สถาบันลอยฟ้าแอตลาส
-
เขียนโดย Eraone
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.21 น.
2 บท
0 วิจารณ์
3,174 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 20.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ปีหนึ่งทานสเต็กหนึ่งจาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“หึๆ คุณน่าจะได้เห็นหน้าตัวเองนะ ตลกจังเลย เอาล่ะ อย่างแรกที่ผมจะบอกก็คือ ทางเราน่ะทราบข้อมูลของคุณมาตลอด เพราะประวัติของคุณน่าสนใจมาก โชคไม่ดีที่คุณเกิดและโตที่เทราล เลยไม่มีใครจะอาสาไปรับคุณ…แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี แคปซูลแอตลาสเครื่องสุดท้ายยังใช้งานได้อยู่ คุณจึงมาที่นี่ได้สักที ยอมรับเลยว่าการบินเหนือน่านฟ้าเทราลไม่ได้อันตรายอย่างที่คิดไว้ ว่ามั้ย?” ประโยคหลังแมทธิวค่อนข้างจะติดตลกนิดนึง เวอร์จิลจึงได้แต่อธิบายว่าเขาหลับมาตลอดทาง“ว้าว! ลืมไปซะสนิทเลยแฮะ แต่อย่างไรสิ่งที่ผมไม่ลืมเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับแคปซูลแอตลาส คือใครก็ตามที่ได้นั่งเครื่องนี้ รับประกัน 100% ว่าพลังของคุณจะตื่นแน่นอน ยินดีด้วยๆ” แมทธิวตบมือเบาๆ“เอ่อ…คุณกำลังหมายถึงนี่เหรอครับ?” เวอร์จิลกำหมัดยื่นแขนขวาขึ้นมาบนโต๊ะ ลักษณะเหมือนแขนของเวก้าทุกประการ ผิวหนังดูคล้ายหินแข็งๆ แต่เรียบกินบริเวณถึงศอก หลังมือทั้งแผงลักษณะคล้ายพลังงานสีน้ำเงินอมม่วงฝังอยู่ แตกเป็นเส้นๆ ทั่วแขนด้านนอก เขาไม่อาจหยุดจับจ้องมันได้เลย“ถูกต้อง! นั่นแหละคือพลังของคุณ เวอร์จิล พลังที่ทำให้ร่างกายของคุณเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ เราเรียกมันว่าพลังสายเมตามอร์ฟอซิส (พลังร่างแปลง) จะเปลี่ยนโดยถาวรหรือไม่ก็แล้วแต่บุคคล แต่จากลักษณะแล้ว ของคุณเปลี่ยนโดยถาวรอย่างไม่ต้องสงสัย” แมทธิวชนหมัดกับเวอร์จิลทีนึงก่อนจะอธิบายเกี่ยวกับร่างกายที่เปลี่ยนไป“ผมเกรงว่ามันจะเป็นการไม่ดี ถ้าแขนปีศาจของนักเรียนปี 1 จะไปทำให้ใครกลัวเข้า ที่แย่กว่านั้นคือคุณอาจโดนรุ่นพี่รังแกเอาได้ ฉะนั้นเราจะมาแปลงโฉมคุณให้ดูปกติเหมือนคนซะก่อน รอสักครู่นะครับ” ว่าจบแมทธิวก็วางฝ่ามือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะ จอโฮโลแกรมปรากฏขึ้น“เมลโล่ เอาเครื่องแบบนักเรียนปี 1 กับผ้าพันแผลขึ้นมาหาพ่อหน่อย มีเรื่องให้ช่วยน่ะ” แมทธิวสั่งคนที่ดูเหมือนเป็นลูกสาวของเขา สักพักหนึ่งจอก็แวบหายไป“มาแล้วค่ะ!…” เมลโล่เปิดประตูเข้ามา ก็พบกับเวอร์จิลที่กำลังยืนหันหลังให้ เธอค่อนข้างใจไม่ดีเพราะเขาไม่ได้สวมเสื้อ แต่พอเวอร์จิลหันมาสบตา เมลโล่ก็แทบจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ เพราะว่ากลัวแขนปีศาจของเขาที่เธอพึ่งเห็นด้วย และก็เสียอาการให้กับรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอันคล่องแคล่วของเขาด้วย สองอารมณ์ตีกันจนเธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินทำหน้าแปลกๆ ถือของเข้ามาช้าๆ ส่วนทางด้านเวอร์จิลก็ยังรู้สึกงงๆ อยู่ดี ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากสำหรับเขา เขาคิดทบทวนเหตุการณ์หลายอย่างจนไม่ได้สนใจความสวยน่ารักของเมลโล่เลย“ไม่ต้องกลัวลูกรัก เขาจะไม่ทำอะไรลูกแน่นอนพ่อสัญญา ขอแนะนำให้รู้จักนะ นี่เวอร์จิล น้องใหม่ล่าสุดของแอตลาส และนั่นคือเมลโล่ ลูกสาวของผมเองครับ” แมทธิวปลอบประโลมลูกสาวพร้อมกับแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน เมลโล่ผ่อนอาการลงเล็กน้อย แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น อารมณ์ทั้งสองยังไม่หยุดตีกัน“…ค่ะพ่อ แล้ว…จะให้เอาของพวกนี้ไปทำอะไรกับเขาคะ?” เมลโล่พยายามคุมสติพูดให้เป็นประโยค ตอนนี้เธอเริ่มจะเอนเอียงไปทางเขินอายแล้ว เพราะตัวเธออยู่ห่างจากเวอร์จิลไม่ถึงเมตร รวมถึงมัดกล้ามเหล่านั้นที่ทำเอาเธอต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่“อย่างที่เห็น แขนของเขาอาจจะส่งผลเสียต่อตัวเขาเองอ่ะนะ ถ้าปกปิดแขนนั่นไว้ก็จะดูเป็นคนปกติมากขึ้น รบกวนหน่อยนะเมลโล่ เพื่อตัวของเขาเอง” คนเป็นพ่อตบไหล่ลูกสาว เธอก็ทำแม้จะยังหวั่นไหวอยู่ สัมผัสบนแขนปีศาจแตกต่างจากแขนคนปกติ เธอพยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับเวอร์จิล เพราะนั่นอาจจุดประกายอารมณ์ของเธอขึ้นมาได้อีก“เยี่ยมเลย ทีนี้ก็เครื่องแบบ” แมทธิวพูดขึ้นพอเมลโล่พันแขนเสร็จแล้ว เวอร์จิลสวมเสื้อเครื่องแบบแขนยาวสีดำลงไป พอสวมเสื้อแล้วก็เหมือนวัยรุ่นอายุ 18 ธรรมดาๆ เมลโล่ดูจะไม่ใจสั่นหรือกลัวเขาแล้ว“เอ่อ…แล้วนี่ล่ะครับ?” เวอร์จิลถกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้น เขามีรอยสักที่เรี่มจากหลังมือวนรอบๆ แขนทั้งท่อนแล้วไปบรรจบตรงต้นคอ“อันนั้นไม่น่ามีปัญหา เอาไว้อย่างนั้นล่ะ เท่ดีแถมยังไม่ผิดกฎสถาบัน คุณลองถามความเห็นเมลโล่ดูก็ได้ถ้ายังไม่เชื่อ” แมทธิวพูดกวนประสาทลูกเล่นๆ เมลโล่ถึงกับหน้าแดง“ฮือ พ่อนะพ่อ! หนูไม่ลงความเห็นอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ แค่นี้ก็ใจแทบวายแล้ว ยังจะให้เดินเข้ามาใกล้เขาอีกเหรอคะ!” เธอตวาดและตีหน้างอนใส่จนแมทธิวหัวเราะลั่น เธองอนได้น่ารักดี ดูสมกับวัย“ฮ่าๆๆ แต่ว่าถ้ายังไม่สบายใจเรื่องเนื้อหนังมังสา ก็เอานี่ไป หวังว่าจะช่วยได้นะ” แมทธิวเปิดลิ้นชักแล้วหยิบถุงมือสีดำคู่หนึ่งโยนให้เวอร์จิล เขาก็รับมันมาสวมไว้ทันที“โอเค ลูกไปได้แล้ว เดี๋ยวลูกผู้ชายจะคุยกัน เรื่องผู้ชายๆ นั่นแหละ” เมลโล่สบตากับเวอร์จิลและยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป บุคลิกเธอดูแตกต่างไปตอนเขาสวมเครื่องแบบแล้ว“เรื่องที่สอง เราจะพาคุณเข้าสู่การเป็นนักศึกษาผู้ใช้พลังอย่างเป็นทางการ ด้วยการกรอกเอกสารนิดๆ หน่อยๆ” แมทธิวใช้นิ้ววาดสี่เหลี่ยมบนโต๊ะ แผ่นใสๆ ก็เด้งออกมาให้แมทธิวรับไว้ได้ทัน เขาพูดชื่อของเวอร์จิลออกไป แต่ท่าทางเอกสารจะยังไม่มีปฏิกิริยา“โอ้ คุณอาจจะไม่รู้ว่านามสกุลคืออะไร เอ…ผมรู้อยู่แต่เหมือนจะนึกไม่ออกแฮะ...งั้นเอาเอเรบัส …เวอร์จิล เอเรบัส...” ผอ. เงยหน้าครุ่นคิดก่อนจะได้ชื่อเต็มของเวอร์จิลสักที เอกสารมีเสียงออกมาว่ากรอกข้อมูลสำเร็จ แล้วก็ถูกโต๊ะดูดกลืนไป“เข้าเรื่องสุดท้ายอย่างรวดเร็วนะคุณเวอร์จิล นี่สำคัญมากเพราะนอกจากคุณ ผมก็ไม่ได้บอกปี 1 คนไหนเลย ฟังผมให้ดี จุดอ่อนที่สุดของผู้ใช้พลังร่างแปลง คือการควบคุมพลัง พลังสายนี้อาศัยเวลาอย่างมากในการทำความเข้าใจรูปแบบของมัน ทางที่ปลอดภัยที่สุด คือออมแรงไว้ ใช้พลังให้น้อย และพลังจิตจะเป็นตัวขับเคลื่อนพลังปีศาจของคุณเอง ตอนนี้ผมคิดว่าคุณคงพร้อมแล้ว เมลโล่จะพาคุณไปที่พัก” แมทธิวยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเวอร์จิลต้องทำตามบ้าง เขาพูดเสียงเบา ทำเหมือนว่านี่จะต้องเป็นความลับสุดยอด ว่าจบแมทธิวก็เชิญเขาออก“รอเดี๋ยว! อีกอย่างนึง ผมเกรงว่าการใช้อาวุธของคุณจะเสี่ยงต่อการเสียการควบคุมพลัง ฉะนั้นเลือกดาบไปหนึ่งเล่ม ส่วนอีกเล่มผมจะเก็บไว้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะเป็นคนนำมาให้เอง กับมือผมเอง ไม่ว่าอยู่ที่ไหน และจงจำช่วงเวลาที่ผมคุยกับคุณให้ได้ นี่แหละเอกลักษณ์” แมทธิวร้องห้าม และพามาเลือกดาบ 1 ใน 2 เล่มของเวอร์จิล ชายหนุ่มเลือกดาบที่มีสีดำทั้งเล่มไปก่อน ส่วนดาบส่องประกายสีเงินให้แมทธิวเก็บไว้
*******“ห้องนี้แหละจ้ะเวอร์จิล” เมลโล่ไขกุญแจเปิดห้องให้ มันเป็นห้องนอนทั่วๆ ไป แต่ในมุมมองของเวอร์จิลมันคือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต“โห…นี่มันสุดยอดครับคุณเมลโล่ สุดยอดจนรู้สึกไม่คู่ควรกับมันเลย…” เวอร์จิลคอตก ดวงตาสีแดงเข้มดูเข้มขึ้นอีก เขาเอาแต่กล่าวว่าเขาไม่สมควรได้รับสิ่งดีๆ พวกนี้เลย“อย่ากังวลเลย เธอแค่ต้องการพักผ่อน และเธอสมควรได้รับมันจ้ะ เดาว่าเธอยังไม่เคยมีห้องนอนดีๆ แบบนี้ตอนอยู่ที่เทราลแน่ สีหน้าเธอมันบอกน่ะ” เมลโล่ยืนพูดอยู่ตรงประตูขณะที่เวอร์จิลลงไปนั่งบนเตียง เทราลไม่ใช่ความทรงจำที่ดีสำหรับเขาเลย“แล้วก็นี่จ้ะ เครื่องมือจำเป็นสำหรับนักศึกษา มันคือแอตลาสการ์ด ใบเดียวทำได้เกือบทุกอย่าง จะใช้งานก็เคาะการ์ด ลองถามดูก็ได้ว่าแอตลาสจะเปิดเทอมในอีกกี่วัน” เมลโล่ควักอุปกรณ์รูปทรงคล้ายบัตรเครดิตยื่นให้เวอร์จิล พอเคาะการ์ด การ์ดก็ให้บอกชื่อ“เวอร์จิล เอเรบัส” การ์ดจึงตอบไปว่ามีอะไรจะถามหรือไม่ เขาก็ถามว่าแอตลาสจะเปิดเทอมในอีกกี่วัน“ตามกำหนด แอตลาสจะเปิดเทอมในวันที่ 16 พฤษภาคมของทุกปี ถ้าไม่มีเหตุด่วนเหตุร้ายอะไร ขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 5 วันจึงจะเปิดเทอม มีคำถามอีกหรือไม่คะ?” เสียงในการ์ดเป็นเสียงผู้หญิง เธอตอบได้ชัดเจนตรงประเด็นดี“ไม่มีแล้ว ขอบคุณ” การ์ดเลิกเปล่งแสง เขาจึงเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกง“ฉันคิดว่าเธออาจต้องการเวลาส่วนตัว งั้นฉันขอตัวไปทำมื้อเย็นก่อนนะจ๊ะ เสร็จแล้วฉันจะเรียก ทำตัวตามสบายได้เลยจ้ะเวอร์จิล ที่นี่จะเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอ” เมลโล่ยิ้มให้พร้อมโบกมือลา ประตูห้องของเวอร์จิลปิดอย่างแผ่วเบา ทุกอย่างเงียบไปพักนึงเวอร์จิลทิ้งตัวลงกับเตียงนุ่มๆ พลางคิดไปว่าวันหนึ่งวันของเขาจะดีขนาดนี้เชียวหรือ ความปลอดภัย–นี่คือสิ่งที่เขากระเสือกกระสนหามันมาตลอด ตอนนี้เขาไม่ต้องระแวงพวกนักล่าค่าหัวอีกต่อไป ไม่ต้องระแวงกองทัพทหารที่ผ่านหน้าบ้าน ไม่ต้องนอนพื้นไม้เย็นเฉียบแต่แข็ง และที่ดีที่สุด คือการได้ดูดวงตะวันที่กลืนหายไปกับเส้นโค้งของขอบฟ้า วันนี้คงไม่มีใครมีความสุขไปกว่าเขาอีกเขาถอดถุงมือ ดูมือทั้งสองของตัวเอง และยังรู้สึกประหลาดใจกับพลังใหม่ที่ตื่นขึ้น เขาไม่ได้กลัว แค่คิดว่ามันกระทันหันไปหน่อย แขนขวาที่ใช้ผ้าพันแผลพันทับก็ดูไม่มีอะไร แม้ปลายนิ้วทั้งห้าจะแหลมคมก็ตาม มีแสงส่องทะลุผ้าพันแผลออกมาเล็กน้อยแล้วก็ดับไป เหมือนกับมันต้องการจะบอกว่า สักวันเขาจะได้เปิดเผยแขนคู่นี้ขณะกำลังนอนอยู่ เวอร์จิลได้ยินเสียงสัญญาณจากการ์ดสามครั้ง หยิบออกมาดูก็พบว่าเมลโล่ติดต่อมา คงจะให้ไปทานอาหาร เขาคิด แล้วก็เปิดประตูออกไปจากห้อง เดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่เขาอาศัยอยู่เพื่อไปยังบ้านที่ขนาดเท่ากันทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งเวอร์จิลคิดว่านี่อาจเป็นบ้านของเมลโล่เพราะอยู่ติดกันไม่ห่างไปมากกว่า 5 เมตร จึงไปมาหาสู่กันได้สบาย“ไงจ๊ะเวอร์จิล วันนี้ฉันทำสเต็กให้จ้า ปกติฉันไม่ค่อยทานเนื้อสัตว์…ก็เลยเปิดสูตรทำตาม ครั้งแรกน่ะ หวังว่าจะชอบนะ” เมลโล่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ และยิ้มแย้มเหมือนเคย มื้อเย็นของเวอร์จิลเป็นเนื้อชิ้นใหญ่หั่นพอดีคำและย่างจนสุกหอม พร้อมซอสเนื้อสีน้ำตาลอ่อนราดทับ เขาหยิบเข้าปากชิ้นนึง“เอ่อ…โอเคมั้ยจ๊ะ?”“ไม่ครับ ไม่เป็นไร มันอร่อยที่สุดในชีวิตผม ผมขอบคุณมาก” เวอร์จิลหยุดกินไม่ได้หลังจากชิ้นแรก เขาถึงกับน้ำตาไหลออกมาข้างหนึ่งขณะที่ดวงตาจับจ้องอยู่กับสเต็กเลิศรส เมลโล่สังเกตเห็นน้ำตาของเขาจนต้องปาดของเธอทิ้งบ้าง เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะประสบพบเจออะไร ถึงได้เสียน้ำตาให้กับอาหารจานหนึ่งเช่นนี้ อาจฟังดูเป็นเรื่องตลกสำหรับเมลโล่ แต่พอได้มาเห็นกับตาตัวเอง เธอจึงรู้ว่าไม่ควรล้อเล่นกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของใครอีก
*******“ห้องนี้แหละจ้ะเวอร์จิล” เมลโล่ไขกุญแจเปิดห้องให้ มันเป็นห้องนอนทั่วๆ ไป แต่ในมุมมองของเวอร์จิลมันคือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต“โห…นี่มันสุดยอดครับคุณเมลโล่ สุดยอดจนรู้สึกไม่คู่ควรกับมันเลย…” เวอร์จิลคอตก ดวงตาสีแดงเข้มดูเข้มขึ้นอีก เขาเอาแต่กล่าวว่าเขาไม่สมควรได้รับสิ่งดีๆ พวกนี้เลย“อย่ากังวลเลย เธอแค่ต้องการพักผ่อน และเธอสมควรได้รับมันจ้ะ เดาว่าเธอยังไม่เคยมีห้องนอนดีๆ แบบนี้ตอนอยู่ที่เทราลแน่ สีหน้าเธอมันบอกน่ะ” เมลโล่ยืนพูดอยู่ตรงประตูขณะที่เวอร์จิลลงไปนั่งบนเตียง เทราลไม่ใช่ความทรงจำที่ดีสำหรับเขาเลย“แล้วก็นี่จ้ะ เครื่องมือจำเป็นสำหรับนักศึกษา มันคือแอตลาสการ์ด ใบเดียวทำได้เกือบทุกอย่าง จะใช้งานก็เคาะการ์ด ลองถามดูก็ได้ว่าแอตลาสจะเปิดเทอมในอีกกี่วัน” เมลโล่ควักอุปกรณ์รูปทรงคล้ายบัตรเครดิตยื่นให้เวอร์จิล พอเคาะการ์ด การ์ดก็ให้บอกชื่อ“เวอร์จิล เอเรบัส” การ์ดจึงตอบไปว่ามีอะไรจะถามหรือไม่ เขาก็ถามว่าแอตลาสจะเปิดเทอมในอีกกี่วัน“ตามกำหนด แอตลาสจะเปิดเทอมในวันที่ 16 พฤษภาคมของทุกปี ถ้าไม่มีเหตุด่วนเหตุร้ายอะไร ขณะนี้เหลือเวลาอีกประมาณ 5 วันจึงจะเปิดเทอม มีคำถามอีกหรือไม่คะ?” เสียงในการ์ดเป็นเสียงผู้หญิง เธอตอบได้ชัดเจนตรงประเด็นดี“ไม่มีแล้ว ขอบคุณ” การ์ดเลิกเปล่งแสง เขาจึงเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกง“ฉันคิดว่าเธออาจต้องการเวลาส่วนตัว งั้นฉันขอตัวไปทำมื้อเย็นก่อนนะจ๊ะ เสร็จแล้วฉันจะเรียก ทำตัวตามสบายได้เลยจ้ะเวอร์จิล ที่นี่จะเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอ” เมลโล่ยิ้มให้พร้อมโบกมือลา ประตูห้องของเวอร์จิลปิดอย่างแผ่วเบา ทุกอย่างเงียบไปพักนึงเวอร์จิลทิ้งตัวลงกับเตียงนุ่มๆ พลางคิดไปว่าวันหนึ่งวันของเขาจะดีขนาดนี้เชียวหรือ ความปลอดภัย–นี่คือสิ่งที่เขากระเสือกกระสนหามันมาตลอด ตอนนี้เขาไม่ต้องระแวงพวกนักล่าค่าหัวอีกต่อไป ไม่ต้องระแวงกองทัพทหารที่ผ่านหน้าบ้าน ไม่ต้องนอนพื้นไม้เย็นเฉียบแต่แข็ง และที่ดีที่สุด คือการได้ดูดวงตะวันที่กลืนหายไปกับเส้นโค้งของขอบฟ้า วันนี้คงไม่มีใครมีความสุขไปกว่าเขาอีกเขาถอดถุงมือ ดูมือทั้งสองของตัวเอง และยังรู้สึกประหลาดใจกับพลังใหม่ที่ตื่นขึ้น เขาไม่ได้กลัว แค่คิดว่ามันกระทันหันไปหน่อย แขนขวาที่ใช้ผ้าพันแผลพันทับก็ดูไม่มีอะไร แม้ปลายนิ้วทั้งห้าจะแหลมคมก็ตาม มีแสงส่องทะลุผ้าพันแผลออกมาเล็กน้อยแล้วก็ดับไป เหมือนกับมันต้องการจะบอกว่า สักวันเขาจะได้เปิดเผยแขนคู่นี้ขณะกำลังนอนอยู่ เวอร์จิลได้ยินเสียงสัญญาณจากการ์ดสามครั้ง หยิบออกมาดูก็พบว่าเมลโล่ติดต่อมา คงจะให้ไปทานอาหาร เขาคิด แล้วก็เปิดประตูออกไปจากห้อง เดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่ที่เขาอาศัยอยู่เพื่อไปยังบ้านที่ขนาดเท่ากันทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งเวอร์จิลคิดว่านี่อาจเป็นบ้านของเมลโล่เพราะอยู่ติดกันไม่ห่างไปมากกว่า 5 เมตร จึงไปมาหาสู่กันได้สบาย“ไงจ๊ะเวอร์จิล วันนี้ฉันทำสเต็กให้จ้า ปกติฉันไม่ค่อยทานเนื้อสัตว์…ก็เลยเปิดสูตรทำตาม ครั้งแรกน่ะ หวังว่าจะชอบนะ” เมลโล่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ และยิ้มแย้มเหมือนเคย มื้อเย็นของเวอร์จิลเป็นเนื้อชิ้นใหญ่หั่นพอดีคำและย่างจนสุกหอม พร้อมซอสเนื้อสีน้ำตาลอ่อนราดทับ เขาหยิบเข้าปากชิ้นนึง“เอ่อ…โอเคมั้ยจ๊ะ?”“ไม่ครับ ไม่เป็นไร มันอร่อยที่สุดในชีวิตผม ผมขอบคุณมาก” เวอร์จิลหยุดกินไม่ได้หลังจากชิ้นแรก เขาถึงกับน้ำตาไหลออกมาข้างหนึ่งขณะที่ดวงตาจับจ้องอยู่กับสเต็กเลิศรส เมลโล่สังเกตเห็นน้ำตาของเขาจนต้องปาดของเธอทิ้งบ้าง เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะประสบพบเจออะไร ถึงได้เสียน้ำตาให้กับอาหารจานหนึ่งเช่นนี้ อาจฟังดูเป็นเรื่องตลกสำหรับเมลโล่ แต่พอได้มาเห็นกับตาตัวเอง เธอจึงรู้ว่าไม่ควรล้อเล่นกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของใครอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ