Psychic พลังกายสิทธิ์ ลิขิตมรณะ

-

เขียนโดย MoMoGa

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.06 น.

  26 บท
  4 วิจารณ์
  20.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 11.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ตอนที่ 3-3 ปีกคู่ลมกรด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          วันที่ 25 เมษายน เวลา 00.12 นาฬิกา

          มาซามุเนะกำลังวิ่งไปบนบันไดทางขึ้นของหอคอย หอคอยแห่งนี้มีความสูงเพียงแค่ 150 เมตร และมันก็มีอยู่หลายชั้นด้วย แต่ก็มีลิฟต์ติดตั้งไว้ แต่ที่มาซามุเนะต้องมามาวิ่งอยู่ที่บันได นั่นเป็นเพนาระเขากำลังหาตัวอเล็กซ์อยู่นั่นเอง โดยใช้วิธีการตรวจจับพลังจิตกับจิตสังหารที่อเล็กซ์ปล่อยออกมานั่นเอง

          “ไอ้เจ้าบ้านั่นมันไปซ่อนอยู่ที่ไหนเนี่ย ถ้าเจอจะจัดชุดใหญ่ให้เลย”

          มาซามุเนะเดินลงมากว่า 10 ชั้นแล้ว แต่ก็มีแค่จิตสังหารลางๆของอเล็กซ์หลงเหลืออยู่เท่านั้น นั่นอาจจะหมายถึงการที่อเล็กซ์พยายามทำอะไรซักอย่างก็เป็นได้ แต่ระหว่างที่มาซามุเนะกำลังหันหน้าออกไปมองหาอเล็กซ์ด้วยความระมัดระวังอยู่นั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา

          “นายอยู่ไหนเนี่ยมาซามุเนะ ฉันกับนากิสะจังจัดการกับอีกคนให้แล้วนะ เจ้านี่ชื่อ เมียวจิน ซาดาโอะ มันเป็นแค่นักฆ่ารับจ้าง ให้เดาก็คงรับงานมาป้องกันให้กับอเล็กซ์นั่นแหละ”

          อลิซาเบธโทรมานั่นเอง รู้สึกว่าเธอก็แค่อยากหาเรื่องโทรมาหาเฉยๆ 

          “จะโทรมาทำไมเนี่ย ฉันยังหาตัวมันไม่เจอเลย อยู่แถวนี้รึเปล่าก็ไม่รู้”

          มาซามุเนะตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี พร้อมกับโผล่หน้าออกไปดู แต่ทันใดนั้นก็มีขนนกพุ่งเข้าใส่ตัวเขา มาซามุเนะหลบได้อย่างหวุดหวิว พร้อมกับออกไปหาเจ้าของขนนกที่พุ่งมา

          “แก ปล่อยให้ไอ้เจ้านั่นไปจัดการ ไปจัดการกับเซเฟอร์งั้นสินะ!”

          อเล็กซ์ตะโกนออกมาหลังจากที่มาซามุเนะออกมาจากที่ซ่อน ในมือซ้ายนั้นถือโทรศัพท์มือถืออยู่

          “งั้นหรอ ไอ้คนที่มีพลังจิตอัญเชิญตุ๊กตาชื่อเซเฟอร์งั้นหรอ แล้วมันจะยังไงล่ะ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกัน มาตัดสินกับฉัน โดยที่ห้ามเอาคุออนเข้ามาเกี่ยว ถ้าแกเอาเธอเข้ามาเกี่ยวล่ะก็ เพื่อนแกไม่รอดแน่”

          ในตอนแรกที่อากิโอะลอยออกไปนั้น เขาไปหาตัวผู้อัญเชิญตุ๊กตานั่นเอง จากที่อลิซาเบธบอกมานั้น ผู้ที่อัญเชิญน่าจะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของอเล็กซ์ มาซามุเนะจึงให้อากิโอะหาตัวด้วยการจับพลังจิต ด้วยขอบเขตและสถานที่แล้ว การคาดการก็คือ จะต้องเป็นคนที่ปล่อยคลื่นพลังจิตออกมามหาศาลระหว่างที่กำลังอัญเชิญ และเมื่ออัญเชิญเสร็จแล้วจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้ด้วย หลักฐานก็คือการให้อยู่ข้างนอกสนามรบนั่นเอง

          “งั้นหรอ ก็เอาสิ พอฉันฆ่าแกเสร็จ ฉันจะได้เอาคัมภีร์มหาเวทมาด้วย”

          จากนั้นเขาก็เอาตัวคุออนออกมาจากผ้าคลุม สภาพของเธอนั่นดูแล้วยังคงสบายดี

          “นั่นคงจะเป็นทริคที่พาตัวของงคุออนเข้ามาในอาณาเขตสินะ”

          ทั้งมาซามุเนะและอเล็กซ์นั้นตั้งท่าเตรียมโจมตีอยู่ แต่หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววิ

          “<เฟเธอร์ สไตรค์ (Feather Strike)>”

          “<ดาร์ค เบลด (Dark Blade)> <แบล็ค แดช (Black Dash)>”

          ทั้งคู่พูดขึ้นมาแทบจะพร้อมๆกัน แต่มาซามุเนะนั้นใช้กระบวนท่าที่แปลกไป เขาใช้ 2 ท่าพร้อมกันนั่นเอง ที่รอบตัวของอเล็กซ์มีขนนกจำนวนมากลอยออกมาจากหลังของเขา มันพุ่งเข้าไปหามาซามุเนะด้วยความเร็วสูง ส่วนมาซามุเนะนั้น มือทั้งสองข้างกลายเป็นใบมีดที่ดูแหลมคม ส่วนตัวของเขาก็พุ่งเข้าไปหาอเล็กซ์โดยไม่สนใจขนนกที่พุ่งเข้าหาเลยแม้แต่น้อย ระหว่างที่พุ่งตัวเข้าไปหาก็ใช้มือทั้งสองนั้นฟาดฟันใส่ขนนกที่พุ่งเข้ามาอยู่ในระยะอันตราย ในไม่กี่อึดใจ มาซามุเนะก็เข้าไปถึงตัวของอเล็กซ์แล้ว แต่สิ่ง อเล็กซ์ทำเพี่อตอบโต้นั่นก็คือ การกระโดดออกไปจากหอคอย แน่นอนว่ามาซามุเนะไม่กระโดดตามไปแน่นอน มาซามุเนะยืนรอคำตอบของการกระทำนั้น

          “ถ้าตกลงไปถึงพื้นด้วยความสูงระดับนี้ล่ะก็ ศพไม่สวยแน่ จะเป็นยังไงต่อนะ”

          มาซามุเนะยืนรอด้วยใจจดใจจ่อ เขาคาดการเอาไว้แล้วเหมือนกันว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แล้วจากนั้น

          “<แองเจิล แอดเวนต์ (Angel Advent) วิงค์ บูสต์ (Wing boost)>!!!”

          ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างจ้าที่ส่องออกมาจากรูของก้อนเมฆที่เปิดออก แสงนั้นส่องลงไปที่พื้น แล้วอเล็กซ์ก็ลอย ไม่สิ บินขึ้นมาต่างหาก ที่หลังของเขานั้นมีปีกที่ดูเหมือนกับปีกของเทวดาในเทพนิยาย

          “นี่แหละ พลังที่แท้จริงของฉันน่ะ ถ้าฉันอยู่ในร่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็หยุดฉันไม่ได้หรอก”

          อเล็กซ์ในตอนนี้อยู่ในร่างที่เปล่งประกายดั่งถูกเคลือบด้วยแสงที่สาดส่องลงมา มาซามุเนะไม่สามารถจับจิตสังหารจากเขาได้เลยแม้แต่น้อย อย่างกับว่าตัวเขานั้นถูกแสงนั้นชำระล้างความมืดในจิตใจทิ้งไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้น...

          “ทีนี้ ชีวิตแกก็ต้องจบสิ้นแล้วล่ะ มีอะไรจะสั่งเสียไหม”

          อเล็กซ์นั้นก็แค่อยู่ในสภาพที่ดูเหมือนกับมีเทวดาจุติลงมาเท่านั้น และถึงแม้จะไม่แผ่จิตสังหารออกมา แต่ในทางกลับกัน ถึงมาซามุเนะจะไม่ตั้งใจสัมผัส แต่ก็รู้สึกถึงพลังจิตที่แผ่ออกมาได้อย่างดีเลย

          “นายรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าพลังเวทย์นั้นไม่มีจริง”

          มาซามุเนะกล่าวข้อสงสัยของตัวเองออกมา

          “พูดอะไรของแก นี่น่ะคือพรจากพระเจ้าต่างหากล่ะ ไม่ใช่เวทย์มนต์ต่ำต้อยแบบพวกแกหรอก”

          อเล็กซ์ตอบอย่างลำพองตน ดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจในพลังของตัวเองมาก

          “งั้นหรอ เจ้านี้ก็ไม่รู้จักกับพลังจิตงั้นสินะ ดูเหมือนจะแค่ถูกหลอกใช้สินะ”

          มาซามุเนะคิดทบทวนตามข้อสันนิษฐานของตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็มีแค่จัดการอเล็กซ์แล้วเค้นถามกับเจ้าตัวเท่านั้น

          มาซามุเนะยืนด้วยท่าทางที่ไม่แม้แต่จะเกรงกลัวหรือถอยหนีเลยสักนิด แต่มันก็ไม่ใช้การยืนในการตั้งท่าจะโจมตีเลยด้วย มันคือการยืนคิดนั่นเอง เมื่อกี้มาซามุเนะนั่นใช้การโจมตีระยะใกล้เข้าจู่โจมอเล็กซ์ แถมยังเป็นการใช้ถึง 2 ท่าพร้อมกันอีกด้วย แต่ตอนนี้ศัตรูของเขานั้นอยู่กลางอากาศ แถมยังดูท่าว่าจะอยู่ได้นานไม่เหมือนกับอากิโอะที่ไม่สามารถอยู่กลางอากาศได้นานจนเกินไปและอเล็กซ์ก็ดูจะสามารถเคลื่อนไหวกลางอากาศได้ดีพอๆกับอากิโอะอีก มันจึงเป็นการยากที่มาซามุเนะจะต่อกรด้วย

          ถึงมาซามุเนะจะยังไม่ได้ตั้งท่าเตรียมโจมตี แต่ว่าอเล็กซ์นั้นเตรียมการโจมตีไว้หมดแล้ว เขาตั้งท่าจะโจมตีตอนไหนก็ได้ แต่มาซามุเนะก็ไม่มีท่าทีจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย   

          “<เฟเธอร์ สไตรค์ (Feather Strike)>!!!”

          ใช่แล้ว ตัวอเล็กซ์เคยใช้ท่านั้นแล้ว นั้นจะทำให้มาซามุเนะสามารถอ่านการโจมตีส่วนใหญ่ออก แต่ว่า เฟเธอร์ สไตรค์ ครั้งนี้นั้นต่างจากครั้งที่แล้ว ทั้งความเร็วและจำนวนนั้นมากขึ้น รวมไปถึงแพทเทิร์นการโจมตีก็แตกต่างออกไป นั้นทำให้มาซามุเนะต้องวิ่งหนีไปตามหอคอยที่เป็นรูปวงกลม การโจมตีของขนนกนั้นมีความต่อเนื่องสูงเนื่องจากความเร็วที่เพิ่มขึ้น และมาซามุเนะก็ไม่สามรถตอบโต้แบบตรงๆได้ เพราะว่า อเล็กซ์นั้นกำลังบินอยู่ นี่ถือเป็นการรุกและรับที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก สามารถโจมตีใส่ได้โดยที่ตัวเองนั้นไม่ต้องตกเป็นเป้าหมายโจมตีด้วย มาซามุเนะวิ่งไปหลบที่เคาน์เตอร์ขายของของชั้น แต่ขนนกนั้นก็ทะลวงเข้าไปอย่ากับว่าไม่มีเคาน์เตอร์กั้นอยู่

          “<ดาร์ค ชู๊ต (Dark Shoot)>!!!”

          หลังจากที่เคาน์เตอร์ถูกขนนกทะลวงจนเละ ก็ลำแสงสีดำเส้นหนึ่งลอดผ่านออกมาจากกลุ่มควันที่คละคลุ้งจากแป้งสาลีที่อยู่ในเคาน์เตอร์ มันเป็นลำแสงสีดำที่ใหญ่และเป็นสีดำที่ดำทมิฬยิ่งกว่าตอนที่ต่อสู้กับอากิโอะ มันพุ่งไปหาอเล็กซ์ด้วยความเร็วสูง

          “<เฟเธอร์ การ์ด (Feather Guard)>”

          มีขนนกจำนวนมากรวมตัวกันเป็นเหมือนโล่อยู่ข้างหน้าอเล็กซ์ บีมสีดำเข้าปะทะโล่ขนนกอย่างจัง บีมนั้นทะลวงโล่เข้าไปด้วยความเร็วสูง โล่ที่หนาก็ป้องกันอเล็กซ์อยู่ แต่สุดท้าย โล่ก็ถูกทะลวงเข้าไปด้วยความเร็วสูง อเล็กซ์นั้นหลบได้ทันอย่างเฉียดฉิว หน้าตาของเขานั้นรู้สึกประหลาดใจกับพลังโจมตีของมาซามุเนะเป็นอย่างมาก

          “อะไรกัน ทำไมโล่ของเราถึงถูกทะลวงได้ แปลกเกินไปแล้ว”

          การโจมตีของมาซามุเนะทำให้ความมั่นใจของอเล็กซ์สั่นคลอน แต่นั่นก็แค่นิดเดียวเท่านั้น จากใบหน้าประหลาดใจก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยความโกรธแค้นจำนวนมหาศาล

          “เวทย์มนต์ของแกก็แค่ลูกไม้ตุกติกที่มีความสามารถในการทะลวงอยู่เท่านั้นแหละ การโจมตีแค่นั้น แค่ฉันไม่โดนก็เปล่าประโยชน์ ถ้าฉันยังบินได้การโจมตีของแกก็ไร้ค่า”

          คำพูดของอเล็กซ์นั้นทำให้มาซามุเนะรู้สึกตัวได้ว่าตัวเขานั้นไม่มีความสามารถในการโจมตีโดนเต็มๆ 100% นอกจากการโจมตีจากระยะประชิด นั่นก็คือข้อเสียเปรียบสูงสุดของความสามารถของมาซามุเนะ

          “ความสามารถของเราเป้นความสามารถที่รุนแรงมากถ้าตั้งใจที่จะโจมตีแบบเต็มที่ แต่นอกจากท่าที่ใช้ในการโจมตีระยะประชิดแล้ว ก็ไม่มีการโจมตีหวังได้ว่าจะโดนเต็มๆ งั้นนี่ก็คือเวลาที่ต้องใช้ไอ้นั่นแล้วสินะ”

          มาซามุเนะตั้งท่าโจมตีอีกครั้ง เขาออกวิ่งอีกครั้ง โดยคราวนี้เป็นการวิ่งไปยังอีกด้านของหอคอย อเล็กซ์ยังคงใช้ขนนกโจมตีอย่างไม่หยุด แต่คราวนี้มาซามุเนะวิ่งซิกแซกเพิ่มด้วย นั่นจึงทำให้ขนนกไม่สามารถจับทางได้ อเล็กซ์จึงโจมตีโดยใช้จำนวนที่มากขึ้น แต่นั่นก็คือสิ่งที่มาซามุเนะหวังไว้ เขาชี้นิ้ว 3 นิ้วกลับไปทางอเล็กซ์โดยที่ตัวเองไม่ได้หันกลับไปมองดูข้างหลังเลย แต่นิ้วนั้นก็ชี้ไปทางอเล็กซ์ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากมาซามุเนะคำนวณจากทิศทางที่ขนนกที่เขาคิดว่าอยู่ใกล้ตัวของอเล็กซ์มาที่สุดโจมตีมา และนั่นก็ทำให้ในตอนนี้ไม่มีขนนกอยู่รอบตัวของอเล็กซ์เพื่อให้สร้างโล่ได้เลย

          “<ดาร์ค บูลเล็ต (Dark Bullet)>!!!”

          กระสุนพุ่งออกจากนิ้วที่มาซามุเนะใช้ชี้ไปทางอเล็กซ์ มันมีความเร็วและเสถียรมากกว่าครั้งก่อนเหมือนเคย รวมทั้งมีสีที่ดำทมิฬยิ่งกว่าเดิมด้วย

          อเล็กซ์ที่ถูกกระสุนพุ่งเข้าใส่ จึงเรียกขนนกส่วนใหญ่กลับมาด้วยความตื่นตระหนก และนั้นก็คือความต้องกรที่แท้จริงที่มาซามุเนะต้องการ เข้าต้องการเวลาสัก 3 วินาทีที่จะไม่ถูกโจมตี ในตอนนี้เขาวิ่งไปถึงอีกฟากของหอคอยแล้ว มันมีกระจกกั้นอยู่ซะส่วนใหญ่ และข้างหน้ากระจกก็มีราวกั้นเอาไว้อีกชั้น โดยทั้งสองอย่างมีระยะห่างกันแค่ไม่กี่สิบเซนติเมตร มาซามุเนะนั้นกระโดดข้ามราวกั้นและพุ่งตัวทะลุกระจกตกลงไปยังพื้นดิน

          “นี่แหละไพ่ตายของฉัน พลังใหม่ที่จะลบจุดบอดของเราออก”

          “จงออกมา <แบล็ค วิงค์ ไรซิ่ง (Black wing Rising)>!!!”

          จิตของมาซามุเนะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เขาอิมเมจถึงปีกที่คล่องแคล่ว ว่องไว รวดเร็ว และแข็งแกร่ง พลังแห่งจิตนาการถูกเปลี่ยนเป็นพลังจิตแล้วก่อกำเนิดปีกขึ้นมา

          มีก้อนสีดำโผล่ขึ้นมาจากหลังของมาซามุเนะ มันบางลงแล้วแผ่ออกไปกลายเป็นปีก มันมีรูปร่างเหมือนใบไม้ที่แผ่ออกไปทางซ้ายและขวา มีข้างละ 5 ใบ มีสีดำ ดูแล้วเป็นปีกที่คล่องแคล่วและว่องไวก็จริง แต่มันบางจนไม่มีอิมเมจถึงความแข็งแกร่งเลยสักนิด แต่ถึงปีจะก่อรูปขึ้นมาแล้ว เขาก็มัวแต่ตกตะลึงจนไม่ได้ควบคุมมันจนเกือบจะตกลงพื้น แต่เขาก็แผ่ปีกออกมาเพื่อร่อนลงทัน

          “ยังต้องฝึกอีกเยอะสินะ แต่ก็ต้องรีบใช้ให้คล่อง ไม่งั้นก็ตายแน่”

          มาซามุเนะลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย อเล็กซ์ที่โผล่ออกมาดูก็ตกตะลึงกับปีกของเขา

          “เป็นไงล่ะ ปีกของฉัน เท่กว่าของนายเยอะใช่ไหมล่ะ”

          มาซามุเนะพูดล้อเลียนออกไป อเล็กซ์ไม่ได้รู้สึกโกรธต่อคำพูดนั้น แต่สิ่งที่เขาใช้ตอบแทนก็คือ

          “<เฟเธอร์ เบลด อัลลิมิเต็ด สไตรค์ (Feather Blade Unlimited Strike)>!!!”

          โค้ดคำสั่งใหม่ถูกปลดปล่อยออกมาจากปากของอเล็กซ์พร้อมกับปีที่กางออก มีขนนกล่องลอยอยู่ในอากาศเป็นจำนวนที่มากกว่าเดิมหลายสิบเท่า เมื่ออเล็กซ์สะบัดแขน ขนนกก็พุ่งโจมตีใส่มาซามุเนะโดยทันที

          “บ้าเอ๊ย อะไรอีกเนี่ย แบบนี้ผิดแผนหมดแล้ว”

          มาซามุเนะกางปีกออกแล้วกระพือ ตัวของเขาบินขึ้นไปกลางอากาศ ขนนกก็ระดมโจมตีใส่ ดูเหมือนว่าจะเป็นความรุนแรงที่ถ้าโดนแขนแม้แต่นิดเดียว แขนเขาต้องปลิวหายไปแล้วถูกฝูกขนนกฟันจนแหลกหายไปในอากาศภายในพริบตาเดียวแน่

          หลังจากที่มาซามุเนะบินวนไปมาเพื่อหลบหลีกการโจมตีของขนนกได้สักพัก เขาก็เริ่มที่จะเข้าใจปีกของตัวเองมากขึ้น

          “ปีกนี่ไม่ค่อยจะทนทานสักเท่าไหร่ และก็ไม่สามารถบินได้สูงสักเท่าไหร่ในการออกตัว ดังนั้นเราต้องค่อยไต่ระดับความสูง แต่ก็มีจุดแข็งสุดๆเลยก็คือ การพุ่งตัวได้เร็วมากๆในแนวนอน และก็สามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างอิสระในการบิน เอาล่ะ ใช้แผนนั้นก็แล้วกัน”

          มาซามุเนะสรุปความสามารถโดยรวมของปีกตัวเอง สุดท้ายเขาก็บินเข้าไปในตัวเมือง ซึ่งมีอาคารล้อมรอบถนนอบอยู่ และอาคารส่วนใหญ่ก็สูงเกิน 70 เมตร

          มาซามุเนะลดระดับเพดานบินของตัวเองลง พร้อมกับหุบปีกเข้าให้เหลือข้างละใบ ทำตัวให้อยู่ในแนวนอนเหมือนกับนอนคว่ำแต่หน้ามองไปข้างหน้า และสุดท้าย ปีกนั้นมีแสงเรืองเปล่งประกาย และเขาก็พุ่งตัวไปเหมือนกับเครื่องบินเจ็ท ความเร็วนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มาซามุเนะเริ่มออกห่างจากขนนกเรื่อยๆ สุดท้ายเขาบินไปที่ช้อปปิ้งมอลล์ มันเป็นตึกที่ไม่สูงมาก แต่มีพื้นที่กว้างขวางเป็นตัวทดแทน ขาทั้งสองข้างของมาซามุเนะเหยียบลงบนชั้นที่สูงที่สุดของช้อปปิ้งมอลล์ ขนนกเริ่มเคลื่อนตัวเขามาใกล้ด้วยความเร็วที่สูงกว่าเดิม อเล็กซ์นั้นมองมาซามุเนะที่อยู่ในระดับต่ำกว่าประมาณ 2-3 เมตร และระยะห่างอีกประมาณ 50 เมตร ทั้งคู่สบตากัน สายตาของอเล็กซ์นั้นประกาศถึงชัยชนะด้วยความมั่นใจ ส่วนมาซามุเนะมองเขาด้วยสายตาที่แน่วแน่ในความคิดของตัวเอง ในขณะที่ขนนกนั้นก็ร่นระยะเข้ามาจนอยู่ในระยะที่อีกไม่กี่วินาทีก็จะถึงตัว

          “อเล็กซ์ นายมันไม่รู้จักคิดเลยจริงๆสินะ ถูกโจมตีใส่แล้วก็ยังไม่รู้จักที่จะใช้แผน นายมันหยิ่งทะนงในพลังเกินไปแล้ว”

          ในขณะที่มาซามุเนะกำลังคิดอย่างนั้นอยู่ เขาหลับตาลง ย่อตัวลง แล้วใช้แขนซ้ายจับที่ข้อมือของแขนขวา แล้วชูลงไประหว่างขาทั้งสองข้าง มีแสงสีดำทมิฬก่ออยู่ที่มือขวา มันมีการสปาร์คอยู่ ในวินาทีที่ขนนกนั้นเขาเข้ามาใกล้อย่างถึงที่สุด ปีกของเขาก็กางออกอย่างรุนแรง

          “<แฟลซ แดช (Flash Black)> <ดาร์ค รอร์ เบรกเกอร์ (Dark Roar Breaker)>!!!”

          ขาทั้งสองข้างนั้นถีบออกอย่างรุนแรง ปีกก็หุบลงอีกครั้ง รอบตัวๆของมาซามุเนะมีออร่าสีดำกระจายตัวออกเป็นจำนวนมาก ตัวเขาพุ่งออกไปในทิศเฉียงขึ้น สวนทางกับขนนกที่พุ่งเข้าหาตัวเขา ความเร็วในการพุ่งตัวครั้งนี้นั้นเร็วที่สุดเท่าที่เขาเคยทำได้ เขาค่อยๆยื่นมือขวาไปข้างหน้าของตัวเอง มือขวาในตอนนี้นั้นกลายเป็นเหมือนส่วนหน้าสุดของเครื่องบินเจ็ท มันส่งเสียงที่แสบแก้วหูคล้ายกับเสียงเสียดสีอากาศ ตอนนี้รอบๆตัวของอเล็กซ์ไม่มีขนนกเลย เขาเริ่มกระพือปีกเพื่อบินหนี แต่ก็ไม่ทันแล้ว มือขวาของมาซามุเนะพุ่งผ่านตัวของอเล็กซ์ด้วยความเร็วที่ตามองไม่ทัน มาซามุเนะไม่สามารถหยุดการพุ่งตัวของเขาได้ทันที เขากางปีกออกเพื่อต้านลม แต่สุดท้ายแล้ว ตัวเขาก็พุ่งเข้าไปในหอคอยที่อยู่ในแนวระนาบเดียวกัน มาซามุเนะลงไปกองอยู่บริเวณลิฟต์ของหอคอย ปีกของเขายังไม่หายไป แต่ก็อยู่ในสภาพยับเยิน เขาลุกขึ้นมาพยายามมองหาอเล็กซ์

          “ทำได้ดีนี่นา สมแล้วที่โม้ไว้เยอะ”

          มีคนเข้ามาตบไหล่ของมาซามุเนะ อลิซาเบธนั่นเอง ข้างหลังของเธอมีนากิสะอยู่ด้วย

          “อะไรกัน พวกเธอยังอยู่ที่นี่กันอีกหรอ มันอันตรายนะ”

          มาซามุเนะตวาดใส่ อลิซาเบธทำหน้าไม่พอใจ

          “อะไรกัน ดูตัวนายก่อนเถอะ ยังแถบจะยืนไม่ไหวเลยนี่”

          “ฉันยังไหวอยู่น่า อีกอย่าง อเล็กซ์ก็ยังไม่ยอมแพ้เลยนี่”

          หลังจากที่มาวามุเนะพูดเสร็จ เขาก็ชี้ออกไปข้างนอกหอคอย สิ่งที่อยู่ปลายทางนั้นก็คือ อเล็กซ์ที่อยู่ในสภาพสาหัสเอาการ ดูเหมือนว่าท่าไม้ตายของมาซามุเนะจะโดนแค่เฉียวๆท้องของอเล็กซ์ แต่แค่นั้นก็ทำให้ท้องแหว่งไปได้แล้ว ตอนนี้รอบตัวเขามีขนนกจำนวนมากล้อมอยู่

          “รีบหนีเร็ว มันจะโจมตีต่อแล้ว”

          มาซามุเนะอ่านความคิดของอเล็กซ์ออก หลังจากที่เขาพูดแบบนั้น ขนนกจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาทางหอคอยที่พวกเขาอยู่

          “<เฟเธอร์ ซอร์ด (Feather Sword)>”

          ในมือของอเล็กซ์มีดาบตะวันตกสีขาวสะอาดเล่มใหญ่ปรากฏออกมา แล้วเขาก็พุ่งตัวเข้ามาพร้อมๆกับขนนก

          “ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะเลือดขึ้นหน้าแล้วนะค่ะ ท่านพี่”

          นากิสะดึงแขนเสื้อมาซามุเนะ พร้อมกับพูดสิ่งที่ตัวเองคิดได้ขึ้นมา

          “การโจมตีของพี่เมื่อกี้ก็รุนแรงมาก นั่นน่าจะทำให้มันสาหัสอยู่ แต่มันคงเป็นพวกที่คิดว่าตัวเองเก่ง แล้วพอโดนหยามก็เลยรับไม่ได้ไง”

          มาซามุเนะอธิบายให้นากิสะฟัง หลังจากนั้นเขาก็กลางปีกที่หลังออก

          “การต่อสู้ยังไม่จบ เจ้านั่นจะโจมตีแค่ฉันเท่านั้น ดังนั้น อลิซ เธอกับนากิสะไปรับตัวคุออนที่ชั้นที่ 18 แล้วก็ลงไปหลบอยู่ชั้นล่าง ถ้าจัดการธุระเสร็จเดี๋ยวฉันตามไป”

          มาซามุเนะพูดออกไปพร้อมกับเตรียมตัวจะกระโดดออกไปจากหอคอย อลิซาเบธพยักหน้าตอบรับ

          “เข้าใจแล้ว แต่ถ้าเป็นนาย ฉันอยากให้เรียกว่าอลิซาเบธมากกว่านะ”

          มาซามุเนะยิ้มขึ้นแล้วพยักหน้าตอบรับ พร้อมกับกระโดดออกจากหอคอย เขากางปีกออกเต็มที่ แล้วก็หุบลง พร้อมกับพุ่งตัวไปหาอเล็กซ์ที่มีขนนกห้อมล้อมอยู่

          “ถึงจะพูดออกไปเท่ๆแบบนั้นก็เถอะ แล้วจะเอายังไงกับฝูงขนนกนี่ดีนะ”  

          อเล็กซ์เองก็ตรงดิ่งเข้ามาหามาซามุเนะเหมือนกัน ขนนกที่อยู่รอบๆตัวเองก็เริ่มพุ่งเข้ามาหาเขาแล้วเหมือนกัน

          “<ดาร์ค เบลด (Dark Blade)>!!!”

          มือทั้งสองข้างของมาซามุเนะกลายเป็นใบมีดที่ยืดยาวออกไป แล้วเขาก็ใช้มันโจมตีใส่ขนนกที่อยู่รอบๆ ทั้งฟาดฟัน ทั้งหมุนตัว มีออร่าพวยพุ่งอยู่รอบๆตัวเขา โดยที่เขาใช้การเคลื่อนที่ของปีกผสานเข้ากับการโจมตีได้อย่างหน้าทึ่ง จนเกิดเป็นวังวลการโจมตีที่ไม่อาจหยุดได้ ทั้งโจมตีในขนาดที่กำลังพุ่งตัว หรือแม้กระทั่งฟาดฟันใส่ฝูงขนนกที่ล่องลอยอยู่ด้วยความเร็วของการพุ่งตัว ในตอนนี้ขนนกนั่นไม่ทันที่จะได้โจมตี ก็ถูกทำลายลงด้วยความพิเศษหรือก็คือความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของพลังจิตของมาซามุเนะ นั่นก็คือการกลืนกินสิ่งที่ถูกความสามารถประเภท Dark โจมตีเข้าใส่ รวมไปถึงท้องที่แหว่งไปนิดหน่อยของอเล็กซ์ด้วย นั่นก็เพราะถูกความสามารถกลืนกินไป ในตอนนี้ แม้แต่ออร่าที่แผ่ออกมาจากมาซามุเนะนั้นก็มีคุณสมบัติในกรกลืนกินด้วย นั่นเป็นเพราะอารมณ์ความรู้สึกของมาซามุเนะนั้นถูกปลดปล่อยออกมานั่นเอง

          “พลังของใบมีดกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแล้ว พลังนี่ช่างสุดยอดจริงๆ เอาล่ะ เหยื่อรายต่อไป ก็คือแก แกคนเดียวเท่านั้น จงถูกทำลายซะเถอะ”

          ความจริงแล้วหลังจากที่มาซามุเนะเห็นพ่อแม่ของตัวเองถูกฆ่าตาย นั่นคือสิ่งที่กระตุ้นทั้งพลังจิตและนิสัยที่อยู่ภายในส่วนลึกของตัวมาซามุเนะ นั่นก็คือการฆ่าคนนั่นเอง มันคือต้นกำเนิดของพลังจิตที่แท้จริงของมาซามุเนะ เป็นพลังที่ตอบสนองความต้องการของเขา พลัง Black นั้นเป็นเพียงเปลือกนอกของพลัง Dark เพราะว่าพลัง Dark นั้นจำเป็นต้องใช้ความรู้สึกและพลังงานจำนวนมหาศาลในการใช้ แต่กลับกัน พลัง Black นั้นมีประสิทธิภาพที่พอๆกันและใช้พลังงานน้อยกว่า แต่เมื่อความรู้สึกอยากฆ่าคนถูกปลดปล่อยเต็มที่เมื่อไหร่ พลังจิตของเขาทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนเป็น Dark ทันที ดังนั้น ในตอนนี้ แม้แต่ปีกของเขาก็กลายเป็นสีดำทมิฬด้วความมืดไปแล้ว

          ในจังหวะนั้นเอง อเล็กซ์ที่ถือดาบอยู่ในมือก็พุ่งตัวเช้ามาหาซามุเนะด้วยความเร็วสูงทันที

          “มาได้จังหวะพอดีเลย กำลังเบื่อขนนกพวกนี้อยู่พอดีเลย!!!”

          มาซามุเนะตะโกนใส่อเล็กซ์ที่เข้ามาโดยไม่เกรงกลัวตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

          “ก็นั่นสิ ถ้าแกตายเพราะขนนกพวกนี้ ฉันก็ไม่ได้ฆ่าแกด้วยมือตัวเองน่ะสิ!!!”

          ทั้งสองคนเข้าฟาดฟันกันอย่างสูสี ทางมาซามุเนะมีความเร็วในการโจมตีของใบมีดสีดำคู่ที่อยู่ที่มือเป็นจุดแข็งในการต่อสู้กับดาบตะวันตกขนาดใหญ่ที่มีพลังโจมตีที่รุนแรงสุดๆเมื่อมันฟาดฟันของอเล็กซ์ ทั้งคู่โจมตีใส่กันอย่างไม่หยุดยั้ง ดูเหมือนว่าดาบของอเล็กซ์นั่นจะสามารถป้องกันการถูกกลืนกินจากความสามารถของมาซามุเนะได้ ทำให้ในตอนนี้มาซามุเนะจะเสียเปรียบจากการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังของดาบ และด้วยความเร็วในการจู่โจมในจังหวะที่อเล็กซ์กำลังตั้งท่าหวดดาบของขนนก มันเข้ากันได้อย่างลงตัว นั่นทำให้สติในการคิดวิเคราะห์ของมาซามุเนะกลับมา เขารีบพุ่งตัวออกมาจากฝูงขนนกที่ล้อมรอบอยู่กับอเล็กซ์ทันที มาซามุเนะบินออกมายืนพักเหนื่อยที่ดาดฟ้าตึกใกล้ๆกับหอคอย

          “บ้าเอ๊ย ดันถูกอีกด้านของเรากลืนกินไปซะได้ ถ้าสติด้านนี้ไม่กลับมามีหวังโดนเชือดเพราะแรงหมดแน่เลย แต่การต่อสู้เมื่อกี้มันเป็นการวัดแรงกายจริงๆสินะ งั้นก็แสดงว่าเจ้านั่นมันไม่ได้สติหลุดสินะ ต้องวางแผนใหม่”

          ไม่มีเวลาให้เข้าพักเหนื่อยมากนัก ดูเหมือนว่าอเล็กซ์จะใช้แผนวัดกำลังกับเขาจริงๆ แต่ที่อเล็กซ์ใช้แผนนี้ทั้งที่เขาบาดเจ็บหนักอยู่ นั่นเป็นเพราะเขามีขนนกช่วยในการโจมตีนั่นเอง

          “จะให้มันกลายเป็นศึกยืดเยื้อตามที่มันหวังไว้ไม่ได้แล้ว ต้องรีบปิดเกมก่อนที่จะหมดแรง”

          ระหว่างที่มาซามุเนะกำลังกระโดดหลบการโจมตีจากขนนกโดยใช้ปีกเป็นตัวเสริมความเร็วและแรงกระโดดเพื่อที่จะไม่ต้องออกแรงหรือใช้พลังงานมากเกินไป เนื่องจากการบินแต่ละครั้งนั้นต้องใช้พลังงานค่อนข้างมาก ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา

          “หรือไม่ก็ใส่แรงทั้งหมดกับการโจมตีปิดเกมไปเลย...”

          ไม่ทันที่มาซามุเนะจะตัดสินใจต่อความคิดของตัวเองเสร็จ อเล็กซ์ก็พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยดาบขนาดใหญ่อันทรงพลัง เขาหลบได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นเขาก็ค่อยๆร่อนลงจากดาดฟ้าของตึกอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ทันที่เท้าเขาจะแตะพื้น อเล็กซ์ก็กระโดดลงมาด้วยความเร็วจากแรงส่งของปีกพร้อมกับเหวี่ยงดาบใส่มาซามุเนะอย่างเต็มแรง เขาหลบด้วยการใช้เท้าดันกำแพงตึกแล้วถีบตัวออกมา ดาบของอเล็กซ์นั้นฟาดลงบนกำแพงตึกอย่างจัง แต่หลังจากนั้นเขาก็บินมาโจมตีมาซามุเนะต่อด้วยความเร็วสูง คราวนี้มาซามุเนะเริ่มกระพือปีกเพื่อบินหลบบ้าง ทันใดนั้น อเล็กซ์ก็หวดดาบใส่อากาศไป นั่นน่าจะทำให้อเล็กซ์เสียแรงไปมาก แต่หลังจากนั้น อเล็กซ์ก็ถอยไปตั้งหลักบนกลางถนนที่ห่างจากทางเดินที่มาซามุเนะกำลังร่อนลงอยู่พอสมควร

          “เจ้านั่นเริ่มรู้ตัวแล้วสินะ แต่...มันก็เข้าแผนฉันเต็มๆเลยล่ะนะ”

          ระหว่างที่มาซามุเนะกำลังร่อนลงอยู่นั้น ที่แขนขวาของเขาก็เปล่งแสงสีดำออกมา เริ่มห่อหุ้มตั้งแต่ศอกขวาลงไปถึงแขนขวา สุดท้ายก็ยืดยาวออกไปแสดงรูปทรงที่คล้ายกับหอกออกมา เขาตั้งแขนขวาไว้ในระดับไหล่ ปีกกลางออกเต็มที่ และเมื่อถึงพื้น ปีกก็หุบตัวลง มาซามุเนะพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างแรง มันไม่ใช่การพุ่งตัวแบบการบิน แต่ดูคล้ายกับดีดตัวออกมากกว่า

          “<แบล็ค สเปียร์ เบรกเกอร์ (Black Spear Breaker)>!!!”

          มันเป็นการจู่โจมโดยไม่ให้ทันตั้งตัวนั่นเอง มาซามุเนะพุ่งไปด้วยความเร็วสูง อเล็กซ์ยกดาบขึ้นมาป้องกันได้ทัน แขนขวาของเขาพุ่งเข้าใส่ดาบอย่างจัง

          “จงกลายเป็นความมืดที่เปี่ยมไปด้วยพลังทำลาย แล้วทะลวงเข้าไปเลย!!!”

          ตอนนี้หอกของมาซามุเนะกลายสภาพเป็นเหมือนหัวสว่านด้วยอิมเมจแห่งการทะลวงนั่นเอง มีออร่าสีดำพวยพุ่งออกจากปลายสุดของหัวสว่าน มันพุ่งออกมาพร้อมกับเศษดาบที่ถูกเจาะทะลวง

          “อ้า!!!!!”

          สุดท้ายแล้วดาบก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ สว่านนั้นพุ่งลงไปทะลวงแขนซ้ายของอเล็กซ์จนขาดกระเด็นออกจากลำตัวไปไกล ที่มืดซ้ายของมาซามุเนะนั้นมีออร่าสีดำปกคลุมอยู่ในรูปร่างของใบมีดเตรียมไว้สำหรับโจมตีต่อเนื่องเอาไว้อยู่แล้ว แต่อเล็กซ์นั้นบินหลบการจู่โจมอีกต่อของมาซามุเนะได้ทัน อเล็กซ์บินหนีไปตั้งหลักบนยอดตึกที่อยู่ด้านหลังของตัวเอง

          “แก... อ้า!!!!!!!!!!!!!”

          ร่างของอเล็กซ์เริ่มเปล่งแสงออกมา ในขณะเดียวกัน รอบๆตัวรวมถึงตัวของมาซามุเนะเองเริ่มมีออร่าสีดำพวยพุ่งออกมาคลายกับก๊อกน้ำที่วาล์วเปิดหักออก

          “อิชบาเลเล เซเวเร เทเล อาเล่ อิชบาเลเล เซเว เทเล อาเล่...”

          อเล็กซ์เริ่มบ่นพึมพำคลายกับท่องคาถาอะไรบางอย่าง มีแสงสีเหลืองออกทองห่อหุ้มร่างของเขา จากนั้นแสงก็จ้าขึ้นเรื่อยๆจนแสบตา มาซามุเนะเองก็ดูดออร่ามารวมไว้ที่ปีก แขนขวาและแขนซ้าย แล้วเขาก็ตั้งท่าเตรียมพร้อม

          ตู้ม!!!!!!!!!

          เกิดการระเบิดจากแสงนั่นขึ้น รัศมีการระเบิดนั้นค่อนข้างกว้าง มันกินตึกไปประมาณครึ่งของความสูง มาซามุเนะยังคงตั้งตารอดูสภาพของอเล็กซ์หลังจากการระเบิดครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ เขาคิดว่าอเล็กซ์น่าจะอยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะโจมตีเขาอย่างแน่นอน แต่เมื่อฝุ่นจากการระเบิดนั้นจางลง เขากลับไม่เห็นอะไรเลย

          [ทางนี้ต่างหาก]

          มาซามุเนะพุ่งตัวบินขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น นั่นเป็นเสียงของอเล็กซ์แน่นอน แต่เมื่อเขาหันกลับมามองก็ไม่เห็นต้นตอของเสียง

          ปึก “อึก” ปิ้ว ตู้ม!!!!

          มาซามุเนะโดดเตะกระเด็นปลิวลงมาที่พื้นถนนภายในไม่กี่วินาที เขาพยายามมองหาคนที่โจมตีอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็น

          “ไม่ได้การล่ะ เป็นแบบนี้โดนอัดอยู่ฝ่ายเดียวแน่ ต้องมองวิธีการของมันให้ออก เดี๋ยวสิ เสียงมันมาจากทางไหนกัน”

          มาซามุเนะฉุกคิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือจุดที่เสียงของอเล็กซ์ดังขึ้นก็คือใกล้ๆตัวเขาคล้ายเสียงกระซิบ แต่มันเหมือนกับว่าดังเข้ามาในหัวโดยตรงมากกว่ากระซิบเข้าเสียงเข้ามาในหู

          “ใช่แล้ว สิ่งที่มันใช้ก็คือไอ้นั่นนั่นเอง ถ้าคิดแบบนี้ก็ลงล็อคแล้ว”

          มาซามุเนะรู้ถึงวิธีการของอเล็กซ์แล้ว แต่สิ่งที่เขาทำก็คือยืนรออะไรบางอย่าง พร้อมปล่อยออร่าออกมา

          [ไปตายซะเถอะแก!!!!!!]

          “มาแล้ว จังหวะนี้แหละ”

          คราวนี้เสียงคล้ายกับดังมาจากบนหัวของมาซามุเนะ แต่สิ่งที่เขาทำก็คือการบินขึ้นไปเหนือหัวของตัวเอง ซึ่งก็คือทิศที่เสียงนั้นดังขึ้น พร้อมกับมองลงมายังจุดที่ตัวเองบินขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือ อเล็กซ์ที่ทั่วทั้งร่างเป็นสีเทา แต่ยังคงมีปีกอยู่ที่กลางหลังกำลังเตะอากาศอยู่อย่างเต็มแรงอย่างกับว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้น

          “เป็นไปตามที่คิด ความสามารถใหม่ของมันก็คือการส่งเสียงเข้าสู่สมองเป้าหมายโดยตรงและหลอกเรื่องจุดกำเนิดของเสียง ส่วนวิธีการในการจู่โจมครั้งแรกนั้น ก่อนอื่นหลังจากการระเบิดนั่น ก็ไปซ่อนอยู่ในตึกที่ถูกระเบิด ส่งเสียงโดยหลอกว่ามาจากข้างๆตัวเรา พอบินขึ้นมา ก็ออกจากที่ซ่อนแล้วโจมตีใส่ จากนั้นก็คงจะไปแอบที่ไหนสักแห่ง เสร็จแล้วก็ส่งเสียงเข้ามา คราวนี้หลอกว่ามาจากด้านบน แต่ก็ถูกฉันจับได้ล่ะนะ ส่วนร่างกายนั่นก็คงจะทำให้คล่องแคล่วกว่าเดิมสินะ”

          มาซามุเนะหุบปีกลงพุ่งตัวเข้าจู่โจมอเล็กซ์ด้วยความเร็วสูง อเล็กซ์เองก็กระพือปีกบินหนีเหมือนกัน เขาไม่ได้ลอยขึ้นไปแต่กลับบินในระดับต่ำ แต่มีความเร็สวที่มากกว่าเดิมมาก มาซามุเนะยืนมือไปทางอเล็กซ์ที่กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไป เขาเองก็พุ่งตัวด้วยความเร็ว แต่ไม่ที่สุด เพราะต้องออมพลังไว้สำหรับการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น

          “เอาล่ะนะ  <แบล็ค ดราก้อน เรจ (Black Dragon Rage)>!!!”

          มีออร่าสีดำพุ่งออกมาจากมือขวาที่ยื่นออกไปของมาซามุเนะ มันมีรูปร่างเป็นรูปหัวมังกร มันพุ่งออกไปอ้าปากแล้วงับอเล็กซ์เข้าเต็มๆตัว ปีกของเขาถูกบดขยี้ลงอย่างรวดเร็ว ทันใดทั้น สีเทาทั่วร่างก็เริ่มราวและแตกออกมา สิ่งที่มาซามุเนะเห็นก็คือ สภาพของอเล็กซ์ก่อนจะเกิดการระเบิดนั่นเอง แขนซ้ายและที่ท้องก็ยังแหว่งอยู่เหมือนเดิม มีเลือดพุ่งออกมาจากไหล่แขนซ้ายที่ขาดไป ปีกของเขาก็หายไปแล้ว อเล็กซ์ในตอนนี้ไม่อยู่ในสภาพที่สามารถจะต่อสู้ได้อีกแล้ว แต่หลังจากนั้นปีกของมาซามุเนะเองก็สลายหายไปในอากาศ เขาหล่นลงและไถลไปตามพื้น อเล็กซ์เองก็เช่นเดียวกัน แล้วทั้งคู่ก็สลบไป

                                                 .

                                                 .

                                                 .

                                                 .

                                                 .

          “ที่นี่... ที่ไหนเนี่ย”

          มาซามุเนะตื่นขึ้นมา เขาเห็นทิวทัศน์สีขาวที่คุ้นเคย โรงพยาบาลนั่นเอง โรงพยาบาลนี้เป็นที่เดียวกับที่เขากับอากิโอะมารักษาตัวเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

          “ตี่นแล้วหรอ มาซามุเนะคุง”

          มีเสียงพูดมาจากข้างๆเตียงที่เขานอนอยู่ เมื่อเขาหันหน้าไปตามเสียง ก็พบกับคาวาซากิ คุออนที่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง เธอสวมนักเรียนของโรงเรียนอยู่ ข้างหลังเธอมีลิซาเบธที่ใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินเข้มพร้อมกางเกงยีนส์สีเดียวกันกับนากิสะที่ใส่กิโมโนสีม่วงอ่อนเหมือนเคยนั่งอยู่ที่โซฟาของห้อง

          “เกิดอะไรขึ้นหรอ”

          มาซามุเนะเอ่ยปากถามไป ก่อนที่อลิซาเบธหรือนากิสะจะพูดอะไรขึ้นมา คุออนก็ทำหน้าโกรธอย่างเห็นได้ชัดแล้วค่อยพูดออกมา

          “มาซามุเนะ นายนั่นแหละที่ต้องเป็นคนบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนหน้านี้ก็โชกเลือดมาไปหาอาจารย์มายาซาว่า ต่อจากนั้นก็มีพวกประหลาดบุกมาที่บ้านอาจารย์แล้วบอกให้ส่งคัมภีร์อะไรสักอย่างไปให้ แล้วพอฉันตื่นขึ้นมา ก็กำลังถูกอลิซาเบธจังแบกอยู่ แล้วก็เห็นนายกำลังนอนอยู่กลางถนน มันยังไงกันแน่เนี่ย”

          มาซามุเนะใช้มือทั้งสองข้างปิดหูของตัวเอง หลังจากคุออนบ่นเสร็จ มาซามุเนะก็หันหน้าไปหานากิสะ เธอพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากนั้นมาซามุเนะก็เริ่มอธิบายเรื่องต่างๆออกมาอย่างละเอียด ทั้งเรื่องเกี่ยวกับนากิสะ เรื่องของอลิซาเบธ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของชมรม

          “งั้นเองหรอ แต่กลับไปต้องอธิบายให้ฉันเข้าใจอีกรอบด้วยนะ”

          คุออนพูดเหมือนอยากให้มาซามุเนะอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ แต่ตัวเขาเองนั้นคิดว่าตัวเองอธิบายละเอียดแล้ว จึงพยักหน้าอย่างขอไปที หลังจากนั้นอลิซาเบธก็เดินเข้ามาแตะไหล่ของคุออน

          “คุณคุออนค่ะ คือว่าฉันไม่ค่อยรู้น่ะค่ะ ว่าร้านสะดวกซื้ออยู่ตรงไหน รบกวนช่วยไปซื้อน้ำผลไม้มาให้หน่อยได้ไหมคะ?”

          คุออนหันมาพยักหน้าให้อลิซาเบธ แล้วเธอก็เดินไปที่ประตูห้อง

          “เอ่อ ถ้าเป็นเรื่องนั้น…”

          นากิสะเอ่ยขึ้นมา แต่ถูกอลิซาเบธยื่นมือห้ามไว้ เมื่อคุออนออกไปจากห้องแล้ว อลิซาเบธก็เดินเข้ามาที่เตียงของมาซามุเนะ

          “มีอะไรหรอ ฉันยังเป็นคนป่วยอยู่นะ อยากจะนอนพักซักหน่อย”

          “นายไม่ได้เจ็บอะไรมากไม่ใช่หรอ ก็แค่สลบเพราะใช้พลังจิตมากไปเท่านั้นเองนี่ ใช่ไหมล่ะ”

          อลิซาเบธพูดปฏิเสธคำปัดของมาซามุเนะออกมาอย่างเยือกเย็น เธอพูดถูกทุกอย่าง มาซามุเนะนั้นไม่ได้เจ็บอะไรมาก เขาแค่ปวดหลังเพราะโดนอเล็กซ์เตะเท่านั้นเอง แล้วที่สลบไปก็เพราะใช้พลังจิตมากไป บวกกับปลดปล่อยอารมณ์ออกมามากเกินไปเท่านั้นเอง

          “มาซามุเนะ นายรู้ไหมว่าตอนที่อเล็กซ์บุกมาน่ะ ทำไมพวกมันถึงจับตัวคุออนไปได้”

          อลิซาเบธเอ่ยคำถามออกมาตามที่มาซามุเนะคิดไว้

          “นั่นเป็นเพราะว่าคุออนเอาตัวเองเข้ามาปกป้องเธอที่ยังต่อสู้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? จากที่คุออนพูดมา ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นรึเปล่า”

          มาซามุเนะพูดคำตอบที่คิดว่าถูกของตัวเองออกมา

          “แต่ตอนนั้นพวกมันกลางอาณาเขตไว้ด้วยนะ นายก็รู้ไม่ใช่หรอว่ามีแต่ผู้ที่มีพลังจิตเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้”

          อลิซาเบธพูดเชิงปฏิเสธคำตอบของมาซามุเนะ เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็มีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัด มาซามุเนะไม่เชื่อในคำตอบที่ตัวเองคิดได้ เขาหันหน้าไปถามย้ำกับอลิซาเบธ

          “งั้นเธอจะบอกว่า คุออนเป็น…”

          “ใช่แล้ว ฉันคิดว่า คาวาซากิ คุออนน่ะ ก็เป็นผู้ใช้พลังจิตเหมือนกับพวกเรายังไงล่ะ”

                                                                                                                     [จบตอน]

ปัจฉิมลิขิต

          สวัสดีครับ นี่ก็เป็นการเขียนปัจฉิมลิขิตครั้งแรกของผม ที่เขียนขึ้นมาก็เพราะอยากจะขอโทษที่ทำให้รู้สึกว่าการต่อสู้มันยืดเยื้อไปสักหน่อย ก็ตอนเขียนๆไปแล้วมันรู้สึกอยากจะเพิ่มเติมไปเรื่อยๆเลย แต่ก็กลายเป็นการที่ทำให้เนื้อเรื่องมันดูแปลกๆไปซะได้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา