบริเวณช่วงหัวเข่าของร่างผมตอบออกมาสั้นๆ “อย่าทำเป็นฟูมฟายไปหน่อยเลยน่า”
หลังจากนั้นเธอก็ลุกยืนขึ้นแล้วเยื้องย่างมาทางผม สาวงามเอวบางร่างน้อยดูสวยสง่าอยู่บนรองเท้าท็อปบูทยาวส้นเข็มสีเดียวกับถุงมือ “ก็นายไม่ใช่เหรอที่อยากจะตายน่ะนายวิศรุฒิ แสงพรไพโรจน์”
หญิงสาวหยุดยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะทอดสายตาลงมาแล้วจึงพูดต่อ
“เอาล่ะฉันในฐานะเจ้าพนักงานบนสวรรค์จะขออธิบายให้นายฟังสั้นๆ ละกันนะ และฉันคงจะพูดอะไรมากไม่ได้เพราะมันเป็นกฎบัญญัติข้อที่สามพันหกร้อยเก้าสิบห้าซึ่งระบุไว้ว่า ห้ามแพร่งพรายข้อมูลใดใดทั้งสิ้นเกี่ยวกับสวรรค์ให้แก่มนุษย์ได้รับทราบซึ่งถือเป็นโทษมหันต์ต้องได้รับการลงทัณฑ์สถานหนัก จองจำสิบทิวาตรีบนสวรรค์ หรือเท่ากับหนึ่งพันปีบนโลกมนุษย์ทีเดียวเชียวล่ะ”
“อุ๊ยตายแล้วไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ฉัน” เธอเปรยเสียงตระหนกพลางยกสองมือขึ้นกุมขมับย่นคิ้วทำหน้ากลุ้ม
‘เมื่อตะกี๊ยังหัวเราะร่วนอยู่เลยทำไมตอนนี้นี่ทำหน้าราวกับโลกจะแตกซะงั้น…เฮ้อผู้หญิง หนอ ผู้หญิง’
“จะไม่ให้ฉันเครียดได้ยังไงเล่า ก็ถ้าเทพองค์ใดรู้เข้าว่าฉันแอบละเมิดกฎสวรรค์ลงมาช่วยนาย ฉันคงมีแต่ซวยกับซวย น่ะสิ” สาริกาโต้เสียงขุ่น จนผมตะลึงพรึงเพริด
“นี่คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมคิดอะไรอยู่ แล้วไหนจะชื่อผมอีกล่ะคุณรู้มาจากไหน” ผมถามรู้สึกระแวงความแปลกพิสดารในตัวเธอขึ้นมาทุกทีๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยที่ผมได้พบนางฟ้าตัวเป็นๆ กระดุกกระดิกได้แบบนี้
“ก็ใช่น่ะสิ รู้ตั้งแต่ตอนที่นายวิพากษ์วิจารณ์นมฉันแล้วล่ะย่ะ ส่วนชื่อนายประวัติของนายเคยทำบุญมาเท่าไหร่ทำบาปมากี่ครั้งฉันก็รู้หมดนั่นแหละ” ร่างเพรียวในชุดขาวกล่าว ก่อนจะเดินเอาแขนซ้ายขึ้นตั้งฉากจับปลายคางวางศอกลงหลังมือขวาซึ่งสอดอยู่ใต้ราวหน้าอกและช่วงเอวคอด เดินวนรอบตัวทำท่าพินิจพิจารณาโดยหันมาพิศมองผมเป็นระยะๆ ประเดี๋ยวหนึ่งก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่รู้นึกครึ้มอะไรขึ้นมา
“อืมม…แต่จะว่าไปแล้วสถานะของนายในตอนนี้ก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วนี่นา คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ฮิฮิ” และแล้วเธอก็หัวเราะ
….ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ….
“เป้งง!”
“อ๋อยย…”
“หยุดบ่นได้แล้ว” เธอพูดขณะที่มือขวายังค้างถาดอยู่บนศีรษะผม แม้เจ้าประคุณฟาดลงมาซะหัวแทบแบะ
‘เจ็บนะเฟ้ยยยัยนางฟ้าโรคจิต’ แค่เผลอคิดอีกฝ่ายก็รู้ทันเอานิ้วชี้หน้าผมเป็นเชิงขู่
“อยากเปรี้ยวอีกเหรอ?”
นี่เธอกล้าท้าาาผมเหรอเนี่ย!!! แน่นอนสุภาพบุรุษอย่างผมมีรึจะลงไม้ลงมือกับผู้หญิง ก็เลยได้แต่นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมลูบหัวป้อยๆ ยัยบ้านี่คงชอบดูตลกคาเฟ่แหงม
หลังจากนั้นนางฟ้าแสนสวยแต่โหดชะมัดยาดจึงวางมาดเป็นวิทยากรจำเป็นเอ่ยปากอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้ผมซึ่งนั่งขัดสมาธิวางมือสองข้างยันพื้นฟังด้วยความตั้งใจ ผมชำเลืองมองไปที่ร่างที่นอนทอดยาวอยู่บนเตียง แอบรู้สึกเศร้าสลดนิดๆ กับความตายที่ผมหยิบยื่นมันให้แก่ตัวเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ