ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)

5.3

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.

  67 ตอน
  3 วิจารณ์
  40.33K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

34) รัก&ยม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ข้ามาแล้วว ข้ามาแล้วววว” เสียงเนิบนาบลากคำยาวดังกึกก้องแข่งกับเสียงท้องฟ้าคะนองภายนอก ก่อนที่เจ้าผีเด็กตัวดำมะเมื่อมจะค่อยๆ เอาฝ่ามือทั้งสองแปะลงบนแผ่นไม้ถีบเท้าส่งตัวลงมาหมอบราบอยู่บนพื้นได้ในที่สุดแล้วจึงหยัดกายยืนขึ้นทำให้เห็นได้ว่าแท้จริงแล้วรูปร่างของเด็กน้อยนั่นก็สูงชะลูดเอาการอยู่

 

“ไอ้เจ้าปานี่มันชอบเล่นอะไรแผลงๆ แบบนี้เสมอแหละครับ ดูสิเป็นผีดีๆ ไม่ชอบนึกอุตริเลียนแบบเดรัจฉาน” ชายในชุดพราหม์ค่อนว่าอย่างใส่อารมณ์คงหวังให้พวกเราคลายความกลัว แต่พอมองไปยังเงาดำสูงที่เดินโผเผมาแล้วก็ยังไม่น่าไว้วางใจอยู่ดีนั่นแหละ

 

“ผอมอย่างกับลูกกรอกแน่ะ” สาริกาวิจารณ์หุ่นที่ผอมกะหร่องจนเห็นซี่โครงบานและไหปลาร้าชัด โหนกแก้มโปนแหลม ขาแขนยาวแต่ก็ลีบเล็กราวกับไม้ท่อนน้อยที่ดูเปราะบางเหลือเกิน

 

“ลูกกรอก กับ กุมารทอง แล้วก็รักยมนี่มันต่างกันยังไง?” ผมเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แม้จะพอได้ยินได้ฟังเรื่องพวกนี้มาบ้างแต่ก็ไม่เคยสัมผัสในระดับถึงลูกถึงคนเห็นจะจะตาแบบนี้มาก่อน

 

นางฟ้าสาวนึกนิดหนึ่งแล้วจึงขยับริมฝีปากเคลือบสีชมพูอ่อนวาวเพื่ออธิบาย

 

“เท่าที่ฉันรู้มาลูกกรอกก็คือคนหรือสัตว์ที่คลอดออกมาแล้วมีขนาดเล็กผิดปกติ คือตายตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แต่ทางด้านไสยวิชชาแล้วถือว่าศพเด็กพวกนี้เนี่ยยังคงมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ร่างกายก็เลยไม่เน่าเปื่อย เป็นวิญญาณกทรัพย์ชั้นดีที่หายากมากๆ ทีเดียวเชียวล่ะ

 

พอเอามาแล้วพวกอาจารย์ หรือผู้มีวิชาอาคมทั้งหลายก็จะนำมาใส่พานบูชากราบไหว้กันถ้าคนที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงดูดีๆ ลูกกรอกก็จะคอยอุปถัมภ์ค้ำชูในด้านต่างๆ โดยเฉพาะให้โชคลาภ ทรัพย์สิน เงินทอง”  

 

“อ้อ…อย่างนี้เอง” ผมพยักหน้าหงึกหงัก

 

“ส่วนกุมารทองและรักยมก็มีลักษณะคล้ายกันคือเป็นสิ่งที่จอมขมังเวทย์ซึ่งมีวิชาอาคมปลุกเสกขึ้นมา โดยกุมารทองเกิดจากพวกหมอผีซึ่งทำพิธีทางไสยศาสตร์ผ่าท้องศพผู้หญิงที่ตายทั้งกลมควักเอาเด็กทารกในครรภ์มาย่างไฟให้แห้งไม่ให้เน่าเปื่อยจากนั้นจึงลงรักปิดทองก่อนที่จะเรียกวิญญาณเข้าสิงสู่แล้วเสกมนต์คาถาให้มีฤทธิ์เดชแก่กล้ากว่าผีอื่นๆ ทั้งปวงเพื่อนำมารับใช้ให้ทำงานต่างๆ ตามคำสั่ง”

 

“แล้วรักยมล่ะ?” ผมถามต่อด้วยความสนอกสนใจ

 

“รักยมก็มีลักษณะเป็นผีเด็กเหมือนกับลูกกรอก หรือกุมารทองนั่นแหละเพียงแต่สร้างขึ้นโดยการนำไม้จากต้นรักที่ตายพราย (ตายตั้งแต่ยังไม่ออกผล) หรือ เหี่ยวเฉามาแกะเป็นกุมาร ‘รัก’ ซึ่งมีสีดำส่วน ‘ยม’ นั้นก็มักใช้ไม้มะยมป่านำมาแกะเป็นรูปกุมารอีกตนซึ่งมีสีขาว

 

ทำพิธีปลุกเสกเรียกวิญญาณเด็กเข้ามาสิงแล้วค่อยนำมาแช่ไว้ในขวดที่ใส่น้ำมันจันทน์หอมและคอยเลี้ยงดูให้อาหารให้ของเล่นเหมือนเลี้ยงเด็กคู่หนึ่งนั่นแหละ เจ้าของจะพกติดตัวหรือเก็บไว้ที่บ้านก็ได้ตามสะดวก เวลาใช้งานก็ว่าคาถาเรียกมา” เจ้าตัวเล่าเป็นคุ้งเป็นแคว

 

“พวกนี้น่ะมีคุณทางด้านเมตตามหานิยม ใครมีไว้ครอบครองก็จะมีแต่คนรักใคร่ชื่นชม”

 

ผมพยักหน้าหงึก แต่ก็นึกสงสัยอยู่ว่าถ้าครอบครัวนี้เลี้ยง ‘รักยม’ แปลกๆ อย่างไอ้เด็กสองคนนี้เจ้าของบ้านไม่ปวดหัวตายหรือนี่

 

“ยิ้มอะไรกันคุณ” ผมเอ่ยปากถามอย่างข้องใจเมื่อมองไปทางหญิงสาว

 

“ฉันก็คิดเหมือนที่นายคิดนั่นแหละ” เธอบอกก่อนที่ลูกบอลยางกลมๆ จะกลิ้งส่งเสียงกริ๊ง กริ๊งออกมาจากความมืดสลัวเฉียดขาผมกลับเข้าไปสู่ความมืดทางด้านหลัง จากนั้นร่างอวบอ้วนของผีเด็กตัวขาวราวกับทาแป้งก็ทะเล่อทะล่าไล่ตามมาตะครุบของเล่นชิ้นโปรด

 

‘หมับ’

 

“จับได้แล้ว ฮิฮิ” เจ้าหัวจุกยองตัวลงหยิบลูกบอลขึ้นมาแล้วเดาะให้มันกระดอนขึ้นลงระหว่างฝ่ามือและพื้นไม้ไปมาด้วยความซุกซนตามประสาเด็กพลางหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

 

“ป็อก!” เสียงไม้เท้าที่ถูกเคาะลงบนศีรษะทำให้อุมชิฬาที่กำลังก้มหน้าเล่นลูกบอลอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง

 

“โอ๊ย!...ตาตีหนูทำไมอ่า” กุมารร่างขาวในชุดโจงกระเบนสีแดงตวัดหน้าหันมาถามด้วยความข้องใจพร้อมกับคลำหัวตนเองป้อยๆ

 

“นี่ยังทำเป็นไขสืออีกรึเจ้าอุม เอ็งไม่เห็นหรือว่าใครมา หวัดดีพี่ๆ เค้าซะสิแล้วก็ขอโทษพี่นางฟ้าเสียด้วยเร็ว” ผู้เฒ่าสั่งเสียงขรึม พอได้ยินดังนั้นผมกับสาริกาเลยวางมาดกอดอกพร้อมกับทอดมองไปยังร่างอวบอ้วนนั้นเขม็ง

 

ดูซิว่าเจ้าเด็กจอมแก่นนี่จะต่อปากต่อคำอะไรอีก

 

อุมชิฬาแหงนหน้าขึ้นมามองเราสองคนก่อนจะเลิกคิ้วทำหน้ายียวนกวนประสาท แล้วยกมือไหว้แบบขอไปทีซึ่งเร็วเสียจนมองแทบไม่ทัน

 

‘นี่มันไหว้หรือตบยุงวะนั่น’ ผมนึกตำหนิ

 

“หวัดดีป้า” เด็กน้อยกล่าวสวัสดีเสียงห้วน

 

“สวัสดีจ้ะ” นางฟ้าสาวรับไหว้ทันควันก่อนจะได้สติรีบทักท้วงยกใหญ่ “เอ้ยไม่ใช่นะ บอกแล้วไงจ้ะว่าให้เรียกพี่น่ะ”

 

“เรียกเค้าพี่สิเจ้าอุม” ชายชรากำชับพร้อมเขม้นสายตามองด้วยสีหน้าขรึม ทำให้อีกฝ่ายจำต้องประณตมือไหว้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง

 

“สวัสดีขอรับพี่คนสวยยย” ในที่สุดอุมชิฬาก็ยินยอมน้อมศีรษะลงอย่างว่าง่าย กริยาสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนแบบนี้สิเห็นแล้วดูน่ารักน่าชังขึ้นเป็นกอง

 

“อร๊ายยย น้องคะอย่าพูดความจริงแบบนั้นสิคะพี่เขิน” สาริการับลูกเยินยอทันควัน เธอเกือบจะหลงในคำชมของเด็กหัวจุกนี่เข้าให้แล้วถ้าเจ้าตัวแสบไม่ด่วนถามคำถามแบบขวานผ่าซากขึ้นมาเสียก่อน

 

“แล้วนี่ใครอ่ะผัวพี่เหรอ?”

 

“อุ๊ยตายแล้ว ไม่ใช่จ้ะ ไม่ใช่” คนถูกถามรีบปฏิเสธก่อนจะยิ้มจืดเจื่อน

 

“เฮ้ยๆ พี่ไม่ใช่แฟนเค้านะน้อง” ผมตอบเสียงแข็งพลางชำเลืองมองสาวสวยแอบรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมานิดๆ หากจะเปรียบสารรูปและสถานภาพระหว่างผมกับเธอในตอนนี้แล้วก็คงไม่ต่างไปจากสำนวนดอกฟ้ากับหมาวัดเลยแม้แต่น้อย ใช่แล้วผมมันก็แค่วิญญาณกระจอกงอกง่อยธรรมดา…มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วล่ะ

 

“แล้วพี่เป็นใคร หน้าตาท่าทางแบบนี้ เป็นขี้ครอกสิท่า”

 

“เป้ก!” ไม้เท้าเนื้อแข็งถูกเขกลงบนศีรษะของเด็กหัวจุกอย่างแรงก่อนที่ผีเด็กตัวขาววอกจะเริ่มร้องไห้กระซิกๆ  

 

“ฮือ ฮือ ฮือ”

 

“ตาครับอย่าไปตีน้องเค้าเลยครับ” ผมบอกด้วยความสงสารเมื่อเห็นหยดน้ำใสๆ เอ่อท้นกบสองตาเด็กร่างอ้วนที่ถึงแม้จะปากปีจอไปหน่อยแต่อย่างไรก็ยังไร้เดียงสานัก

 

“เอ็งนี่มันทำอะไรไม่ไว้หน้าข้าบ้างเลยนะ ไปพูดจาหยาบคายกับผู้ใหญ่แบบนั้นได้ยังไงหึทีอย่างนี้ล่ะทำเป็นร้องห่มร้องไห้ หยุดเดี๋ยวนี้เลยเจ้าอุมอย่าให้ปู่มีน้ำโหนะ” พ่อเฒ่าเอ็ดหลานชายตัวดีเสียงเขียวแล้วจึงผินหน้ามาพูดกับพวกเราด้วยท่าทีนบนอบเช่นเคย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบอ่านนิยายแนวไทยๆ กันมั๊ย

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา