ปาฏิหาริย์โลกวิญญาณ (ได้รับการตีพิมพ์จากAmity Publishing แล้ว)

5.3

เขียนโดย watcharakarn

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 12.10 น.

  67 ตอน
  3 วิจารณ์
  40.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) อุมชิฬา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง”
 
 “เฮ้ยย…!” ผมร้องด้วยอารามขวัญผวา แม้ตอนนี้จะกลายเป็นวิญญาณไปแล้วก็ยังคงกลัวผีสางไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าตอนมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย
 
พอได้ก้มมองดูก็เห็นเป็นลูกบอลยางขนาดเท่ากำปั้นลายสีน้ำเงินสลับขาวใส่ลูกกระพรวนไว้ด้านในคล้ายเป็นของเล่นเด็ก แล้วก็นึกฉงนระคนหวั่นกลัว
 
“นายจะตะโกนโหวกเหวกโวยวายไปทำไมเนี่ย” นางฟ้าสาวเงยหน้าขึ้นมาเอ็ดใส่ก่อนจะปรับเปลี่ยนเป็นท่าทีสงสัยเมื่อมองเห็นสิ่งที่ตกอยู่บนพื้นบ้าน
 
“ของใครน่ะ?” เธอถามราวกับว่าผมล่วงรู้คำตอบอย่างนั้นแหละ
 
“กะกะก็ขะของของ” ผมพูดเสียงสั่นพร้อมกับย่อตัวลงเก็บลูกบอลปริศนานั้นขึ้นมาพินิจดู คราวแรกคิดจะขว้างมันทิ้งไปแต่คงไม่ทันแล้ว
 
“เอาของข้าคืนมา” เสียงกระโชกโฮกฮากดังขึ้น
 
“เหวออออ!” ผมตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อเห็นร่างอวบอ้วนผิวสีขาวเผือกของเด็กอายุแปดเก้าขวบคนหนึ่งซึ่งเปลือยท่อนบนนุ่งโจงกระเบนสีแดงสดคาดสร้อยสังวาลสีเหลืองอร่ามเส้นน้อยประดับทับทรวงเม็ดทับทิมสวมกำไลทองผิวเกลี้ยงหัวบัวเช่นเดียวกับข้อเท้ายืนจังก้าอยู่ตรงหน้า วางท่าแบมือขอ ส่วนแขนซ้ายยกเท้าสะเอว คิ้วข้างหนึ่งเลิกสูงทำสีหน้ายียวนเห็นแล้วก็ยั่วโทสะของผมชะมัด
 
‘ไอ้เด็กนี่นอกจากแต่งตัวพิเรนแล้วยังดูกวนประสาทอีกแหะ’
 
“ของหนูเหรอ?” ผมถามพลางค้อมตัววางลูกบอลคืนให้เจ้าหนูไว้ผมจุกปักปิ่นทองก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างไปลูบหัวกลมๆ นั้นป้อยๆ พยายามวางตัวเป็นมิตรด้วย แต่ไม่ทันไรสายสัมพันธ์ที่ทอดไปก็ถูกตัดฉับสะบั้นลงเมื่อไอ้เด็กเวรนั่นปาลูกบอลอัดใส่หน้าผม
 
“ปุ๊!” ลูกยางกลมๆ ที่กระแทกเข้ามาตรงสันจมูกและหน้าผากจังเบ้อเร่อแล้วกระดอนไปทำให้ผมถึงกับหน้าหยี
 
“โอ๊ยยย ไอ้เด็กบ้า!” หนอยแน่เตี้ยตะแมะแคะออกอย่างนี้ยังมีหน้ามาทำซ่าอีกเหรอ ผมเดือดปุด ปุดขึ้นมาทันใดอยากจะเตะก้นสั่งสอนสักป้าบสองป้าบ แต่เด็กหัวจุกกลับรู้แกวปรี่เข้าไปบีบน้ำตากับนางฟ้าสาวอย่างหน้าไม่อาย
 
“ฮือๆๆ มันจะทำร้ายข้า ข้าอยู่ดีๆ มันก็มาข่มเหง รังแก ช่วยข้าด้วยนะ ช่วยด้วย”
 
‘เฮ้ย…ไม่ใช่ เปล่านะ’ หน้าตาก็น่ารักน่าชังดีอยู่หรอกแต่ทำไมสันดานแบบนี้วะเนี่ย….ดูมันใส่ไฟใหญ่ไอ้เด็กเวรเอ้ยยย
                                                                                                                        
“โอ๋ โอ๋ หนูไม่เป็นไรนะคะ” เธอเดินเข้ามาโอบกอดร่างตุ้ยนุ้ยนั้นไว้ด้วยความอาทร มิหนำซ้ำยังต่อว่าต่อขานผมเสียยกใหญ่
 
“นี่คุณไปด่าน้องเค้าทำไมเป็นผู้ใหญ่แล้วไปรังแกเด็กแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนดูสิทำน้องเค้าร้องไห้เลยเห็นมั๊ย”
 
‘เฮ้ย…ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคุณ!’ ผมนึกเถียงในใจ
 
“ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก เหอะ…ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนแบบนี้” ร่างเพรียวในชุดสีโอลด์โรสตำหนิเสียงฉุนก่อนจะโอบศีรษะไอ้เด็กหัวจุกนั่นซบเข้าหาตนเพื่อปลอบขวัญ
 
“ฮือๆๆ” ตัวก่อเรื่องที่กำลังซุกหน้ากลมๆ อยู่กับช่วงเอวคอดแอบเอียงหน้ามาแลบลิ้นใส่
 
‘หึยยย ไอ้เด็กสตรอว์เบอร์รี่!!’
 
“นี่ทำพี่เจ็บแล้วยังไม่ขอโทษอีกเหรอ!” ผมตวาดลั่นอย่างเหลืออด
 
“ฮือๆๆ แงแงแง” พอโดนดุเข้าหน่อยมันก็ยิ่งร้องห่มร้องไห้เสียงดังขึ้นไปอีก…มารยาสุดฤทธิ์เลยนะเอ็ง
 
“นี่ฉันยังไม่เห็นน้องเค้าทำอะไรนายเลยนะ โอ๋ โอ๋ อย่าร้องนะจ้ะหนู” หญิงสาวพูดเข้าข้างอีกฝ่ายอย่างออกนอกหน้าแล้วจึงโน้มตัวลงใช้ริมฝีปากประทับศีรษะเหม่ง พลางลูบหลังปลอบโยนไอ้เด็กนั่นอย่างเอ็นดูรักใคร่ก่อนจะยองตัวลงนั่งข้างๆ
 
“นี่หนูชื่ออะไรจ้ะแล้วนี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับแม่พระไม่ยอมฟังคำทัดทานจากผมบ้างเลย…โธ่
 
 “เป็นเทวาอารักษ์แบบไหนกันบอกพี่มาซิกุมารทองใช่รึเปล่าเอ่ย?”
 
“ข้าชื่ออุมชิฬา” เด็กหัวจุกกล่าววาจาฉะฉาน “แล้วป้าล่ะชื่ออะไร”
 
“อุ๊ยว้าย…หนูจ้ะไม่เอานะคะไม่เอา” หญิงสาวรีบแย้งเสียงหลงพร้อมกับเอามือทาบอกด้วยความตกใจ “เรียกพี่สิคะ…พี่” เธอจีบปากเน้นคำว่า ‘พี่’ คงหวังว่าอีกฝ่ายจะพูดตามแต่เปล่าเลย
 
“ป้า…” ไอ้เด็กชื่อเรียกยากนั่นยังคงกวนประสาทไม่เลิก ไม่เห็นหรือไรว่าคนฟังหน้าเสียไปหมดแล้ว
 
“นี่พี่ดูแก่ขนาดนั้นเลยเหรอคะน้อง” สาริกาเลื่อนสองมือขึ้นมาสำรวจตรวจตราใบหน้าตนเองในทันที
 
“เรียกพี่ดีกว่านะจ้ะเด็กดี” หญิงสาวพยายามกล่อมให้อุมชิฬาเปลี่ยนคำสรรพนามของเธอใหม่แต่ดูท่าจะไม่เป็นผล
 
“จะทำไม…ข้าจะเรียกแบบนี้แหละ ป้า ป้า ป้า ” มันตะคอกก่อนจะแลบลิ้นใส่
 
“แบร่…”
 
พอได้ยินดังนั้นเจ้าหล่อนก็ถึงกับเบิกตาโตด้วยความตะลึงแต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีเด็กน้อยแสนน่ารักของเธอก็เปิดแนบหายเข้ากลีบเมฆ เอ้ย เงามืดไปเสียแล้ว ทำให้คนถูกว่าถึงกับออกอาการโมโหโกรธายกใหญ่
 
“อร๊ายย อีเด็กผีมาเรียกฉันแบบนี้ได้ยังไงกันยะ” นางฟ้าสาวกรีดร้องเสียงสูงโถมตัวจะตามไปเอาเรื่อง ผมจึงยกมือยกไม้เอาตัวขวางไว้ก่อนเหตุการณ์จะวุ่นวายไปมากกว่านี้
 
“พอ พอ พอได้แล้วคุณ”
 
“ก็ไอ้เด็กเตี้ยนั่นมันเรียกฉันว่าป้าคุณไม่ได้ยินรึไงเล่า” เธอโวย
 
“เด็กก็คือเด็กละน่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณนี่ตลกดีนะเมื่อตะกี๊ยังกางปีกปกป้องน้องเค้าอยู่เลยไม่รักเด็กแล้วรึคุณ” ท่าทางเกรี้ยวกราดของอีกฝ่ายทำให้ผมอดขำด้วยความเอ็นดูออกมาไม่ได้ ทว่าทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ยานคางดังก้องมา
 
“อุมชิฬาาาาไม่ดี  นิสัยยยยไม่ดี  ไม่ดี  ไม่ดี”  
 
“เฮ้ย!?” ผมอุทานพลางหันขวั่บไปยังทิศทางของเสียงเหนือขึ้นไปตรงฝาผนังที่อยู่เบื้องหลังมุ้งนอนในทันที
 
“ว้ายผี!” เสียงร้องของหญิงสาวทำให้ผมผินหน้าไปมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองเงาดำที่เป็นรูปเป็นร่างน่ากลัวลักษณะเหมือนคนตัวผอมแกร็นลำตัวยาวกำลังค่อยๆ ป่ายปีนลงมาตามแผ่นไม้ทีละคืบ ทีละคืบ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบอ่านนิยายแนวไทยๆ กันมั๊ย

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา