Realm of Udis : When the great kingdom had fallen. The last warrior reincarnated to another world
เขียนโดย asitara
วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 12.02 น.
แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2564 12.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ผู้มีนามว่า วิชัยยะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-๒-
เสียงฝีเท้าที่ดังก้องขึ้นท่ามกลางความเงียบของสถานที่ปลุกให้ชายผู้ถูกคุมขังตื่นจากภวังค์ ร่างนั้นนั่งขัดสมาธิดวงตาหลับสนิทตัวตั้งตรงนิ่งดุจดั่งรูปปั้นที่หล่อขึ้นจากโลหะ ใบหน้าหยาบกร้านรกครึ้มไปด้วยหนวดเครา ผมเผ้าถูกเกล้ารวบไว้หลวมๆ ร่างที่เปิดเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นผิวสีเข้มที่เต็มรอยสักด้วยอักขระอาคมเต็มแผงอกที่สะท้อนขึ้นลงเบาๆยามที่เจ้าตัวผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ ร่องรอยแผลมากมายบนร่างกายบ่งบอกว่าเขาได้กรำศึกมามากมายเพียงใด…
เสียงฝีเท้าหยุดลงที่หน้าห้องขังของเขา เงาร่างของคนหลายคนยืนนิ่งอยู่ภายนอก แม้ไม่มีสุ่มเสียงสำเนียงใดๆบ่งบอกหากนักโทษผู้นั้นก็ตระหนักได้ในทันทีว่าผู้ที่มาเป็นใคร ใบหน้าอันนิ่งสงบเรื่อยมาพลันปรากฏรอยยิ้มขื่นๆขึ้น
“…น่าแปลกยิ่งนักที่คนที่ไม่สมควรจะมาที่นี่ กลับมาพร้อมกันถึงสองคน…”
ประโยคนั้นถูกเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน เสียงนั้นถูกกล่าวขึ้นอย่างแผ่วเบาคล้ายรำพึงกับตนเองก่อนจะตามมาด้วยคำพูดปนเสียงหัวเราะแหบแห้งในลำคอ พลางทอดสายตาเย็นชาไปยังด้านนอกของห้องขัง
“พวกท่าน…สองพี่น้อง มีธุระอันใดกับไพร่ที่ใกล้จะชะตาขาดเยี่ยงข้าด้วยรึ ถึงกับลงทุนถ่อสังขารมาถึงที่นี่ หรือแค่อยากมาดูหน้า ว่าไอ้เดนตายคนนี้ มันชิงตายไปแล้วหรือยัง”
“บังอาจ!! วาจาจาบจ้วงสามหาว!!”
เสียงตวาดดังลั่นนั้นดังขึ้นแทบจะในทันทีที่คนในห้องขังกล่าวจบ ผู้ที่เปล่งเสียงอันดุดันนั้นหาใช่ผู้ใดไม่ คือ “พญาเสือ” ที่บัดนี้ยืนเคียงข้างอยู่กับผู้เป็นพี่ชาย แสงไฟจากไต้ที่ส่องสว่างเผยให้เห็นใบหน้าทมึงถึง “ถือดีอย่างไรจึงได้กล้ากล่าวาจาสามหาวเยี่ยงนี้ต่อนายเหนือหัวของเจ้า จงสำนึกตนไว้บ้างว่าที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้เพราะผู้ใดให้ความเมตตา!”
คำพูดเกรี้ยวกราดและดุดันดังก้องไปทั่วคุก ทว่าวิชัยยะกลับไม่สะทกสะท้านใดๆ ใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราเผยรอยยิ้มหยามหยัน พลางแค่นหัวเราะออกมา
“เมตตารึ…น่าขันนัก ใครกันเล่าที่ขอความเมตตาจากพวกเจ้าพี่น้อง ข้ารึ? มิใช่เลย” เขาตอบกลับด้วยเสียงที่ดังขึ้น และแข็งกร้าวไม่ต่างกัน “เก็บวาจาของเจ้าสองคนไปบอกกับผีตายโหงที่เกลื่อนพระนครเบื้องนอกนั้นเถิด ว่าความเมตตาของเจ้า คือการเอาพวกเขาไปกุดหัวตามอำเภอน้ำใจ อย่าได้พูดให้มากความ จะฆ่าก็ฆ่าเถิด ข้าหามีสิ่งใดต้องการเจรจากับพวกเจ้าอีกไม่!!”
ไม่เพียงพูด หากยังผุดลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับผู้ที่อยู่ภายนอกอย่างไม่กริ่งเกรง ดวงตาที่ขุ่นมัวเย็นชากลายกลับเป็นลุกโชนดั่งเปลวไฟในขณะที่กล่าวถ้อยคำ
“บัดนี้พวกเจ้ามีอำนาจราชศักดิ์หนักหนากว่าผู้ใดในแผ่นดิน ไยต้องมาเสียเวลากับคนเช่นข้าอีก หากพวกเจ้ายังมีความเมตตาจริงดั่งปากว่า ก็จงเร่งนำตัวข้าผู้นี้ไปประหารเสียโดยไวเถิด อย่างน้อยข้าจะได้ไปอยู่กับเพื่อนพ้องและนายเหนือหัวของข้า!!”
ดั่งสาดน้ำมันเข้ากองไฟ แทบจะในทันทีที่ประโยคอันรุนแรงของผู้ถูกคุมขังจบลง เสียงเปรื่องปร่างของโลหะที่เสียดสีกันก็ดังขึ้นในทันที ดาบคมกล้าในมือของผู้ที่อยู่ภายนอกถูกชักปราดขึ้นเผยประกายคมกล้า ปลายนั้นชี้ตรงไปยังผู้พูด ใบหน้าของเจ้าของดาบยามนี้ราวกับพญามัจจุราช
“…อ้ายคนไม่สำนึก จงเป็นผีเซ่นคมดาบของข้าเสียที่นี่เถิด ถือว่าข้าปราณีเจ้าเป็นคราวสุดท้าย!!”
ราวกับเพลิงโหม คนพูดโถมกายพุ่งเข้าหาคนในห้องขังพร้อมกับดาบในมือ ชายผู้ต้องขังมิได้ถอยหรือผละหลบจากการจู่โจมนั้นแต่อย่างไร ตรงกันข้ามเขากลับเผยรอยยิ้มเย้ยหยันพลางหลับตาลงราวกับยินดีรับกับความตายที่กำลังจะถาโถมเข้ามาหา ท่าทางนั้นยิ่งเพิ่มโทสะให้แก่ผู้ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาราวกับเสือร้ายหมายชีวิต พญาเสือเงื้อดาบในมือหมายฟาดฟันลงไปยังสายโซ่ที่คล้องปิดห้องขังอยู่ด้วยหมายจะบุกเข้าไปเด็ดชีพคนปากกล้าวาจาสามหาวผู้นั้นเสียกับมือของตนเอง
“พอได้แล้ว!! น้องข้า เจ้าจงถอยออกมาเสีย”
ก่อนที่คมดาบจะสัมผัสเข้ากับประตูห้องขัง เสียงตวาดอันทรงอำนาจก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน คนใจร้อนที่กำลังเงื้อดาบขึ้นถึงกับชะงักด้วยพลานุภาพของน้ำเสียง ที่สดับชัดเจนว่านี่คือ “บัญชา” ของผู้ทรงอำนาจยิ่งกว่า ดาบที่เงื้อง่าหมายประหัตประหารอย่างดุดันพลันลดลงแต่โดยดี
“จงถอยออกมาบัดเดี๋ยวนี้ ข้ายังมิได้มีบัญชาใดๆให้เจ้ากระทำสิ่งใดตามอำเภอน้ำใจ” น้ำเสียงของผู้เป็นพี่ชายและเจ้าชีวิตเด็ดขาด กร้าวเฉียบ “ข้าต้องการพูดแก่มัน หากเจ้าไม่อาจอดรนทนโทสะของตนเองได้ ก็จงถอยออกไปจากที่นี่เสีย!! แล้วพาบริวารของเจ้าออกไปด้วย อย่าได้ทำให้ความมุทะลุของเจ้า ทำให้ผู้อื่นดูเบาแก่ข้าและตัวเจ้าเองมากไปกว่านี้!!”
“พี่ท่าน!!” ผู้เป็นน้องกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงขัดเคือง “นี่ท่านถึงกับออกปากไล่ข้าเทียวรึ เพียงเพื่ออ้ายคนเดนตายในคุกคนนี้ ท่านก็เห็น มันมิได้ยำเกรงหรือสำนึกในเมตตาของท่าน เหมือนดั่งที่ข้าเตือนท่านไว้แต่ต้น แล้วท่านยังจะปล่อยให้มันหยามหลู่อยู่เช่นนี้รึ”
“ข้าจะไม่พูดซ้ำ ” พี่ชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากหนักแน่นชัดเจน “ในเมื่อเจ้าไม่พอใจในการตัดสินใจของข้า เจ้าก็จงพาบริวารและคนเหล่านี้ออกไปเสียจากที่นี่ เว้นไว้แต่เจ้าจะไม่กระทำการดั่งเช่นเมื่อครู่อีก”
“ท่านพี่!!” คนที่เพิ่งถูกสั่งให้ออกไปอุทาน “ท่านจะให้ข้าและคนอื่นๆออกไปจากที่นี่ แล้วปล่อยท่านไว้กับอ้ายคนเดนตายนี่ได้อย่างไร”
“ถ้าเช่นนั้นก็จงงดโทสะลงและถอยออกมาเสีย แล้วข้าจะเป็นคนกล่าววาจาแก่มันเอง” ผู้พี่กล่าวขึ้น “พวกเจ้าทั้งหมดก็ด้วย จงถอยออกไปอยู่ยังเบื้องหลังของข้า และหากไม่มีคำบัญชา ห้ามมิให้พวกเจ้าคนใดสอดความขึ้นมาทั้งสิ้น!!”
คำสั่งนั้นบัญชารวมไปถึงยังเหล่าทหารและผู้ติดตามทั้งหมดที่อยู่ในที่นั้นด้วย คนทั้งหลายลอบสบตากันอยู่เพียงครู่ก็ก้าวถอยคล้อยหลบไปยังเบื้องหลังอีกฝั่งของทางเดินในห้องคุมขังอย่างไร้ซึ่งสุ่มเสียงใดๆหลุดลอดออกมาจากปากคำ และโดยเสียมิได้ ผู้เป็นน้องชายทอดถอนใจคราหนึ่งก่อนจะสอดดาบกลับเข้าในฝัก ปล่อยให้พี่ชายผู้ทรงอำนาจก้าวตรงไปยังห้องคุมขังนั้นเพียงผู้เดียวแต่โดยดี
ท่ามกลางความเงียบงัน สายตาของชายสองคนสบประสานกัน คนหนึ่งนั้นสงบนิ่ง ทรงอำนาจ หากอีกคนหนึ่งเย็นชาแต่เต็มไปด้วยความคับแค้นและเจ็บปวด คำพูดมากมายคล้ายถูกส่งผ่านอย่างไร้ซึ่งวาจาใดๆ ทว่าในที่สุดแล้วกลับเป็นผู้ทรงอำนาจเหนือกว่าได้เอ่ยคำพูดขึ้นก่อน
“สหายข้า…นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ที่ข้าจะมาพบเจ้า” ประโยคนั้นเรียบๆหากแฝงความรู้สึกไว้มากมาย “และข้าจะไม่เสียเวลาเจรจาใดๆให้มากความ ข้าเพียงอยากรู้ว่าเจ้าจะยอมเปลี่ยนใจหรือไม่…วิชัยยะ!! นี่คือครั้งสุดท้ายแล้วที่ข้าจะให้โอกาสแก่เจ้าได้”
“สหายรึ…ท่านช่างกรุณาข้ายิ่งนักที่ยังใช้คำนี่” คนในห้องขังแค่นหัวเราะก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่อย่าเสียเวลาเลย…ท่านจงเก็บความกรุณานี้ไว้ให้แก่บริวารของท่านเถิด เผื่อว่าวันหนึ่ง คนของท่านจะได้ไม่ทรยศท่าน เหมือนที่ท่านเคยทำมา แต่อย่าหวังว่าข้าจะเปลี่ยนใจ”
“จิตใจเจ้ายังคงเด็ดเดี่ยวไม่เปลี่ยน” อีกฝ่ายกล่าวขึ้นพลางทอดถอนหายใจ “แต่บัดนี้เจ้าย่อมตระหนักได้มิใช่หรือ แผ่นฟ้าเปลี่ยนสี ปัถพีเปลี่ยนกาล ไยเจ้าต้องดื้อรั้นให้ตนเองไปสู่จุดจบที่น่าอนาถ จงยอมรับเถิดว่าบัดนี้ “นายเหนือหัว” ของเจ้าไม่ใช่คนผู้นั้นอีกแล้ว อดีตของเจ้าก็ควรตายไปพร้อมๆกับมัน คนที่มีฝีมือเช่นเจ้า ไยคิดทอดทิ้งชีวิตลงอย่างง่ายดายเช่นนี้”
“แผ่นฟ้าแผ่นดินจะแปรเปลี่ยนเช่นใดข้าไม่สนใจ!” ชายในห้องขังตอบกลับด้วยเสียงกร้าวขึ้น “ชีวิตของข้ามีขึ้นมาได้ก็เพราะ “ท่านผู้นั้น” และในยามนี้ท่านก็จากไปแล้ว ข้าก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องอยู่ต่อไปเพื่อรับใช้คนเช่นท่าน!”
ทันทีที่จบประโยค คนในห้องขังพลันก้าวเข้าประชิดกับลูกกรงไม้อย่างรวดเร็ว ท่าทางเช่นนั้นทำให้บรรดาผู้ติดตามที่ถูกสั่งให้ถอยไปก้าวพรวดเข้ามาโดยพร้อมเพรียงกัน ดาบในมือของแต่ละคนนั้นแตะเข้าที่ด้ามเตรียมพร้อมชักออกจากฝัก แต่ชายผู้ทรงอำนาจผู้นั้นกลับยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน ชายฉกรรจ์ทั้งหลายรวมทั้งน้องชายผู้ดุดันเกรี้ยวกราดจึงต้องชะงักลงอีกครา
ในระยะเพียงช่วงเอื้อม ชายสองคน สองสถานะ สองโชคชะตายืนประจันหน้ากัน หนึ่งนั้นแววตาเยือกเย็นอย่างผู้เป็นเจ้า อีกหนึ่งนั้นปวดร้าวขุ่นมัว แล้วก็เป็นฝ่ายที่มีไฟแค้นในดวงตาได้เอ่ยขึ้นช้าๆอย่างเจ็บปวด
“ท่านกล่าวว่า “นายเหนือหัว”ของข้าเช่นนั้นรึ…ท่านลืมไปแล้วสินะว่า ท่านผู้นั้นก็เคยเป็นนายเหนือหัวของท่านเช่นกัน!! นายเหนือหัวที่ท่านมอบความตายให้เขาเหมือนอย่างว่าไม่เคยหวนคำนึงถึงช่วงเวลาที่เราท่านร่วมเป็นตายกันมา…แต่เอาเถิด บัดนี้ท่านคือจ้าว ข้าคือโจร และโจรเช่นข้าก็สมควรถูกตราหน้าว่าโง่เง่า ที่ไม่คิดจะเอาชีวิตรอดด้วยการเป็นข้ารองมือเท้าท่าน จงกลับไปเสียเถิด หากท่านยังเห็นแก่คำว่าสหายที่ท่านเรียกเมื่อครู่ หรือหากท่านยังมีเมตตากับข้า ก็จงรับรู้ว่าท่านเปลี่ยนใจคนอย่างข้าไม่ได้ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่ท่านจะได้จากข้า คือศีรษะและชีวิตของข้าเท่านั้น!”
คำประกาศนั้นของวิชัยยะทั้งกร้าวแข็งและเด็ดขาด เจือไปด้วยความเจ็บปวดและเจ็บแค้นอย่างแสนสาหัสดังก้องไปทั่วคุก แววตาของคนพูดไม่สะทกสะท้อนต่อสิ่งที่ได้พูดออกไป มันคือดวงตาของผู้ที่เต็มใจจะตาย ตายเพื่อความภักดีและสิ่งที่ตนเองยึดมั่นสัญญา
“นับตั้งแต่วันที่พวกเราฝ่ากองทัพของอริศัตรูออกมาในคราวนั้น ในวันที่ทุกสิ่งเบื้องหน้ามีแต่ความมืดมน ข้าเคยลั่นวาจาไว้ ว่าไม่มีมีวันยอมให้ใครมาทำอันตรายท่านผู้นั้นได้ แต่ในที่สุด ข้าก็ไม่อาจปกป้องท่านไว้ได้ดั่งที่ปฏิญาณไว้กับตนเอง หากจะเมตตาข้าเป็นครั้งสุดท้าย ก็จงเร่งประหารข้าเสียโดยไวเถิด เพื่อให้ข้าได้ไปรับใช้ท่านในภพหน้า อย่าได้เสียเวลาเกลี้ยกล่อมข้าอีกเลย ด้วย “มหาราช”ของข้า มีเพียงท่านผู้นั้นแต่เพียงผู้เดียว”
ความเงียบงันปกคลุมอีกครั้งเมื่อประโยคนั้นสิ้นสุดลงไป ไม่มีคำพูดใดต่อมาอีกจากฝ่ายที่อยู่ในห้องคุมขัง นอกจากสีหน้าที่นิ่งสงบเย็น แววตาที่เคยลุกโชนด้วยเพลิงโทสะบัดนี้อ่อนแสงลงคล้ายดั่งได้ระบายความอัดอั้นทั้งหลายออกไปจนหมดสิ้น ตรงกันข้ามกับผู้ที่ยืนอยู่ภายนอก ที่บัดนี้ดวงตาทั้งคู่ฉายแววเสียดายระคนยอมรับออกมา ชายผู้มากด้วยอำนาจถอดถอนใจก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“เจ้า…ไยถึงดื้อรั้นถึงปานนี้ ทั้งที่ชีวิตของเจ้าย่อมสร้างคุณประโยชน์แก่แผ่นดินได้มิแตกต่างกับที่เจ้าได้รับใช้มาแต่ก่อน”
ไม่มีคำตอบใดจากอีกฝ่ายต่อคำรำพึงนั้น ที่สุดแล้วฝ่ายที่พูดขึ้นจึงถอดถอนลมหายใจอีกคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลงเป็นเชิงยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายได้ตัดสินใจแล้ว เขาก้าวถอยหลังออกมาช้าๆออกจากห้องคุมขังจนกระทั่งเกือบถึงแนวที่เหล่าผู้ติดตามยืนรอคอยอยู่ ครั้นแล้วผู้ทรงอำนาจจึงกล่าวขึ้น
“เช่นนั้น นี่คือครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้พบกับเจ้า และทุกสิ่งอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าปรารถนา ถือว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าจะให้เจ้าได้ตามที่เจ้าต้องการ” ผู้พูดพูดด้วยน้ำเสียงเจือด้วยความสลดเสียดาย “อีกสองราตรีต่อจากนี้ เจ้าจะได้ไปพบกับนายของเจ้าตามที่ต้องการ และในฐานะที่เจ้าและข้าต่างเคยได้ร่วมรบกันมา ข้าจะรับรองให้ครอบครัวของเจ้าปลอดภัยตลอดไปภายใต้แผ่นดินของข้า จงวางใจแล้วไปให้สบายเถิด!”
คนในห้องขังเผยรอยยิ้มบางๆเมื่อได้ยินประโยคนั้นจบลง พลางก้มศีรษะลงเป็นเชิงเคารพ โดยไร้สุ่มเสียงใดๆหากก็ยังคงมิได้ยอบเข่าลงคารวะ ร่างนั้นถอยกลับเข้าไปในเงาสลัวของห้องขังพลางทรุดตัวนั่งลงขัดสมาธิสนิทนิ่งดังเช่นเมื่อตอนก่อนที่จะเริ่มสนทนา ฝ่ายผู้ที่เพิ่งเอ่ยปากกำหนดจุดสิ้นสุดแห่งดวงชะตาของคนผู้นั้นออกไปส่ายศีรษะคราหนึ่งก่อนจะหันร่างกลับเดินตรงไปยังทางออกอย่างรวดเร็วโดยไร้คำพูดใดๆอีก อากัปกิริยานั้นทำให้เหล่าผู้ติดตามทั้งหลายพากันเคลื่อนกายติดตามไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครหันหลังกลับมานอกจาก “พญาเสือ” เท่านั้นที่เหลือบสายตามองย้อนกลับมา ทว่าก็ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาก่อนจะสาวเท้าติดตามกลุ่มของผู้เป็นพี่ชายออกไปพร้อมกับบริวารที่แวดล้อมตามหลัง…
เมื่อคนสุดท้ายหายลับไปจากสายตา ผู้ที่ชะตาชีวิตกำลังจะสิ้นสุดลงในอีกสองราตรีจึงหลับตาลง ริมฝีปากพึมพำถ้อยคำแผ่วเบาออกมาดุจรำพึงกับตัวเอง
“…ในที่สุด ก็ถึงจุดสิ้นสุดเสียที…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ