Another World โลกอีกใบของฉันและเธอ

-

เขียนโดย KarWinDinTe

วันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2563 เวลา 02.11 น.

  4 chapter
  0 วิจารณ์
  4,540 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2563 18.51 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) รอยสักรูปนาฬิกาทราย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในคืนเดียวนั้นเอง อลิเทียได้ตื่นขึ้นด้วยลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าผ้าของตน และวิ่งไปปลุกผู้เป็นย่า บอกให้ท่านเก็บของ อลิเทียรีบวิ่งไปที่หอคอยสังเกตุการณ์ของหมู่บ้าน เธอเกิดคำถามมากมายกับภาพที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้า "นี่มันอะไร พวกเขามาที่นี่ได้ยังไง นั้นมัน....อัก" ไม่ทันที่อลิเทียจะคิดคำนวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เธอก็ถูกของหนักบางอย่างทุบเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง จนสลบไป

หลังจากนั้นไม่นานนัก อลิเทียได้รู้สึกตัวขึ้น แต่เธอก็รับรู้อะไรได้บางอย่างว่า เธอถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกอย่างแน่นหนา อลิเทียได้มองไปรอบๆ ตัวของเธอ ก็ต้องพบเข้ากับเพื่อนของเธอที่ชื่อว่าเจนาสและคาริน รวมทั้งมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ถูกหมัดอยู่บริเวณนั้น แต่เธอลองสังเกตดูดีๆ แล้ว กับไม่พบย่าของเธอเลย

"เทียตื่นแล้วหรอ เป็นห่วงแทบแย่ตอนที่พวกมันหิ้วเจ้ามา เจ้าดูไม่มีสติเลย บาดเจ็บตรงไหนหรือป่าว" เพื่อนชายที่อายุรุ่นราวคาวเดียวกันของอลิเทียชื่อว่าเจนาส ได้ถามเธอขึ้นทันทีที่เห็นว่าเธอฟื้นแล้ว

"ไม่เป็นไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้น คุณย่าของข้าล่ะ ข้าไม่เห็นท่านเลย" อลิเทียร้อนใจที่ไม่เห็นย่าของเธอจึงรีบถามเจนาสออกไป

"ย่าของเจ้าไม่เป็นอะไร ความจริงต้องขอบคุณย่าของเจ้า ท่านมาบอกเราว่าเจ้าน่ะแปลกไป อยู่ดีๆ ก็บอกให้เก็บของ บ้านของเจ้ากับข้าอยู่ใกล้กัน ย่าของเจ้าก็เลยวานให้ข้าไปตามเจ้า แต่เหมือนมันจะช้าไปหน่อย" เจนาสหยุดพูดไปสักพัก เพราะมีพวกของมันหนึ่งในนั้นเดินผ่านไป "เหมือนจะมีชาวบ้านส่วนหนึ่งหนีออกไปได้ ตอนนี้พวกเขากำลังไปแจ้งทางการให้มาช่วยพวกเรา" เจนาสพูดเพื่อให้ความหวัง "หนึ่งในนั้นก็มีคุณย่าของเจ้าน่ะ" อลิเทียได้ยินเช่นนั้นก็สบายใจ

"คนที่นี่มีแค่นี้เองหรอ แถบจะไม่เห็นคนเฒ่าคนแก่เลย มีแต่พวกผู้ชายกับเด็ก อีกแค่ 3 คน ไป ไปตามหาให้ทั่วเดี๋ยวนี้" ผู้ชายตัวใหญ่ไว้หนวดเครา ถือดาบเล่มใหญ่ไว้ที่มือข้างขวาที่ดูท่าทางเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกนี้ พูดออกคำสั่งกับลูกน้องอีก 10 กว่าคน ที่บางก็มีดาบอยู่ในมือ บางก็มีธนูอยู่ ให้ออกค้นหาให้ทั่ว พวกลูกน้องพอได้ยินเช่นนั้นก็เดินค้นหาอย่างละเอียดกันอีกครั้ง

"พวกนี้มันเป็นใคร ทำไมมาโจมตีหมู่บ้านของเรา" อลิเทียถามเจนาสอีกครั้ง หลังจากที่เห็นพวกลูกน้องไม่ได้เดินคุ้มกันอยู่ใกล้ๆ แล้ว "ข้าเห็นพวกมันบอกว่าเป็นโจรน่ะ มันมาตามหาคนน่ะ" สิ้นคำพูดของเจนาส อลิเทียก็นึกย้อนไปที่คำพูดของท่านอาจารย์ของตนที่ว่า พวกมันใกล้เข้ามาหาทุกที หลังจากที่เธอนึกขึ้นได้ เธอจึงคิดในใจว่า "หากว่าข้าจัดการพวกโจรนี่ได้ทั้งหมด ท่านอาจารย์ของข้าจะอยู่กับข้าอีกสักหน่อยได้ไหมน่ะ" อลิเทียคิดเช่นนั้น เธอจึงเรียกเวทย์ของตนออกมา

"เทีย เจ้าเป็นอะไรน่ะ ตัวเจ้า เป็นอะไร" เจนาสตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับอลิเทีย เพราะอยู่ดีๆ รอบๆ ตัวของเธอก็มีแสงสีเขียวครามเรื่องออกมาจากตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเทียดันไปตอบสนองกับสร้อยที่อาจารย์ได้มอบไว้ให้กับเธอ ตอนที่เจอกันในครั้งแรก "เกิดอะไรขึ้น ข้าแค่จะใช้เวทย์ปลดปล่อย" อลิเทียก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองเช่นกัน

"เจ้านี่เอง สร้อยเส้นนั้น เจ้าก็น่าจะรู้สินะว่าเจ้านั้นอยู่ที่ไหน บอกมาน่ะเจ้าเด็กนี่" โจรที่เป็นหัวหน้าไม่รอฟังคำพูดใดๆ ของอลิเทีย เขาเดินไปกระชากคอเสื้อเธอขึ้นมา แต่ว่า เชือกที่ได้พันธนาการอลิเทียเอาไว้ก็ได้คลายออก อลิเทียใช้โอกาศนี่ ร่ายเวทย์เคียววายุ ใส่ไปที่ตาของชายร่างใหญ่ผู้ที่เป็นหัวหน้าของเหล่าโจร "อ้าก… เจ้าเด็กนี่ใช้เวทย์สายดำได้ ตายซะ" อลิเทียร่ายเวทย์เคียววายุใส่ชายที่เป็นหัวหน้าแต่เธอเล็งพลาดจึงทำได้แค่เฉียดตาของโจรผู้นั้นไป แต่พลังทำลายล้างของอลิเทีย ดันไปโดนเข้ากับกองเพลิงที่ชาวบ้านจุดกันไว้ที่ใจกลางหมู่บ้าน เป็นไฟไล่พวกสัตว์ป่าไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้านในเวลากลางคืน ทำให้ไฟโหมกระหน้ำขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลวไฟก็กำลังมาทางนี้ "แย่แล้ว" อลิเทียสบทขึ้น

"แก่นางเด็กบ้าตายซะเถอะ" ชายร่างใหญ่ได้โยนอลิเทียลงไปบนพื้น เขาง้างดาบใหญ่ขึ้นเตรียมจะสะบั้นไปที่คอของอลิเทีย แต่ก็ทำไม่สำเร็จมีชายแก่แปลกหน้ามาขัดขวางเอาไว้ก่อน "ท่านอาจารย์" ชายที่มาช่วยอลิเทีย เป็นอาจารย์ของเธอ "ขยันสร้างเรื่องจริงๆ เลยนะ มั่วนั่งทำอะไร ไปแก้เชือกให้คนอื่นแล้วไปจากที่นี่ซ่ะ อยู่ไม่ได้แล้ว" อลิเทียได้ยินดังนั้นก็ร่ายเวทย์ปลดปล่อยให้แก่ทุกคน และบอกให้ทุกคนหนีไป "พวกท่านหนีไปก่อนข้าจะอยู่ช่วยอาจารย์ที่นี่" ด้วยความเป็นห่วงอลิเทียจะวิ่งไปสมทบกับอาจารย์ของตนแต่ก็ต้องถูกห้ามเอาไว้

"ไม่เจ้าไปกับพวกคนในหมู่บ้านซะ ข้าให้เวลาเจ้า 5 นาที ให้ออกไปให้พ้นบริเวณหมู่บ้าน"

"แต่ว่า...."

"ไป" อลิเทียไม่มีทางเลือก นอกจากวิ่งหนีไปทางเดียวกับคนในหมู่บ้าน

"เทีย เจ้าใช้เวทมนต์ได้หรอ ข้าไม่เคยรู้เลย ลุงคนนั้นเป็นคนสอนให้เจ้าสินะ" เจนาสพูดออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งๆ ที่ตนก็อายุเท่าอลิเทียแท้ๆ กลับใช้เวทย์ที่มีพลังทำลายล้างขนาดนั้นไม่ได้ "ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูด พวกเราต้องรีบออกจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุด"

อลิเทียวิ่งนำมาจนถึงที่ยอดเขาที่มีคุณย่า และคนอื่นๆ มารออยู่ก่อนแล้ว "คุณย่า" อลิเทียวิ่งเข้าไปกอดท่านย่าของตน สักพักหนึ่งก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาบริเวณหมู่บ้าน "เทีย อาจารย์ของเจ้าทำอะไรกับหมู่บ้านเรา" เจนาสพูดขึ้นด้วยความสงสัย "นั่นเป็นเวทย์มนต์ของอาจารย์ เวทย์ลมหมุนทอนาโดไฟ" อลิเทียเดินไปหยุดอยู่ที่ยอดผาที่มองลงมาเห็นหมู่บ้านของตน กำลังถูกลมหมุนไฟขนาดใหญ่ เผาหมู่บ้าน แปลงผัก พื้นที่บริเวณหมู่บ้านจนหมด พลังทำลายล้างนี้ กินบริเวณไปจนทั่วหมู่บ้าน "เจ้ามีอะไรจะบอกพวกเราไหม" เจนาสเดินมาตบบ่าอลิเทียเบาๆ แต่สัมผัสของเจนาสดูเหมือนจะไม่ใช่สัมผัสที่เอาไว้สำหรับปลอบใจ แต่เป็นสัมผัสที่ไว้ใช้บังคับให้อลิเทียคายความจริงออกมาทั้งหมด "ทุกคนสูญเสียหมู่บ้านไปเหมือนๆ กัน แต่พวกเราไม่มีใครเสียใครไป นั่นก็ดีแล้วน่ะเทีย" ย่าของอลิเทียพูดขึ้นเพื่อปลอบใจอลิเทีย

"หลังจากที่อาจารย์ของข้ากลับมาข้าจะบอกเรื่องที่ข้ารู้แก่พวกท่าน แต่ตอนนี้ พวกเราควรหาที่หลบกันก่อน" สิ้นเสียงอลิเทีย ผู้คนในหมู่บ้าน ก็พากันเดินหายเข้าไปในป่า เหลือเพียงอลิเทียที่ยื่นมองภาพสุดท้ายของหมู่บ้านที่กำลังถูกไฟไหม้จนไม่เหลืออะไรอีกแล้วใจตอนนี้ และอลิเทียก็ได้เดินจากไปอย่างไม่หันกลับมามอง

เวลาพลบค่ำของวันเดียวกัน อลิเทียและเหล่าชาวบ้านได้เดินเข้ามาในป่ากันลึกพอสมควร ทุกคนต่างมีสีหน้าที่เหนื่อยล้าและหิวโหยอย่างเห็นได้ชัด

"ลุงจอน ข้าว่าให้พวกเราพักกันสักหน่อย แล้วค่อยเดินทางต่อเถอะ นี่เราก็เดินมาไกลแล้ว หากมีพวกมันมาอีก ก็คงตามเราไม่ทันหรอก" อลิเทียได้เสนอความคิดเห็นแก่ชายที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน

"เอาอย่างนั้นก็ได้ พวกเรางั้นพักกันสักปะเดี๋ยว แล้วค่อยเดินทางกันต่อ" ลุงจอนผู้นำหมู่บ้านที่เดินนำขบวนอยู่ได้หันกลับไปบอกกับชาวบ้าน ให้พักกันตรงนี้ ทุกคนนั่งลงอย่างเหนื่อยล้า บ่งบอกว่าเดินต่อไปกันไม่ไหวอีกแล้ว

"ทุกคนหิวน้ำไหม แถวๆ นี้มีลำธาร ข้าจะไปเอาน้ำมาให้" อลิเทียพูดจบ ก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังลำธาร แต่ก็โดนเจนาสห้ามเอาไว้ก่อน

"เทีย ให้ข้าไปด้วยเถอะ เจ้าไปคนเดียวคงถือมันไม่ไหว" เจนาสได้อาสาไปด้วย

"งั้นข้าขอไปด้วยนะ ถึงข้าจะไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่ข้าก็แข็งแรงน่ะ" เพื่อนอีกคนของอลิเทียและเจนาสที่มีชื่อว่าคาริน ได้ขออาสาไปด้วย

"งั้นเราไปกันเถอะ ข้าชำนาญทางแถวนี้ตามมาติดๆ น่ะ ป่ายามค่ำคืนมันมืดมาก เดี๋ยวจะหลงเอา" อลิเทียหันไปพูดกับเจนาสและคาริน ก่อนที่จะเดินนำทาง ตรงไปยังลำธารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้

"เทีย ชายคนนั้น ที่เจ้าเรียกเขาว่าอาจารย์ เขาคือใครหรอ" เจนาสอดทนเก็บความสงสัยต่อไปอีกไม่ไหว จึงรวบรวมความกล้า เอ่ยคำถาม ที่อลิเทียเคยบอกว่า จะรอจนกว่าอาจารย์ของเธอจะกลับมาและจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง

"เขาคือ อาจารย์ของข้าเอง เจ้าคงได้ยินจากคุณย่าของข้าบ้างแล้วสินะ ที่ข้าชอบหายเข้าไปในป่าบ่อยๆ " อลิเทียที่กำลังเดินนำหน้า ได้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

"ข้าก็ได้ยินมา บางวันเจ้าไปตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะกลับก็ค่ำมืดดึกดื่น เจ้าไปทำอะไรกันแน่ บอกข้าได้ไหม" เจนาสถามอลิเทียด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อต้องการบีบคั้นให้อลิเทียตอบในสิ่งที่ตนสงสัย

"ข้าแค่ไปเรียนหนังสือ อ่าน เขียน เรียนศิลปะป้องกันตัว และพวกเวทย์มนต์ป้องกันตัวนิดๆ หน่อยๆ ก็เท่านั้นเอง" อลิเทียพูดไปเดินไป จนพากันเดินมาจนถึงลำธาร

"เรียนหนังสือ อ่าน เขียน แถมยังได้เรียนเวทมนต์อีก ทั้งๆ ที่พวกเราอายุเท่ากันแท้ เจ้าไม่คิดหรอกหรอ ว่าพวกข้าก็อยากเรียนบ้างน่ะ" เจนาสพูดขึ้นด้วยความน้อยใจ ทั้งที่ตนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่อยู่ๆ อลิเทียก็แข็งแกร่งมาก จนสามารถต่อสู้กับพวกหัวหน้าโจรได้อย่างเท่าเทียม

"ข้าขอโทษน่ะ ที่เห็นแก่ตัว" อลิเทียหันกลับมามองหน้าเจนาส ด้วยสายตาเรียบเฉย และไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

"น่าๆๆ ทั้งคู่ยังไงก็เรามาตักน้ำไปให้ทุกคนกันก่อนเถอะน่ะ" คารินได้เข้ามาแทรกกลางระหว่างอลิเทียและเจนาส เพราะไม่อยากให้ทักคู่ผิดใจกันไปมากกว่านี้

"นั้นสินะ รีบตักน้ำรีบไปกันเถอะ" เจนาสเดินผ่านอลิเทียไปตักน้ำที่ลำธาร อย่างไม่ใยดี เจนาสมีท่าทีโกรธอลิเทียอย่างมาก เขาดูผิดหวังที่อลิเทียไม่มีแม้แต่ความเชื่อใจ ที่จะเล่าอะไรๆ ให้เขาฟัง ผิดกับที่เจนาสเชื่อใจอลิเทียอยู่เสมอ ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร เขาก็ยังเข้าข้างเธออยู่ตลอด

ทั้ง 3 คนเดินกลับมาเกือบจะถึงที่เดิมที่มีชาวบ้านพักผ่อนกันอยู่ แต่อลิเทียนึกขึ้นได้ว่ามีต้นผลไม้ที่เธอเคยปลูกอยู่แถวๆ นี้

"นี่พวกเจ้า ข้าจะไปเก็บผลไม้นะ พวกเจ้ากลับไปก่อนก็ได้ จำทางกันได้ใช่ไหม" อลิเทียที่เดินนำหน้าอยู่ได้หันกลับมาบอกกับเจนาสและคาริน

"ข้าก็จะไปกับเจ้าด้วยเทีย เรามาช่วยกันทำในสิ่งที่ทำได้ตอนนี้กันเถอะ เนอะเจนาส" คารินพูดขึ้นพร้อมกับเอาศอกไปกระแทกที่ลำตัวของเจนาสเพื่อให้เขาตอบตกลงว่าจะไปด้วยกันทั้ง 3 คน

"อ่าๆๆ ข้าไปด้วยก็ได้" เจนาสตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่

ทั้ง 3 คนเดินไปเก็บผลไม้ด้วยกัน มีต้นเชอร์รี่ขึ้นอยู่เป็นจำนวน 2 ต้น คือต้นที่อลิเทียเคยหว่านเมล็ดไว้เมื่อ 6 ปีก่อน

"ว้าวนี่มันอะไรกัน" เจนาสอุทานขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ดูตื่นเต้นของเด็กชายวัย 13 ปี เป็นภาพที่อลิเทียเคยเห็นเมื่อ 6 ปีก่อน แต่แตกต่างกันนิดหน่อย ที่ภาพที่เจนาสและคารินเห็นนั้น เป็นเมืองในตอนกลางคืน

"เทีย มีที่แบบนี้อยู่ด้วยหรอ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย" คารินเด็กวัยเดียวกันก็ได้ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นด้วยเช่นกัน

"ท่านอาจารย์เป็นคนพาข้ามาที่นี่ และเวลาที่ข้าไม่ค่อยสบายใจ หรือีเรื่องให้คิด ข้าก็จะมาที่นี่ตลอด" อลิเทียพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความเศร้า ราวกับว่า อลิเทียมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ที่ไม่สามารถบอกใครได้เลย

"พวกเรากลับกันเถอะ ถ้าพวกเจ้าอยากมา ข้าสามารถพามาอีกได้" อลิเทียพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่เจนาสกลับไม่รับรู้อะไร เดินผ่านอลิเทียและคาริน มุ่งกลับไปยังที่พักของชาวบ้าน

ทั้ง 3 คนเดินมาจนใกล้จะถึงที่พักของพวกชาวบ้าน อลิเทียได้กลิ่นเลือดจางๆ ลอยมา เธอรีบวิ่งตรงไปยังที่มาของกลิ่น ทำให้เจนาสและคารินแปลกใจอย่างมาก แต่ทั้งคู่ก็วิ่งตามไปอย่างไม่สงสัย และภาพตรงหน้าที่พวกเขาทั้ง 3 เห็นนั้น คือภาพของชายที่มีรอยสักรูปนาฬิกา แต่มันกลับมีรอยขีดฆ่าราวกับว่า มีของมีคมกีดลงไปบนรอยสักนั้น นั้นเป็นสิ่งที่อลิเทียเห็น ก่อนที่อลิเทียจะได้ยินเสียตะโกนเรียกขอพวกทหารของทางการที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก และกลุ่มชายปริศนาก็ได้หันมามองอลิเทีย เจนาส และคาริน ก่อนที่จะหายไปในอากาศ

"พวกมันใช้เวทย์เคลื่อนย้ายผ่านอากาศ" อลิเทียได้พูดในสิ่งที่เห็นออกมาอย่างเสียงดัง เจนาสเป็นคนแรกที่วิ่งออกไปหาลุงของตน ลุงของเขาก็คือลุงจอน ชายผู้ที่เป็นผู้นำหมู่บ้าน

"ลุง ลุง เป็นอะไรไหม" เจนาสเห็นร่างที่ไร้วิญญาณของชายที่เป็นลุงของเขา ในตอนนี้เจนาสไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ รอบข้างได้อีกแล้ว

อลิเทียทำอะไรไม่ถูก กับภาพที่เห็นตรงหน้า ชาวบ้านทุกคนถูกฆ่าหมด ทุกคนนอนจมกองเลือด คารินที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้หมดสติล้มลงไปที่พื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"เทียลูก..." อลิเทียได้ยินเสียงเรียกที่แผ่วเบาของผู้เป็นย่า อลิเทียมุ่งหน้าไปประคองย่าของตนให้ศรีษะมาอยู่บนตักของเธอ "คุณย่าคะ คุณย่า หือ..." ในเวลานี้ อลิเทียไม่สามารถซ่อนน้ำตาของตนได้อีกต่อไป เธอเข้มแข็งไม่ไหวอีกแล้ว

"เทีย ย่าขอโทษ แต่ย่ารู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้ นี่เป็นจดหมายที่ย่าเป็นคนเขียนขึ้น ซองสีขาว เป็นความจริงที่เกี่ยวกับพวกเรา ย่าได้เขียนทุกอย่างที่หนูควรจะรู้เอาไว้แล้ว ส่วนอีกฉบับซองสีชมพู ให้หนูไปหาชายที่มีชื่อว่า ท่านโคมทรีรอส และหนูจงให้จดหมายฉบับนี้แก่เขา แล้วเขาจะช่วยเหลือหนู พาคาริน กับเจนาสไปด้วยน่ะ ย่าเชื่อว่าหนูจะดูแล และปกป้องทั้ง 2 คนนี้ได้อย่างแน่นอน" อลิเทียได้ยินแบบนั้นก็น้ำตาไหลมากกว่าเดิม ในเวลาแบบนี้ผู้เป็นย่า ยังมีหัวใจที่เชื่อมั่นในหลานสาวอย่างเต็มเปี่ยม

"รีบไปเทีย ก่อนที่พวกทหารทางการจะมา แล้วเรื่องมันจะยุ่งยาก" อลิเทียไม่มีทางเลือก เวลานี้ ทั้งเจนาส และคาริน ต่างอ่อนแอทั้งคู่ เขาต้องเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น อลิเทียเก็บจดหมายที่ย่าของเธอส่งให้ไว้ในกระเป๋าผ้าของเธอ และวิ่งไปหาคารินที่นอนหมดสติอยู่เป็นคนแรก และทำการแบกคารินขึ้นหลัง และเดินไปลากเจนาสออกมา ทั้ง 3 คนวิ่งไปที่ยอดผาที่พวกเขาไปเก็บผลไม้กันในครั้งแรกอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็ไปถึงจุดหมายในเวลาไม่นานนัก

เด็กน้อยอายุเพียง 13 ทั้ง 3 คน ได้ยืนอยู่บนยอดผา มองลงไปยังเมืองที่พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไป เวลานี้ พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นมาบนน่านฟ้า ได้สาดแสงส่องสว่างให้ผู้คนได้ล่วงรู้ว่า ยามเช้าของวันใหม่กำลังมาถึง

"เจนาส คาริน ขอโทษนะ ต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้าจะปกป้องพวกเจ้า ขอให้เชื่อใจและเชื่อในตัวข้า อย่างที่พวกเจ้าเคยเชื่อใจ" อลิเทียมองหน้าเจนาส ด้วยความเป็นห่วง เจนาสดูเหมือนคนไม่มีชีวิต มันหนักเกินไปจริงๆ ที่เด็กน้อยอย่างพวกเขา จะแบกและรับรู้เรื่องนี้ไว้ได้ พวกเราสูญเสียหมู่บ้าน ที่ทำมาหากิน ที่อยู่ คนที่รัก คนในครอบครัว พวกเราสูญเสียอะไรมากมาย อลิเทียในเวลานี้ถึงแม้จะดูเข้มแข็งเพียงใด แต่หัวใจกลับบอบช้ำมากกว่า

อลิเทีย เจนาสและคาริน ได้เดินมุ่งหน้ามาที่เมือง อลิเทียรู้ทางมาที่เมืองดี เพราะชายแปลกหน้าที่ชื่อว่าอาจารย์ของเขา ที่ตอนนี้ได้หายตัวไป ตั้งแต่ใช้เวทย์พายุหมุนทอนาโดไฟ ได้เคยพาอลิเทียมาที่นี่ เธอยังคงแบกคารินที่ไร้สติไว้ที่หลังของเธอ พร้อมกับเดินจูงมือเจนาสที่ไร้ซึ่งการตอบสนองแต่ยังคงเดินตามมา ตามแรงลากของอลิเทีย เดินหาบ้านของชายที่ชื่อโคมทรีรอส แต่แย่เกินไปแล้ว เจนาสที่เดินทางมาทั้งคืน ก็ดูเหมือนจะทรุดลงไปอีกคน และคารินก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมา รวมถึงตัวเธอเองก็เดินจะไม่ไหว แต่แล้วฟ้ายังคงเข้าข้างพวกเขา ในเวลาที่อลิเทียกำลังจะล้มลงด้วยความเหนื่อยล้า ได้มีชายหนุ่มอายุราวๆ 20 กว่าปี ได้มาเจอพวกเขาเข้า และทำการช่วยเหลือพวกเขาทั้ง 3 คน

 

เพิ่มเติม

เวทย์เคลื่อนย้ายผ่านอากาศ เป็นเวทย์ที่ผู้ใช้ทุกคนสามารถใช้ได้ส่วนใหญ่ที่ใช้กันจะเป็นการเคลื่อนย้ายสิ่งของ แต่เวทย์ที่อาจารย์ของเทียใช้นั้น เป็นเวทย์สายดำระตับ S ที่สามารถเคลื่อนย้ายตนเองหรือผู้อื่นได้

สัญญาเลือด เป็นการทำสัญญากับสัตว์อัญเชิญหรืออาวุธอัญเชิญที่มีอยู่ทั่วไป แต่บางคนอาจใช้เรียกคนจากอีกที่มายังอีกที่ได้

เวทย์ปลดปล่อย เป็นเวทย์สายขาวที่ทุกคนสามารถใช้ได้หากได้รับการฝึก

เวทย์เคียววายุ เป็นเวทย์สายดำที่ประสิทธิภาพจะแรงตามความสามารถของผู้ใช้

เวทย์ลมหมุนทอนนาโดไฟ เป็นเวทย์ผสมระหว่างลมกับไฟ ความยากอยู่ที่สายดำระดับ S เป็นเวทย์ทำลายล้างที่เป็นผลต่อวงกว้าง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา