ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)
5.3
เขียนโดย watcharakarn
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.
67 ตอน
3 วิจารณ์
41.90K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
38) คำตอบก่อนการจากลา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ…หรือว่าเด็กหนุ่มคนนั้น!
‘แล้วสิ่งวิเศษนั่นคือ…’ ผมนึกสงสัย
“มันก็แค่…” อีกฝ่ายที่อ่านใจผมออกบอกเสียงเรียบ “คำตอบก่อนการจากลาเท่านั้นเอง”
ถ้อยวลีที่ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทพาให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้แล้วนึกประหวัดถึงบทสนทนาระหว่างผมกับชายพิการผู้บาดเจ็บในค่ำคืนนั้นอีกครั้งหนึ่ง
แสงสีขาวสว่างจ้าจากแนวดวงไฟทรงกลมด้านบนเพดานสาดส่องกระทบร่างของพวกเราทอดลงเป็นเงายาวบนพื้นคอนกรีตขัดหยาบระหว่างกำลังยืนส่งพี่เทิดศักดิ์อยู่ตรงจุดจอดรับส่งผู้ป่วย ลมเย็นๆ ยามดึกสงัดพัดโกรกมาแผ่วเบาท่ามกลางบรรยากาศเงียบเหงาวังเวงที่มีเพียงผมกับเพื่อนแล้วก็ยามรักษาการณ์รูปร่างผอมผิวคล้ำเข้มในชุดยูนิฟอรม์สีกรมท่าคอยสังเกตสังกาอยู่ไม่ไกล
“ครึก….!”
“โชคดีนะครับพี่” ชาญยศกล่าวพลางเปิดประตูรถแท็กซี่มิเตอร์คันสีชมพูคาดขาวให้ชายในชุดแจ็คเก็ตผ้าร่มเข้าไปนั่งทางเบาะหลัง ขณะที่ผมเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วส่งธนบัตรใบละร้อยสองใบให้อีกฝ่ายเก็บไว้เป็นค่าเดินทาง
“นี่ครับค่าแท็กซี่”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมพอมี” เขาปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม
“รับไว้เถอะครับ” ผมพูดพลางยื่นเงินให้อีกฝ่ายซึ่งกำลังมองมาอย่างชั่งใจ หูแว่วยินเสียงรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เหยียบเบรกดังเอี๊ยดอ๊าดจากถนนนอกโรงพยาบาลที่ยังมีรถคราคร่ำไม่ขาดสายแม้จะเกือบค่อนคืนเข้าไปแล้ว
“แค่นี้ก็พอครับ” เขาตอบก่อนจะดึงแบงก์ร้อยไปเพียงใบเดียว
“ขอบคุณน้องมากนะ”
ผมยิ้มให้พี่เทิดศักดิ์แล้วเก็บธนบัตรคืนใส่กระเป๋าสตางค์ที่เหลือแบงก์ยี่สิบสอดไว้เพียงไม่กี่ใบ หลังจากนั้นชาญยศก็ค่อยๆ ส่งไม้ค้ำยันให้แกไปวางพาดไว้ข้างกาย
“เดินทางดีๆ พี่” ผมกล่าวส่งท้าย
ขณะที่ประตูรถกำลังจะปิดลง จู่ๆ อีกฝ่ายก็ยกไม้ยกมือขึ้นมาเหมือนลืมอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวๆ…ครับ” เขาร้องเสียงหลง “คือผมอยากรู้”
“เอ๋…” ผมเปล่งเสียงในลำคอด้วยความแปลกใจ “อะไรครับ?”
“ทำไมถึง…เอ่อ…เข้ามาช่วย…”
“โหพี่ถามยากนะเนี่ย” ผมเปรยออกมาด้วยในหัวตื้อตันแล้วจึงตอบไปซื่อๆ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่…ถ้ามีใครมาเห็นพี่เข้าในตอนนั้นก็คงทำแบบผมเหมือนกันล่ะมั้ง”
“…ก็มันเป็นสิ่งที่เราควรทำไม่ใช่เหรอครับ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นชายพิการจึงผงกศีรษะให้แล้วค่อยดึงประตูปิดเข้าหาตัวเบาๆ ดังปึง ดวงตาคู่โตที่เคลือบไปด้วยม่านน้ำใสๆ มองมาทางผมแวบหนึ่งก่อนรถจะเคลื่อนตัวพร้อมกับปล่อยควันจางๆ พวยพุ่งออกมาจากท่อไอเสีย
ผมมองรถแท็กซี่คันนั้นแล่นไปจนลับตา รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมาอย่างประหลาด
‘ป๊าครับ…วันนี้ผมมีความสุขจัง’ ผมคะนึงถึงบิดาที่เพิ่งจะจากไปได้ไม่นานด้วยใบหน้าผ่อนคลายลงหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“จบเรื่องแล้วเว้ยกลับบ้านกันเหอะ”
“ย้ง ไปกินก๋วยเตี๋ยวชายสี่หน้าโรง’บาลกันมั๊ยครับ” ชาญยศเข้ามาเสนอพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางร้านรถเข็นที่เปิดไฟสว่างโล่ขายบะหมี่เกี๊ยวอยู่บริเวณฟุตบาท
“แต่ว่า…” ผมกล่าวพลางก้มหน้าดูชุดที่เขรอะไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังก่อนจะทอดสายตาไปยังร้านอาหารข้างทางซึ่งมีลูกค้าชายหญิงอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งช่างดูคึกคักดีแท้
“จ๊ออก~” เสียงครวญของท้องเพื่อนที่ดังมาพาให้ผมนึกเห็นใจ กลับดึกหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นาอย่างไรเสียผมก็อยู่หอพักคนเดียวอยู่แล้ว
“ดูท่ามึงจะหิวมากเลยนะไอ้ยศ” ผมกระเซ้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายคลำท้องป้อยๆ สีหน้าอิดโรยซูบซีดคงเพราะไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ช่วงเย็น
“ปะไปหาไรกินกัน” ผมบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วกอดคอมันพากันเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยว หัวใจดวงน้อยพองโตเต็มไปด้วยความสุขจนแทบลืมไปเลยว่าตนเองเพิ่งพบเจอกับเรื่องราวอะไรมา
‘แล้วสิ่งวิเศษนั่นคือ…’ ผมนึกสงสัย
“มันก็แค่…” อีกฝ่ายที่อ่านใจผมออกบอกเสียงเรียบ “คำตอบก่อนการจากลาเท่านั้นเอง”
ถ้อยวลีที่ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทพาให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้แล้วนึกประหวัดถึงบทสนทนาระหว่างผมกับชายพิการผู้บาดเจ็บในค่ำคืนนั้นอีกครั้งหนึ่ง
แสงสีขาวสว่างจ้าจากแนวดวงไฟทรงกลมด้านบนเพดานสาดส่องกระทบร่างของพวกเราทอดลงเป็นเงายาวบนพื้นคอนกรีตขัดหยาบระหว่างกำลังยืนส่งพี่เทิดศักดิ์อยู่ตรงจุดจอดรับส่งผู้ป่วย ลมเย็นๆ ยามดึกสงัดพัดโกรกมาแผ่วเบาท่ามกลางบรรยากาศเงียบเหงาวังเวงที่มีเพียงผมกับเพื่อนแล้วก็ยามรักษาการณ์รูปร่างผอมผิวคล้ำเข้มในชุดยูนิฟอรม์สีกรมท่าคอยสังเกตสังกาอยู่ไม่ไกล
“ครึก….!”
“โชคดีนะครับพี่” ชาญยศกล่าวพลางเปิดประตูรถแท็กซี่มิเตอร์คันสีชมพูคาดขาวให้ชายในชุดแจ็คเก็ตผ้าร่มเข้าไปนั่งทางเบาะหลัง ขณะที่ผมเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วส่งธนบัตรใบละร้อยสองใบให้อีกฝ่ายเก็บไว้เป็นค่าเดินทาง
“นี่ครับค่าแท็กซี่”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมพอมี” เขาปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม
“รับไว้เถอะครับ” ผมพูดพลางยื่นเงินให้อีกฝ่ายซึ่งกำลังมองมาอย่างชั่งใจ หูแว่วยินเสียงรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เหยียบเบรกดังเอี๊ยดอ๊าดจากถนนนอกโรงพยาบาลที่ยังมีรถคราคร่ำไม่ขาดสายแม้จะเกือบค่อนคืนเข้าไปแล้ว
“แค่นี้ก็พอครับ” เขาตอบก่อนจะดึงแบงก์ร้อยไปเพียงใบเดียว
“ขอบคุณน้องมากนะ”
ผมยิ้มให้พี่เทิดศักดิ์แล้วเก็บธนบัตรคืนใส่กระเป๋าสตางค์ที่เหลือแบงก์ยี่สิบสอดไว้เพียงไม่กี่ใบ หลังจากนั้นชาญยศก็ค่อยๆ ส่งไม้ค้ำยันให้แกไปวางพาดไว้ข้างกาย
“เดินทางดีๆ พี่” ผมกล่าวส่งท้าย
ขณะที่ประตูรถกำลังจะปิดลง จู่ๆ อีกฝ่ายก็ยกไม้ยกมือขึ้นมาเหมือนลืมอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวๆ…ครับ” เขาร้องเสียงหลง “คือผมอยากรู้”
“เอ๋…” ผมเปล่งเสียงในลำคอด้วยความแปลกใจ “อะไรครับ?”
“ทำไมถึง…เอ่อ…เข้ามาช่วย…”
“โหพี่ถามยากนะเนี่ย” ผมเปรยออกมาด้วยในหัวตื้อตันแล้วจึงตอบไปซื่อๆ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับพี่…ถ้ามีใครมาเห็นพี่เข้าในตอนนั้นก็คงทำแบบผมเหมือนกันล่ะมั้ง”
“…ก็มันเป็นสิ่งที่เราควรทำไม่ใช่เหรอครับ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นชายพิการจึงผงกศีรษะให้แล้วค่อยดึงประตูปิดเข้าหาตัวเบาๆ ดังปึง ดวงตาคู่โตที่เคลือบไปด้วยม่านน้ำใสๆ มองมาทางผมแวบหนึ่งก่อนรถจะเคลื่อนตัวพร้อมกับปล่อยควันจางๆ พวยพุ่งออกมาจากท่อไอเสีย
ผมมองรถแท็กซี่คันนั้นแล่นไปจนลับตา รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมาอย่างประหลาด
‘ป๊าครับ…วันนี้ผมมีความสุขจัง’ ผมคะนึงถึงบิดาที่เพิ่งจะจากไปได้ไม่นานด้วยใบหน้าผ่อนคลายลงหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“จบเรื่องแล้วเว้ยกลับบ้านกันเหอะ”
“ย้ง ไปกินก๋วยเตี๋ยวชายสี่หน้าโรง’บาลกันมั๊ยครับ” ชาญยศเข้ามาเสนอพร้อมกับบุ้ยใบ้ไปทางร้านรถเข็นที่เปิดไฟสว่างโล่ขายบะหมี่เกี๊ยวอยู่บริเวณฟุตบาท
“แต่ว่า…” ผมกล่าวพลางก้มหน้าดูชุดที่เขรอะไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังก่อนจะทอดสายตาไปยังร้านอาหารข้างทางซึ่งมีลูกค้าชายหญิงอุดหนุนกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งช่างดูคึกคักดีแท้
“จ๊ออก~” เสียงครวญของท้องเพื่อนที่ดังมาพาให้ผมนึกเห็นใจ กลับดึกหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นาอย่างไรเสียผมก็อยู่หอพักคนเดียวอยู่แล้ว
“ดูท่ามึงจะหิวมากเลยนะไอ้ยศ” ผมกระเซ้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายคลำท้องป้อยๆ สีหน้าอิดโรยซูบซีดคงเพราะไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่ช่วงเย็น
“ปะไปหาไรกินกัน” ผมบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วกอดคอมันพากันเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยว หัวใจดวงน้อยพองโตเต็มไปด้วยความสุขจนแทบลืมไปเลยว่าตนเองเพิ่งพบเจอกับเรื่องราวอะไรมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ