I'm Promise เกิดใหม่ในนิยายที่ชอบ!?(ชื่อชั่วคราว)

-

เขียนโดย Tsukiyo_

วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 00.55 น.

  6 ตอนที่
  10 วิจารณ์
  5,508 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2564 02.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) สถานที่ใหม่??

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

คำเตือน(//นี่เค้าเตือนแล้วนะคะ) ตอนนี้อาจมีการใช้ความรุนแรงนิดนึง(มั้ง?) แต่เค้าก็ไม่ได้แต่งฉากน่ากลัวๆเก่งอยู่แล้ว แต่ก็ขอเตือนไว้นิดนึงละกัน เพราะถึงยังไงซะจะได้ถือว่าเตือนแล้ว(//พูดอะไรของเค้าเนี่ย? งงตัวเองแปป555+)ใครอ่านแล้วไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเค้าก็ไม่เข้าใจบวกเมาแล้วค่ะ

 

 

 

 

 

 

Miyu Part

 

ไม่-เจ็บ-หรอก-ค่ะ

 

  เธอพูดพลางค่อยๆเดินไปไกล้เจ้าสไลม์หางแมว ที่ตอนนี้มันตัวสั่นอย่างกับแผ่นดินไหว ดวงตาทั้ง8ดวงของมันสั่นไหว 

 

แถมยังมีน้ำบางอย่างที่คล้ายๆกับน้ำตาแต่เป็นสีเลือดเข้มคลออยู่รอบๆเบ้าตาทั้งหมดอย่างน่าสงสาร

 

 ทั้งๆที่รูปร่างของมันน่ากลัวไม่น้อยไปกว่าเจ้าสไลม์เขานั่นเลยสักนิดแท้ๆ

 

    ถึงเธอจะชื่นชอบสิ่งที่น่ารักๆและพวกของนุ่มฟูหลายๆอย่างก็จริง 

 

แต่ถ้ามันทำให้เธอรู้สึกโมโหล่ะก็ เธอก็ไม่มีทางอ่อนข้อให้มันอย่างเด็ดขาด 

 

แล้วเธอยิ่งเป็นพวกที่เหมือนโรคจิตหน่อยๆตรงที่ว่าชอบเห็นสิ่งมีชีวิตถูกเธอทำให้กลัว 

 

ยิ่งมันแสดงความกลัวต่อเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งแกล้ง(//มันทารุณชัดๆ)มันหนักกว่าเดิมมากเท่านั้น

 

    ในตอนนี้ ขณะที่ตาของเธอกำลังมองเจ้าสไลม์หูแมวที่เหมือนจะกลัวเธอมากๆอยู่ 

 

สมองเธอก็กำลังคิดว่าจะทรมาณมันยังไงดี? 

 

จะควักลูกตามันดีมั้ยนะ? หรือจะใช้ไม้ทิ่มเข้าไปในตาดีนะ? 

 

อาา~ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอยากลองทำ จะว่าไปแล้ว…..

 

รู้สึกว่าเธอจะนอกเร่องอีกแล้วสินะคะ งั้นรีบๆทำดีกว่าไม่งั้นคงเบื่อกันตาย

 

หมับ!

 

เธอใช้มือขวาจับเข้าที่สไลม์หูแมวอย่าง(ไม่)เบามือ

 

“เอาล่ะค่ะ ไม่ต้องกลัวนะ?”

 

“ฉันจะทำอย่างเบามือเลยล่ะค่ะ”

 

ฉึก!

 

พอกล่าวจบ เธอไม่รอช้ารีบเอาไม้แหลมทิ่มเข้าไปในลูกตาของมัน1ดวงเข้าอย่างจัง เพียงผ่านไม่กี่วินาที มันก็เริ่มส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดอย่างน่ารัก(?)

 

ป-ปิววว ปิ๊วๆๆ!!

 

“เอ๋? เจ็บหรอคะ”

 

ฉึก!

 

“ทำไมเสียงน่ารักจังเลยล่ะคะ?”

 

ฉึก!

 

“ร้องออกมาดังๆหน่อยสิคะ ฮิๆ”

 

 เธอพูดจบ1ประโยคเธอก็จะแทงดวงตาของมันอีก 1ดวง

 

“...เสียงเพราะจังเลยนะคะ?” 

 

ฉึก ฉึก  ฉึก !

 

ปิว ป-ปิว ปิ๊วววๆๆ

 

ท่ามกลางป่าที่แสนเงียบสงบ ได้มีเสียงหัวเราะดังประสานขึ้นกับเสียงหวีดร้องอย่างเจ็บปวด มันเป็นเสียงที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมาก 

 

แม้เสียงของเด็กสาวจะใสหรือต่อให้เสียงหวานกว่านี้ สำหรับเจ้าสไลม์หูแมวนั้น ยังไงเด็กสาวคนนี้ก็เป็นดั่งปีศาจในคราบของเด็กสำหรับมันอยู่ดี

 

.

 

.

 

.

 

5 นาทีผ่านไป

 

ถึงแม้จะเป็นเวลาที่ดูสั้น แต่มันกลับเป็นเวลาที่ยาวและทรมาณเป็นอย่างมากสำหรับเจ้าสไลม์หูแมว 

 

เพราะใน5นาทีที่แสนสั้นนั้นเด็กสาวได้ทรมาณสไลม์มีหูหลายอย่าง 

 

ไม่ว่าจะเป็นการควักลูกตา ใช้ไม้แหลมทิ่มหูจนทะลุ ทิ่มหางจนขาด แม้ว่าสไลม์จะไม่รู้สึกจากการโจมตีก็จริง

 

 แต่ทุกตัวนั้นจะมีจุดอ่อนที่แตกต่างกัน เช่นบางตัวเจ็บที่เขา เป็นต้น 

 

และดูเหมือนว่าเจ้าสไลม์มีหูตัวนั้นจะมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดเป็นจำนวนมาก 

 

ตั้งแต่ หู หาง และตา ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่หายากมากๆ ในหมู่สไลม์

 

Miyu Part

 

ในระหว่างที่เธอกำลังเล่น(?)กับเจ้าสไลม์มีหูอยู่เธอก็นึกขึ้นได้ว่าสไลม์แต่ละตัวจะมีจุดอ่อนไม่เหมือนกันและรู้สึกว่าเจ้าตัวนี้จะเป็นพวกที่มีจุดอ่อนหลายที่ด้วยสิ?

 

เธอสันนิษฐานว่าถ้าเธอทำลายดวงตาของมันทั้ง8มันคงตายแน่ๆ 

 

เธอจึงแทงดวงตามัน 6ดวง อีก 1ดวงเธอควักออกมาแล้วบี้จนแตก แล้วก็รังแกมัน(ไม่)นิดๆหน่อยๆให้หายโมโห

 

“เฮ้อ….ค่อยดีขึ้นหน่อยค่ะ”

 

ก-กิว…กิว กิ๊ววๆ กิ๊วววววว

 

เธอเหลือบตามองสไลม์เขาอีกตัวที่พึ่งตื่น(//สำหรับคนงงทุกคน ตอนที่เธอเห็นสไลม์มีหูเธอก็ใช้ไม้แหลมทิ่มเข้าไปที่เขาจนหลุดแล้วมันก็ช็อคจนเผลอหลับไปนั่นเองค่ะ)ที่ตอนแรกมันดูงงๆ 

 

แต่หลังจากที่มันเห็นสไลม์มีหูที่สภาพปางตายก็รีบพาร่างที่เหมือนเยลลี่ที่เหลวของมันไปไกล้ๆพร้อมกับร้องเสียงที่เหมือนจะโหยหวนไปด้วย

 

‘…นี่เธอเป็นคนผิดใช่มั้ย?’

 

เจ้าสไลม์มีเข้าตัวนั้นพอมองสภาพของเพื่อนมัน(มั้ง)ก็มองมาที่เธอด้วยสายตาที่มีหลายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น เจ็บปวด เศร้า โกรธแค้นและอื่นๆ 

 

อยู่ดีๆเธอก็เหมือนนึกถึงตัวเองสมัยก่อนซ้อนทับกับเจ้าสไลม์ทั้ง2

 

{ฮึกๆ ม-แม่จ๋า พ่อจ๋า อ-อย่าเป็นอะไรน-ฮึก}

 

ภาพของเด็กสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องผ่าตัดร้องไห้พลางพูดแต่ประโยคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ในตอนนั้นเธอทั้งรู้สึกเจ็บปวด เศร้า หดหู่ มีหลากหลายอารมณ์ที่ตีกันมั่วไปหมดจนสุดท้าย

 

 หลังจากที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัดนั้น ก็พูดเพียงประโยคเดียว

 

{เสียใจด้วยครับ เราพยายามแล้วแต่…}

 

เพล้ง

 

ภาพทุกๆอย่างราวกับกระจกที่ค่อยๆแตกก่อนจะพังทลายลง ในตอนนั้นเธอมีเพียงอารมณ์เพียงอย่างเดียว 

 

นั่นก็คือความสิ้นหวัง แม้เธอจะทำทุกอย่างเหมือนเดิมแต่เธอก็มักจะร้องไห้ในตอนกลางคืนทุกวันๆๆ

 

 จนผ่านไปหลายเดือนเธอก็ไม่ร้องไห้อีกแล้ว เพราะเธอไม่รู้สึกอะไรเลย ดวงตาที่เคยมีความฝันมีแสงสว่างในตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นดวงตาที่แสนจะมืดหม่นและสิ้นหวัง

 

กิววว กิวววว

 

“เฮ้ออ…”

 

เธอหลุดจากห้วงความคิดของเธอหลังจากที่เธอได้ยินเสียงร้องของสไลม์เขาที่เอาแต่ร้องเหมือนพยายามเรียกสติเพื่อนของมัน

 

‘บางที…เธอควรเลิกนิสัยเสียแบบนี้จริงๆนั่นแหละ’

 

ตึก ตึก ตึก

 

เธอเดินไปไกล้สไลม์ทั้ง2ก่อนที่จะหยิบพวกมัน

 

ก-กิ๊ว กิ๊วๆๆๆ

 

เจ้าสไลม์เขามันพยายามที่จะดิ้นแต่มันก็ต้องหยุดเพียงแค่เธอมองมัน ก่อนที่เธอจะโยนสไลม์ทั้ง2ลงไปในบ่อน้ำที่บังเอิ๊ญ บังเอิญอยู่ข้างหลังของเธอ

 

ในตอนนี้เธอสงสัยอยู่2อย่าง 1.ทำไมถึงมีบ่อน้ำอยู่ข้างหลังเธอได้ และ 2.ทำไมเจ้าสไลม์เขาถึงไม่ใช่น้ำลายพิษใส่เธอ? 

 

แต่เธอก็ยังคงใช้คำพูดเดิมๆนั่นก็คือ'ช่างเถอะ' นั่นเอง ถึงสงสัยไปเธอก็ไม่คิดว่าจะหาคำตอบอะไรได้อยู่ดี

 

(//คือที่มิยูโยนสไลม์ลงไปในน้ำก็เพราะว่าเวลาสไลม์มีแผลมันก็มักจะลงไปในน้ำเพื่อให้เพื่อรักษา แต่ยิ่งมันมีแผลสาหัสมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งต้องแช่น้ำนาน แถมน้ำที่มันแช่หลังจากที่ขึ้นมามันจะกลายเป็นกรดทันที ส่วนที่มิยูรู้นั่นก็เพราะว่า…มั่ว  เอาง่ายๆก็คือเธออ้างอิงจากมังงะในโลกเก่าของเธอนั่นเอง)

 

เธอมองสไลม์ทั้ง2ตัวที่ตอนนี้อยู่ใต้น้ำพลางคิดไปว่า

 

‘มันน่าจะรักษาใต้น้ำเหมือนมังงะได้มั้ง?’

 

‘น่าจะอีกนาน งั้นนอนพักสัก10นาทีละกัน’

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงเดินไปใต้ต้นไม้แล้วหลับทันทีด้วยความเหนื่อยจากการออกกำลังกาย

 

.

 

.

 

.

 

ณ จักวาลแห่งหนึ่ง

 

“น-นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว”

 

“อ่าา~”

 

“เฮ้ยๆ ตั้งสติก่อนๆ ใครก็ได้รีบๆพาท่านหมอมาเร็วๆ”

 

เฮ้อออ ถึงจะสนุกก็จริง แต่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆนั่นแหละนะ รู้สึกปวดหัวแปลกๆ ใครก็ได้เอายาแก้ปวดมาให้เราด้วย”

 

.

 

.

 

.

 

10 นาทีผ่านไป

 

Miyu part

 

ป-ปิวๆ/กิวๆ

 

เธอเริ่มรู้สึกตัวเพราะเสียงของพวกสไลม์ ก่อนที่จะลืมตาขึ้น เธอก็พบว่าเจ้าสไลม์ทั้ง2จ้องมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนจะหวั่นเกรงเธอ พอเธอลองสังเกตดีๆ เธอก็พบว่าเจ้าสไลม์เขานั้น เขาข้างที่เธอเผลอดึงออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ 

 

ในตอนนี้ได้งอกกลับมาแล้ว แต่มันกลับงอกออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนอีกตัว หูและหางของมันปกติดีแต่ตาของมันกลับโบ๋ไป 1ดวง 

 

“มีอะไร”

 

เมื่อเธอยื่นมือออกไปหวังจะหยิบเจ้าสไลม์ทั้ง2ออกไป เธอก็พบว่ามือขวาของเธอมีสัญลักษณ์คล้ายๆเขากับหางแมวผสมกัน

 

“…นี่มัน?”

 

ถ้าเธอคิดไม่ผิดล่ะก็…มันน่าจะเป็นการผูกพันธ-

 

[พันธสัญญา]

 

อยู่ดีๆก็มีเสียงที่นุ่มทุ้ม เข้ามาแทรกมนระหว่างที่เธอคิดอยู่ ในตอนนี้เธอก็คิดมาได้อีกอย่างนึง

 

“อย่าบอกนะว่า…”

 

เธอเหลือบมองไปที่สไลม์มีหูที่ถึงแม้ว่ามันจะแสดงว่ามันกลัวแต่มันกลับมายืนบังสไลม์เขาไว้

 

[ค-ครับ คิดถูกแล้วครับ]

 

“หมายความว่ายังไง?”

 

เธอถามพลางมองมันด้วยสายตาที่เรียบเฉย(สำหรับเธออ่ะนะ)

 

[เอ่ออ คืออ นั่นก็เพราะว่า…………]

.

 

.

 

.

 

3 นาทีผ่านไป(//เวลานี่ผ่านไปเร็วจังน้าา)

 

เธอสรุปได้คร่าวๆว่าเพราะเธอนั้นดันไปดึงเขาและลูกตาของพวกสไลม์ทั้ง2อย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วดันโยนพวกมันลงน้ำเพื่อรักษา 

 

กลไกของพวกมันจึงทำงาน ผูกสัญญาโดยอัตโนมัติเพราะนึกว่าเธอช่วยมันไว้ (//อาเมน)(*//โคตรมั่ว????)

 

แถมที่มันสามารถสื่อสารกับเธอได้ก็เพราะเธอได้ผูกพันทสัญญาไว้ ส่วนที่สไลม์เขาไม่พูดนั่นก็เพราะว่าเธอยังมีพลังมานาไม่พอที่จะฟังสไลม์ทั้ง2ได้

 

“แล้วพวกเธอมีชื่อไหม?”

 

ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะจะให้เธอเรียกสไลม์เขากับสไลม์หูแมวก็ยาวไปนั่นแหละ

 

[ม-มีครับ ผมชื่อ ‘คุโระ’เป็นสไลม์สายพันธ์ุแมวครับ]

 

[ส่วนนี่เพื่อนของผม'ลูน่า'เป็นสไลม์สายพันธ์ุ….ครับ]

 

“สายพันธ์อะไรนะ?”

 

[สายพันธ์…ครั- อ่อ ผ-ผมลืมไปว่าถ้าพลังมานายังไม่ถึงก็จะฟังสายพันธ์ไม่ได้ครับ]

 

สไล-ไม่สิ คุโระพูดไปตัวสั่นไป

 

‘ตรรกะไหน(วะ)คะ? โคตรไม่สมเหตุสมผลยังไงๆแฮะ’

 

‘ช่างเถอะ’

 

“พวกนายไม่ต้องกลัวฉันก็ได้”

 

อยู่ดีๆสไลม์ทั้ง2ก็มีความคิดเดียวกัน

 

{มันได้ที่ไหน/ได้ก็บ้าแล้ว}

 

“อ่อ พวกนายคงกลัวฉันเรื่องเมื่อกี้สินะคะ”

 

“เรื่องเมื่อกี้พอดีโมโหนิดหน่อยน่ะค่ะ”

 

{ถ้าเกิดโมโหมากๆเราจะไม่ตายเลยใช่มั้ย?}

 

{น-นั่นสิ}

 

“คือ…ช่างเถอะ”

 

เธอรู้สึกผิด…บางทีเธอก็คิดว่าตั้งแต่มาอยู่โลกนี้ เธอก็พบว่าเธอเริ่มมีความรู้สึกใหม่ๆเข้ามาเพิ่มขึ้นแบบแปลกๆ 

 

ทั้งความรู้สึกผิดที่มีมากกว่าแต่ก่อน เธอไม่แน่ใจว่านี่ถือเป็นเรื่องที่ดีรึเปล่าแต่ในตอนนี้เธอคิดว่าอาจจะดีก็ได้ล่ะมั้ง? 

 

โครกกก

 

“….จริงสิ ยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่น-อึก”

 

เธอกะว่าจะลุกขึ้นไปหาผลไม้มากิน แต่พอลุกขึ้นแล้วเธอกลับต้องล้มลงไป 

 

และเมื่อเธอลองก้มไปมองที่ขาของเธอ ก็พบว่าบริเวณขาที่โดนน้ำลายของลูน่ามีสีเขียวเข้ม 

 

‘ลืมไปเลยแฮะว่าเราโดนพิษ’

 

“นี่….”

 

กึก 

 

[ค-ครับ]

 

แค่เธอพูดว่า นี่ คำเดียวคุโระก็สะดุ้งแล้ว 

 

“ทำยังไงถึงจะหาย?”

 

เธอพูดพลางชี้ไปที่ขาของเธอ

 

[อ่อ เอ่ออ ลูน่า…ลู-น่า]

 

เหมือนคุโระจะส่งสายตาให้ลูน่าทำอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็เหมือนจะไม่ยอมแต่พอถูกคุโระเรียกอีกครั้งก็ต้องยอมโดยดี 

 

ลูน่ากระโดดเข้าไปที่ขาของเธอหลังจากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกถึงแรงดูดที่ไม่ได้แรงแต่ก็ไม่ได้เบาจนเกินไป 

 

หนึบ-ปุ(//จินตนาการว่าลูน่าปล่อยตัวจากขามิยูแล้วไปอยู่บนพื้นนะงับ)

 

พอเธอลองมองขาของเธออีกที ก็พบว่ารอยสีเขียวได้หายไปแล้ว

 

“….ขอบคุณ

 

เธอพูดเสียงเบา

 

[อ-อะไรนะครับ?]

 

“เปล่าหรอก…รีบไปหาอาหารกันเถอะ”

 

.

 

.

 

20 นาทีผ่านไป

 

เธอไปหาผลไม้ที่มีลักษณะเหมือนกล้วยแต่สีชมพูมากิน ส่วนคุโระและลูน่าเธอลองถามเรื่องการกินแล้ว

 

 

จึงได้รู้ว่าคุโระกินได้แต่มนุษย์ส่วนลูน่ากินได้แต่สัต-ไม่สิมอนสเตอร์สินะ?

 

ระหว่างที่เธอเดินสำรวจป่ากับเจ้า2ตัวนี้ เธอก็เห็นบ้านที่น่าจะเป็นสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้านั่นแหละ

 

 เพราะเธอเห็นเด็กอยู่ประมาณ10กว่าคนกับผู้ใหญ่ที่ใส่ชุดคล้ายๆกับแม่ชีนั่นแหละ แต่ที่เธอรู้สึกตกใจที่สุดก็คือ…

 

เธอเห็นเด็ก2คนที่หน้าคล้ายๆกับนางร้ายและพระรองในนิยายเรื่องที่เธอชอบมากที่สุด 

 

ส่วนที่เธอบอกว่าหน้าคล้ายก็ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะว่าในหน้าแรกคนเขียนได้แปะภาพของตัวละครไว้แล้ว

 

แต่ที่เธอไม่มั่นใจนั่นก็เพราะว่าเธอเห็นทั้ง2แค่แปปเดียวเท่านั้น จึงยังไม่มั่นใจแต่เธอว่าเธอต้องมาอยู่ในนิยายเรื่อง  I'm Promise แน่ๆ

 

เพราะถ้าจะขนาดนี้แล้วพล็อตตลาดส่วนใหญ่ก็ต้องทะลุมิติไม่ก็เกิดใหม่ในอนิเมะหรือนิยายอย่างเดียวแล้วนั่นแหละ

 

‘ตัดสินใจแล้วค่ะ’

 

“ฉันจะไปอยู่ที่นั่นค่ะ…ส่วนพวกนายก็อยู่ในป่าหาอาหารไปละกัน”

 

“เข้าใจใช่มั้ยคะ?”

 

[อืม เข้าใจแล้ว]

 

ที่คุโระดูไม่ค่อยกลัวเธอแล้วนั่นก็เพราะเธอตัดสินใจขอโทษแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

 

และเอาผลไม้และปลาที่พวกมันไม่รู้จักมาให้ลองกิน ถึงจะแปลกๆหน่อยที่ทั้ง2ตัวเหมือนจะไม่ได้ติดใจอะไร ทั้งๆที่เธอก็เล่น(?)กับทั้ง2คนเยอะอยู่เหมือนกัน

 

‘ช่างเถอะ’(//ประโยคซ้ำซากมากค่ะ)

 

หลังจากที่เธอเห็นทั้ง2กลับร่างเดิม(//ลืมบอกไปว่าทั้ง2ตัวมีอยู่ประมาณ2ร่างนะคะ ส่วนมิยูก็เห็นร่างจริงในตอนไปเก็บผลไม้แรกๆก็ตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้อะไรแล้ว)ที่แสนน่ารักกลับเข้าป่าแล้ว

 

 

 

คุโระ

 

ลูน่า

 

 

เธอก็ต้องมานั่งคิดหนักอีกว่าจะต้องทำยังไงในการจะเข้าไปในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าดี 

 

ต้องเข้าใจก่อนนะ ว่าโลกเดิมเธอไม่ชอบเข้าสังคมและเข็ดกับการมีเพื่อนที่ไม่ดีจนไม่ได้คุยกับใคร 

 

จะให้อยู่ๆเข้าไปตีบทน้ำตาแตกหรือแสดงเป็นเด็กไร้เดียงสาขออยู่ด้วยก็แปลกๆ

 

'ทำยังไงดีๆๆๆ'

 

ในระหว่างที่เธอจมอยู่ในห้วงความคิดโดยไม่รู้ตัว เธอกลับไม่รู้เลยว่าต้นไม้ที่เธอแอบนั้นบังเธอเพียงครึ่งตัวเท่านั้น 

 

และในตอนที่ที่เธอกำลังคิดประโยคซ้ำๆไปมาเธอก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งถึงจะไม่ได้เพราะมากเหมือนกับเสียงของคุโระก็จริงแต่น้ำเสียงกลับดูธรรมชาติและอบอุ่นเป็นอย่างมาก

 

“หนูเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ?”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเธอจึงรีบหันไปดูต้นตอเสียง เธอก็พบว่าเข้าของเสียงนั้นคือคุณน้า(?)คนหนึ่งที่แต่งชุดแม่ชี 

 

พอเธอได้ยินดังนั้นสมองของเธอก็รีบคิดคำแก้ตัวมากมายจนตัวของเธออสั่นขึ้นมาอัตโนมัติด้วยความตื่นเต้น

 

 

แต่ดูเหมือนว่าสภาพของเด็กสาวที่ใส่ชุดขาดๆมีรอยปะ ทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบดิน 

 

นัยน์ตาที่มืดหม่น ผมชี้โด่ชี้เด่เหมือนหนีอะไรมากับอาการตัวสั่นที่เหมือนจะกลัวอะไรสักอย่างทำให้เธอถูกเข้าใจผิดไปว่า

 

“อย่าบอกนะว่า….หนูเป็นทาสหลบหนีหรอจ๊ะ?”

 

หญิงสาวพูดด้วยอาการตกใจพร้อมสังเกตุเด็กสาวไปและอยู่ๆหญิงสาวก็เบิกตากว้างใบหน้าดูเย็นชาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมจนไม่มีใครมองทัน

 

เมื่อเธอได้ยินดังนั้นอยู่ดีๆแผนการทั้งหมดก็เข้ามาในสมองของเธอ เธอรีบบังคบตัวเองให้สั่นไหวหนักกว่าเดิมหลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงไปกว่าเดิม 

 

‘หวังว่าแค่นี้ก็พอนะ’

 

เพราะเธอไม่สามารถบีบบังคับให้ตัวเองมีน้ำตาออกมาจากตาได้หรอก 

 

ถึงแม้ว่าในโลกนี้เธอจะเริ่มมีความเจ็บปวดนิดๆหน่อยๆแต่เธอก็ไม่สามารถทำให้น้ำตาไหลออกมาได้หรอกนะ

 

“น่าสงสารจริงๆ ไม่ต้องกลัวนะ เรารีบเข้าไปในบ้านกันเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวหนาวแล้วจะไม่สบายเอานะคะ”

 

หญิงสาวก้มมองเด็กสาวด้วยดวงตาที่อ่อนโยนพูดพลางจูงมือเด็กสาวไปด้วย

 

“….เฮ้อ เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงเกลียดพวกคนในเมือง”

 

หญิงสาวพึมพำจนเกือบจะไม่ได้ยินแต่เพราะเธอเป็นพวกหูตาจมูกดีกว่าคนอื่นจึงสามารถได้ยินได้

 

‘อืมๆ คนในเมืองน่าจะมีการซื้อขายทาสกันเยอะสินะคะ?’

 

‘เอาล่ะ หวังว่าเราจะได้เจอกับท่านมิกินะคะ’

 

ในระหว่างที่เธอโดนจูงมือเตรียมเข้าบ้านเธอก็เหลือบไปมองมือของหญิงสาวที่กำลังกุมมือของเธอ

 

‘บางที…การมาอยู่บนโลกใหม่ อาจจะดีกว่าที่คิดไว้ก็ได้ล่ะมั้งคะ?’

 

.

 

.

 

.

 

To be continued

 

-ให้ นักอ่านผู้น่ารักทุกท่าน-

เฮ้อจบไปอีก1ตอนแล้วล่ะค่าา~ ตอนนี้อาจจะดูยืดเยื้อไปบ้างนะคะเพราะว่า….หลังจากตอนที่3เค้าจะเริ่มการด้นสดแบบไม่มีอะไรจริงๆนั่นเองค่าา~ บางคนอาจจะงงว่า ก็ไหนบอกด้นสดอยู่แล้วไง? คือไอ้ที่ด้นสดอ่ะใช่ 


 

แต่พอดีว่าเค้าเขียนเนื้อเรื่องไว้อยู่แล้วเมื่อ2ปีก่อนไว้3ตอนดังนั้นเค้าจึงไม่ได้มีอะไรมากในตอนต้นๆ แต่หลังจากนี้จะเขียนด้นสดแบบกาวๆเลยล่ะค่ะ ก็นะตามที่เค้าTagไว้นั่นแหละ


 

 เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าหลังๆอาจจะมีความยืดเยื้อเนื้อเรื่องไม่ค่อยไปถึงไหนก็ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยน้าาาาา แล้วก็นะหวังว่าทุกคนจะไม่เมากาวไปก่อนนะคะฮะๆ 


 

อืม….ส่วนอีกเรื่องนั่นก็คือ ทุกๆคนจะเห็นสิ่งที่เค้าแอบแฝงไว้มั้ยน้าา~ ฮิๆ หวังว่าจะสนุกกันนะคะ งั้นก็ หวังว่าจะเจอคุณนักอ่านผู้น่ารักทุกท่านอีกนะคะ บายๆ

  


 

  -จาก Tsukino-                                                                      

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณนักอ่านผู้น่ารักทุกท่านคะ ไม่ทราบว่าเรื่องนี้อ่านแล้วงงหรือยังไงมั้ยเอ่ย?

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา