King Arthur ปฐมบทสงครามราชาผู้โดดเดี่ยว
เขียนโดย FANTOM
วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 01.46 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564 21.51 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) เปิดศึก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความณ วิหารจอกศักดิ์สิทธิ์ (Sanctuary of Holy Grail)
วิหารแห่งนี้ถูกออกแบบมาเหมือนวิหารในเทพนิยายของกรีซ โดยมีเสาทั้งหมด12ต้น แต่ละต้นออกแบบมาเป็นรูปร่างของเทพที่อยู่ที่นี่ทั้ง12องค์ ในส่วนของด้านในนั้นมีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมด้วยเก้าอี้ทั้งหมด13ตัว เก้าอี้12ตัวมีสีเป็นของตัวเองทั้งหมดแต่มีเก้าอี้ตัวหนึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวอื่นและมีสีทองทั้งตัว ขณะนี้เหล่าทวยเทพได้มารวมตัวกันเกือบทั้งหมดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก
"ที่ข้าเรียกพวกเจ้าทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้ ก็เพราะว่าเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นบนโลกมนุษย์ เดี๋ยวข้าจะให้ Epictetus (อิปิคเตตัส) เป็นคนอธิบาย" เทพชายหนุ่มแต่กายในชุดสีขาว หน้าตาของเขานั้นคล้ายกับเป็นคนอเมริกันหนุ่มๆ ผมสีขาวของเขานั้นเหมือนกับสีของเก้าอี้ที่มีชื่อของเขาสลักไว้ว่า 1 Scalesr เขาได้พูดเปิดหัวข้อต่อหน้าทุกคน
จากนั้นหนุ่มสวมแว่นหน้าตาเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง ผมสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของชุดที่ใส่และเก้าอี้ที่นั่ง โดยเก้าอี้ของเขาสลักไว้ว่า 3 Epictetus ได้ลุกขึ้นพร้อมกับเสกจอภาพขึ้นมาพร้อมประกอบคำอธิบายของเขา
"ขณะนี้บนโลกมนุษย์นั้นได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นจากประเทศจีน มนุษย์รายงานข่าวว่าพวกเขาถูกประเทศคู่แข่งโจมตี แผ่นดินไหว หรือแม้กระทั่งถูกสัตว์ประหลาดจู่โจม จนทำให้ประเทศจีนในตอนนี้นั้นล่มสลายแล้วก็ว่าได้ ล่าสุดมีรายงานว่ามีเครื่องบินลำหนึ่งจากจีนได้ตกใส่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในไทย ผมเลยมีความเห็นว่าพวกเราควรส่งทีมไปสำรวจเหตุการณ์ครับ" Epictetusกล่าวเสร็จและได้นั่งลง
"เกรงว่าจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะท่านพี่ Epictetus แม้ข้าจะรักชอบและเอ็นดูเหล่ามนุษย์แต่เทพอย่างเราไม่ควรที่ไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของพวกเขานะค้าาา (ลากเสียง) " หญิงสาวสวยหน้าตาเหมือนองค์หญิงในเทพนิยาย สวมชุดสีชมพูเช่นเดียวกับสีผมและเก้าอี้ที่นั่ง ที่สลักไว้ว่า 6 Eros เธอพูดขึ้นหลังจากEpictetus พูดจบ
"แต่ข้าว่าก็ควรไปตรวจสอบดูหน่อย เหตุเกิดใหญ่เพียงนี้จะให้ดูเฉยๆ ก็จะเป็นการเมินเฉยเปล่าๆ " หญิงสาวหน้าตาเหมือนสาวจีนโฉมงาม ผมสีเขียวเหมือนเก้าอี้ของเธอ โดยเก้าอี้ของเธอสลักไว้ว่า 2 Merciful เธอได้ทักท้วงความคิดของEros
"แล้วจะส่งใครไปละ เรื่องของพี่Rageก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เลยนะ มันจะไม่เสี่ยงเกินไปหรือ" ชายหนุ่มสีหน้าเศร้าตลอดเวลา มีผมสีน้ำตาลและนั่งเก้าอี้สีเดียวกันที่สลักว่า 11 Nienna (นิเอนนา) เขาได้ถามกับเทพคนอื่นๆ
"ข้าเข้าใจพวกเจ้าทุกคน ว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์มากเกินไป แถมยังหาตัวคนที่ทำให้Rageสลบไม่ตื่นไม่ได้เลย แต่ข้าคิดว่าหากเราเอาแต่กังวลจนไม่ทำอะไรกันเลย แล้วเรื่องมันบานปลายไปกันใหญ่พวกเราจะไม่สามารถทำอะไรได้ท่านและนั่นอาจทำให้ผู้สร้างไม่พอใจได้" Scalesrอธิบายเหตุผลให้น้องๆ เข้าใจ
เทพคนอื่นๆ เมื่อได้ฟังก็ไม่มีใครพูดหรือคัดค้านอะไรออกมา
"ถ้าไม่มีใครคัดค้านอะไร ข้าก็จะขอเสนอผู้ที่จะไปตรวจสอบเหตุการณ์ดังนี้ ท่านพี่Merciful ไปในฐานะผู้รักษา Fantom ไปในฐานะผู้สื่อสาร และAplistíaจะไปในฐานะผู้คุ้มกัน มีใครจะถามอะไรไหม" Epictetusกล่าว
"ไม่มี"Merciful กล่าวตอบ
"สื่อสารนี่หมายความว่าให้ข้าคุยกับพวกมนุษย์ได้เลยหรือ" ชายหนุ่มผมยาวดำ สวมชุดสีดำและนั่งเก้าอี้สีดำที่สลักว่า 9 Fantom ได้ถามคำถามกับEpictetus
"ทั้งมนุษย์และวิณญาณหรืออะไรก็สื่อสารได้หมดเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด แล้วเจ้าละAplistíaมีคำถามไหม"EpictetusตอบคำถามFantomเสร็จก็หันไปถามAplistía
"ท่านก็คงให้ข้าไปใช้พลังตรวจดูว่าใครมีความต้องการจะทำร้ายพวกเขาแล้วคอยแจ้งเตือนสินะ ก็ไม่ได้ยากอะไร" ชายหน้าเหมือนโจรผมสีม่วง ชุดและเก้าอี้ที่นั่งก็สีเดียวกันโดยเก้าของเขาสลักไว้ว่า 10 Aplistía เขาพูดตอบEpictetus
"เข้าใจก็ดีแล้ว หากสำรวจแล้วไม่ใช่เรื่องที่เราควรเข้าไปยุ่งจงรีบกลับกันมา Cronus รบกวนเจ้าเปิดทางเชื่อมด้วย" Epictetus หันไปบอกCronus หญิงสาวผมสั้นสีเทา หน้าตาคล้ายคนญี่ปุ่น สวมชุดเมดและนั่งเก้าอี้สีเทาที่สลักไว้ว่า 12 Cronus
หลังจากนั้นCronus ก็ใช้พลังของเธอเชื่อมต่อวิหารกับสถานที่เกิดเหตุ
ณ โรงมัธยมหลังจากเครื่องบินตกใส่
"หืม...เละเทะน่าดูเลยนะเนี่ย" Aplistíaพูดหลังจากได้เห็นสภาพโรงเรียน
อาคารโรงเรียนนั้นมีด้วยกันทั้งหมด2อาคาร เป็นอาหาร4ชั้นเครื่องบินชนทะลุอาคารหนึ่งไปชนอีกอาคารหนึ่งจนอาคารถล่มลง เลยทำให้มีทั้งซากอาคารซากเครื่องบินทับถมไปมา
"พวกเจ้ารีบไปตรวจดูหาสาเหตุ ข้าจะรักษาชีวิตของมนุษย์ให้ได้มากที่สุด" Merciful สั่งน้องๆ ทั้งของเธอแล้วรีบไปรักษา เด็กนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บแถวนั้น
"พวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบเลยนะท่านพี่Merciful ว่าใช่เรื่องที่เราควรยุ่งหรือเปล่า"AplistíaพูดกับMercifulที่กำลังรักษานักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจคำพูดของAplistíaเลย
"ช่..ว..ย..ด้..ว..ย"เสียงของเด็กนักเรียนที่ถูกFantomอุ้มมาหาMerciful
"ไม่เป็นอะไรแล้วนะเด็กน้อย"Fantomวางร่างของเด็กนักเรียนข้างๆ Merciful
ในระหว่างที่พวกเขากำลังช่วยเหลือนักเรียนอยู่นั้น ก็ได้มีบางอย่างเคลื่อนที่อยู่ในซากปรักหักพังอยู่ ไม่ช้ามันก็ค่อยๆ ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา มันคือหมูตัวใหญ่มากๆ ที่กำลังกลืนนักเรียนที่ร้องขอความช่วยเหลือลงท้องของมันไป ทั้งสามตะลึงกับภาพที่ได้เห็นอยู่ ทันใดนั้นมันก็ได้พุ่งเข้ามาจู่โจมโดนAplistíaกระเด็นไปหายไป
"ความตายคือจุดจบของทุกสรรพสิ่ง" เมื่อFantomพูดเสร็จตัวเขาก็สวมเกราะสีดำเต็มตัวพร้อมกับมีเคียวเป็นอาวุธคู่กาย Fantomพุ่งเข้าไปโจมตีเจ้าหมูยักษ์ด้วยเคียวของเขา
เคียวตัดเนื้อของเจ้าหมูไปแต่มันก็สามารถรักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แล้วเริ่มโจมตีFantomกลับ Fantomรับมือกับเจ้าหมูยักษ์ค่อนข้างยากเนื่องจากต้องคอยระวังคนเจ็บไปด้วยสู้ไปด้วย ทั้งคู่สู้กันอยู่นานจนกระทั่ง
"Aplistía!! จะนอนอีกนานไหมรีบมาช่วยกันสักทีเถอะ"Fantomที่รับมือกับหมูยักษ์ตะโกนขึ้น
"ผมว่าเราควรหยุดกันแค่นี้ก่อนเถอะนะครับท่านเทพ"เสียงของชายวัยกลางคนพูดขึ้นแทรกมา
สักพักเจ้าของเสียงก็เดินออกมาให้พวกเขาเห็น เจ้าของเสียงเป็นชายแก่ใส่ชุดพ่อบ้านที่กำลังเอามีดจี้คอของAplistíaอยู่ เมื่อFantomเห็นดังนั้นจึงเสียจังหวะถูกหมูยักษ์เล่นงานจนกระเด็นมาถึงMercifulอยู่
"gluttony ฉันว่าฉันบอกแกไปแล้วนะว่าทำแบบนี้มันจะหลุดจากแผนที่วางไว้" พ่อบ้านกำลังคุยกับเจ้าหมูยักษ์ที่ค่อยๆ กลายร่างเป็นชายยักษ์ตัวอ้วนพุงโต
"ก็มนุษย์มันน่ากินนี่ pride เจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ"gluttony ได้เดินไปอยู่ข้างๆ ของpride
"ผมเกรงว่าจะรบกวนพวกท่านเพียงเท่านี้ จะให้รับมือกับเหล่าเทพตอนนี้ยังเร็วไป แต่ยังไงก็ขอรับเทพองค์นี้ไปเป็นตัวประกันก่อนนะครับ"prideกำลังจะหนีจากMercifulและFantom
ทันใดนั้นก็ได้มีแสงสีทองสว่างขึ้น!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ