ยอดคนแดนนรก
เขียนโดย Echang
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563 เวลา 05.25 น.
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563 05.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) 1 ตัวบัดซบในนรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1 ตัวบัดซบในนรก
ท้องฟ้า เป็นสีแดงฉาน เจิดจ้า กว้างใหญ่ไพศาล
จนไม่เห็นขอบเขต ความร้อนระอุ พลุ่งพล่าน ภาพรอบด้าน บิดเบี้ยวเป็นระลอก พื้นดินแตกระแหง เหมือนใยแมงมุม
รอบข้างเวิ้งว้าง ไร้ ต้นไม้ใบหญ้าใดๆ ไม่มีภูเขา ทะเล แม่น้ำ หรือสิ่งมีชีวิตใดๆ
"เฮอะ"
เสียงแค่นอย่างเย็นชาดังขึ้น
สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ กลับมีสิ่งหนึ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ด้วย
มันเป็นคนผู้หนึ่งกำลังพยายาม เดินโซเซอย่างลำบากยากเย็น ไปข้างหน้าอย่างช้า สารรูปมันสุดทนดู ร่างผ่ายผอม แห้งกรัง เหลือหนังหุ้มกระดูก ผิวหนังไหม้เกรียมไปหมด ผมกระเซิงดุจรังนก แห้งกรอบถึงที่สุด สวมใส่กางเกงขาสั้น ขะมุกขะมอม ขาดกะรุ่งกะริ่ง ใบหน้าของมัน เหยเก บิดเบี้ยว แต่ยังดูคมเข้ม สมชายชาตรี
แววตามันฉาย ประกายแวววับ กล้าแกร่ง ไร้ความพรั่นพรึง ท้อแท้ใดๆ
นานมากแล้ว ที่มันถูกโยนเข้ามา ยังที่นี้ ร้อย ปี พันปี หรือแม้กระทั่งหมื่น ปี มันไม่ได้ นับ แต่มันรู้ว่า เวลา ผ่านไปนานมาก
"ข้าชื่อ อีชาง"
มันบอกตัวเอง จากนั้นก็เริ่มที่ ทบทวนความจำของมัน ผ่านเวลาที่นานมากขนาดนี้ ถ้ามันไม่พยายาม ทบทวน ความจำ อดีตของมันอยู่เสมอ มันคงจะลืมว่า มันเป็นใคร ผ่านอะไรมาบ้าง ประสบการณ์ในอดีตเป็นอย่างไร
อีชาง เริ่มต้นทบทวน ตั้งแต่มันยังเป็นเด็กน้อย เริ่มแต่จำความได้ เติบโตขึ้น จนเริ่มที่จะเขียนได้ มันก็ เริ่มบันทึกประจำวัน ของมัน
มัน ชอบที่จะทำเช่นนี้ ตั้งแต่แรก บิดามารดาของมัน ล้วนเห็นว่า นี่เป็นความแปลกที่น่าเอ็นดู ของมัน มันจดบันทึกทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ สิ่งที่มันเห็น เรื่องที่มันคิด การเรียนรู้ ความรู้สึก มันต่างบันทึกไว้ โชคดีที่บิดามารดา ค่อนข้างมีความ ฐานะดี จึงทำให้อีชาง ไม่ต้อง กังวลในเรื่องชีวิตประจำวัน มีเวลา บันทึก เรื่องราว ประสบการณ์ของตน วันแล้ววันเล่า สมุดบันทึกของมัน จึงมากมาย ก่ายกอง ถึงกับต้องสร้างโรง เรือน เพื่อเก็บบันทึก และเป็นสถานที่ ที่มันใช้ เขียนเรื่องราวลงในบันทึก อีชาง ทั้งจดบันทึก ไปเรื่อยๆ และยังอ่านบันทึกเก่าๆ ไปพร้อมกัน
ด้วยความชอบพอในการเขียน และการอ่าน ทำให้ พี่ช้าง ได้พัฒนา ความสามารถในการอ่านเขียน ของมันจนทะลุ ขีดจำกัดของมนุษย์ มันจำได้ว่า เมื่อมันอายุแค่ 8 ขวบ มันสามารถเขียนบันทึกประจำวัน ทั้งวัน ได้ภายในเวลา เพียงกระพริบตา 2 ครั้ง ส่วนการอ่านและทำความเข้าใจ มันสามารถอ่านและทำความเข้าใจ ในตำราเล่มหนา เท่าฝ่ามือ ในเวลา เพียงชั่วลมหายใจเข้าออก 1 ครั้ง มันต้องใช้เวลา ถึงหนึ่งลมหายใจ ก็เพราะว่า มันเสียเวลา ในการ พลิกหน้ากระดาษนั่นเอง
เมื่อมันรู้สึกว่าจะลืมอะไร ซักอย่าง มันจะกลับมาอ่านบันทึกเก่าๆ อีกครั้งเสมอ
ดังนั้น มันจึงสามารถ จำเรื่องในอดีตของมันได้ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความคิด หรือการกระทำ ด้วยการฝึกฝนเช่นนี้ ความจำมัน ถึงกับมีระดับที่ จะผ่านตา ไม่ลืมเลือนได้เลย อีกทั้งเมื่อมัน คิดถึงเรื่องราว ในอดีต ทั้งในการกระทำ หรือความคิด สามารถเปรียบเทียบ ปัจจุบันกับอดีต ได้อย่างชัดเจน มองเห็น ผลของการกระทำ และความคิดที่ผิดพลาด ไม่ดีพอ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมันก็ได้ พยายามทดลอง เปลี่ยนแปลงการกระทำ และความคิด ในอดีตนั้น ให้ได้ผลลัพธ์ ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็นั่นแหละ แม้ว่า อีชาง จะมี ศักยภาพ ที่เลอเลิศเช่นนี้ ที่เรียกได้ว่า เป็นอัจฉริยะ ที่เกิดจากการ ชอบ ขีดเขียนบันทึกประจำวัน ของมันก็ตาม
อาจจะด้วย ชะตาลิขิต กรรมเก่า หรืออะไรก็ตาม มันกลับสร้างแต่กรรมชั่ว มันชั่วร้าย การกระทำของมัน ล้วนแล้วแต่ส่งผลให้ สิ่งที่อยู่รอบตัวของมัน เกิดความชิบหาย ไม่ว่าจะเป็น สิ่งของ ที่ สถานที่ ผู้คน ที่อยู่รอบข้างมัน แน่นอนว่า ไม่มีใครหน้าไหน รู้ว่า สิ่งที่เลวร้ายอุบาทว์ ที่ปรากฏอยู่นั้น เป็นผลจากการกระทำ ของอีชาง มันผู้นี้เอง
ความชั่วร้าย อุบาทว์ ลุกลามไป รอบข้าง แพร่กระจาย ดุจ โรคระบาด ไปย้งรอบๆ ตัวมัน ครอบครัว ตระกูล หมู่บ้าน เมือง แม้กระทั่ง อาณาจักร ที่มันอยู่
ความอุบาทว์ชั่วร้าย ที่เกิดจากการกระทำ ของมัน ประดุจ ปฏิกิริยา ลูกโซ่ กระจายออกไป ทั่วทั้งแผ่นดิน ความเสียหายพินาศ ย่อยยับ สงครามล้างเผ่าพันธุ์ ความ เดือดร้อน เกิดขึ้น ทุกหย่อมหญ้า สิ่งมีชีวิต อารยธรรม ความดีงาม ที่มนุษย์สร้างสรรค์ ขึ้น ล้วน ถูกทำลาย มีแต่มัน อีชาง เพียงผู้เดียว ที่อยู่รอด ปลอดภัย เฝ้าจดบันทึก ประจำวัน ของตนเอง รวมทั้ง ทุกๆสิ่ง ที่เกิดขึ้น เท่าที่มันรู้ ในโลก อย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
สิ่งชั่วร้าย ที่มันทำไว้ ให้แก่โลก ช่างมากมาย จนนับไม่ถ้วน ส่วนสิ่งที่ดี ในโลก มันรวบรวมเก็บไว้ กับตัวมัน แต่เพียงผู้เดียว
สมบัติมีค่า มรดกวิชาความรู้ทั้งหลาย ขุมทรัพย์เป็นของมัน แต่ผู้เดียว สมบัติมีค่า รวมทั้งบันทึกของมัน จำเป็นต้องมีที่เก็บ รักษา ขุมทรัพย์ของมัน แบ่งไปเก็บรักษา ในที่ต่างๆ อยากเร้นลับ ถึง 108 แห่ง ส่วน มรดกวิชา ความรู้ทั้งหมด ล้วน อยู่ในความทรงจำ ของมันทั้งสิ้น
ในโลกยุคนั้น มันนับเป็นราชันย์ ในราชันย์ ครองทั้งแผ่นดิน ความทุกข์เข็ญ ของมวลมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตในโลก หนุนส่งมันขึ้นไป จนถึงจุดสูงสุด ยอดของมนุษย์ชาติ ทุกสิ่งทุกอย่าง ในแผ่นดิน ล้วนต้องพึ่งพิงมัน สรรพวิชา นานาทุกสาขา มันล้วนเจนจบ
แต่สิ่งที่ มัน อีชาง สุดท้ายต้องแพ้พ่าย ก็คือ วัฏจักร เกิดดับของโลก
ไม่ว่าคนดีหรือคนชั่ว ก็ล้วนแล้วมีจุดจบเดียวกัน ก็คือ ความ ตาย โลกเสื่อมโทรม ไปแล้วก็รุ่งเรือง แล้วก็เสื่อมโทรม แล้วก็รุ่งเรือง หมุนเวียนเปลี่ยนไป ไม่หยุดยั้ง เริ่มแล้วก็จบไป เริ่มต้นใหม่ อีกครั้ง
ตอนนั้น คนธรรมดา มีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 80 ปี ถ้าผู้ฝึกยุทธ อยู่ได้ถึง 200 ปี
แต่มันอีชาง ราชันย์แห่งความอุบาทว์ชาติชั่ว ด้วยยอดวิชา ทั้งธรรมะ และอธรรม ทำให้มัน มีชีวิต อยู่นานถึง 3,000 ปี ซึ่งโลกต้อง จมอยู่ในความทุกข์เข็ญ มนุษย์ทั้งหมด ต้องทนทุกข์ทรมาน อันเกิดจากการกระทำ ของมัน อีชาง นานถึง 6 พันปี จึงจะเริ่ม หยุดลง หลังการตายของมัน
มนุษย์ ที่แท้แล้ว ล้วนเท่าเทียมกัน เมื่อตายแล้ว หลังการพิพากษา มันจึงถูกจับโยน เข้าไปในนรกร้าง ที่ต่ำที่สุดในอเวจี เป็น สถานที่ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิต ใดอื่นอยู่เลย เพื่อให้มันทุกข์ทรมาน เดียวดาย รับกรรมในการกระทำของมัน ไม่มีแม้แต่ผู้คุมนรก เพราะ กลัวว่ามัน จะแพร่ ความอุบาทว์ชาติชั่ว ของ มัน ผ่านผู้คุมนรก ได้นั่นเอง
ไม่มีผู้ใด มาเหลียวแลมัน หรือแม้แต่กระทั่ง เสียเวลา มายุ่งเกี่ยวกับมัน ไม่มีใครมา ลงทัณฑ์ มันเพิ่มเติม ปล่อยมันทิ้งไว้ ในนรกแห่งนี้ ชั่วกัปชั่วกัล
อีชาง ตัวมันยังจำได้ หลังจากมันตายลง เพราะความชราภาพ ดวงวิญญาณของมัน และผู้อื่น ลอยเลื่อนไปเรื่อยๆ ในบรรยากาศ อันมืดมิด ไร้แสงใดๆ ตอนนั้น ดวงวิญญาณแต่ละดวง ล้วนส่องประกาย วิบวับ ลอยไปเรื่อยๆ ในทิศทางเดียวกัน กัน เพื่อไปยังที่แห่งหนึ่ง ที่เป็นคล้ายแม่น้ำ ที่มีสีเหลืองอ่อน ไหล เอื่อยๆ
ความรู้สึกของวิญญาณ แต่ละดวงล้วนเหนื่อยอ่อน ร่วงโรย หิวกระหาย อย่างมาก ดวงวิญญาณ แต่ละดวง ล้วนตกอยู่ในความ งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก มีแต่ สัญชาตญาณ
เมื่อรู้สึกถึงน้ำ ต่างพุ่งไปในแม่น้ำ และพยายามกลืนกินน้ำ สีเหลืองนั้น ทั้งที่ไม่มีปาก ด้วยความตั้งใจ ที่จะกลืนกินน้ำ ของดวงวิญญาณ เหล่านั้นจึงมี ไอละออง สีเหลืองอ่อนๆจึง ค่อยๆซึมซับ เข้าไปในวิญญาณ แต่ละดวง
เมื่อดวงวิญญาณ ที่ได้รับ ไอละอองสีเหลือง เข้าไปข้างในแล้ว แสงวิบวับ ของดวงวิญญาณ แต่ละดวง ก็จะค่อยๆ สงบลงทีละน้อย
ตามตำนาน กล่าวไว้ว่า เมื่อกลับสู่แม่น้ำเหลือง คือการกลับสู่ต้นกำเนิด ความทรงจำใดๆ จะจางหายไป สู่ความว่างเปล่า ดวงวิญญาณทุกดวง จะไหลลอยเลื่อน ไปตามกระแสแม่น้ำเหลือง เพื่อไปรับรู้ ถึงบาปบุญที่ตัวเอง เคยกระทำไว้ ที่ยมโลก และถูกพิพากษา ให้รับโทษทัณฑ์ ที่ตัวเองก่อไว้ใน นรก หรือไปรับรางวัล จากการทำความดี บนสวรรค์
แสงวิบวับ ในดวงวิญญาณ ทั้งหลาย ค่อยๆกลับสู่ ความสงบนิ่ง ไหลไปเรื่อยๆ แต่ในดวงวิญญาณทั้งหลาย กลับมีดวงวิญญาณดวงหนึ่ง ยังคงมีแสงวิบวับ ยิ่งเวลาผ่านไป นานเท่าไหร่ แสงวิบวับนั้น กลับสว่าง และถี่เร็วมากขึ้น
นั่นคือ ดวงวิญญาณของอีชาง นั่นเอง ด้วยความรักชอบ การขีดเขียน บันทึกประจำวัน ของตน ได้ถูกฝึกฝนพัฒนา จน สลักลึก ลงไปถึงจิตวิญญาณ ของมัน เป็นส่วนหนึ่งของ แก่นดวงวิญญาณ ซึ่งแยกออกมาไม่ได้แล้ว ความจำทุกอย่างของมัน ถูกขีดเขียน บันทึกและทบทวน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในตอนที่มีชีวิตอยู่ จนกลับกลายเป็นเนื้อแท้ ของดวงวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่ แปดเปื้อน ดวงวิญญาณ เหมือนของ ดวงวิญญาณอื่น
ไอละออง เหลือง เมื่อเข้าสู่ ในดวงวิญญาณของมัน จึงไม่สามารถ ชะล้าง ความจำใดๆ ของดวงวิญญาณ ของมันได้ แต่กลับไปกระตุ้นให้ ความจำที่ฝังอยู่ เป็นเนื้อเดียวกับดวงวิญญาณ กลับฟื้นคืนขึ้นมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ