และนี่คือ!!! วิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ
เขียนโดย BennieRule
วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เวลา 15.01 น.
แก้ไขเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 15.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) บทที่ 8 การตามหาเบาะแสคุณผีสุดเฮี้ยน #2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
QR CODE WEBTOON และนี่คือวิญญาณคุณชายสุดเฮี้ยนกับนายนักเขียนสยองขวัญ
ขอฝากเวอร์ชั่นเว็บคอมมิคไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะครับ
____________________________________
หลังจากขลุกอยู่ในโลกโซเชียลทั้งวันคิดก็นึกขึ้นได้ว่าเบาะแสที่เขาสามารถหาได้ใกล้ตัวที่สุดนั้นอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก เมื่อแสงแดดยามเช้าตอนหกโมงลอดม่านบานหน้าต่างลูบไล้กระทบใบหน้าขาวของนักเขียนหนุ่ม เจ้าตัวก็รีบดีดเด้งพุ่งออกจากห้อง
คราวนี้ชายหนุ่มวิ่งลงบันได ไม่ได้ใช้ลิฟต์เหมือนดังแต่ก่อน
ภาพที่ผู้อื่นเห็นชายหนุ่มคงประหนึ่งว่าคนรักสุขภาพออกกำลังกายยามเช้าโดยทั่วไป
แต่ความจริงเปล่าเลย เขาเป็นนักเขียนนิยายสยองขวัญที่ตามสืบเรื่องผีในห้องอย่างกระหายใคร่รู้ตั้งหาก! เมื่อคิดลงจากชั้นสิบสามไปเรื่อย ๆ
กระทั่งถึงชั้นเป้าหมายของเขา ชั้นหมายเลขเจ็ด
คิดตั้งใจมาหาป้าอนงค์ แม่บ้านของคอนโดแห่งนี้
‘หากมีปัญหาอะไรมาหาป้าได้ ป้าอยู่ที่ชั้นเจ็ด ห้องที่มีตู้ไปรษณีย์’ คิดหวนนึกคำพูดของอนงค์ที่ให้ไว้ เขาเดินไปเรื่อย ๆ ในชั้นเจ็ด ชั้นนี้ไม่ต่างชั้นที่สิบสาม หากแต่ดูมีชีวิตชีวามากกว่า
เช่นมีรองเท้าหน้าห้อง มีถังขยะ มีร่มแขวนและปลูกต้นไม้กระถางหน้าห้อง ในขณะที่ชั้นสิบสามเหมือนแดนสนธยาเงียบร้างผู้คนตลอดเวลา
คอนโดแห่งนี้ผู้อาศัยอยู่ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ใช้รถไฟฟ้า ไม่ก็นักท่องเที่ยว ยามเช้าจึงเงียบสงบมาก คิดไม่รู้เลขห้องของป้าแม่บ้าน ขณะนึกสงสัยเจ้าตัวก็พบห้องห้องหนึ่งที่มีตู้ไปรษณีย์สีแดงสดอยู่ด้านหน้า มันเล็กกะทัดรัดติดตรงกลางบานประตู รายล้อมด้วยกระถางต้นไม้แบบแขวนเล็ก ๆ น่ารัก พร้อมด้วยระฆังใบเล็กส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ให้ความรู้สึกสงบและมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
คิดชำเลืองดูซ้ายทีขวาที เขาไม่พบห้องไหนที่มีไปรษณีย์โดดเด่นเช่นนี้อีกแล้ว เมื่อแน่ใจว่าไม่ผิดห้อง ชายหนุ่มนักเขียนจึงเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“ค่า”
น้ำเสียงนุ่มสดใสเสียงหนึ่งดังขึ้น
ไม่ใช่เสียงของคุณป้าอนงค์ หากใช่ก็ฟังแล้วสาวขึ้นผิดหู
“สวัสดีครับ ผมมาหาคุณป้าอนงค์ครับ”
คิดตอบ ร่างหลังประตูเงียบไปพักใหญ่ก่อนเอ่ยขึ้น
“คุณคิด?”
“ครับ?”
มีเสียงกุกกักบริเวณตาแมวประตู สักพักบานประตูเปิดออกเล็กน้อย ใบหน้าครึ่งหนึ่งปรากฏออกมาเป็นหญิงสาวใส่แว่นผมสีเทาในชุดลำลองสบาย ๆ
“เอ๊ะ? คุณเรวดี?” คิดอุทานเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวที่ตนเพิ่งพบเมื่อวาน “ที่นี่ ไม่ใช่ว่าเป็นห้องคุณป้าอนงค์เหรอครับ?”
ด้านเรวดีเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเหมือนบุญไม่รับ ดวงตางัวเงีย ผมเป็ดชี้ไปมา “ใช่ค่ะห้องนี้แหละ แล้วมีธุระอะไรกับคุณป้าฉันหรือคะ?” เธอถาม
“เอ่อ ผมไม่ทราบว่าพวกคุณสองคนเป็นญาติกัน” คิดประมวลเหตุการณ์อย่างว่องไว “คือคุณป้าอนงค์บอกว่ามีเรื่องขอให้ช่วยก็มาหาได้น่ะครับ”
“อ้อ…ค่ะ แล้วเรื่องที่ว่านี่คือเรื่องอะไรหรือคะ?”
คิดยิ้มเล็ก ๆ ใต้ผ้าแมสแล้วเอ่ย “ผมอยากมาสอบถามป้าอนงค์เรื่องคุณวิญญาณที่อยู่ในห้องของผมน่ะครับ”
ปึง! คำตอบที่คิดได้รับคือเสียงปิดประตู
“มากวนห้องคนอื่นแต่เช้าเพราะเรื่องผีเนี่ยนะคุณ” เสียงบ่นอย่างหัวเสียดังขึ้น “เตือนย้ำนักย้ำหนาให้ออกไปจากห้องนั้น ฟังบ้างไหมเนี่ย!”
“ช่วยผมหน่อยเถอะนะคุณเรวดี ขอแค่ข้อมูลเท่าที่รู้ก็ได้ ผมจะสืบต่อเองนะครับ จะไม่รบกวนคุณอีก ผมสัญญา” คิดร้องขอ
“ทำไมคุณถึงอยากเห็นผีขนาดนี้ เห็นไปรู้ไปก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรหรอก”
เรวดีถาม ร่างชายหนุ่มชะงัก ครุ่นคิดคำอธิบายก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่ว
“เรื่องนั้น…ผมจำเป็นเรื่องงาน”
“งาน? แค่นั้นหรือ?”
“…”
“คุณคิดมีเหตุผลอื่นสินะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนเอ่ย “…คุณเรวดีให้ผมพบคุณป้าอนงค์ได้ไหมครับ ผมแค่อยากรู้เบาะแสเรื่องวิญญาณในห้อง 704 เท่านั้น”
“คุณป้าไม่อยู่ค่ะ!”
“นี่หนูเร เสียงดังอะไรแต่เช้าหรือ?” เสียงอนงค์จากที่ไกล ๆ ดังขึ้น
“…”
“…”
“เสียงเมื่อกี้ใครเหรอหนูเร?” อนงค์ทวนคำถามซ้ำอีกรอบ
“พวกลองของค่ะป้า” หญิงสาวตอบ
“คุณป้าอนงค์ครับ ผมคิดเองครับมีเรื่องจะปรึกษาครับ!” คิดเห็นจังหวะจึงรีบตะโกนขึ้นทันที
“คุณคิดหรือ …หนูเร เปิดประตูรับแขกสิลูก” เสียงไกล ๆ กล่าว
“ป้านงค์ นั่นผู้ชายนะ พวกชอบลองของด้วยนะ แถมอยู่ไอ้ห้องเฮี้ยนนั่นด้วย ไหนเมื่อวานบอกหนูว่าให้ระมัดระวังตัวไง” เสียงโต้แย้งของหญิงสาวดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรป้าก็อยู่ด้วย” เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่บานประตูจะเปิดออกเป็นคุณป้าเจ้าของห้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง “เชิญค่ะคุณคิด เชิญ”
“ขออนุญาตนะครับ” คิดพูดพลางถอดรองเท้าอย่างว่องไว
“เชื่อเขาเลย ไม่น่าไปช่วยไปทักเลยตอนนั้นน่ะ…” เรวดีตัดพ้อพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเป็นคนปิดประตูเมื่อนักเขียนหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง
ห้องของป้าอนงค์ไม่ต่างจากห้อง704ของคิด เพียงแต่แบ่งสัดส่วนสำหรับอย่างชัดเจนระหว่างป้ากับหลานสาว ห้องครัวกับห้องนั่งเล่นแยกกันต่างหาก ภายในตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอล เหล่าข้าวของกระจุกกระจิกน่ารักมากมายตกแต่งเป็นระเบียบ โทนสีเป็นสีเนื้อให้ความรู้สึกสบายใจอบอุ่น
คิดมองเห็นผ้าไหมถักมือยังว่างอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่เรวดีคว้าเก็บก่อนผายมือให้คิดมานั่ง เธอเดินสวนไปพิงกายกับผนังฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม ส่วนคุณป้าอนงค์อยู่ในเครื่องแบบแม่บ้าน เธอมาพร้อมแก้วน้ำลายครามสองแก้วแล้วใบนึงก็ยื่นให้คิด
“ชาร้อนค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ทั้งสองนั่งลงตรงโซฟารับแขก ก่อนที่อนงค์จะเอ่ยขึ้น
“เมื่อวานป้าก็กะว่าจะเล่าให้คุณคิดทราบแล้ว เพราะท่าทางจะไม่ย้ายออก ดูเหมือนคุณคิดตั้งใจจะหาเบาะแสห้องพัก 704 สินะคะ”
“ครับ ผมมาเพราะเรื่องนี้เลยครับ” ชายหนุ่มตอบในทันทีด้วยความแน่วแน่
แม่บ้านมองสายตาคนหนุ่ม พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วจึงเอ่ย “ในห้องคุณคิดมีวิญญาณอยู่จริง ๆ ค่ะ เรื่องนี้ป้ายืนยันได้”
เยส!! คิดนึกในใจพลางกำหมัดแน่นเข้าข้างตัวอย่างออกรส
ด้านเรวดีที่กอดอกยืนมองอยู่ก็แอบกลอกตามองบนด้วยความระอา
“เขาอยู่ที่นี่ด้วยไหมครับ?” คิดถามพลางหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาจด ด้านหญิงวัยกลางคนกับหญิงสาวย้อมผมสีเทาต่างส่ายหน้าแทบจะพร้อมกันกับคำถามนี้
“คราวก่อนตามหลังแต่คราวนี้ไม่ได้ตาม” เรวดีกล่าว “ต่างคนต่างอยู่เถอะ” เธอพูดพลางยกมือไหว้หิ้งพระกลางบ้าน
“คือทั้งสองคนมองเห็นวิญญาณได้หรือครับ?” คิดถามอีกครั้ง คราวนี้เป็นป้าอนงค์ที่ให้คำตอบ
“ป้ากับหนูเร พวกเราสัมผัสได้ค่ะ โลกคนเป็นกับคนตายอยู่คนละภพคนละมิติ แต่บางครั้งสองโลกก็เชื่อมโยงถึงกันได้ บางคนมีสัมผัสก็จะสามารถเห็นเป็นเงาจาง ๆ บางคนก็เห็นเป็นเหมือนเขม่าควันในอากาศ และบางคนก็เห็นเป็นร่างคน”
แววตาชายหนุ่มเป็นประกายทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาอุทานร้องว้าวจากใต้หน้ากากกันฝุ่น
“เรื่องฉันกับป้าสัมผัสอะไรแบบไหนได้นี่ ช่างเถอะ!” หญิงสาวผมเทากล่าวแทรกตัดบท “เข้าเรื่องของคุณคิดได้แล้ว”
คิดพยักหน้าอย่างเข้าใจกระแอมน้อย ๆ ก่อนพูด “ทุกเรื่องที่พอจะให้เป็นเบาะแสได้ ผมอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณวิญญาณในห้องที่ผมพักครับ”
คิดถามอย่างแน่วแน่มุ่งมั่น ด้านหญิงวัยกลางคนเงียบครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบออกมา
“เท่าที่ป้ารู้คือคุณที่อยู่ในห้องเป็นผู้ชายค่ะ ป้ากับหนูเร กับคุณธวัชชัย เราเรียกคุณในห้องนั้นว่า ‘คุณชาย’ ค่ะ”
“คุณชาย? …รู้ได้อย่างไรหรือครับว่าเป็นผู้ชาย?”
เมื่อคิดถามเช่นนั้น ป้าอนงค์ก็ชำเลืองตาไปยังเรวดีครั้งหนึ่ง หญิงสาวส่ายหน้า โบกมือราวกับปัดแมลงวัน พลันสายตาของอนงค์จึงเปลี่ยนมาเป็นคนหนุ่มแขกผู้มาเยือนตรงหน้า
“อย่างที่ป้าบอกเรื่องคนมีสัมผัสไป ป้ารู้จัก…คนคนหนึ่งที่เห็นเป็นร่างวิญญาณ เจ้าตัวบอกมาเช่นนั้นค่ะ ว่าเป็นผู้ชาย” อนงค์ตอบพลางจิบชาเสียหนึ่งที “และจากที่ป้าเข้าไปทำความสะอาดในห้องบ่อย ๆ ป้าก็รู้สึกได้ว่าเป็นแบบนั้นค่ะ ว่าคนที่อยู่เป็นผู้ชาย สันชาตญาณเพศแม่กระมังค่ะ”
“โอเคครับ…แล้ว เอ่อ ไม่มีพวกที่มาของเจ้าตัวหรือครับ?” นักเขียนนิยายตั้งข้อสงสัยขึ้น “อย่างทำไมต้องห้องนี้ ห้องนี้มีความหมายอะไรกับคุณชาย ตัวคุณชายมาจากไหน เขาเป็นใคร เสียชีวิตเพราะอะไร? พอจะมีเบาะแสเรื่องนี้ไหมครับ?”
“ฉันบอกแล้วไงว่าย้ายมา เขาก็อยู่ตรงนั้นแล้ว” เรวดีเสริม
“อืม…พวกเราก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ หนูเรก็เพิ่งย้ายมาอยู่ ส่วนเท่าที่ป้าทราบคอนโดแห่งนี้ก็ไม่เคยมีประวัติใครตายมาก่อนนะคะ ป้าก็เคยถามคุณธวัชชัยไปแล้วเหมือนกัน เขาก็บอกว่าไม่รู้เรื่องวิญญาณคุณชายว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรน่ะค่ะ”
คิดจดเบาะแสลงไปในสมุดอย่างรวดเร็ว อาทิ ชื่อ เพศ เท่าที่พยานปากสำคัญอย่างป้าอนงค์บอกกล่าว ก่อนจะถามต่อด้วยความอยากรู้
“คุณชายที่ว่า เขาเป็นวิญญาณแบบไหนหรือครับ? พวกนิสัยหรืออะไรแบบนี้”
อนงค์นิ่งคิดครู่ใหญ่ “เท่าที่ป้ารู้ ก็ท่าทางเจ้าระเบียบ รักความสะอาดในห้องมาก ๆ และแทบไม่ยอมให้ใครอยู่ในห้อง 704 ได้นาน ๆ เลยล่ะค่ะ ทุกคนที่มาพักโดนไล่ออกไปหมด คนในชั้น13เองก็ด้วย พอรู้ว่ามีผีก็ไม่ค่อยอยากอยู่กันเท่าไรหรอกค่ะเพราะกลัว สำหรับห้อง 704 หลายคนส่วนใหญ่ย้ายมาก็ออกไปตั้งแต่วันแรกแล้วค่ะ แต่…”
“แต่?”
“ไม่นับคุณคิด มีบางคนที่ย้ายเข้าไปห้องนั้นแล้วอยู่เกินหนึ่งวัน แล้วยังไม่ย้ายออกไปจากคอนโดแห่งนี้เหมือนกันนะคะ”
“มีคนแบบนั้นด้วยหรือครับ?”
“ไม่ดูตัวเองเลยนะเนี่ย” เรวดีพึมพำเบา ๆ
“ค่ะ” ป้าอนงค์ตอบเสียงชัด “มีคนที่เคยพักในห้องนั้นได้สักวันสองวัน ก่อนจะย้ายไปเช่าห้องอื่น และยังอยู่ในคอนโดนี้อยู่ค่ะ ถ้าคุณคิดอยากจะหาเบาะแสเพิ่มเติม ก็ลองไปถามพวกเขาดูไหมคะ พวกเขาน่าจะรู้อะไรมากกว่าป้า น่าจะช่วยคุณเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น”
คิดพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง เขารู้สึกตื่นเต้นจนเหงื่อออกปลายนิ้วมือ “ขอผมทราบเลขห้องได้ไหมครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างใคร่รู้
“ชื่อคุณเวิร์คห้อง 474 ชั้น 12 กับครอบครัวคุณวิมล 713 ชั้น 14 ค่ะ”
“เพื่อนบ้านชั้น 12 กับชั้น 14 สินะครับ” คิดกล่าวพลางจดข้อมูลลงกระดาษ ขีดเส้นใต้พร้อมดอกจันกับข้อความว่า ‘พยาน/เบาะแสสำคัญ’
“ป้าคงช่วยได้เท่านี้แหละคะคุณคิด ที่เหลือก็ต้องคุณคิดไปต่อเองนะคะ”
“แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้วครับคุณป้าอนงค์ ขอบคุณมากนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
หลังจากที่นักเขียนหนุ่มสอบถามเบาะแสเสร็จ เจ้าตัวก็ขอตัวลาออกมาเพื่อไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่ายจนเกินไป คิดเดินไปที่บันไดหนีไฟอีกครั้ง โดยเป้าหมายแรกก็คือชั้นที่ 12
“เดี๋ยวค่ะคุณคิด”
เสียงหญิงสาวไล่ตามมาจากด้านหลัง
“คุณเรวดี”
“เรียกเรก็ได้ ชื่อจริงเรียกบ่อย ๆ อย่างกับละครหลังข่าว” เธอกล่าวพลางมอบของบางสิ่งให้แก่ชายหนุ่ม “คุณป้าฝากมาให้ค่ะ”
“ห่อสมุนไพรหรือครับ?”
“เครื่องรางค่ะ พกไว้อุ่นใจป้าแกบอกมา”
คิดพิจารณาห่อผ้ามัดกลมเหมือนผูกแกละ เป็นถุงสีน้ำตาลขนาดเท่านิ้วชี้ใบเล็ก ๆ เหมือนถุงเล็ก ๆ นำโชคของญี่ปุ่น เนื้อสัมผัสที่เขาสัมผัสได้ให้ความรู้สึกเหมือนกิ่งไม้และเครื่องหอมกำยานผสมกัน
เมื่อทราบว่าเป็นเครื่องราง ชายหนุ่มก็รับไมตรีจิตไว้ก่อนจะพกใส่กระเป๋า
“ขอบคุณมากครับ ผมฝากขอบคุณคุณป้าอนงค์ด้วยนะครับ”
เรวดีพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะหันกลับไปตามทางของตน
“เอ๊ะ จริงสิ” หญิงสาวหันกลับมาทางชายหนุ่ม “อีกเรื่องที่อยากเตือนไว้นะ สองห้องนั้นน่ะไม่ปรกติ ระวังตัวด้วยแล้วกัน”
“โห คุณเรพูดเป็นคำเตือนแบบนี้ท่าทางจะไม่ธรรมดา ในฐานะนักเขียนนิยายสยองขวัญ ผมชอบใช้มุกนี้บ่อยเลยล่ะครับ” คิดเอ่ย “พอจะเล่าได้ไหมครับว่าไม่ธรรมดายังไง จะได้เผื่อใจไว้ก่อน”
เรวดีหัวเราะหึในลำคอ
“ในฐานะเพื่อนร่วมคอนโด ไปถึงก็รู้เองค่ะ” หญิงสาวกล่าวตบท้าย
ในตอนนั้นเองคิดก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าเพื่อนบ้านทั้งสองห้องที่เคยอยู่ร่วมห้องกับคุณชายจะเป็นคนแบบไหน
ความอยากรู้ของคิดเพิ่มพูนมากขึ้นทำให้นักเขียนนิยายสยองขวัญวิ่งจากแหล่งข้อมูลชั้นเจ็ดไปยังชั้นสิบสองในชั่วพริบตาเดียว
และเมื่อเขามาถึงหน้าห้อง 474 สิ่งแรกที่ชายหนุ่มพบก็คือสติ๊กเกอร์ข้อความขนาดใหญ่
‘‘ชมรมคนเล่าสู่กันฟังเรื่องราวสยองขวัญ’’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ