FAKE LOVE รักกันมั้ยยัยจอมปลอม
-
เขียนโดย pSvhr_k♡
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 04.34 น.
1 ตอน
0 วิจารณ์
2,155 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 05.48 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) EPISODE .1: ปฐมบทแห่งความซวย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ*ผลงานนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ชื่อ,ตัวละคร,สถานที่,เรื่องราว และเหตุการณ์ต่างๆเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเพียงเท่านั้น หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะที่นี้*
*เรื่องนี้มีคำหยาบไม่ควรมาอ่านคนเดียว ควรชวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมานั่งอ่านด้วยกัน
ปล.เรื่องนี้มีคำหยาบที่รุนแรงมากจริงๆนะ^^*
: EPISODE .1 :
เอี๊ยด!!
เสียงจอดของรถสปอร์ตหรูที่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบริเวณคฤหาสน์ด้วยความไวแสง เพียงแค่จอดไปไม่ถึงวินาทีประตูรถก็ถูกเปิดด้วยความเร็ว เผยให้เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่กำลังลงจากรถหรูของเธอ ตามมาด้วยเสียงปิดประตูรถที่ดังจนคนในบ้านสามารถได้ยินได้
"ยินดีต้อนรับกลับค่ะคุณหนู" หญิงสาวหัวหน้าแม่บ้านที่รีบออกมายืนรอเจ้าของรถหรูตั้งแต่ได้ยินเสียงรถกำลังขับเคลื่อนเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ ก่อนจะเอ่ยปากทักเจ้าของรถอย่างสุภาพ
"พ่อล่ะคะ" คนที่ถูกทักพยักหน้ารับเล็กน้อยพลางหันไปถามหัวหน้าแม่บ้านอย่างรีบร้อน
"ท่านทานข้าวอยู่ข้างในค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ไม่รอให้หัวหน้าแม่บ้านได้พูดต่อ หญิงสาวก็รีบหันหน้าเข้าไปในตัวคฤหาสน์แล้วเข้าไปอย่างไว เธอมุ่งตรงไปที่ห้องทานอาหารโดยไม่สนใจสาวใช้ที่หยุดทักเธอกันอย่างดีใจที่คุณหนูของตัวเองกลับบ้านมาในรอบสามเดือน
ตุบ!
เสียงทุบโต๊ะอาหารบวกกับเสียงเหนื่อยหอบของหญิงสาวที่รีบเข้ามาหาพ่อของตนเองอย่างขัดใจ ในขณะเดียวกันคนที่ถูกมาหาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วลูกสาวของตนจะต้องมาหาตัวเขาอย่างแน่นอน
"อ้าวซินลูก! ถึงแล้วมานั่งกินข้าวกับพ่อก่อนมา" เสียงทุ้มใหญ่ของผูเป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ในใจตนรู้อยู่แล้วว่าที่ลูกสาวมาในวันนี้ไม่ได้มาเยี่ยมตน หรือแค่มาทานข้าว
"พ่อจะจับซินคลุมถุงชนไม่ได้นะคะ!" หญิงสาวรีบเข้าประเด็นหลักในทันที โดยไม่สนประโยคที่พ่อของตนพูด
"ใช้คำรุนแรงจริงๆยัยลูกคนนี้"
"จะให้ซินใช้คำแบบไหนล่ะคะ หมัดมือชก? งี้หรือคะ ใช้คำไหนยังไงมันไม่สำคัญหรอกค่ะ มันสำคัญที่ว่าไม่ว่าจะยังไงซินก็ไม่ยอมแต่งงานแน่ๆ!" หญิงสาวร่ายยาวใส่ผู้เป็นพ่อโดยที่ไม่เว้นระยะห่างให้ผู้เป็นพ่สามารถเข้าแทรกได้
"แล้วมีเหตุผลอะไรล่ะที่พ่อจะจับลูกแต่งงานไม่ได้" ผู้เป็นพ่อละสายตาจากอาหารก่อนจะหันไปมองหน้าของลูกสาวของตนที่กำลังทำหน้าไม่พอใจใส่อย่างแรง
"พ่อรวยแล้วนะคะ!" หญิงสาวตอบ
"เรื่องรวยน่ะพ่อรู้ แต่เราจะหยุดอยู่เพียงแค่นี้มันก็ไม่ได้นะลูก" พ่อของหญิงสาวตอบอย่างสุขุม
"แล้วทำไมต้องเป็นหนูด้วยคะ" ผลจากการเหนื่อยหอบทำให้หญิงสาวลดระดับการใช้อารมณ์ลง "เป็นไอ้เจ้าพี่บ้าแทนไม่ได้รึไงล่ะคะ"
"ลูกก็รู้ว่าพี่เขามีแฟนแล้ว"
"หนูก็มีแล้วค่ะ!"
"?"
"หนูมีจริงๆค่ะ..." หญิงสาวตอบผู้เป็นพ่ออย่างสุขุมแม้ในใจมันกำลังกระอักกระอ่วน แต่เนื่องจากผลที่ตนเป็นนักแสดงแถวหน้า สัญชาตญาณการแสดงจึงทำให้เธอมีสีหน้าที่ใจเย็น
"แล้วใครล่ะ?" ผู้เป็นพ่อถามอย่างไม่เชื่อคำพูดจากปากของลูกสาว คือคนที่พร่ำบอกนักบอกหนาว่าตนจะไม่มีแฟนก็คือลูกสาวที่กำลังบอกว่ามีแฟนอยู่ เพราะเนื่องจากเป็นอย่างนั้น นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่กลัวลูกสาวของตนจะขึ้นคานทองไปจนตาย จึงได้จับให้แต่งงาน "ตอนนั้นลูกบอกจะไม่มีแฟนไม่ใช่หรอ?"
"ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันค่ะพ่อ นิสัยคนเรามันเปลี่ยนแปลงไปได้ พ่อก็รู้" เธออธิบายอย่างมีเหตุผล ทั้งที่ในใจก็รู้ตนดีว่าตนนิสัยยังไงก็ไม่เปลี่ยน ยังไม่อยากมีใคร แต่เพียงเพราะแค่ต้องตบตาพ่อจึงจะไม่ได้แต่งงาน เธอจึงต้องทำการแสดงว่านิสัยเธอเปลี่ยนไปแล้ว "แล้วคนที่พ่อจะจับซินแต่งงาน ความรวยอยู่แค่อันดับที่สามในประเทศไม่ใช่หรอคะ"
"แต่เราอยู่อันดับที่สี่ในประเทศนะลูก" พ่อหันไปตอบผู้เป็นลูกอย่างไม่เข้าใจว่าผู้เป็นลูกกำลังจะสื่ออะไร
"ประเด็นก็คือ พ่อกำลังจะจับซินแต่งงานกับตระกูลที่สูงกว่าเราเพื่อจะได้ซับพอร์ตธุรกิจของพ่อใช่ไหมล่ะคะ" ผู้เป็นลูกรีบเข้าประเด็น "คนที่หนูกำลังคบด้วยน่ะ คือตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดติดหนึ่งในสามในประเทศนะคะ"
"ตระกูลที่ลูกจะแต่งงานก็ติดหนึ่งในสามนะลูก"
"ตระกูลนั้นตัดออกเถอะค่ะ เพราะไม่ว่ายังไงซินก็ไม่แต่งกับพี่เขา"
"ตระกูลที่สองก็ไม่ใช่เป็นเพราะมีแต่หญิงล้วน หรือว่า!.... พ่อว่าลูกอย่ามาโกหกพ่อเลยดีกว่า" ผู้เป็นพ่อคิดก่อนจะไม่ยอมรับว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
"พ่อคะ! พ่อฟังซินนะ" ผู้เป็นลูกจับมือพ่อของตนเพื่อที่จะอธิบาย(เรื่องโกหก)ของเธอต่อ "คนที่หนูกำลังคบอยู่ด้วย เขาชื่อ ทัต ทัศนัย อัครชัยศิริ เจ้าของบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดครองอันดับหนึ่งของประเทศและติดหนึ่งในสิบห้าของโลก นั้นคือแฟนของซินค่ะ"
.
.
.
.
.
_20.47 น.
"อ๊ากกกกกก! จะบ้าตาย!" ฉันอุทานเสียงดังในขณะที่กำลังทึ่งหัวของตัวเองอย่างแรง
"เป็นเหี้ยไรของมึงอีกครับเนี่ย!" เสียงทุ้มแหลมของชายรุ่นราวคราวเดียวกันทักถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนกำลังดึงผมของตัวเองอย่างบ้าคลั่งพลางร้องโว้ยวาย ในใจก็แอบคิดว่าเพื่อนของตนผีเข้าหรือเป็นบ้ากันแน่
"ก็พ่อกูอ่ะ! แม่งเอ้ยย!!" หญิงสาวตอบปัดๆเพราะไม่อยากอธิบายอะไรมาก
"พ่อมึงทำไมอีก อย่าบอกนะว่าพ่อมึงจะจับมึงแต่งงานอ่ะ ฮ่าๆๆ!" ผู้เป็นเพื่อนแหย่แซวเพื่อนสาวของตนเล่นๆ อย่างไม่คิดอะไร
"..."
"ฮ่าๆๆ!"
"..."
"ฮ่า... ฮ่า... ..."
"ไอ้เมฆไอ้เวร..."
"มึงอย่าบอกนะว่าเรื่องจริง!" เมื่อได้สติก็ถึงกับสตั้นในทันทีเมื่อคำพูดแซวเล่นๆของตัวเองเป็นความจริง
"ก็เออน่ะสิ แต่มีเรื่องที่เครียดกว่าโดยจับแต่งงานอีก!" ฉันตอบไปอย่างหัวเสีย เพราะสิ่งที่เครียดหนักกว่านั้นคือสิ่งที่ฉันโกหกพ่อของตัวเองไป และประเด็นก็คือ พ่อให้พาคนที่ฉัน 'อ้าง' ว่าเป็น 'แฟน' ไปหาพรุ่งนี้!
"อะไรอีก หรือว่ามึงโกหกพ่อมึงว่ามีแฟน?!" ไอ้เมฆคาดเดาสถานการณ์เดาๆ
"..."
"แล้วให้พาไปเจอพรุ่งนี้?!"
"มึงไปเป็นหมอดูเถอะเมฆ"
"!!!!!" ถึงไอ้เมฆไม่พูดต่อ ก็พอจะเดาได้ว่ามันอุทานในใจประมาณว่า 'อีเหี้ย!'
หลังจากที่เมฆมันตกใจได้สักพัก มันก็ทำลายความเงียบโดยการตั้งคำถามขึ้นมาถามฉันอีดครั้ง "แล้วคนที่มึงจะแต่งงานด้วยคือใครวะ?"
"คนที่ชื่อเดย์ ตระกูล วัชรพล"
"คนที่ชอบพาผู้หญิงเข้ามานอนไม่ซ้ำหน้าอ่ะนะ" ฉันพยักหน้าเป็นการตอบรับ
และนี่คือหนึ่งเหตุผลที่ทำไมฉันไม่อยากจะแต่งงานกับเขา ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบตระกูลนี้นะ แต่คนในตระกูลบางคนก็น่ารังเกียจจนไม่น่าคบและถูกพูดถึง ถึงแม้จะไม่เคยมีข่าวฉาวของทายาทในวงตระกูลลงข่าวหน้าหนึ่ง หรือรายการโทรทัศน์เลยแม้สักครั้งเพราะอาศัยใช้อำนาจและการฟาดเงินปิดข่าวกับสำนักงานต่างๆ เพื่อไม่ให้ข่าวมากระทบกับธุรกิจ แต่ก็ใช่ว่าจะเล็ดลอดหูคนวงในอย่างเราๆได้
"ไม่ใช่แค่นั้น เคยชนคนข้างทางบาดเจ็บนักปางตายแต่ก็พ้นผิดเพราะจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับตำรวจ" ฉันอธิบายความระยำของคนที่ฉันกำลังจะโดนแต่งงานด้วย พ่อนะพ่อ! หลังแต่ลูกสาวขึ้นคานรึไง จนไม่ศึกษาดูคนที่จะให้แต่งงานด้วยเลย เฮ้อ!
"อ่า... นั้นไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องกังวลเป็นอันดับแรก เรื่องหลักที่มึงต้องกังวลคือไรรู้มั้ย? คือคนที่มึงจะพาไปหาพ่อมึงอ่ะ! หาได้ยัง!" ไอ้เมฆที่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะเครียดหนักกว่าฉันซะอีกเอ่ยถามฉันขึ้น
มันเป็นคำถามที่ทำฉันชะงัก เพราะคนที่ฉันเล่าให้พ่อฟังคือคนที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในประเทศ เนื่องจากที่ฉันเงียบอยู่นานจึงทำให้ความสงสัยของไอ้เมฆเพิ่มสูงขึ้น "ใคร?"
"คนชื่อทัต..." ฉันตอบอย่างกลัวๆ เพราะรู้ว่าไอ้เมฆจะต้องด่าในความโง่ของฉันแน่ๆ
"ทัตไหน?!" ไอ้เมฆเริ่มเค้นคำตอบจากฉัน จนทำให้ฉันเริ่มหดตัวลงเพราะรู้ว่าใกล้แล้วที่จะโดนเพื่อนของตนด่า "คงจะไม่ใช่ทัศนัย อัครชัยศิริ หรอกใช่มั้ยฮ่าๆๆๆ!"
"..."
"อีซิน!!!!" ไอ้เมฆตะหวาดขึ้นจนทำให้ฉันแอบตกใจนิดหน่อย "กูกราบในความฉลาดของมึงเลย!"
"กูขอโทษได้มั้ยล่ะ!!! ในสมองตอนนั้นกูคิดได้แค่นั้นจริงๆเว้ย!" ฉันตอบอย่างโวยวาย
"โอ้ยห่า! มึงรู้ใช่มั้ยว่าตัวตนของเขาชาตินึงกว่าจะมาให้คนบนโลกเห็น ไม่น่าล่ะทำไมพ่อมึงถึงไม่เชื่อมึงอ่ะ!"
"มึงอย่าเพิ่งมาด่ากูได้ป่ะล่ะ! แค่นี้กูก็เครียดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว!" ฉันตะคอกใส่ไอ้เมฆก่อนจะกลับมานั่งก้มหน้าก้มตาให้กับความเครียดในสมอง แค่นี้ก็จะปวดหัวจะตายอยู่แล้วฮื่อ...TT
"แล้วพรุ่งนี้พ่อมึงให้พาไปตอนไหน?"
"พาไปตอนไปงานวันเกิดป้านภา มึงก็ได้รับบัตรเชิญนี่?" ป้านภาเป็นเพื่อนของคุณพ่อของฉันเองค่ะ ท่านถือว่าเป็นคนที่เลี้ยงพวกฉันมาคนนึงเลยล่ะ เพราะว่าเมื่อก่อนพ่อมักจะได้ไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ท่านจึงมักฝากไว้กับป้าภนาให้คอยเลี้ยงดูพวกเรา จนตอนนี้ท่านก็เหมือนจะกลายเป็นแม่คนที่สองของเราไปแล้ว
"เออ! กูได้ งั้นก็แปลว่ามึงยังมีเวลาหาตัวคุณทัตอยู่นะเว้ย!"
"จะง่ายกว่านั้นถ้าอิพี่ซันไม่พูดถึงเรื่องงานวันเกิดป้านภาขึ้นมา" พี่ซันเป็นพี่ชายแท้ๆของฉันเองค่ะ บางทีเราก็กัดกันจนบางครั้งเหมือนกับเราไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่เราก็รักกันดีนะคะ ถ้าไม่ติดที่ว่าคนที่เสนอให้พาคนที่เป็นแฟนของฉันไปหาคือนาง ฉันจะโคตรรักพี่ชายตัวเองเลย
; ก่อนหน้านี้ ;
"คนที่หนูกำลังคบอยู่ด้วย เขาชื่อ ทัต ทัศนัย อัครชัยศิริ เจ้าของบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดครองอันดับหนึ่งของประเทศและติดหนึ่งในสิบของโลก นั้นคือแฟนของซินค่ะ"
ผู้เป็นพ่อหันหน้ามามองลูกสาวอย่างไม่เชื่อคำพูด ในขณะเดียวกันก็ถอนหายใจใส่ลูกสาวของตน "เฮ้อ... "
"พ่อคะ จริงๆนะ"
"อ้าวยัยซิน! ข่าวถึงหูไวนะเนี่ย น่าสงสารคนไม่มีแฟนจังเลยน้า...." พี่ซันที่มาจากไหนก็ไม่รู้ เดินเข้ามาในห้องที่พวกเราอยู่ก่อนจะทักแซะฉันที่พี่มักจะทำเป็นประจำเวลาเจอฉัน
"ฉันมีแล้วย่ะ! จริงๆนะคะพ่อ" ฉันหันไปพูดใส่อิพี่ซันก่อนจะหันมาทำหน้าตาจิ้มลิ้มให้กับพ่อของตนต่อ "ซินอยากแต่งงานกับคนที่เลือกเองจริงๆนะพ่อ"
"พ่อไม่เชื่อหร้อก..." อิพี่ซันที่ยืนเป็นตัวประกอบอยู่ข้างหลังก็เลียนเสียงพ่อก่อนจะพูดฉัน ในขณะนั้นฉันก็ได้หันไปทำตาค้อนใส่นาง "อุ้ยน่ากลัวจังเลย..."
น่าถีบหน้าแกอ่ะดิอิพี่คนนี้
พี่ซันเหมือนจะกวนส้นฉันจนพอใจแล้วก็เหมือนกำลังจะเดินออกไปจากห้องที่พวกฉันอยู่ แต่อยู่ดีๆ นางก็หยุดชะงักเหมือนคิดอะไรดีๆได้ ก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉันแล้วพูดว่า "แกก็พิสูจน์ให้พ่อเห็นดิ"
"พิสูจน์?" ฉันทวนคำพูดของพี่ชายตัวเองอีกครั้ง "เรื่องแบบนี้ฉันก็ต้องพิสูจน์อยู่แล้วป่ะ"
"งั้นก็ดี พรุ่งนี้งานวันเกิดป้านภา พ่อไม่คิดว่าจะเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะได้เห็นลูกเขยหรอครับ จะได้ไม่ต้องรอนัดทานข้าวสุดสัปดาห์ แต่จะได้ไปเจอกันที่งานพรุ่งนี้เลย"
บ้านพ่อแกสิ ....พ่อมันกับพ่อฉันมันคนนี่คนเดียวกันนี่หว่า...
"อืม... เป็นความคิดที่ดีนะ งั้นพรุ่งนี้พาเขามาเยี่ยมพ่อ แล้วพ่อจะตัดสินใจอีกที" อิพี่ชายได้คำตอบอันแสนพึงพอใจจากพ่อก็โบกมือลาฉันอย่างกวนส้นอีกครั้งแล้วเดินจากไป ในใจของฉันในตอนนี้คืออยากจะร้องไห้จะตายแล้ว ฮื่ออออ!TT
ฆ่าฉัน~ ฆ่าฉัน~ ให้ตาย... ดีกว่า~~ ฮื่อออออ....
*เรื่องนี้มีคำหยาบไม่ควรมาอ่านคนเดียว ควรชวนเพื่อนๆพี่ๆน้องๆมานั่งอ่านด้วยกัน
ปล.เรื่องนี้มีคำหยาบที่รุนแรงมากจริงๆนะ^^*
: EPISODE .1 :
เอี๊ยด!!
เสียงจอดของรถสปอร์ตหรูที่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบริเวณคฤหาสน์ด้วยความไวแสง เพียงแค่จอดไปไม่ถึงวินาทีประตูรถก็ถูกเปิดด้วยความเร็ว เผยให้เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่กำลังลงจากรถหรูของเธอ ตามมาด้วยเสียงปิดประตูรถที่ดังจนคนในบ้านสามารถได้ยินได้
"ยินดีต้อนรับกลับค่ะคุณหนู" หญิงสาวหัวหน้าแม่บ้านที่รีบออกมายืนรอเจ้าของรถหรูตั้งแต่ได้ยินเสียงรถกำลังขับเคลื่อนเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ ก่อนจะเอ่ยปากทักเจ้าของรถอย่างสุภาพ
"พ่อล่ะคะ" คนที่ถูกทักพยักหน้ารับเล็กน้อยพลางหันไปถามหัวหน้าแม่บ้านอย่างรีบร้อน
"ท่านทานข้าวอยู่ข้างในค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ไม่รอให้หัวหน้าแม่บ้านได้พูดต่อ หญิงสาวก็รีบหันหน้าเข้าไปในตัวคฤหาสน์แล้วเข้าไปอย่างไว เธอมุ่งตรงไปที่ห้องทานอาหารโดยไม่สนใจสาวใช้ที่หยุดทักเธอกันอย่างดีใจที่คุณหนูของตัวเองกลับบ้านมาในรอบสามเดือน
ตุบ!
เสียงทุบโต๊ะอาหารบวกกับเสียงเหนื่อยหอบของหญิงสาวที่รีบเข้ามาหาพ่อของตนเองอย่างขัดใจ ในขณะเดียวกันคนที่ถูกมาหาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วลูกสาวของตนจะต้องมาหาตัวเขาอย่างแน่นอน
"อ้าวซินลูก! ถึงแล้วมานั่งกินข้าวกับพ่อก่อนมา" เสียงทุ้มใหญ่ของผูเป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ในใจตนรู้อยู่แล้วว่าที่ลูกสาวมาในวันนี้ไม่ได้มาเยี่ยมตน หรือแค่มาทานข้าว
"พ่อจะจับซินคลุมถุงชนไม่ได้นะคะ!" หญิงสาวรีบเข้าประเด็นหลักในทันที โดยไม่สนประโยคที่พ่อของตนพูด
"ใช้คำรุนแรงจริงๆยัยลูกคนนี้"
"จะให้ซินใช้คำแบบไหนล่ะคะ หมัดมือชก? งี้หรือคะ ใช้คำไหนยังไงมันไม่สำคัญหรอกค่ะ มันสำคัญที่ว่าไม่ว่าจะยังไงซินก็ไม่ยอมแต่งงานแน่ๆ!" หญิงสาวร่ายยาวใส่ผู้เป็นพ่อโดยที่ไม่เว้นระยะห่างให้ผู้เป็นพ่สามารถเข้าแทรกได้
"แล้วมีเหตุผลอะไรล่ะที่พ่อจะจับลูกแต่งงานไม่ได้" ผู้เป็นพ่อละสายตาจากอาหารก่อนจะหันไปมองหน้าของลูกสาวของตนที่กำลังทำหน้าไม่พอใจใส่อย่างแรง
"พ่อรวยแล้วนะคะ!" หญิงสาวตอบ
"เรื่องรวยน่ะพ่อรู้ แต่เราจะหยุดอยู่เพียงแค่นี้มันก็ไม่ได้นะลูก" พ่อของหญิงสาวตอบอย่างสุขุม
"แล้วทำไมต้องเป็นหนูด้วยคะ" ผลจากการเหนื่อยหอบทำให้หญิงสาวลดระดับการใช้อารมณ์ลง "เป็นไอ้เจ้าพี่บ้าแทนไม่ได้รึไงล่ะคะ"
"ลูกก็รู้ว่าพี่เขามีแฟนแล้ว"
"หนูก็มีแล้วค่ะ!"
"?"
"หนูมีจริงๆค่ะ..." หญิงสาวตอบผู้เป็นพ่ออย่างสุขุมแม้ในใจมันกำลังกระอักกระอ่วน แต่เนื่องจากผลที่ตนเป็นนักแสดงแถวหน้า สัญชาตญาณการแสดงจึงทำให้เธอมีสีหน้าที่ใจเย็น
"แล้วใครล่ะ?" ผู้เป็นพ่อถามอย่างไม่เชื่อคำพูดจากปากของลูกสาว คือคนที่พร่ำบอกนักบอกหนาว่าตนจะไม่มีแฟนก็คือลูกสาวที่กำลังบอกว่ามีแฟนอยู่ เพราะเนื่องจากเป็นอย่างนั้น นี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่กลัวลูกสาวของตนจะขึ้นคานทองไปจนตาย จึงได้จับให้แต่งงาน "ตอนนั้นลูกบอกจะไม่มีแฟนไม่ใช่หรอ?"
"ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันค่ะพ่อ นิสัยคนเรามันเปลี่ยนแปลงไปได้ พ่อก็รู้" เธออธิบายอย่างมีเหตุผล ทั้งที่ในใจก็รู้ตนดีว่าตนนิสัยยังไงก็ไม่เปลี่ยน ยังไม่อยากมีใคร แต่เพียงเพราะแค่ต้องตบตาพ่อจึงจะไม่ได้แต่งงาน เธอจึงต้องทำการแสดงว่านิสัยเธอเปลี่ยนไปแล้ว "แล้วคนที่พ่อจะจับซินแต่งงาน ความรวยอยู่แค่อันดับที่สามในประเทศไม่ใช่หรอคะ"
"แต่เราอยู่อันดับที่สี่ในประเทศนะลูก" พ่อหันไปตอบผู้เป็นลูกอย่างไม่เข้าใจว่าผู้เป็นลูกกำลังจะสื่ออะไร
"ประเด็นก็คือ พ่อกำลังจะจับซินแต่งงานกับตระกูลที่สูงกว่าเราเพื่อจะได้ซับพอร์ตธุรกิจของพ่อใช่ไหมล่ะคะ" ผู้เป็นลูกรีบเข้าประเด็น "คนที่หนูกำลังคบด้วยน่ะ คือตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดติดหนึ่งในสามในประเทศนะคะ"
"ตระกูลที่ลูกจะแต่งงานก็ติดหนึ่งในสามนะลูก"
"ตระกูลนั้นตัดออกเถอะค่ะ เพราะไม่ว่ายังไงซินก็ไม่แต่งกับพี่เขา"
"ตระกูลที่สองก็ไม่ใช่เป็นเพราะมีแต่หญิงล้วน หรือว่า!.... พ่อว่าลูกอย่ามาโกหกพ่อเลยดีกว่า" ผู้เป็นพ่อคิดก่อนจะไม่ยอมรับว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
"พ่อคะ! พ่อฟังซินนะ" ผู้เป็นลูกจับมือพ่อของตนเพื่อที่จะอธิบาย(เรื่องโกหก)ของเธอต่อ "คนที่หนูกำลังคบอยู่ด้วย เขาชื่อ ทัต ทัศนัย อัครชัยศิริ เจ้าของบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดครองอันดับหนึ่งของประเทศและติดหนึ่งในสิบห้าของโลก นั้นคือแฟนของซินค่ะ"
.
.
.
.
.
_20.47 น.
"อ๊ากกกกกก! จะบ้าตาย!" ฉันอุทานเสียงดังในขณะที่กำลังทึ่งหัวของตัวเองอย่างแรง
"เป็นเหี้ยไรของมึงอีกครับเนี่ย!" เสียงทุ้มแหลมของชายรุ่นราวคราวเดียวกันทักถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของตนกำลังดึงผมของตัวเองอย่างบ้าคลั่งพลางร้องโว้ยวาย ในใจก็แอบคิดว่าเพื่อนของตนผีเข้าหรือเป็นบ้ากันแน่
"ก็พ่อกูอ่ะ! แม่งเอ้ยย!!" หญิงสาวตอบปัดๆเพราะไม่อยากอธิบายอะไรมาก
"พ่อมึงทำไมอีก อย่าบอกนะว่าพ่อมึงจะจับมึงแต่งงานอ่ะ ฮ่าๆๆ!" ผู้เป็นเพื่อนแหย่แซวเพื่อนสาวของตนเล่นๆ อย่างไม่คิดอะไร
"..."
"ฮ่าๆๆ!"
"..."
"ฮ่า... ฮ่า... ..."
"ไอ้เมฆไอ้เวร..."
"มึงอย่าบอกนะว่าเรื่องจริง!" เมื่อได้สติก็ถึงกับสตั้นในทันทีเมื่อคำพูดแซวเล่นๆของตัวเองเป็นความจริง
"ก็เออน่ะสิ แต่มีเรื่องที่เครียดกว่าโดยจับแต่งงานอีก!" ฉันตอบไปอย่างหัวเสีย เพราะสิ่งที่เครียดหนักกว่านั้นคือสิ่งที่ฉันโกหกพ่อของตัวเองไป และประเด็นก็คือ พ่อให้พาคนที่ฉัน 'อ้าง' ว่าเป็น 'แฟน' ไปหาพรุ่งนี้!
"อะไรอีก หรือว่ามึงโกหกพ่อมึงว่ามีแฟน?!" ไอ้เมฆคาดเดาสถานการณ์เดาๆ
"..."
"แล้วให้พาไปเจอพรุ่งนี้?!"
"มึงไปเป็นหมอดูเถอะเมฆ"
"!!!!!" ถึงไอ้เมฆไม่พูดต่อ ก็พอจะเดาได้ว่ามันอุทานในใจประมาณว่า 'อีเหี้ย!'
หลังจากที่เมฆมันตกใจได้สักพัก มันก็ทำลายความเงียบโดยการตั้งคำถามขึ้นมาถามฉันอีดครั้ง "แล้วคนที่มึงจะแต่งงานด้วยคือใครวะ?"
"คนที่ชื่อเดย์ ตระกูล วัชรพล"
"คนที่ชอบพาผู้หญิงเข้ามานอนไม่ซ้ำหน้าอ่ะนะ" ฉันพยักหน้าเป็นการตอบรับ
และนี่คือหนึ่งเหตุผลที่ทำไมฉันไม่อยากจะแต่งงานกับเขา ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบตระกูลนี้นะ แต่คนในตระกูลบางคนก็น่ารังเกียจจนไม่น่าคบและถูกพูดถึง ถึงแม้จะไม่เคยมีข่าวฉาวของทายาทในวงตระกูลลงข่าวหน้าหนึ่ง หรือรายการโทรทัศน์เลยแม้สักครั้งเพราะอาศัยใช้อำนาจและการฟาดเงินปิดข่าวกับสำนักงานต่างๆ เพื่อไม่ให้ข่าวมากระทบกับธุรกิจ แต่ก็ใช่ว่าจะเล็ดลอดหูคนวงในอย่างเราๆได้
"ไม่ใช่แค่นั้น เคยชนคนข้างทางบาดเจ็บนักปางตายแต่ก็พ้นผิดเพราะจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับตำรวจ" ฉันอธิบายความระยำของคนที่ฉันกำลังจะโดนแต่งงานด้วย พ่อนะพ่อ! หลังแต่ลูกสาวขึ้นคานรึไง จนไม่ศึกษาดูคนที่จะให้แต่งงานด้วยเลย เฮ้อ!
"อ่า... นั้นไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องกังวลเป็นอันดับแรก เรื่องหลักที่มึงต้องกังวลคือไรรู้มั้ย? คือคนที่มึงจะพาไปหาพ่อมึงอ่ะ! หาได้ยัง!" ไอ้เมฆที่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะเครียดหนักกว่าฉันซะอีกเอ่ยถามฉันขึ้น
มันเป็นคำถามที่ทำฉันชะงัก เพราะคนที่ฉันเล่าให้พ่อฟังคือคนที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในประเทศ เนื่องจากที่ฉันเงียบอยู่นานจึงทำให้ความสงสัยของไอ้เมฆเพิ่มสูงขึ้น "ใคร?"
"คนชื่อทัต..." ฉันตอบอย่างกลัวๆ เพราะรู้ว่าไอ้เมฆจะต้องด่าในความโง่ของฉันแน่ๆ
"ทัตไหน?!" ไอ้เมฆเริ่มเค้นคำตอบจากฉัน จนทำให้ฉันเริ่มหดตัวลงเพราะรู้ว่าใกล้แล้วที่จะโดนเพื่อนของตนด่า "คงจะไม่ใช่ทัศนัย อัครชัยศิริ หรอกใช่มั้ยฮ่าๆๆๆ!"
"..."
"อีซิน!!!!" ไอ้เมฆตะหวาดขึ้นจนทำให้ฉันแอบตกใจนิดหน่อย "กูกราบในความฉลาดของมึงเลย!"
"กูขอโทษได้มั้ยล่ะ!!! ในสมองตอนนั้นกูคิดได้แค่นั้นจริงๆเว้ย!" ฉันตอบอย่างโวยวาย
"โอ้ยห่า! มึงรู้ใช่มั้ยว่าตัวตนของเขาชาตินึงกว่าจะมาให้คนบนโลกเห็น ไม่น่าล่ะทำไมพ่อมึงถึงไม่เชื่อมึงอ่ะ!"
"มึงอย่าเพิ่งมาด่ากูได้ป่ะล่ะ! แค่นี้กูก็เครียดจนหัวจะระเบิดอยู่แล้ว!" ฉันตะคอกใส่ไอ้เมฆก่อนจะกลับมานั่งก้มหน้าก้มตาให้กับความเครียดในสมอง แค่นี้ก็จะปวดหัวจะตายอยู่แล้วฮื่อ...TT
"แล้วพรุ่งนี้พ่อมึงให้พาไปตอนไหน?"
"พาไปตอนไปงานวันเกิดป้านภา มึงก็ได้รับบัตรเชิญนี่?" ป้านภาเป็นเพื่อนของคุณพ่อของฉันเองค่ะ ท่านถือว่าเป็นคนที่เลี้ยงพวกฉันมาคนนึงเลยล่ะ เพราะว่าเมื่อก่อนพ่อมักจะได้ไปทำงานที่ต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ท่านจึงมักฝากไว้กับป้าภนาให้คอยเลี้ยงดูพวกเรา จนตอนนี้ท่านก็เหมือนจะกลายเป็นแม่คนที่สองของเราไปแล้ว
"เออ! กูได้ งั้นก็แปลว่ามึงยังมีเวลาหาตัวคุณทัตอยู่นะเว้ย!"
"จะง่ายกว่านั้นถ้าอิพี่ซันไม่พูดถึงเรื่องงานวันเกิดป้านภาขึ้นมา" พี่ซันเป็นพี่ชายแท้ๆของฉันเองค่ะ บางทีเราก็กัดกันจนบางครั้งเหมือนกับเราไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่เราก็รักกันดีนะคะ ถ้าไม่ติดที่ว่าคนที่เสนอให้พาคนที่เป็นแฟนของฉันไปหาคือนาง ฉันจะโคตรรักพี่ชายตัวเองเลย
; ก่อนหน้านี้ ;
"คนที่หนูกำลังคบอยู่ด้วย เขาชื่อ ทัต ทัศนัย อัครชัยศิริ เจ้าของบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดครองอันดับหนึ่งของประเทศและติดหนึ่งในสิบของโลก นั้นคือแฟนของซินค่ะ"
ผู้เป็นพ่อหันหน้ามามองลูกสาวอย่างไม่เชื่อคำพูด ในขณะเดียวกันก็ถอนหายใจใส่ลูกสาวของตน "เฮ้อ... "
"พ่อคะ จริงๆนะ"
"อ้าวยัยซิน! ข่าวถึงหูไวนะเนี่ย น่าสงสารคนไม่มีแฟนจังเลยน้า...." พี่ซันที่มาจากไหนก็ไม่รู้ เดินเข้ามาในห้องที่พวกเราอยู่ก่อนจะทักแซะฉันที่พี่มักจะทำเป็นประจำเวลาเจอฉัน
"ฉันมีแล้วย่ะ! จริงๆนะคะพ่อ" ฉันหันไปพูดใส่อิพี่ซันก่อนจะหันมาทำหน้าตาจิ้มลิ้มให้กับพ่อของตนต่อ "ซินอยากแต่งงานกับคนที่เลือกเองจริงๆนะพ่อ"
"พ่อไม่เชื่อหร้อก..." อิพี่ซันที่ยืนเป็นตัวประกอบอยู่ข้างหลังก็เลียนเสียงพ่อก่อนจะพูดฉัน ในขณะนั้นฉันก็ได้หันไปทำตาค้อนใส่นาง "อุ้ยน่ากลัวจังเลย..."
น่าถีบหน้าแกอ่ะดิอิพี่คนนี้
พี่ซันเหมือนจะกวนส้นฉันจนพอใจแล้วก็เหมือนกำลังจะเดินออกไปจากห้องที่พวกฉันอยู่ แต่อยู่ดีๆ นางก็หยุดชะงักเหมือนคิดอะไรดีๆได้ ก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉันแล้วพูดว่า "แกก็พิสูจน์ให้พ่อเห็นดิ"
"พิสูจน์?" ฉันทวนคำพูดของพี่ชายตัวเองอีกครั้ง "เรื่องแบบนี้ฉันก็ต้องพิสูจน์อยู่แล้วป่ะ"
"งั้นก็ดี พรุ่งนี้งานวันเกิดป้านภา พ่อไม่คิดว่าจะเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะได้เห็นลูกเขยหรอครับ จะได้ไม่ต้องรอนัดทานข้าวสุดสัปดาห์ แต่จะได้ไปเจอกันที่งานพรุ่งนี้เลย"
บ้านพ่อแกสิ ....พ่อมันกับพ่อฉันมันคนนี่คนเดียวกันนี่หว่า...
"อืม... เป็นความคิดที่ดีนะ งั้นพรุ่งนี้พาเขามาเยี่ยมพ่อ แล้วพ่อจะตัดสินใจอีกที" อิพี่ชายได้คำตอบอันแสนพึงพอใจจากพ่อก็โบกมือลาฉันอย่างกวนส้นอีกครั้งแล้วเดินจากไป ในใจของฉันในตอนนี้คืออยากจะร้องไห้จะตายแล้ว ฮื่ออออ!TT
ฆ่าฉัน~ ฆ่าฉัน~ ให้ตาย... ดีกว่า~~ ฮื่อออออ....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ