จารใจทุรยศ

-

วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.46 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,944 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2563 05.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เสิ่นฉางซีในวัยสิบห้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
  จารใจทุรยศ  
บทที่ 2. เสิ่นฉางซีในวัยสิบห้า
 
‘อย่าได้ลืมเชียวว่าชีวิตเจ้าเป็นของข้าแล้ว’
หญิงสาวมองปิ่นหยกที่อยู่ในกล่องไม้ ถ้อยคำของเจ้าของปิ่นหยกยังคงวนเวียนในความทรงจำของนางเสมอ ผ่านมาห้าปีแล้ว นางไม่ได้พบคนผู้นั้นอีก เพียงแต่รับรู้การเคลื่อนไหวของเขาอยู่เสมอ
เสิ่นฉางซีในวัยสิบห้า นางเพิ่งผ่านพิธีปักปิ่นมาได้แค่สองวัน ยามนี้กำลังนั่งพับเก็บชุดกระโปรงสีแดงที่ใส่ในวันนั้น ต้องขอบคุณนายหญิงใหญ่ที่เมตตาจัดเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้เด็กกำพร้าอย่างนาง
ผ่านมาห้าปี นางกลายเป็นเด็กกำพร้ามาห้าปีแล้ว เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงแจ่มชัด นางยังใช้ชีวิตอย่างสงบเรียบง่ายกับใบหน้าอัปลักษณ์และขาที่พิการ ครอบครัวสกุลเกาเป็นสหายกับบิดาของนาง ในวันที่หลบหนีการไล่ล่านั้น บิดาได้ทำการนัดหมายคนสกุลเกาไว้แล้ว แต่ไม่อาจพานางไปส่งถึงทันเวลา เกาฮ่วนปิ่ง ประมุขสกุลเกาและประมุขสำนักคุ้มภัยราชสีห์คำราม คนสกุลเกาดูแลนางอย่างดียิ่ง บิดาของนางเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับเกาฮ่วนปิ่ง เกาฮูหยินเองรักใคร่เอ็นดูนาง เดิมทีเคยเปรยอยู่บ้างเรื่องรับนางเป็นบุตรบุญธรรม แต่นางเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ บิดามารดามีนางเพียงผู้เดียว นางอยากใช้แซ่ของบิดาต่อไป ด้วยความที่นางไม่มีญาติพี่น้องที่ใด นายท่านใหญ่เกาฮ่วนปิ่งจึงรับดูแลนาง บาดแผลของนางนั้นได้นายท่านรอง เกาเทียนฉี น้องชายของเกาฮ่วนปิ่งคอยรักษาดูแลนาง เกาเทียนฉีมีนิสัยแปลกประหลาดไปสักหน่อย เขาชื่นชอบการปรุงยา รอบเรือนพักของเขานั้นมีแปลงปลูกพืชสมุนไพร บางครั้งเขาจะหายตัวไปนานนับเดือนเพื่อเสาะแสวงหาสมุนไพรหายาก
เสิ่นฉางซีอยู่ภายใต้การดูแลของเกาเทียนฉีซึ่งเขารู้จักกับไต้ซือซูอยู่ก่อนแล้ว หากแม้นางมิใช่บุตรสาวของเสิ่นจางเหว่ย เกาเทียนฉีย่อมรับรองดูแลนางตามคำฝากฝังของไต้ซือซู อาการบาดเจ็บของนางเรียกได้ว่าสาหัสยิ่ง เท้าข้างหนึ่งก้าวข้ามประตูปรโลกแล้ว แต่ด้วยการรักษายื้อชีวิตไว้ทำให้นางตื่นฟื้นอีกครั้ง ทว่า ‘ฝ่ามืออัคคี’ นั้นทิ้งบาดแผลที่กลายเป็นแผลเป็น บริเวณหน้าผากของหน้ามีรอยแผลเป็นที่ยามนี้เป็นสีชมพูอ่อนจางแล้ว
ชายผู้นั้นใช้เท้ากระทืบท้องของนางก่อนจะกระทืบซ้ำอีกครั้งที่ต้นขา กระดูกต้นขาแตก นางใช้เวลาอยู่บนเตียงเกือบครึ่งปีกว่าจะลงมาเดินได้ แต่ทำให้นางไม่สามารถเดินได้อย่างปกติ แผลเป็นอัปลักษณ์ตลอดจนการเดินที่ต้องลากเท้าขวานั้นยังไม่เลวร้ายเท่าการบาดเจ็บภายในที่ไต้ซือซูได้เตือนไว้แล้วว่า นางบาดเจ็บที่ท้องอย่างรุนแรงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ และ‘ฝ่ามืออัคคี’ ทำให้นางมีอาการปวดศีรษะอย่างหนักหน่วง นางไม่สามารถเกล้ามวยผมได้ การรวบผมให้เรียบตึงทำให้นางปวดศีรษะจนหลั่งน้ำตา ยามหวีผมต้องสางผมอย่างเบามือ นางจึงทำได้เพียงแค่รวบผมด้วยแถบผ้าเส้นเล็ก หรือเชือกสวยๆ ที่เกาฮูหยินมอบให้ และด้วยเหตุนี้นางจึงไม่สามารถประดับเครื่องประดับใดบนศีรษะได้ แต่กระนั้น นางปรารถนาจะเข้าพิธีปักปิ่น ซึ่งนายท่านและฮูหยินเมตตาจัดการให้นางเสร็จสรรพเรียบร้อย เรียกได้ว่าไม่ด้อยกว่าหญิงสาวคนใดในหมู่บ้าน 
“น้องฉางซี”
เสียงเรียกเกรงใจอยู่หน้าห้องทำให้เสิ่นฉางซีงะงักมือ นางวางชุดกระโปรงสีแดงสดสวยไว้บนเตียง เดินลากขาข้างขวามาถึงหน้าประตู เจ้าของเสียงยืนรอด้วยท่าทีกระวนกระวาย เด็กสาวส่งยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง
“คุณชายกลับมาเมื่อไหร่เจ้าคะ”
คำทักทายของนางมิได้สร้างรอยยิ้มให้เการุ่ยเฉียงนัก มุมปากที่กำลังยกยิ้มกลับกลายเป็นบึ้งตึง
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว เหตุใดเจ้ายังเรียกข้าว่าคุณชายอีก” ชายหนุ่มวัยสิบเจ็ดก้มหน้าลงจ้องเขม็งที่ใบหน้าของเด็กสาวที่ยังเผยรอยยิ้มสดใสไม่มีแววหวาดกลัวเขาเลยสักนิด แม้ปากจะเรียกเขาว่าคุณชายก็ตาม แต่นางไร้กิริยาของหญิงรับใช้ และเขาเองก็ไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
“แต่ว่า...” นางอยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด แม้ทุกคนรักใคร่นางมากแต่นางไม่ลืมฐานะของตนเอง และไม่ลืมบุญคุณที่ช่วยเหลือทั้งรักษานางด้วยยาราคาแพงและยังให้ที่อยู่อาศัยอาหารสามมื้อในแต่ละวัน ร่างกายนางไม่แข็งแรง ฝึกยุทธ์เช่นเด็กคนอื่นไม่ได้ สิ่งที่นางทำได้ก็มีเพียงงานจิปาถะทั่วไปเช่นบ่าวไพร่ควรทำ
“ไม่มีแต่ หากข้ายังได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าคุณชายอีก ข้าจะโกรธเจ้าแล้วจริงๆ” เขาขึงตาใส่อย่างดุดัน
‘อย่างนี้ไม่เรียกว่าโกรธแล้วอยู่หรอกหรือ’
เสิ่นฉางซีผ่านเรื่องร้ายมามาก เผชิญการสูญเสียและความเจ็บปวดทั้งกายใจ ได้คำสอนสั่งของไต้ซือซูและการอบรมของนายท่านรอง นางจึงค่อนข้างมีความคิดอ่านเกินวัย นางมีความสุขุมใจเย็นพอๆ กับชอบหยอกล้อผู้อื่น ทว่าหลายปีที่ผ่านมา ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นน่ากลัวนี้ทำให้เด็กในวัยเดียวกันไม่กล้าเข้าใกล้ เว้นแต่บุตรชายนายท่านใหญ่นามเการุ่ยเฉียง ที่อายุมากกว่านางสองปีให้ความใกล้ชิดสนิทสนมและออกหน้าปกป้องนางเสมอ
นางผู้ถูกมารดาและบิดาอบรมเลี้ยงดูเติบโตมาอย่างสมถะเรียบง่าย ไม่ว่าอย่างไรก็มองว่าสกุลเกาเป็นผู้มีพระคุณของนาง มิอาจตีตนเสมอเท่าเทียมได้ สิ่งใดหยิบจับทำงานเพื่อทดแทนบุญคุณที่ช่วยเหลือและยังให้ที่อยู่อาศัยพร้อมเสื้อผ้าและอาหารการกิน นางจึงทำทั้งสิ้น
“ข้าออกไปทำธุระนอกเมืองให้บิดา คิดว่าจะกลับมาทันพิธีปักปิ่นของเจ้าแท้ๆ แต่กลับดินถล่มจึงเดินทางล่าช้า” เการุ่ยเฉียงคร้านจะใส่ใจท่าทีของนางอีก พูดพลางหยิบกล่องขนาดเล็กออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้นาง
“ข้ารู้ว่าเจ้าปักปิ่นปักผมมิได้ แต่ข้าอยากให้เจ้า” เขาผลักกล่องไม้เล็กใส่มือนาง สายตาของเขาเป็นประกายมุ่งหวังให้นางเปิดออก เสิ่นฉางซีไม่อาจขัดใจได้จึงเปิดกล่องไม้ออก พบปิ่นหยกสีเขียวงดงามสลักลายดอกเหมย ข้างกันมีหวีหยกวางคู่กัน นางเบิกตากว้างไม่คิดว่าเการุ่ยเฉียงจะให้ของขวัญล้ำค่าเช่นนี้
“คุณชาย เอ่อ พี่รุ่ยเฉียง ของล้ำค่าเช่นนี้ ข้ารับไว้มิได้หรอกเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วยกมือขึ้นกอดอกไม่ยอมรับของที่นางยื่นส่งกลับมาให้เขา
“ข้าเป็นพี่ชายเจ้า มอบของขวัญให้น้องสาวจะเป็นอะไรไป หึ!”
“เช่นนั้น...ข้าขอรับไว้” แม้นางจะประดับปักปิ่นไม่ได้ แต่มิได้หมายความว่าจะไม่ชอบสิ่งสวยงามเช่นนี้ “ขอบคุณมาก”
น้ำเสียงและรอยยิ้มที่ปรากฏความพึงพอใจของนางทำให้เการุ่ยเฉียงมองอย่างเหม่อลอย ห้าปีที่ผ่านมา เขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยค่อยๆ เติบโตเป็นหญิงสาว แม้นางมีแผลเป็นบนหน้าผากและท่าเดินที่ผิดปกติชัดเจน แต่นางเป็นคนจิตใจอ่อนโยน ดวงตาคู่นี้งดงามนัก เมื่ออยู่ใกล้ทำให้รู้สึกใจสงบ
“พี่รุ่ยเฉียงมาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้คงยังไม่ได้กินข้าวเช้ากระมัง” เสิ่นฉางซีเอ่ยถามไม่รอคำตอบ นางหมุนตัวนำกล่องของขวัญเข้ามาเก็บในห้องแล้วเดินลากขาออกมาอีกครั้ง “มาเถิด เข้าไปในครัวกัน”
ใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนหวานที่ชวนให้คนใจลอย เสิ่นฉางซีไม่เห็นว่าชายหนุ่มเดินตามมา นางจึงหยุดเดินแล้วเอี้ยวตัวหันไปส่งเสียงเรียกเขาอีกครั้ง เการุ่ยเฉียงส่งยิ้มเก้อเขินแล้วรีบก้าวยาวๆ เดินเคียงข้างนาง เมื่ออยู่ใกล้กันเช่นนี้ เขารู้สึกได้ว่านางตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมนัก ศีรษะของนางแค่ไหล่ของเขาเท่านั้นเอง
ตั้งแต่วันแรกที่บิดารับนางไว้ในสกุลเกา แรกทีเดียวเขาสงสารเวทนาเด็กหญิงวัยสิบขวบผู้นี้เหลือเกิน บาดแผลของนางน่ากลัวนัก ยืนอยู่ห่างหลายก้าวยังได้กลิ่นเนื้อไหม้จากตัวนาง แม้แต่เขาที่เป็นผู้ชายยังรู้สึกหวาดกลัว นางต้องปิดดวงตาอยู่ครึ่งเดือน มารดาจึงให้แม่บ้านมาช่วยดูแลนางจนกระทั่งเด็กน้อยเปิดผ้าปิดตาแล้ว ดวงตาคู่นั้นงดงามกระจ่างใสราวกับแม่น้ำในฤดูใบไม้ผลิ และเพราะนางถูก ‘ฝ่ามืออัคคี’ ทำร้าย เส้นผมของนางร่วงเป็นกระจุก มารดาเล็มปลายผมให้นาง ตัดส่วนที่ไหม้ทิ้งไปจนผมของนางยาวประบ่า หน้าตานางดูประหลาดนัก แต่กระนั้นเมื่อเขามองไปทางนาง นางส่งยิ้มให้เสมอราวกับไม่รับรู้ความเจ็บปวดใดๆ บนร่างกาย แต่มีอยู่ครั้งที่เขาบังเอิญไปพบท่านอาเกาเทียนฉีกำลังรักษาบาดแผลบนศีรษะให้นาง เด็กหญิงกัดผ้าในปากแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม หัวใจของเขาพลันเจ็บแปลบขึ้นมา เขาอายุมากกว่านางแค่สองปีแต่กลับรู้สึกว่านางเข้มแข็งมากกว่าเขานัก
ใช้เวลาครึ่งปีนางจึงลุกจากเตียงลงเดินได้ แต่การเดินนั้นก็ยังต้องลากขาข้างที่เจ็บ พยายามไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงไป สกุลเกาชุบเลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กยากจนที่พอจะมีแววฝึกฝนวรยุทธ์ได้ไว้หลายสิบคน เขาเคยเห็นเด็กบางคนที่ล้อเลียนและรังแกเสิ่นฉางซี นางคือสิ่งเดียวที่เขาอยากปกป้อง แต่ความรักความห่วงใยที่มีให้เด็กหญิงผู้นั้นมากกว่าน้องชายแท้ๆ เสียอีก
เสิ่นฉางซีเป็นเด็กกำพร้าที่แตกต่างจากเด็กคนอื่นที่บิดารับอุปการะ นางเป็นบุตรสาวของสหายรัก สภาพร่างกายที่บาดเจ็บเรื้อรังไม่อาจฝึกฝนวรยุทธ์ได้ มารดาของเขารักใคร่เอ็นดูเด็กหญิงตัวน้อยนักเพราะอยากมีบุตรสาวสักคน ว่ากันตามจริง นางสามารถใช้ชีวิตประหนึ่งคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ได้ แต่นางมิได้อยู่เฉย นางชอบอยู่ในโรงครัว เขายังจำภาพที่นางปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เพื่อทำอาหาร นางชอบอยู่กับท่านอารองศึกษาเรื่องสมุนไพร อยู่กับมารดาหัดงานเย็บปัก และบางครั้งก็ฝึกเรียนเขียนอ่านกับเขา
เการุ่ยเฉียงเดินเคียงข้างเสิ่นฉางซีมาถึงโรงครัว เพียงใบหน้าของเด็กสาวโผล่เข้ามา หลี่เจี๋ย พ่อครัวใหญ่ก็เรียกใช้งานทันที แต่พอเงยหน้าขึ้นจากก้อนแป้งที่กำลังนวดอยู่ก็รีบหุบปากทันที
“คุณชายเกา”
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเการุ่ยเฉียงเอ็นดูแม่นางน้อยผู้นี้มากเพียงใด หากเผลอล่วงเกินนางให้เขาเห็นเข้า คงไม่ได้อยู่ดีในสกุลเกาเป็นแน่
“พ่อครัวใหญ่เตรียมของว่างอยู่หรือ? ให้ซีเอ๋อร์ช่วยนะเจ้าคะ” นางเอ่ยน้ำเสียงออดอ้อน หวังปล้นเอาวิชาความรู้การปรุงอาหารอันแสนอร่อยของพ่อครัวหลี่เจี๋ย
เการุ่ยเฉียงได้แต่ส่ายหน้าไปมา เขาหวังใจปกป้องดูแลเสิ่นฉางซีไปทั้งชีวิต ไม่คิดให้นางไปใช้ชีวิตข้างนอกรั้วสกุลเกา แต่นางแสร้งทำเป็นไม่เห็นความตั้งใจจริงของเขา นางพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างเพียงเพื่อจะได้ใช้ชีวิตคนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ใด
เขาจะต้องทำอย่างไรถึงจะรั้งนางผู้มีรอยยิ้มดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิไว้ข้างกายตลอดทั้งชีวิต
...ทั้งชีวิต.
 



 
 


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา