I'm Promise เกิดใหม่ในนิยายที่ชอบ!?(ชื่อชั่วคราว)
-
เขียนโดย Tsukiyo_
วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 00.55 น.
6 ตอนที่
10 วิจารณ์
5,477 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 02.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) สังคมใหม่?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความเดิมตอนที่แล้ว
.
.
.
เฮ้อ ช่างเถอะ
(//อ้อ เค้าแก้ไขตอนที่แล้วนิดนึงนะ แต่ไม่รู้จะเห็นรึเปล่านาา เนื้อหาตรงนั้นมีคำใบ้นิดนึงด้วยล่ะ)
(ปล. ขอโทษที่ช้านะค้าาา พอดีว่าเค้าปั่นงานเพลินไปหน่อยง่ะ! แหะๆ)
Miyu Part
เมื่อเธอเดินเข้ามาในบ้านแล้ว มันทำให้เธอตกใจเล็กน้อย เพราะด้วยความที่ข้างนอกบ้านนั้นค่อนข้างทรุดโทรม เธอจึงคิดว่าข้างในก็คงน่าจะมีบรรยากาศที่ไม่ดี
แต่แทนที่บรรยากาศจะดีแล้ว มันกลับ….ดูอบอุ่น มันอบอุ่นในแบบที่ตัวเธอเมื่อหลายปีก่อนต้องการมันเลยล่ะ
เธอเห็นเด็กประมาณ 2 คนช่วยกันล้างจาน บ้างก็ไปช่วยกันตากผ้า ส่วนพวกที่เหลือก็ไปเล่นกันที่ห้องข้างๆห้องครัว ทุกอย่างนี้มันดูเป็นภาพที่สดใสมากในสายตาของเธอ
‘อืม…ดีจังนะคะ?’
‘ถ้าเกิดเราได้สัมผัสความสดใสนี้บ้าง เราจะเป็นยังไงนะ…’
เมื่อคิดได้ดังนั้นสายตาของเธอจึงสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของเด็กผู้ชายคนนึงขึ้นมา
“ฮึก-หม่าม๊า”
เด็กคนนี้อายุน่าจะประมาณ6ขวบได้มั้ง?
“หืม? เป็นอะไรหรอจ๊ะ ‘ริว’คุง? ”
“ผ-ผมล้มอ่ะ ฮึก เจ็บอ่ะ ฮือออ”
เด็กชายพูดพลางชี้หน้าผากของตัวเองที่บวมและแดงเล็กน้อย และเมื่อหญิงสาว…ยาวแฮะเรียกแม่ชีดีกว่า(?)
แม่ชีคนนั้นเห็นอาการของเด็กชายแล้ว แม่ชีก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า…
“โอ๋ๆนะจ๊ะไม่เจ็บนะ ไม่เจ็บ มาๆ โอมม ความเจ็บปวดจงหายไป ฟู่ ”
“ห-หายจริงด้วยฮะ”
“จะว่าไป…พี่คนนั้นคือใครหรอฮะ?”
‘อ่าา ยังเห็นว่าเราอยู่ด้วยสินะคะ?’
‘จะทำยังไงกับการพูดดีล่ะคะเนี่ย’
เธอยังไม่ตอบเพราะเธอไม่รู้ว่าควรพูดยังไงให้เหมือนเด็กดี แถมเธอก็ยังไม่ชอบเข้าสังคมด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงเผลอเดินถอยหลังแล้วไปหลบที่หลังกระโปรงของแม่ชีทันที
‘อย่างน้อยถ้าโชคดีเราก็อาจจะโดนคิดว่ากลัวก็ได้’
เพื่อความสมจริงเธอจึงแสร้งทำให้ตัวของเธอเกร็งขึ้น พร้อมสั่นน้อยๆ ส่วนมือของเธอก็กำกระโปรงของแม่ชีคนนี้เล็กน้อย ที่เธอดูเก่งก็เพราะเมื่อก่อนเธอชอบเล่นการแสดง แถมยังเคยเข้าชมรมการแสดงอยู่นั่นแหละนะ โชคดีจริงๆ
และก็ไม่ต่างไปจากที่มิยูคิดไว้เท่าไหร่ เพราะแม่ชีคนนี้ก็คิดในสิ่งที่มิยูต้องการให้คิดจริงๆ
“อ่อ คนนี้คือเด็กคนใหม่ที่จะเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับเราจ๊ะ งั้น ริวคุง ช่วยไปเรียกทุกคนทีนะจ๊ะ”
“เข้าใจแล้วฮะ”
เมื่อแม่ชีพูดจบเด็กที่ชื่อว่าริวก็รีบวิ่งไปตามเพื่อนๆทันที หลังจากนั้นแม่ชีก็หันมาพูดกับเธอบ้าง
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ทุกๆคนจะต้องดีใจที่เห็นหนูแน่จ๊ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเธอจึงตัดสินใจก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ ให้รู้ว่าเป็นการตอบกลับ
.
.
.
5 นาทีผ่านไป
“หม่าม๊า จะมีเด็กคนใหม่เข้ามาจริงหรอคะ?”
“ผู้ชายผู้หญิงอ่ะ?”
“ผมหวังว่าจะไม่เหมือนกับ'ทาเคชิ' นะครับ' ”
“ฮ-ฮะ? แกหมายความว่าไงฮะเจ้า'ทาคุยะ' ”
“โธ่พวกนายอย่าทะเลาะกันสิ ‘โซระ’ เหนื่อยแล้วนะ”
“น่าสนใจแฮะ”
และก็เสียงคนอื่นๆอีกนิดๆหน่อยๆ ในระหว่างนี้เธอจึงทำการสังเกตการณ์เล็กน้อย
ลองนับคร่าวๆแล้วมีเด็กทั้งหมด11คนชาย ชาย7 หญิง 4 ส่วนใหญ่อายุประมาณ4-7ขวบกันที่โตสุดก็น่าจะประมาณ 10 ขวบขึ้นล่ะมั้ง ซึ่งพี่ใหญ่ที่เห็นก็มี ผู้ชาย2 กับ ผู้หญิงอีก1 ที่เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เนื่องจากต้องอยู่ข้างหลังคุณแม่ชีนั่นแหละ
ที่เธอต้องแอบอยู่ข้างหลังก็เพราะในระหว่าง5นาทีที่เด็กผู้ชายชื่อริวไปตามคนอื่นๆ เธอจึงตัดสินใจที่จะกำหนดทุกๆอย่างเสมือนว่ากำลังปรับแต่งตัวละครในเกมนั่นแหละ
ไม่งั้นถ้าเธอไม่กำหนดเลยมันก็คงน่าจะลำบากในอนาคตแน่ๆ
ส่วนเรื่องนิสัยเธอจะค่อยๆปรับมันให้เข้ากับตัวเธอทีหลัง ตอนนี้ที่เธอกำหนดนิสัยที่จะแสดงคร่าวๆก็คือ ไม่เข้าสังคม แสดงอาการกลัวเวลาอยู่กับคน อืมม เอาจริงๆที่เธอมาอยู่ที่นี่ก็อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ
นั่นก็คือ ท่านมิกิ ยังไงล่ะ
แน่นอนว่าคนที่ไม่เข้าสังคมอย่างเธอคงไม่ไปตีสนิทอยู่แล้วล่ะ เธอขอแค่ได้มองท่านมิกิเท่านั้นก็ดีแล้ว แถมเธออยากเห็นรอยยิ้มที่ไม่เคยได้เห็นในภาพอีกต่างหาก ขนาดเวลาที่อยู่ในนิยาย ยังไม่เห็นตัวอักษรคำว่ายิ้มของท่านมิกิอีกด้วย
ก็นะ ถึงบางคนจะคิดว่ามันเหมือนสตอล์กเกอร์ก็เถอะ? ก็แค่เฝ้ามองอยู่ห่างๆเท่านั้นแหละ ไม่ได้ตามไปทุกที่อยู่แล้ว
“เอาล่ะๆ เงียบได้แล้วจ๊ะ”
ทันทีที่แม่ชีพูด แปปเดียวเสียงที่คุยกันสนั่น(//ถึงแม้คนจะน้อยก็เถอะ)ก็เงียบลงทันที
‘ดูเหมือนเด็กทุกคนจะฟังคำสั่งได้ดีแฮะ ขนาดเด็กเล็กก็ยังเงียบเลย’
“เด็กคนนี้คือคนที่จะเข้ามาเพิ่มนะจ๊ะ ดูแลเพื่อนดีๆด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้วคร๊าบ/ค่าา”
“ดีมากจ๊ะ งั้นเดี๋ยวหม่าหม๊าไปธุระก่อนนะคะ”
เมื่อพูดจบแม่ชีคนนั้นก็เดินออกไปเลย หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เดินมาแนะนำตัว
“โย่ว หวัดดี ฉันชื่อ'ทาเคชิ'นะ ”
“ส่วนผมชื่อ'ทาคุยะ'ครับ ยินดีต้อนรับแล้วก็หวังว่าจะไม่เหมือนกับเจ้าทาเคชิด้วยนะครับ”
2 คนนี้นิสัยแลดูต่างกันมาก เด็กที่ชื่อทาเคชิอืมม อายุน่าจะประมาณ10ขวบเท่ากับเธอ ส่วนอีกคน ทาคุยะ อายุน่าจะมากกว่าเธอแถมยังดูเรียบร้อยด้วย
“นี่ ฉันด้วยสิ ฉันชื่อ…..”
“โซระด้วยๆ โซระชื่อ….”
“ส่วนฉัน….”
“ผ…ชื่…”
“…..”
แล้วก็อีกมากมาย แต่เธอก็ไม่ค่อยสนเท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะยังไงเธอก็ต้องออกจากที่นี่เมื่อท่านมิกิออกไปแล้วอยู่ดีนั่นแหละ
แต่แล้วเธอก็ต้องกลับมาสนใจอีกครั้งนั่นก็เพราะว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อ ‘มิกิ’นะส่วนนี่ ”
“อ-อืม ผมชื่อ ‘เรียวเฮ’ครับ ”
'เอ๊ะ? น-นี่มันท่านมิกินี่คะ'
‘ส่วนอีกคน…อ่อ พระรองนี่เอง’ (//ทำไมReactionมันต่างกันแปลกๆหว่า?)
เธอตกใจมากเพราะไม่คิดว่าแค่เข้ามาวันแรกก็เจอแจ๊คพ็อตเลย
ตึกตัก….ตึกตัก
‘อ่า…นิสัยเสียมาอีกแล้ว’
เวลาที่เธอตื่นเต้นนิสัยเสียของเธอก็ชอบหลุดออกมา นั่นก็คือการสั่นแบบไร้เหตุผลนั่นแหละ มันน่ารำคาญมากๆเลยล่ะค่ะ
เมื่อทั้ง2เห็นเด็กใหม่ที่เข้าไปทักไม่พูดอะไรสักอย่างก็ไม่ได้พูดอะไรแถมพอเห็นว่าเด็กที่มาใหม่ตัวสั่น ทั้ง2จึงมองหน้ากัน ก่อนที่จะเดินออกไป
เมื่อมิยูเห็นดังนั้นจึงกลับมาตั้งสติได้และเมื่อจะทักออกไปก็พบว่ามันสายไปแล้ว
‘ไม่สิ…แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะมั้ง?’
ถึงแม้ว่าเธอจะคิดอย่างงั้นแต่ดวงตาของเธอก็ยังคงมองไปที่แผ่นหลังของทั้ง2สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะรีบเบนสายตาเพราะ ท่านมิกิได้หันกลับมามองเธอ
‘เกือบไปแล้วสินะคะ’
พอผ่านไปหลายนาทีเธอก็ไม่ว่ารู้จะทำอะไรดี เธอจึงตัดสินใจลงไปนั่งจุ้มปุ๊กตรงมุมที่เห็นเด็กๆทุกคนเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนานพร้อมด้วยรอยยิ้ม
‘เป็นรอยยิ้มที่สวยจังเลยนะ’
.
.
.
10 นาทีผ่านไป
“เด็กใหม่ มาเล่นกับพวกเรามั้ย?”
รู้สึกว่าจะมีคนเห็นเธอแล้วสินะ
“อื้อๆ สนุกนะ เล่นกันเถอะ”
‘เฮ้อ น่ารำคาญ’
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงส่ายหัวเล็กน้อยก่อนที่จะมองออกไปที่นอกหน้าต่างเหมือนเดิม
พอเด็ก2คนที่มาชวนเล่นเห็นดังนั้นจึงเกิดอาการงงพร้อมกับจ้องหน้ากันว่าจะทำไงดี สุดท้ายก็ต้องกลับไปเหมือนเดิม
ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เกิดซ้ำไปซ้ำมาจนเธอรำคาญ จนกระทั่ง
“กลับมาแล้วจ้าา”
“หม่าหม๊าา”
“ยินดีต้อนรับกลับครับ/ค่ะ”
“หม่าหม๊าซื้อของมาเยอะเลย มาๆ มาช่วยกันทำอาหารดีกว่า เดี๋ยวหม่าหม๊าขออาสา2คนนะจ๊ะ ที่เหลือไปนั่งรอเลยจ๊ะ”
พอทุกคนตอบรับเสร็จ ก็รีบไปนั่งที่โต๊ะอาหารทันทีและจะมีบางคนที่เดินไปแจกช้อน,ส้อม,จาน ก่อนที่จะมานั่งที่เดิม
เมื่อทานอาหารเสร็จแม่ชีก็ได้พาเธอไปที่ห้องนอนใต้หลังคาเพราะเตียงนอนไม่พอซึ่งเธอก็ไม่ว่าอะไร เอาจริงๆเธอก็กำลังคิดว่าจะอธิบายเกี่ยวกับบ้านหลังนี้เหมือนกัน เพราะแม้จะทรุดโทรมแต่ก็ถือว่าเป็นบ้านที่ใหญ่ระดับนึง ในบ้านประกอบด้วยห้องนอน2ห้อง 6เตียง ห้องน้ำรวม1 ห้องทำอาหาร1 ห้องกินข้าว1 ห้องสมุด1 ห้องนั่งเล่น1 และห้องส่วนตัวของคุณแม่ชีอีก1 รวมห้องใต้หลังคาทั้งหมดก็10ห้อง
ส่วนที่เธอรู้ก็เพราะว่าหลังกินข้าวเสร็จเธอก็ไปเดินสำรวจแล้วนั่นแหละ อีกอย่างคงไม่มีใครสังเกตุอยู่แล้วเพราะก็คงเหมือนเด็กที่อยากรู้อยากเห็นไปเรื่อยนั่นแหละนะ
แต่เธอสงสัยนิดหน่อยก็เพราะว่า1ห้องมี6เตียง2ห้องก็12เตียง แล้วทำไมแม่ชีถึงต้องให้เธอนอนห้องใต้หลังคา อันนี้เธอก็ไม่รู้
.
.
.
ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาที่บ้านนี้ก็เป็นเวลา 5 วันแล้วนั่นแหละ เธอมักจะทำทุกๆอย่างเป็นลูปวนไปเรื่อยๆ ตื่นมาก็อาบน้ำ กินข้าว ช่วยทำงานบ้าน อ่านหนังสือ แอบมองท่านมิกิ กินข้าว แล้วก็นอน
แต่ช่วงนี้พวกเด็กเล็กและคนอื่นๆรู้สึกจะแปลกขึ้นนิดหน่อยเพราะว่าเวลาพวกพี่ใหญ่ทั้ง3 คือ ท่านมิกิ คุณเรียวเฮ และ ทาคุยะไม่อยู่เมื่อไหร่ พวกนี้จะมีนิสัยแปลกๆ เช่-
ซ่า
“อ้าว โทษทีพอดีฉันไม่เห็นน่ะ”
‘เฮ้ออ….พูดยังไม่ทันขาดคำ’
ใช่ช่วงนี้รู้สึกทุกคนจะชอบทำอุบัติเหตุใส่เธอ ความจริงเธอก็รู้ว่าไม่ใช่อุบัติเหตุแต่ตั้งใจเพราะเธอก็โดนแบบนี้อยู่บ้างเมื่อก่อน ซึ่งวันนี้ถือว่าเบาแล้ว เพราะหนักสุดก็ต้องเมื่อวานนั่นแหละ
เมื่อหวานเธอโดนเด็กผู้หญิงคนนึงเผลอทำแจกันแตกใส่ข้อเท้าเธอจนเลือดไหล โชคดีที่แค่เลือดไหลนิดหน่อย แค่แปปเดียวร่างกายของเธอก็กลับมาปกติเหมือนไม่เตยโดนอะไรมาก่อน
เอาเถอะ เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจอยู่แล้วเพราะเธอโดนมาบ่อยจนชินน่ะนะ
เธอได้รับความรู้ใหม่ๆมาเยอะมาก เรื่องนี้เธอคงต้องขอบคุณแม่ชีที่ทำห้องสมุดนั่นแหละ ถึงจะมีไม่เยอะมาแต่อย่างน้อยก็ทำให้เธอรู้เรื่องของโลกนี้เยอะขึ้นนั่นแหละ(//ไอ้คำว่าไม่เยอะนี่คือ 60 เล่มอ่ะนะ ฮะๆ)
อืมม เอาคร่าวๆละกัน โลกนี้มี อยู่6อณาจักร มีเผ่าอยู่10เผ่า ส่วนสกุลเงินมีอยู่สกุลเดียว ใช้หกุลนี้ทั้งโลกและ…ชื่อสกุลเงินมันทำให้เธอหิวแบบแปลกๆ เพราะมันชื่อว่า สกุลเงิน'ไมโล' นั่นแหละ
แล้วก็เธอจำไม่ได้ว่าเล่าไปรึยังว่าที่นี่มีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ด้วย แต่ช่างเถอะ ยังไงเธอก็จะบอกอยู่ดีนั่นแหละ เวทมนตร์นั้นได้ปรากฎขึ้นมาในช่วง………………แล้วก็……………แถมยังมี…………….ในตอนแรกนั้น………………..แถม……………….อ่าา จริงสิ นิสัยเสียอีกอย่างคือถ้าเกี่ยวกับเรื่องที่เธอชอบเธอก็จะพูด(คิด?)ไปเรื่อยๆ
เอาเถอะ เรื่องพวกนี้เดี๋ยวเธอค่อยเล่าทีหลังก็ได้ เธอคิดว่าตอนนี้เธอควรเลิกออกนอกเรื่องได้แล้วสิ เพราะรู้สึกว่าเธอจะกลับมานั่งที่ห้องตัวเองโดยไม่รู้ตัวอีกแล้วสินะ งั้นนอนเลยละกัน
.
.
.
วันต่อมา
6 โมงเช้า
กิ๊ววว กิวววว
“อืมม…เช้าแล้วเหรอคะ?”
[ครับ ตอนนี้เช้าแล้วครับ]
อย่างที่ทุกคนคิดนั่นแหละ เจ้า2ตัวนี้ก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกถึงมันจะดูไร้ตัวตนก็เถอะ เธอก็แค่ให้พวกมันกลับไปใช้ชีวิตที่ป่าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือให้พวกมันมีหน้าที่มาปลุกเธอในเวลาตอนเช้านั่นแหละ ก็นะ ในโลกนี้มันไม่มีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า นาฬิกาปลุก นี่เนอะ?
“อืม ขอบใจละกัน…..กลับไปได้แล้ว ”
กิวๆ
[ครับ เดี๋ยวจอกันพรุ่งนี้ครับ]
.
.
.
ตึก ตึก ตึก
“…”
‘วันนี้พวกพี่ใหญ่ไม่อยู่สินะคะ’
‘หวังว่าวันนี้จะไม่วุ่นวายนะ’
เมื่อเธอกินเสร็จในตอนที่เธอกำลังเดินไปเก็บจานนั้น เธอก็คิดไปด้วยว่าวันนี้จะทำอะไรดี แต่สายตาเธอก็ดันไปเห็นขาของคนๆนึง
‘มุกเด็กชะมัด จะว่าไป…เธอก็ไม่ได้อยากโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวอยู่แล้วล่ะนะ’
‘งั้นเอาคืนนิดๆหน่อยๆจะเป็นไรไปล่ะ…เนอะ?’
พอเธอเดินใกล้จะถึงขาของทาเคชิที่เหยียดออกมา เธอก็'เผลอ'เดินเหยียบข้อเท้าของคนๆนั้น ทำให้เธอ'เผลอ'ล้มจนทำให้จานของเธอที่มีเศษอาหารเหลือนิดหน่อย ฟาดใส่หน้าของทาเคชินั่นแหละ
“แก!”
หลังจากนั้นเธอก็รีบยืนขึ้นแล้วก้มหัวเป็นการขอโทษพร้อมทำหน้ารู้สึกผิดส่งไป
“ฮึ่ย”
พอเธอเห็นดังนั้นมันจึงทำให้เธอก้มหน้าลง พร้อมตัวสั่นเล็กๆ แต่คงใบหน้าที่ก้มหน้าของเธอไม่ใช่ใบหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเคย แต่เป็นใบหน้าที่เหยียดยิ้มอย่างสะใจ
‘เอาล่ะ…หมดเวลาเล่นสนุกของเด็กๆแล้วนะคะ’
‘อืมม แต่จะให้เล่นแค่วันนี้เท่านั้นแหละนะ’
เธอใช้เวลาซักพักในการปรับใบหน้า เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทุกๆคนทำเป็นว่าเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นแต่อยู่ดีๆเจ้าทาเคชิก็เดินมากระซิบกับเธอว่า
“เจอกันหลังบ้าน”
หงึก
เธอพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมตัวสั่นอีกนิดหน่อย คราวนี้เธอตื่นเต้นมากเลยล่ะ เธอกำลังคิดว่าจะ'แกล้ง'เจ้าเด็กพวกนี้ยังไงดี ระหว่างนี้เธอจึงไปหยิบเศษกระจกที่อยู่ในผ้าที่ห่อไว้ลงไปในกระเป๋า
อ๊ะ พวกคุณคงไม่ได้คิดว่าฉันจะหยิบเศษกระจกพวกนี้ไปฆ่าใครหรอกใช่มั้ยคะ? ถ้าคิดอย่างนั้นนี่ถือว่าคุณใจร้ายมากๆเลยนะคะ?
ฉันไม่ได้กล้าถึงขั้นที่จะไปฆ่าใครหรอกนะคะ ฉันแค่หยิบเป็นของป้องกันตัวเฉยๆเท่านั้นแหละ
ตึกๆๆๆ
“มาแล้วหรอ?มานี่สิ”พอเธอเดินมาถึงที่หมายแล้วเธอก็พบว่านอกจากเจ้าทาเคชิแล้วยังมีพวกลูกกระจ๊อกของเจ้านี่ด้วย
จะว่าไปเธอคิดว่าเธอรู้แล้วว่าทำไมเธอรู้สึกคุ้นๆ ที่แท้ก็ไอ้การแกล้งโดยการข่มด้วยจำนวนนี่เอง เพราะเมื่อด่อนตอนเด็กๆ ในตอนที่เธอยังมีความรู้สึกอื่นๆมากกว่าตอนนี้เล็กน้อย เธอก็โดนแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอก็กลัวแค่แรกๆนั่นแหละ เพราะเอาเข้าจริง ส่วนใหญ่พวกมันก็มีดีแค่จำนวนนั่นแหละ
ยังไงก็ตามนั่นก็แค่คนที่เธอเคยเห็นเท่านั้น เพราะบางกลุ่มอาจจะแข็งแรงก็ได้น่ะน-
ซ่า
“นี่ไง ฉันอุส่าห์ช่วยเธอลบกลิ่นเหม็นๆแล้วนะ”
‘บางทีเธอก็สงสัยนะว่าเจ้าพวกนี้เป็นอะไรกับน้ำรึเปล่า? เห็นจะแกล้งทีไรก็ต้องสาดน้ำใส่ทุกที ’
“เอ๋ กลิ่นเหม็นของอะไรอ่ะลูกพี่?”
‘นี่ก็อีกเรื่อง ทำไมเวลาแบบนี้ไม่รีบทำให้จบๆ จะพล่า-แฮ่ม พูดอะไรเยอะแยะเนี่ย เมื่อย…’
“ถามได้ ก็ต้องเป็นกลิ่นของเจ้าพวก'ซาตาริ'อยู่แล้วน่ะสิ!”
“5555+”
‘แล้วก็ต้องหัวเราะตามสเต็ปสินะคะ จะว่าไปถ้าจำไม่ผิดไอ้เผ่าซาตาริคือเผ่าปีศาจสินะคะ?’
เผ่าซาตาริคือเผ่าปีศาจ เป็นเผ่าที่เผ่าส่วนใหญ่ต่างรังเกียจ เคียดแค้น และหวาดกลัว เพราะในอดีต เผ่าซาตาริเคยไปทำลาย และเข่นฆ่าคนของเผ่าต่างๆมากมายจนทำให้เผ่าที่โดนเข่นฆ่าหลักๆ6เผ่าพร้อมใจกันร่วมมือปราบจนในปัจจุบันเผ่าซาจาริถือเป็นเผ่าอันดับ2ที่ใกล้จะสูญพันธ์นั่นเอง ซึ่งลักษณะเด่นของมันก็คือ ผมดำ และตาสีแดงเหมือนเลือด ซึ่งไอ้ลักษณะแบบนี้ทุกคนก็น่าจะคุ้นๆเนอะ?
ใช่….ไอ้ลักษณะแบบนี้ก็เธอนั่นแหละ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช่วงนี้หลายคนถึงมีนิสัยแปลกๆ แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือท่านแม่ชีนั่นแหละ เพราะเจ้าตัวก็ดูพูดด้วยกับเธอเป็นปกติ หรือไม่ก็คง….นั่นแหละ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว เพราะยังไงนี่ถือเป็นการละเล่นที่เด็กมากๆสำหรับเธอ แถมมันยังถือเป็นการแก้เบื่อลักษณะแปลกๆด้วยล่ะนะ
เธอก็แค่เสียเวลาเปลี่ยนผ้าแปปเดียวเท่านั้นแหละ
ผลัก………ตุบ!
“อ้าว เธอไปนอนอยู่ตรงนั้นทำไมล่ะง่วงหรอ? คิกๆ”
‘อ่า..แต่ถ้าแบบนี้เธอก็เริ่มหมดความอดทนแล้วเหมือนกันนะคะ?’
ตุบ!
“โทษทีๆ พอดีเท้าดันลื่นไปโดนท้องเธออ่ะ”
“คิกๆๆ”x3
‘เหอะ! ได้ พวกมันคงไม่อยากโตแล้วสินะคะ ’
ตอนนี้ความอดทนของเธอขาดผึง เส้นเลือดเริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น นัยน์ตาเริ่มหม่นแสงก่อนจะตวัดสายตาไปที่พวกเด็กตัวแสบ
“ทำไมมองหน้าฉันอย่างงั้นล่- โอ๊ย!”
เธอหยิบเศษกระจกชิ้นที่ใหญ่ที่สุดออกมาก่อนที่จะทิ่มไปที่เท้าของมันจนเลือดไหลออกเล็กน้อย พอเห็นเลือดออกแล้วเธอก็ดึงมันออกมาก่อนที่จะง้างมือเพื่อเตรียบแทงมันอีกครั้ง
แต่ก่อนที่จะได้ทำตามที่เธออยากนั้น เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง นั่นทำให้เธอทำเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น
ฉึก!
ใช่เธอทิ่มไปที่มือตัวเองก่อนที่จะทรุดตัวลงพร้อมหัวเราะเล็กน้อย
“ฮิๆ”
“ฮ-เฮ้ย! นั่นแกทำไรอ่ะ”
“ปีศาจ! มันต้องเป็นปีศาจแน่ๆเลย”
“ทำไงดี!?”
‘เอาล่ะ หมดเวลาสนุกที่แท้จริงของพวกแกแล้ว….’
‘คราวนี้….ถึงตาของเธอแล้วล่ะ’
.
.
.
.
.
To be continued
-ให้ นักอ่านผู้น่ารักทุกท่าน-
แหะๆ เอาล่ะค่าาา นี่คือความสโลว์ไลฟ์ของเรื่องนี้ล่ะค่ะ! ก็นะ ขอโทษสำหรับความยืดเยื้อน้าาาา นั่นแหละ เพราะฉะนั้นหวังว่าจะทำใจได้น้าา
ในที่สุดมันก็จบรอดไปอีก 1 ตอนล่ะนะ นี่เค้าใส่ความตั้งใจมากๆเลยนาาา
จะว่าไป จะมีคนมองคำใบ้ของเค้าออกบ้างมั้ยน้าาาา? ฮิๆ งั้นก็ไว้เจอกันในตอนหน้า หวังว่าจะไม่ทิ้งเค้าไปล่ะ! บายๆ(หวังว่าเรื่องนี้จะมีคนอ่านนะ!!)
-จาก Tsukino-
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ