Concealing ( กำเนิดเร้นลับ )
-
3) ทนาย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในตอนบ่ายของวันเดียวกันก็มีชายอายุเลยวัยกลางคนคนหนึ่ง ถือเอกสารกองโตเข้ามาพบผม เขาเป็นชายเลยวัยกลางคนไปแล้ว แม้ผมจะกลายเป็นสีขี้เถ้าแต่ก็ยังแข็งแรง
น่าแปลกที่ชายคนนี้ดูคุ้นตาแต่จ้องอย่างไรก็นึกไม่ออกเสียที
“ สวัสดีผมเกรย์สัน สมิธ ”
ชายคนนั้นว่าพลางยื่นมือมาให้สัมผัส
เป็นคำทักทายสั้นๆ
เหมือนจะวัดดูว่าผมจำอะไรได้บ้าง
และแน่นอนทุกอย่างเหมือนเริ่มต้นใหม่
ทุกอย่างว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
“ คุณจำไม่ได้ ผมเดาว่าต้องเป็นอย่างนั้นพวกเขาเตือนเรื่องนี้แล้ว แต่ไม่เป็นไรเรายังมีเวลา ”
นายเกรย์สันว่า
เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอวนของผม
เขาลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาข้างเตียง
แล้วนั่งไขว้ขาด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ ขอโทษด้วย คุณเป็นใครครับ ”
ผมอดไม่ได้
ต้องเอ่ยถามออกไป
ชื่อเกรย์สัน สมิธ ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย
“ ผมเป็นทนายประจำตระกูลของคุณ เราเคยเจอกันสองสามครั้ง นั่นจึงไม่ประหลาดหากคุณจะจำไม่ได้ ยิ่งตอนนี้คุณไม่ปรกติด้วยแล้ว ”
“ ทนายประจำตระกูล หมายถึงทนายส่วนตัวของผมน่ะหรือ ”
ผมรู้สึกงุนงง
เรื่องสำคัญแบบนี้ลืมไปได้อย่างไร
“ จริงๆ ผมเป็นทนายของพ่อคุณน่ะโจนาธาน และผมก็ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดในชีวิตของคุณด้วย ”
พ่อ
คำนั้นทำสมองของผมดังวิ๊ง
น่าตกใจที่ไม่เคยคิดถึงคนผู้นี้
และเมื่อทบทวนความจำ
ทุกอย่างกลับขาวสะอาดโล่งเตียนอย่างแท้จริง
ราวกับไม่เคยมีคนคนนี้ผ่านเข้ามาในชีวิต
“ เขาอยู่ไหนล่ะ พ่อของผมน่ะเขาจะมาเยี่ยมผมหรือจะให้ผมไปพบเขาได้เมื่อไหร่ ”
ด้วยความเชื่อที่ว่านี่คือกุญแจสำคัญ
การได้พบเขาอาจช่วยฟื้นความจำในวัยเด็ก
ทำให้ผมต้องการแบบนั้น
ทนายคนนั้นกระแอมหนึ่งที
แล้วหยิบแฟ้มเอกสารปกดำขึ้นมา
“ ตอนนี้เรามีปัญหาหนึ่งพินัยกรรมของพ่อคุณหายไป ทั้งที่มันมีสองฉบับ ฉบับหนึ่งอยู่ที่บ้านอีกฉบับเก็บไว้ในสำนักงานของผมเอง น่าประหลาดที่มันถูกโจรกรรมไปทั้งคู่ แต่อย่าห่วงเลยถึงอย่างไรผมก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ของคุณผมจะจัดการเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งผมจะเป็นคนดูแลคุณในกรณีที่คุณป่วยจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งผมก็หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะคุณดูดีขึ้นมากๆ ในทุกๆ วันรู้ไหมผมมาเยี่ยมตลอดตรงนอกประตูกระจกนั่น ”
“ เดี๋ยวๆ ”
ผมพูดสวนขึ้น
สมองพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดบางอย่าง
และเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีเลย
“ คุณกำลังจะบอกว่าพ่อของผมเสียชีวิตแล้ว เมื่อไหร่ยังไงกัน ”
มันเป็นความสูญเสียที่ประหลาด
ในความไม่รู้กลับมีความเจ็บปวดมากมายซ่อนอยู่
น่าประหลาดที่รู้สึกเจ็บแปลบ
กับคนที่แม้จะนึกหน้าก็ยังนึกไม่ออก
“ เกือบสามเดือนมาแล้ว พวกคุณสองพ่อลูกไปเที่ยวบนบ้านพักตากอากาศบนเขา ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุรถไถลตกเขาตอนที่คนลงไปช่วยไม่มีใครคิดว่าจะมีคนรอดชีวิต สภาพรถยับเยินมากต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่คุณยังอยู่ ”
ผมหลับตาพยายามนึกย้อนไป
แต่สิ่งที่เห็นมีแค่แสงไฟมากมายที่สาดส่องเข้ามา
ราวกับไฟหน้ารถหรือแสงสปอร์ตไลท์
“ ไม่ใช่การเฉี่ยวชนหรอกหรือ ”
ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ ไม่ ตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุแล้วไม่มีร่องรอยแบบนั้น พวกเขาเชื่อว่าเป็นการเสียหลักตกข้างทางธรรมดา โชคร้ายที่ตรงนั้นเป็นหน้าผา ”
น่าแปลกที่ผมจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แล้วภาพแสงไฟมากมายนี่คืออะไร
แสงไฟในความทรงจำนั้นเจิดจ้า
จนต้องยกมือขึ้นปิดตาเอาไว้
“ ตำรวจบอกว่ามันเกิดขึ้นเร็วมาก พ่อของคุณถูกกระแทกอย่างแรงจึงเสียชีวิตในทันที โดยไม่ทันได้เจ็บปวดอะไร ”
เขาปลอบใจด้วยถ้อยคำที่คุ้นเคย
พร้อมกับเอื้อมมือมาบีบไหล่
เสียชีวิตทันที
มันช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้นจริงๆ หรือ
ผมรู้สึกว่าไม่เลย
“ คุณรู้หรือไม่ใครเป็นคนขับรถในอุบัติเหตุครั้งนี้ ”
มันเป็นคำถามที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในหัว
และได้เอ่ยออกไปโดยไม่ยั้งคิด
เหมือนแค่อยากหาข้อแก้ตัวดีๆ ให้ตัวเองก็เท่านั้น
“ ผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ”
ทนายเกรย์สัน คนนั้นตอบเลี่ยงๆ
“ ตามปรกติแล้วเวลาอยากไปเที่ยวพักผ่อนพวกคุณก็ไปกันตามลำพังไม่มีผู้ติดตาม แต่ด็อกเตอร์ดาวิล ชาโด เพิร์จ อ้อผมหมายถึงพ่อของคุณน่ะเขาคุยโอ่ถึงคุณบ่อยๆ ถ้าได้พูดเรื่องการขับรถของคุณล่ะก้อทั้งวันไม่มีเบื่อ ด็อกเตอร์ภูมิใจในตัวคุณมากเลยนะไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับคุณมันจะสำคัญเสมอ อย่าคิดมากเลยอย่างน้อยมันไม่ได้มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงจนอยู่ในขั้นอันตราย รถไม่ได้วิ่งเร็วเกินไป ทั้งหมดเป็นเหตุสุดวิสัยและคุณทำดีที่สุดแล้ว ”
มันเป็นคำปลอบใจที่ประหลาด
ดูเหมือนผมจะเป็นคนขับรถ
ให้ตายสิเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร
รถตกไหล่เขา
ทั้งที่ไม่เมาและความเร็วไม่เกินมาตรฐาน
คุณพ่อเสียชีวิต
ผมเสียความทรงจำ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“ มันอาจจะดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น ”
ทนายเกรย์สันว่า
เขาเปิดแฟ้มแล้วก้มอ่านข้อความบางอย่าง
เหมือนจะเป็นรายงานทางการแพทย์
“ กะโหลกของคุณมีรอยร้าวแต่ไม่ได้สร้างความเสียหายกับสมองมากนักนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ส่วนอีกสาเหตุมาจากสภาพจิตใจหากคนเราตกใจหรือเสียใจกับเรื่องบางอย่างที่รุนแรงและกะทันหันเกินไป สมองอาจลบความทรงจำเหล่านั้นเพื่อลดแรงบีบคั้นไม่ให้ส่งผลกระทบในทางลบกับร่างกายมากเกินไป ”
ผมเผลอลูบหน้าตัวเอง
และพบว่ามือนั้นเย็นเฉียบ
“ ความทรงจำบางย่างลืมๆ ไปเสียบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก วันข้างหน้ายังมีสิ่งใหม่ๆ น่าสนใจก็ยังอีกมาก อย่าจมปลักกับอะไรที่เสียไปแล้ว ผมอยู่ข้างคุณนะอย่ากังวลใจไปเลย ยิ่งกดดันมันจะยิ่งแย่เอานะ ”
น้ำเสียงของเขาอบอุ่นน่าฟัง
“ ส่วนเรื่องที่แจ้งไปก่อนหน้า เกี่ยวกับพินัยกรรมที่หายไปผมกำลังดำเนินการตามขั้นตอนอย่างรัดกุม เชื่อว่าอีกไม่นานต้องพบมันอย่างแน่นอน แต่ไม่ต้องคิดมากค่าใช้จ่ายต่างๆ ผมจัดการณ์ได้ และหากเราหาพินัยกรรมนั่นไม่พบจริงๆ มันก็มีวิธีการอื่นๆ ที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน ”
ไม่ว่าจะอย่างไร
ผมไม่เข้าใจสักนิด
ราวกับกำลังฟังเรื่องราวของคนอื่น
ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลย
น่าแปลกที่ชายคนนี้ดูคุ้นตาแต่จ้องอย่างไรก็นึกไม่ออกเสียที
“ สวัสดีผมเกรย์สัน สมิธ ”
ชายคนนั้นว่าพลางยื่นมือมาให้สัมผัส
เป็นคำทักทายสั้นๆ
เหมือนจะวัดดูว่าผมจำอะไรได้บ้าง
และแน่นอนทุกอย่างเหมือนเริ่มต้นใหม่
ทุกอย่างว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
“ คุณจำไม่ได้ ผมเดาว่าต้องเป็นอย่างนั้นพวกเขาเตือนเรื่องนี้แล้ว แต่ไม่เป็นไรเรายังมีเวลา ”
นายเกรย์สันว่า
เมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอวนของผม
เขาลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาข้างเตียง
แล้วนั่งไขว้ขาด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ ขอโทษด้วย คุณเป็นใครครับ ”
ผมอดไม่ได้
ต้องเอ่ยถามออกไป
ชื่อเกรย์สัน สมิธ ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย
“ ผมเป็นทนายประจำตระกูลของคุณ เราเคยเจอกันสองสามครั้ง นั่นจึงไม่ประหลาดหากคุณจะจำไม่ได้ ยิ่งตอนนี้คุณไม่ปรกติด้วยแล้ว ”
“ ทนายประจำตระกูล หมายถึงทนายส่วนตัวของผมน่ะหรือ ”
ผมรู้สึกงุนงง
เรื่องสำคัญแบบนี้ลืมไปได้อย่างไร
“ จริงๆ ผมเป็นทนายของพ่อคุณน่ะโจนาธาน และผมก็ต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดในชีวิตของคุณด้วย ”
พ่อ
คำนั้นทำสมองของผมดังวิ๊ง
น่าตกใจที่ไม่เคยคิดถึงคนผู้นี้
และเมื่อทบทวนความจำ
ทุกอย่างกลับขาวสะอาดโล่งเตียนอย่างแท้จริง
ราวกับไม่เคยมีคนคนนี้ผ่านเข้ามาในชีวิต
“ เขาอยู่ไหนล่ะ พ่อของผมน่ะเขาจะมาเยี่ยมผมหรือจะให้ผมไปพบเขาได้เมื่อไหร่ ”
ด้วยความเชื่อที่ว่านี่คือกุญแจสำคัญ
การได้พบเขาอาจช่วยฟื้นความจำในวัยเด็ก
ทำให้ผมต้องการแบบนั้น
ทนายคนนั้นกระแอมหนึ่งที
แล้วหยิบแฟ้มเอกสารปกดำขึ้นมา
“ ตอนนี้เรามีปัญหาหนึ่งพินัยกรรมของพ่อคุณหายไป ทั้งที่มันมีสองฉบับ ฉบับหนึ่งอยู่ที่บ้านอีกฉบับเก็บไว้ในสำนักงานของผมเอง น่าประหลาดที่มันถูกโจรกรรมไปทั้งคู่ แต่อย่าห่วงเลยถึงอย่างไรผมก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ของคุณผมจะจัดการเอง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งผมจะเป็นคนดูแลคุณในกรณีที่คุณป่วยจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งผมก็หวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะคุณดูดีขึ้นมากๆ ในทุกๆ วันรู้ไหมผมมาเยี่ยมตลอดตรงนอกประตูกระจกนั่น ”
“ เดี๋ยวๆ ”
ผมพูดสวนขึ้น
สมองพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดบางอย่าง
และเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีเลย
“ คุณกำลังจะบอกว่าพ่อของผมเสียชีวิตแล้ว เมื่อไหร่ยังไงกัน ”
มันเป็นความสูญเสียที่ประหลาด
ในความไม่รู้กลับมีความเจ็บปวดมากมายซ่อนอยู่
น่าประหลาดที่รู้สึกเจ็บแปลบ
กับคนที่แม้จะนึกหน้าก็ยังนึกไม่ออก
“ เกือบสามเดือนมาแล้ว พวกคุณสองพ่อลูกไปเที่ยวบนบ้านพักตากอากาศบนเขา ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุรถไถลตกเขาตอนที่คนลงไปช่วยไม่มีใครคิดว่าจะมีคนรอดชีวิต สภาพรถยับเยินมากต้องขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่คุณยังอยู่ ”
ผมหลับตาพยายามนึกย้อนไป
แต่สิ่งที่เห็นมีแค่แสงไฟมากมายที่สาดส่องเข้ามา
ราวกับไฟหน้ารถหรือแสงสปอร์ตไลท์
“ ไม่ใช่การเฉี่ยวชนหรอกหรือ ”
ผมถามเพื่อความแน่ใจ
“ ไม่ ตำรวจไปตรวจที่เกิดเหตุแล้วไม่มีร่องรอยแบบนั้น พวกเขาเชื่อว่าเป็นการเสียหลักตกข้างทางธรรมดา โชคร้ายที่ตรงนั้นเป็นหน้าผา ”
น่าแปลกที่ผมจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แล้วภาพแสงไฟมากมายนี่คืออะไร
แสงไฟในความทรงจำนั้นเจิดจ้า
จนต้องยกมือขึ้นปิดตาเอาไว้
“ ตำรวจบอกว่ามันเกิดขึ้นเร็วมาก พ่อของคุณถูกกระแทกอย่างแรงจึงเสียชีวิตในทันที โดยไม่ทันได้เจ็บปวดอะไร ”
เขาปลอบใจด้วยถ้อยคำที่คุ้นเคย
พร้อมกับเอื้อมมือมาบีบไหล่
เสียชีวิตทันที
มันช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้นจริงๆ หรือ
ผมรู้สึกว่าไม่เลย
“ คุณรู้หรือไม่ใครเป็นคนขับรถในอุบัติเหตุครั้งนี้ ”
มันเป็นคำถามที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในหัว
และได้เอ่ยออกไปโดยไม่ยั้งคิด
เหมือนแค่อยากหาข้อแก้ตัวดีๆ ให้ตัวเองก็เท่านั้น
“ ผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ”
ทนายเกรย์สัน คนนั้นตอบเลี่ยงๆ
“ ตามปรกติแล้วเวลาอยากไปเที่ยวพักผ่อนพวกคุณก็ไปกันตามลำพังไม่มีผู้ติดตาม แต่ด็อกเตอร์ดาวิล ชาโด เพิร์จ อ้อผมหมายถึงพ่อของคุณน่ะเขาคุยโอ่ถึงคุณบ่อยๆ ถ้าได้พูดเรื่องการขับรถของคุณล่ะก้อทั้งวันไม่มีเบื่อ ด็อกเตอร์ภูมิใจในตัวคุณมากเลยนะไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับคุณมันจะสำคัญเสมอ อย่าคิดมากเลยอย่างน้อยมันไม่ได้มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงจนอยู่ในขั้นอันตราย รถไม่ได้วิ่งเร็วเกินไป ทั้งหมดเป็นเหตุสุดวิสัยและคุณทำดีที่สุดแล้ว ”
มันเป็นคำปลอบใจที่ประหลาด
ดูเหมือนผมจะเป็นคนขับรถ
ให้ตายสิเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร
รถตกไหล่เขา
ทั้งที่ไม่เมาและความเร็วไม่เกินมาตรฐาน
คุณพ่อเสียชีวิต
ผมเสียความทรงจำ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“ มันอาจจะดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น ”
ทนายเกรย์สันว่า
เขาเปิดแฟ้มแล้วก้มอ่านข้อความบางอย่าง
เหมือนจะเป็นรายงานทางการแพทย์
“ กะโหลกของคุณมีรอยร้าวแต่ไม่ได้สร้างความเสียหายกับสมองมากนักนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ส่วนอีกสาเหตุมาจากสภาพจิตใจหากคนเราตกใจหรือเสียใจกับเรื่องบางอย่างที่รุนแรงและกะทันหันเกินไป สมองอาจลบความทรงจำเหล่านั้นเพื่อลดแรงบีบคั้นไม่ให้ส่งผลกระทบในทางลบกับร่างกายมากเกินไป ”
ผมเผลอลูบหน้าตัวเอง
และพบว่ามือนั้นเย็นเฉียบ
“ ความทรงจำบางย่างลืมๆ ไปเสียบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก วันข้างหน้ายังมีสิ่งใหม่ๆ น่าสนใจก็ยังอีกมาก อย่าจมปลักกับอะไรที่เสียไปแล้ว ผมอยู่ข้างคุณนะอย่ากังวลใจไปเลย ยิ่งกดดันมันจะยิ่งแย่เอานะ ”
น้ำเสียงของเขาอบอุ่นน่าฟัง
“ ส่วนเรื่องที่แจ้งไปก่อนหน้า เกี่ยวกับพินัยกรรมที่หายไปผมกำลังดำเนินการตามขั้นตอนอย่างรัดกุม เชื่อว่าอีกไม่นานต้องพบมันอย่างแน่นอน แต่ไม่ต้องคิดมากค่าใช้จ่ายต่างๆ ผมจัดการณ์ได้ และหากเราหาพินัยกรรมนั่นไม่พบจริงๆ มันก็มีวิธีการอื่นๆ ที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างแน่นอน ”
ไม่ว่าจะอย่างไร
ผมไม่เข้าใจสักนิด
ราวกับกำลังฟังเรื่องราวของคนอื่น
ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ