บ็อกฉ่อย The ฉิบหาย Story

-

เขียนโดย คุกกี้คามุอิ

วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เวลา 19.29 น.

  5 บท
  1 วิจารณ์
  5,676 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563 00.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) เดินผ่านป่า ข้ามทะเล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"เอ ทำไมท่านทั้งสองทำหน้าเหมือนข้ามีเรื่องน่าอดสูสักเรื่อง"เหล็งหมี่ซักไซ้ เขาดูจากรอยยิ้มเล็กๆของเทวดาและยมทูตที่เหมือนพยายามฝืนเก็บอากัปกิริยาบางอย่าง

 

"ไม่มีอะไร พวกข้าแค่อยากบอกว่าเจ้าได้กำไรมาเยอะเลยรู้สึกดีไปด้วย"เทวดาบอกไปอย่างน้ำขุ่นๆ เหล็งหมี่มันควรจะสังเกตให้เข้าใจมาตั้งแต่การลอยมาของฝูงปลาแล้วว่ามันตายเกลื่อนแต่เหล็งหมี่เขาก็ไม่ตะหงิดสงสัยอะไรบ้างเลยนะ

 

"แล้วข้าจะต้องไปที่ไหนต่อล่ะ" เหล็งหมี่ห้อยถุงหนังใส่เศษเงินเหน็บไว้บริเวณเอวของตัวเอง พลางมองเส้นทางบริเวณนั้นไปรอบๆ "ถ้าข้ามลำธารนี้ไปจะเจอทางเข้าไปในป่าเบญจพรรณ"

 

"เอ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าพื้นที่ต่อจากนี้เป็นยังไง มันต้องใช้กูเกิลแม็ปช่วยสิ" เทวดาหน้าหนวดบอกในสิ่งที่เหล็งหมี่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจอีกแล้ว มันจะบอกทำไมถ้าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรกับเจ้าหนุ่มเซียนผู้มีวิทยายุทธ์เป็นศูนย์ผู้นี้ "ยังไงก็ฉันว่าถ้าผ่านป่าเบญจพรรณนี้ไปได้ก็จะพบกับชายทะเลของเกาะ เราต้องข้ามลำธารไปก่อน......เอ๋?"

 

เหล็งหมี่ไม่คิดอะไร เดินฝ่าลำธารให้เท้าและขากางเกงเปียกไปอย่างดื้อๆ พอจะได้ขึ้นอีกฝั่งก็หันมามองเจ้าสองตัว "เป็นอะไรไปล่ะ นิ่งอยู่ทำไม มีแต่ท่านทั้งสองนะที่จะช่วยข้าในการเดินทางครั้งนี้ "

 

"อะ เอิ่ม"เทวดาและยมทูตกำลังคิดอะไรบางอย่าง มองหน้ากัน แล้วก็ลอยตามเหล็งหมี่เข้าป่าไป

 

"โฮกกกกกก" เสียงร้องคำรามของเสือดังมาแต่ที่ไกลๆ

 

เสียงนั้นทำเอาเหล็งหมี่หยุดยืนนิ่ง พิจารณาบริเวณรอบๆมองหาเสือ ตรงนี้ก็ต้นไม้ ตรงนั้นก็ต้นไม้ ที่พื้นก็กอหญ้า จู่ๆสติของเหล็งหมี่ก็สั่งให้หยิบก้อนหินขนาดพอดีฝ่ามือเพื่อปาไปยังพุ่มไม้ มีการกระทบกับอะไรบางอย่าง พุ่มไม้บริเวณนั้นขยับเขยื้อน มีเสียงร้องด้วยความเจ็บออกมา "เมี้ยว !"

 

"อ้าว ตรงนั้นมีแค่แมวเอง " เหล็งหมี่คิดว่าตนโชคดีแล้วที่ไม่เจอเสือในระยะใกล้ๆ คิดจะแหวกฝ่าพุ่มไม้นั้นออกไป

 

และเขาก็ได้เห็น เสือ เสือจริงๆที่หลังพุ่มไม้ที่เขาคิดว่าเป็นแมว เป็นเสือโคร่งตัวเบ้อเร่อ "หือ ?" และเขาก็คิดทันที่จะขอความช่วยเหลือจากเทวดาและยมทูต "ทำไงดีหรอ อ้าว...."

 

เทวดาหน้าหนวดและยมทูตสาวผมแดงแอบไปหลบบนต้นไม้ นี่ทั้งสองก็กลัวเสือจนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ อะไรจะขนาดนั้นเชียว พวกท่านทั้งสองเป็นสิ่งที่โลกนี้มองไม่เห็นไม่ใช่เหรอ ดันมากลัวเสือ ช่างไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเลย

 

บรรยากาศชักเริ่มเย็นและหดหู่

 

เสือมันมองหน้าเหล็งหมี่ที่ยืนขาแข็งเป็นก้อนหินมาได้สักพักแล้ว เหล็งหมี่ก็พยายามสบตาเจ้าเสือที่มีดวงตาของสิ่งมีชีวิตหิวโหย ใจหนึ่งก็นึกสงสารเจ้าเสือโคร่งที่ส่งแววตาแบบนั้นมองมา

 

เสือโคร่งเดินเขยิบเข้ามาใกล้ๆ เหล็งหมี่พยายามฝืนยกขาที่เกือบจะยกไม่ขึ้นเพื่อถอยไปข้างหลัง

 

แต่พอสังเกตอีกหน่อย เหล็งหมี่พบว่าเสือมันเพ่งมาที่ถุงหนังใส่เศษเงินของเขา "หืม เจ้าต้องการเงินหรอ" พอถามเสร็จ เสือโคร่งได้เงยหน้าเพื่อส่งสายตาหิวโหยไปสบตากับเขาอีกครั้ง "เจ้าเข้าใจที่ข้าบอกด้วยหรอ งั้นข้าจะหยิบเงินสักเล็กน้อยให้นะ" เขากำลังตัดสินใจถูกหรือผิดที่คิดจะล้วงถุงหนัง ควานหาเหรียญสักเล็กน้อยอย่างนี้ ตกลงเจ้าหนุ่มคิดว่าเสือมาขอเศษเงินของเขา แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงมันน่าจะคิดว่าในถุงหนังมีชิ้นเนื้อสักชิ้นมากกว่า

 

"มาแล้วๆๆๆ " เสียงเรียกของเทวดาหน้าหนวดวิ่งมาจากข้างหลัง "เจ้าเสือโคร่ง ฉันตักน้ำใส่ขันมาให้เจ้าดื่มแก้กระหายไปก่อนนะ"

 

เจ้าหนุ่มที่มือล้วงลงไปในถุงหนัง หยุดล้วงและถอยออกไปก้าวสองก้าว เสือโคร่งมาดมกลิ่นขันใส่น้ำแล้วเริ่มใช้ลิ้นเลียแผล็บๆ "ท่านเทวดา ท่านรู้ว่ามันกระหายน้ำหรอ ทำไมข้าไม่รู้ แล้วทำไมมันถึงมองเห็นท่านล่ะ"

 

เสือโคร่งที่เลียแผล็บๆ น้ำเกือบจะหมดขันแล้ว เงยหน้ามามองเหล็งหมี่ที่ยืนเคียงข้างเทวดา ด้วยใบหน้าสายตาซึมเศร้าเหมือนจะมีน้ำตาไหลลงมา มันไม่ได้มีความสุข มันเกิดอะไรขึ้น หรือน้ำตานั้นเป็นการแสดงความตื้นตันของชีวิต

 

"ท่านเทวดา บอกข้าหน่อยสิ ว่าน้ำในขันนี้ท่านตักมาจากไหน"

 

"จากลำธารที่พวกเราผ่านมานั่นไง" เอิ่ม ลำธารนั่นน่ะ ที่ปลาตายห่ากันหมดน่ะเพราะอะไร ซึ่งเจ้าเทวดาหน้าหนวดตอบและยังคงไม่มองมาที่เจ้าหนุ่มจอมยุทธ์เหล็งหมี่ ขณะนี้เจ้าหนุ่มก็มองไปที่ใบหน้าซึมเศร้าของเสือสลับกับมองหน้าของเทวดาที่เหมือนมีอะไรที่ไม่ได้บอกเขา และเทวดาก็ได้กล่าวว่า "ให้เงินแก่เสือโคร่งไปสักหน่อยก็ดี รู้สึกว่าน้ำที่ลำธารนั้นจะไม่ช่วยทำให้มันรู้สึกดีขึ้นมา "

 

และเรื่องที่ทำไมลำธารนั้นถึงทำให้เสือโคร่งส่งหน้าซึมเศร้ามาให้พวกเขา เหล็งหมี่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากเรื่องนี้ เสือโคร่งมองไปที่ถุงหนังใส่เงินอีกครั้ง มันจ้องตาเป็นมันเลย ชายหนุ่มจอมยุทธ์ล้วงเงินให้มัน ทำให้เสือโคร่งกระโดดพุ่งเข้าหาด้วยความรักแล้วเอาลิ้นเลียหน้าเจ้าหนุ่มจอมยุทธ์โดยที่เขาไม่รู้ว่าลำธารนั้นผ่านอะไรมาบ้าง ไอ้เสือโคร่งมันก็มาเลียๆเต็มหน้าเขา

 

"โอย โอยจ๊กกะจี๋น่า พอก่อนเจ้าโคร่ง" ขณะที่เสือโคร่งกำลังปลุกปล้ำกับเหล็งหมี่ที่พื้น สองหน่อประจำตัวของเขาแอบหัวเราะคิกๆๆ

 

เสือโคร่งที่อยู่ส่วนบนของร่างกายจอมยุทธ์หยุดเลีย มองหน้าเขาสักประเดี๋ยว แล้วลุกออกจากกายเขา มันขยับหัวเรียกจะทำหน้าที่นำหน้าเพื่อให้เดินทางไปยังจุดหมาย

 

เหล็งหมี่เห็นแล้วไม่แน่ใจก็จะถามว่า "ที่เสือแสดงแบบนี้มันหมายความว่าไง มันจะให้เราตามมันไปหรือเปล่า"

 

สองหน่อมองหน้ากันแล้วบอกเขา "อาจจะนำพาเราไปพบสมบัติก็ได้นะ ลองดู"

 

ประมาณสิบนาที พวกเขามาถึงทางออกของป่าเบญจพรรณ ข้างนอกนี้เป็นริมชายหาดของเกาะแห่งนี้ที่มีเรือสำเภาจอดเทียบท่าเหมือนกำลังจะรอใครสักคนที่ยังขาดหายไปก่อนจะออกเดินทาง "โห ข้าไม่เคยเดินทางมาถึงตรงนี้ของแผ่นดินนี้มาก่อน ไม่นึกว่าจะมีเรือสำเภาของเกาะ เอ หรือของต่างชาติก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ " เหล็งหมี่ที่ยืนมองเกือบลืมเจ้าเสือโคร่งที่มันพามาส่ง มันอยู่ข้างหลังซึ่งมันเป็นสัตว์ที่จะอาศัยอยู่ในป่าไม่คิดจะหลุดออกจากพื้นที่ของมัน "ขอบใจนะ ตอนนี้ข้ากับเจ้าต้องแยกจากกันแล้ว ยังไงก็ อยากบอกเจ้าว่าเจ้ากระหายน้ำจนดื่มน้ำหมดเลย" และก็เอามือไปลูบศีรษะของมัน

 

ที่ท่าเรือของเกาะเหลย เรือสำเภาทอดสมอไว้ใต้น้ำก็จริง แต่ดูท่าจะเกยตื้นเหมือนปลาบางชนิด ชาวจีนคนหนึ่งยืนเฝ้าที่ริมชายหาด เป็นคนคอยสังเกตพื้นที่และเรียกเก็บค่าบริการในการเดินทางโดยเรือสำเภามองเหล็งหมี่แล้วสงสัย "ท่านเป็นใคร เป็นผู้มาจากที่ใด"

 

"ข้ามีชื่อและแซ่ว่าเหล็งหมี่ เป็นพลเมืองของเกาะเหลยแห่งนี้ ท่านเองพอจะบอกข้าได้มั้ยว่า เรือสำเภาลำนี้จะพาข้าไปฝึกวิทยายุทธ์ในดินแดนที่แตกต่าง"

 

ชายชาวจีนพยักหน้าและเสริมเพิ่มเติม "สำหรับเรือสำเภาลำนี้ไม่ใช่เรือที่จะไปยังเกาะที่ว่า ท่านต้องรอการมาถึงของเรือสำเภาลำอื่นอีกสองชั่วโมง แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลา ท่านจ่ายเงินกับข้าแล้วขึ้นสำเภาลำนี้ก่อน" รับเงินไปแล้วนำเหล็งหมี่ก้าวขึ้นบันได

 

ที่ท้องเรือสำเภามีบริเวณที่สำหรับรำไทเก็กของชาวจีนถัดมาจากพวงมาลัยเรือ มีบางอย่างผิดแปลกประหลาดจากที่นี่ คือ บริเวณที่ชาวจีนสามสี่คนรำไทเก็กมีชายคนหนึ่งขยับเขยื้อนกายในลักษณะศิลปะการป้องกันตัวที่ชื่อคาโปเอร่าซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจีน แถมยังปรากฏว่ามีบุคคลที่เหมือนจะเป็นซามูไรของญี่ปุ่นนั่งขัดสมาธิจ้องมายังเหล็งหมี่ด้วยสายตาอันเย็นชาและไม่เป็นมิตรกับผู้ใด

 

เหล็งหมี่ก้าวไปใกล้ๆร่างซามูไรนั้น เพียงชั่วพริบตาเจ้าซามูไรควักดาบออกจากฝักคิดจะใช้ดาบเล่มนั้นฟันเจ้าหนุ่มจอมยุทธ์ไร้ประสบการณ์ เหล็งหมี่สะดุ้ง กายกระโดดลอยถอยหลังขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า

 

ซามูไรมองเขาอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวเหล็งหมี่เองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองจนต้องร้องถาม"เอ๊ะ ข้าทำได้ แล้วข้าทำได้ยังไง"

 

ซามูไรเก็บดาบเข้าไปในฝักแล้วหัวเราะยิ้ม "ฮะๆๆ ยินดีต้อนรับสู่เรือสำเภาที่มีลักษณะครบตามหลักฮวงจุ้ย ท่านคงเป็นพลเมืองของเกาะเหลย ข้าเป็นซามูไรที่พลัดหลงทางได้เดินทางด้วยเรือสำเภาลำนี้ ไม่ทราบว่าท่านจะมุ่งหน้าไปยังที่ใด "

 

"ข้าคิดจะเดินทางไปฝึกวิทยายุทธ์ที่เกาะอื่นๆ " เหล็งหมี่ที่ไปอยู่บนดาดฟ้าเรือของคนที่จะเป็นต้นหนในการเดินทางได้พยายามเอาตัวลงมาโดยเกาะกับเสาเรือ "คนที่เฝ้าท่าเรือบอกกับข้าว่าจะต้องรออีกสองชั่วโมงเลยให้ขึ้นลำนี้เดินทางออกไปก่อน" แล้วร่างของเหล็งหมี่ก็ล่วงลงมาจนสุดปลายเสา ก้นกระแทกพื้นเรือ

 

"ออ ข้าเข้าใจแล้ว" ซามูไรบอกและหันหน้าเดินไปยังด้านข้าง เหม่อมองภายนอก "มานี่สิ"

 

เหล็งหมี่เดินตามมา และมองไปยังทิวทัศน์ ซามูไรชี้ให้เขาดู " เรือสำเภาที่ตรงนั้นน่ะกำลังลอยน้ำมาทางนี้แล้ว

 

"โอว นี่คงเป็นสำเภาที่ข้าต้องขึ้นใช่มั้ย โอ๊ย " พูดแล้วก็ลูกถีบซามูไรประทับที่บั้นท้ายให้ร่างเจ้าหนุ่มกระเด็นข้ามเรือสำเภาไปยังสำเภาอีกลำ " เอ้ย เล่นส่งข้าแบบไม่ร่ำไม่ราเลยนะท่าน"

 

"โชคดี หวังว่าข้าและท่านจะได้พบกันใหม่ในวันข้างหน้า ฮะฮะฮะ" เจ้าซามูไรหัวเราะและยื่นดาบซามูไรชี้ไปข้างหน้า

 

ที่เรือสำเภาลำที่เหล็งหมี่กระเด็นเข้ามา มีชายคนหนึ่งทำท่าจะก้าวข้างหน้าก็ไม่จะก้าวหลังก็ไม่ เหล็งหมี่ไม่เข้าใจ " ทำอะไรน่ะ "เวลาต่อมาเขาจึงได้รู้ว่าชายคนนั้นฝึกท่าคาโปเอร่า โวะ

 

"อืม" เหล็งหมี่ยืนด้านข้างของสำเภามองแผ่นทะเลที่กว้าง เหมือนจะเห็นริมฝั่งของเกาะแห่งหนึ่งแล้ว "ท่านเห็นใช่มั้ย"

 

"เห็น แล้วเราก็ไปฝึกวิทยายุทธ์ที่เกาะนั้นเลย " เทวดาประจำตัวบอก

 

เมื่อเรือสำเภามาจอดเทียบท่าที่เกาะแห่งนี้ กัปตันเรือลงไปพูดคุยกับคนของเกาะ ไปๆมาๆ กัปตันส่ายศีรษะกลับขึ้นมา แล้วพยายามบอกเรื่องที่เกิด " ขอโทษที เผอิญเกาะที่พวกเราจะไปลงมันเลยมาแล้ว "

 

"อ้าว" ผู้คนที่ท้องเรือต่างร้องพร้อมเพรียง "แล้วอย่างนี้พวกเราต้องอยู่บนเรืออีกนานเท่าไหร่"

 

"แค่ครึ่งชั่วโมง โอเคนะ กัปตันต้องขอโทษทุกคนจริงๆ "

 

จะว่าไป การเดินทางทางทะเลไม่มีแผนที่ให้ดูได้ยังไงกันเนี่ย

 

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เรือสำเภาได้มาจอดเทียบท่า ทอดสมอลงน้ำ

 

เหล็งหมี่ลงมาและพบผู้ชายร่างใหญ่ผิวขาวผมสีออกทองๆ ข้างๆกายมีธงชาติอะไรปักไว้

 

"สวีเดน เอ สวีเดนมาปกครองแผ่นดินแห่งนี้เหรอ" ยมทูตสาวพึมพำ

 

"อะไรนะ สวะเศษเดน" เหล็งหมี่ได้ยินผิดเพี้ยนไปอย่างนั้น " เข้าใจเล็กน้อยว่าเป็นต่างชาติกับพวกเรา เอ๊ย ...."

 

ชายต่างชาติที่ท่าเรือจู่ๆก็พุ่งกายจะจู่โจมจอมยุทธ์หนุ่ม เหล็งหมี่ที่มีไหวพริบยื่นฝ่ามือป้องรับแล้วหมุนกายถอยไปตั้งหลัก "สวะเศษเดน ทำไมออกท่าเป็นแบบจีนละวะ "

 

ชายชาวต่างขาติที่รู้วัฒนธรรมจีน เอาสองมือประสานและก้มหัวน้อมคำนับ "เวลคัมเมน ยินดีต้อนรับสู่แผ่นดินหัวใจ ที่นี่เป็นแผ่นดินที่ชาวต่างชาติหลายๆชาติมาปกครอง เป็นเกาะแห่งการฝึกวิทยายุทธ์"

 

"แล้วเกาะหัวใจนี่ หัวใจรักหรือหัวใจอกหักแตกสลาย" เหล็งหมี่แสร้งทำเป็นคนถามอะไรกวนๆ

 

ชาวต่างขาติยินดีที่จะตอบเหมือนกัน " หัวใจของผมมันเป็นของคุณ"

 

 

===============================================================

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา