Psychic พลังกายสิทธิ์ ลิขิตมรณะ

-

เขียนโดย MoMoGa

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.06 น.

  26 บท
  4 วิจารณ์
  20.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 11.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) ตอนที่ 14.2 จุดเริ่มต้นของภัยพิบัติ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

            “อ้า~~~~ อยู่นี่เอง คงต้องคุยกันสักหน่อยแล้วล่ะนะ น้องพี่”

            ในตอนที่มาซามุเนะกำลังเดินๆปยังประตูซึ่งเป็นทางเข้าออกของห้องสมุดนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางทางเขาไว้ด้วยการยืนพิงประตู

            ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่เมื่อมองดูก็พูดได้แค่คำเดียวเลยว่า “เด็ก” ถ้ากะจากมามุเนะซึ่งสูง 170 เซนติเมตรต้นๆแล้วล่ะก็ เธอคนนี้ก็น่าจะมีความสูงเพียง 140 เซนติเมตรกว่าๆเท่านั้น แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่นั้นดูจะมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากเลยทีเดียว เอี๊ยมครึ่งตัวสีกรมท่ากับกางเกงขาสั้นที่สั้นจนเกือบจะคิดไปว่าเป็นกางเกงในแล้ว แต่สิ่งที่ช่วยทำให้คิดว่าเธอเป็นเด็กนั้นก็คือผมทรงทวินเทลสีแดงอมชมพูและหน้าอกที่ราบเรียบดั่งไม้กระดาน แต่ดูท่ามาซามุเนะจะไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว

            “เอ่อ…ขอโทษนะครับ คือผมของทา-”

            “หึหื่อ~ ไม่ให้น้องพี่ผ่านตรงนี้ไปได้หรอก อะ! เดี๋ยวก่อนสิ”

            ระหว่างที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดอยู่ มาซามุเนะก็เดินออกจากห้องสมุดไปด้วยความไวแสงโดยที่ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วและไหลลื่นของเขาก็ถูกหยุดลงด้วยการกระทำอะไรบางอย่างของผู้หญิงคนนั้น

            “ฮื่อ------- อย่างพึ่งไปน้า เขารอตัวเองอยู่ตั้งหลายปีแล้ว ได้เจอกันแล้วแท้ๆ ฮือ-------------”

            “ทะ…ทำอะไรน่ะครับ ปล่อยผมนะ”

            สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำก็คือการกระโดดเกาะหลังมาซามุเนะนั่นเอง ไม่ว่าเขาจะสะบัดยังไง เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือเลยแม้แต่นิดเดียว แถมจะยังเกาะแน่นยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ ภายในความสับสน มาซามุเนทำได้แค่สะบัดหลังไปมาเท่านั้น

            “ถ้าเขาปล่อยเขาก็จะไม่ได้เจอตัวเองอีกน่ะซี่ ฮื่อ-------------”

            “แล้วคุณเป็นใครกันแน่ล่ะครับ!”

            “เอ๋? เป็นใครงั้นเหรอ”

            จู่ๆเธอก็เงียบไป มาซามุเนะที่เห็นอย่างนั้นก็หยุดสะบัดหลัง เพราะมือของเธอที่เกาะอยู่นั้นคลายลงเล็กน้อย มาซามุเนะค่อยๆหันหน้ากลับไปมองเธอคนนั้นอย่างช้าๆ และสายตาของเขาและเธอก็สบตากันพอดี จังหวะนั้นเอง เธอคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า

            “นั่นสิ ลืมแนะนำตัวไปซะสนิทเลย”

            เธอพูดพร้อมกับยิ้มเอียงคอนิดหน่อยแล้วหลับตาข้างหนึ่ง น่าร้ากกกก~~~~

            หลังจากนั้น มาซามุเนะก็ถูกลากตัวเข้าไปในห้องที่อยู่ชั้น 3 ของปราสาทราวกับตกอยู่ในภวังค์ ในห้องนั้นมีเตียงที่ดูนุ่มนิ่มอยู่ ด้านข้างเตียงมีโต๊ะเครื่องสำอางสำหรับแต่งหน้า ส่วนอีกด้านมีคอมพิวเตอร์ที่มีซีพียูถูกพ่วงด้วยหลายตัว ตรงข้ามกับคอมพิวเตอร์ก็มีตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่ ดูรวมๆแล้วน่าจะเป็นห้องนอนของเธอนั่นแหละ ไม่มีแสงแดดส่องเข้ามาในห้องสักนิดเดียวเพราะหน้าต่างถูกม่านปิดอยู่ ระหว่างนั้นมาซามุเนะก็รู้สึกตัวอีกครั้ง เขาตั้งสติแล้วมองดูผู้หญิงคนนั้นซึ่งยืนอยู่หน้าตัวเอง แต่ก็เบือนหน้าหนีทันทีเช่นกัน

            “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”

            เธอพูดขึ้นมาเพราะเห็นว่ามาซามุเนะกำลังจะเดินออกไปจากห้อง ส่วนมาซามุเนะที่ได้ยินอย่างนั้นจึงหันหน้ากลับมา แต่เขาก็พบว่าเธอกำลังยืนกอดอกแอนหลังเหมือนกับพยายามจะโชว์ไม้กระดานของตัวเองให้เด่นขึ้นมาอยู่ มาซามุเนะที่คิดว่าคงต้องอยู่ต่ออีกยาว จึงตัดสินใจเข้าเรื่องโดยเร็ว

            “เอ่อ…คุณเป็นใครเหรอครับ”

            “พี่มีชื่อว่าเกรซเทียร์ ฟลอล่า เป็นพี่สาวของน้องยังไงล่ะ”

            “พี่…สาว?”

            มาซามุเนะที่ยังสงสัยในคำพูดของผู้หญิงที่อ้างตัวว่าตัวเองชื่อเกรซเทียร์อยู่ คำพูดที่บอกว่าตัวเองเป็นพี่สาวของมาซามุเนะนั้นทำให้เรื่องที่เขาสัญญาไว้กับนากิสะหายไปจากหัวโดยสิ้นเชิง เขาไม่เคยรู้เรื่องในอดีตของแม่ของตัวเองเลย ก็เลยไม่รู้ว่าแม่ของเขานั้นมีพี่สาวหรือน้องสาวหรือเปล่า

            และระหว่างที่เขากำลังนึกแผนผังครอบครัวของเขาเองอยู่นั้น มาซามุเนะก็สะกิดใจเกี่ยวกับเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมา แต่ความคิดนั้นของเขาก็ถูกคำพูดต่อมาของเกรซเทียร์ลบหายไปในพริบตา

            “อ๋อ พี่สาวที่พี่พูดถึงน่ะ หมายความว่าแม่ของน้องเป็นน้องของแม่ของพี่ยังไงล่ะ ดังนั้นน้องก็เป็นต้องเป็นน้องของพี่ ถูกไหมล่ะ”

            คำพูดชวนสับสนของเกรซเทียร์ทำให้มาซามุเนะต้องมาทวนใหม่อีกรอบ กว่าจะเข้าใจสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อได้ว่า แคโรไลน์ แม่ของมาซามุเนะเป็นน้องสาวของแม่ของเกรซเทียร์ มาซามุเนะจึงกลายเป็นน้องของเธอไปโดยปริยาย

            “เอ…แบบนั้น มันไม่ใช่แล้วมั้งครับ!”

           มาซามุเนะที่คิดได้ดังนั้นจึงพูดออกไปอย่างอัตโนมัติ เพราะในหัวของเขาเห็นว่าเกรซเทียร์นั้นอายุน้อยกว่าตัวเองแบบเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าการที่ถูกคนที่มีอายุน้อยกว่ามาเรียกว่าน้องมันดูไม่สมเหตุสมผลเลยซักนิด

            ส่วนเกรซเทียร์ที่กำลังจ้องหน้ามาซามุเนะอยู่ ก็รับรู้ได้ในทันทีเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ เธอจึงฉุดความคิดนั้นของเขาทิ้งไปด้วยคำพูดต่อจากนี้

                    “คนที่เห็นครั้งแรกก็คิดอย่างนั้นหมดแหละ แต่จริงๆแล้วพี่อายุ 19 แล้วนะน้อง”

                    “สะ…สิบเก้า”

                    มาซามุเนะที่อึ้งกับตัวเลขอายุของเกรซเทียร์ ได้แต่พึมพำตัวเลขนั้นต่อไปเรื่อยๆ และเมื่อเทียบกับร่างกายของเธอที่อยู่ในลุคของโลลิกับตัวเลขอายุแล้ว ถึงจะมีคนที่ตะลึงมากกว่านี้ก็จะไม่แปลกใจเลย

            “ดะ…เดี๋ยวก่อนสิครับ”

            มาซามุเนะที่เริ่มได้สติกลับคืนมา จึงตระหนักได้ว่าเกรซเทียร์ยังไม่ได้บอกจุดประสงค์ของตนที่เรียกตัวมาซามุเนะมาเลย แล้วตอนนี้มาซามุเนะก็ต้องรีบไปหานากิสะที่โรงพยาบาลด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องรีบจัดการธุระที่นี่ตอนนี้ให้เสร็จ

            “แล้ว~~~ เดี๋ยวก่อนอะไรเหรอ~ น้องพี่~”

            “ทะ…ทำอะไรน่ะครับ!”

            จู่ๆเกรซเทียร์ก็เดินเข้ามาหามาซามุเนะในระหว่างที่เขากำลังเหม่อลอยอยู่ เธอเข้ามาคลอเคลียกับตัวเขาโดยการใช้ร่างกายเล็กๆเข้ามาเบียดแนบชิดกับร่างของเขาแล้วช้อนตาขึ้นมามองเขาอีกที ทันทีที่ทั้งคู่สบตากัน มาซามุเนะก็รู้สึกได้ว่าแววตาของเธอช่างมีเสน่ห์ที่เกินบรรยาย

            “มะ…ไม่ใช่แล้ว”

            “ยะ…หยุดเดี๋ยนี้เลยนะครับ จะทำอะไรของคุณน่ะ แล้วอีกอย่าง…คุณมีธุระอะไรกับผมกันแน่ครับ”

            มาซามุเนะที่ได้สติกลับมาจึงรีบเอ่ยเข้าประเด็นหลักเพื่อที่เขาจะได้รีบกลับรีบไปหานากิสะสักที เกรซเทียร์ที่ได้ยินดังนั้นก็ทำแก้มป่อง หันหน้าออกจากตัวมาซามุเนะแล้วพูดออกมาว่า

            “โธ่ ทั้งที่พี่จริงจังกับน้องแท้ๆ แต่เหมือนกับว่าน้องพี่ไม่อยากจะอยู่กับพี่อย่างนั้นแหละ พี่เสียใจนะ รู้-มั้ย”

            “ดะ…แดมเมจ…รุนแรง”

            สิ่งที่เกรซเทียร์ทำให้มาซามุเนะเห็นก็คือการทำหน้าแก้มป่องแล้วหันมาพูดกับมาซามุเนะด้วยสีหน้าน่ารักๆที่ไม่ว่าผู้ชายคนไหนได้เห็นก็เป็นต้องยอมยกใจให้ แม้แต่มาซามุเนะเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

            “ไม่ใช่ๆ แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว”

            “กะ…ก่อนที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ได้โปรดอธิบายเรื่องทั้งหมดมาก่อนเถอะครับ”

            “อะ นี่เราสงสัยเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย”

            อยู่ๆมาซามุเนะก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองนั้นมีความสงสัยใหม่ขึ้นมา แล้วปากของตัวเองก็ถามหาคำตอบนั้นไปแล้วด้วย ทันทีที่เกรซเทียร์ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเธอก็เรียบเฉยอีกครั้ง เป็นใบหน้าที่มาซามุเนะเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง และสิ่งที่มาซามุเนะคิดกับคำพูดที่กำลังจะออกมาจากปากของเกรซเทียร์ก็ตรงกันเป๊ะพอดีด้วย

            “นั่นสิ ลืมอธิบายเลยเนอะ ฮ่าๆๆ…

             “หัวเราะกลบเกลื่อนนั่นมันอะไรกันครับ”

            มาซามุเนะพูดออกมาพร้อมกับสีหน้าเอื่อมระอา เกรซเทียร์ยิ้มอย่างเขินๆและเดินไปนั่งลงบนเตียงที่อยู่ข้างๆตัวเอง เธอกวักมือเรียกมาซามุเนะให้เดินไปหา มาซามุเนะจึงได้แต่เดินไปยืนอยู่ตรงหน้าของเธอเท่านั้น เกรซเทียร์ยังคงก้มหน้าอยู่สักพัก ก่อนที่เธอจะเริ่มบทสนทนาถัดไป

            “เอาล่ะ มาแนะนำตัวกันใหม่ก่อนล่ะกัน พี่ เกรซเทียร์ ลูน่า ฟลอล่า บุตรแห่งผู้สืบเชื้อสายสูงสุดของตระกูลฟลอล่า ไดอาน่า ฟลอล่า และผู้แสวงบุญแห่งดินแดนทางทิศตะวันออก ทาเครุ ไดอาน่าหรือก็คือแม่ของพี่เป็นพี่สาวของแคโรไลน์แม่ของน้อง”

            “เอ่อ…เรื่องนั้นเข้าใจแล้วครับ แล้วทำไมคุณถึงรู้จักผมได้ล่ะ”

            ทั้งที่เรายังไม่รู้จักเธอเลยแท้ๆ จำไม่ได้ด้วยว่าเคยเจอกัน ความคิดแบบนั้นแล่นอยู่ในหัวของมาซามุเนะซ้ำไปซ้ำมา เพราะว่าอยู่ๆเกรซเทียร์ก็เข้ามาทักตัวเอง จากนั้นฃก็พูดเหมือนกับว่าเคยเจอกันมาก่อนแล้วแต่ก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมาซามุเนะพึ่งจะเคยเจอและรู้จักเธอเมื่อกี้นี้นี่เอง

            “เรื่องนั้นถือเป็นความลับสำหรับน้องล่ะนะ ถ้าถึงเวลาแล้วพี่จะบอกน้องเองก็แล้วกัน”

            “งั้นก็คุยกันไม่รู้เรื่องน่ะสิครับ”

            “เอาน่าๆ น้องก็คิดซะว่าพี่เป็นพี่สาวก็ได้นิ”

            มาซามุเนะสายหน้าให้กับคำตอบของเกรซเทียร์เบาๆ งั้นถามธุระแล้วรีบๆออกไปจากตรงนี้ก็แล้วกัน มาซามุเนะคิดแบบนั้นพร้อมกับเอ่ยปากถามถึงประเด็นหลักของเกรซเทียร์

            “แล้วคุณมีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอครับ”

            “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พี่แค่อยากอยู่กับน้องแค่นั้นแหละ”

            “ห๋า!?” 

            ถึงเกรซเทียร์จะพูดประโยคหลังด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนคิดว่ากระซิบ แต่มาซามุเนะที่หูดีก็ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู เขาจึงรู้สึกหนักใจกับความตรงไปตรงมาทั้งทางสีหน้าและคำพูดของเธอในเวลาแบบนี้อย่างนิดหน่อย แต่อีีกใจหนึ่งเขาก็คิดว่ามันน่ารักดี แต่มาซามุเนะก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้เขามีสิ่งที่ต้องทำอยู่

            “เออ…ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณแล้วล่ะครับ แต่ว่าตอนนี้ผมมีธุระพอดี ดังนั้นแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

            มาซามุเนะที่พูดเสร็จก็หลังให้เกรซเทียร์แล้วเดินไปทางประตูทันที

            “เอ๋ แต่พี่รู้สึกว่าอยากจะเล่าจังเลยน่ะสิ”

            “….”

            “ทั้งเรื่องของคุณแคโรไลน์ แล้วก็เรื่องของ…พระเจ้าผู้สร้างด้วย”

            คำพูดสุดท้ายของเกรซเทียร์ทำให้มาซามุเนะชะงักทันที เขารู้ดีว่าตอนนี้เขาควรจะรีบไปหานากิสะก่อนจะทำอะไรอย่างอื่น แต่สิ่งทื่เกรซเทียร์พูดออกมามันทำให้เขาไม่สามารถก้าวขาต่อไปได้ ราวกับว่าภายในคำพูดของเธอมีมนต์สะกดอยู่

            มาซามุเนะตัดสินใจหันหน้ากลับมาหาเกรซเทียร์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเขาหันหน้ากลับมาก็เห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใสของเกรซเทียร์ เธอเข้ามาโผล่กอดมาซามุเนะด้วยท่าทางดีใจสุดขีดของเธอ

            “พี่คิดอยู่แล้วว่าน้องต้องอยากอยู่กับพี่~~~”

            ###  

           “นากิสะจัง ขอเข้าไปนะ”

           “อ๊ะ คุออนจัง เชิญเลย”

          ทันทีที่คุออนได้รับคำอนุญาตแล้ว เธอก็เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยของนากิสะออกด้วย และสิ่งที่เธอได้เห็นเป็นอย่างแรกหลังจากทีี่เข้าไปก็คือสิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน นั่นคือมีเด็กผู้หญิงอีกคนอยู่ในห้องนอกจากนาะกิสะด้วยนั่นเอง

            “สวัสดีจ้ะ นากิสะจัง แล้วอีกคน-”

            “คุออนจัง สวัสดีจ้ะ เธอคนนี้คือเนียร์เวอเด้จัง เธอเป็นคนที่ฉันช่วยไว้เมื่อวานนี้ยังไงล่ะ”

            นากิสะพูดพร้อมกับผ่ายมือไปทางเนียร์เวอเด้ที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงตัวเอง ส่วนเนียร์เวอเด้ที่ถูกแนะนำตัวอย่างกระทันหันก็มีสีหน้าที่แดงจัดจนคิดว่าเป็นสีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา เธอส่ายหน้าไปมาสลับกับมองหน้านากิสะอยู่นาน แต่ท้ายที่สุดก็เอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้าตัวเองไว้แล้วฟุบหน้าลงบนเตียงของนากิสะ

            “เอ่อ...คุณเนียร์เวอเด้”

            พอคุออนเอ่ยแบบนั้นออกมา เนียน์เวอเด้ก็สะดุ้งจนตัวแทบจะลอยขึ้นมา

            “คุณเนียร์เวอเด้ สวัสดีค่ะ”

            คุออนพูดพร้อมกับโค้งตัวคำนับ เนียร์เวอเด้สะดุ้งหนักกว่าเดิม แต่คราวนี้เธอค่อยๆหันหน้ามาหาคุออนทีละนิด ปล้วสุดท้ายจึงยืนขึ้นมาจนหลังตรง

            “สะ...สวัสดีค่ะ!”

            เธอพูดพร้อมโค้งคำนับคุออนเช่นกัน แต่อยู่ๆหลังจากที่เนียร์เวอเด้กลับมายืนตัวตรงแล้ว เธอก็ค่อยๆเซไปเซมาภายในห้อง ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่นากิสะที่อยู่บนเตียงกลับเห็นว่าดวงตาของเนียร์เวอเด้นั้นเป็นเหมือนกับลูกศรที่วนเข้าไปในดวงตาของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว เนียร์เวอเด้ก็ลงไปกองกับพื้นห้องอย่างไร้สติ

            “อะ คุณเนียร์เวอเด้!”

            “เนียร์จัง!”

            หลังจากนั้น นากิสะและคุออนก็เรียกหมอให้มาดูอาการของเนียร์เวอเด้ แต่อาการทั้งหมดก็เป็นลมเท่านั้นเอง และจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้นากิสะได้รู้ว่า เนียร์เวอเด้นั้นเป็นเด็กผู้หญิงที่ทั้งขี้อายและชี้ประหม่ากว่าที่เธอคิดไว้หลายเท่าตัวมาก

            “ฉันไม่คิดเลยนะคะว่าเนียร์จังจะเป็นถึงขนาดนี้”

            “ขอโทษด้วยค่ะ”

            “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณเนียร์เวอเด้ เมื่อก่อนฉันก็เป็นแบบนี้ ไว้พวกเรามาฝึกเพิ่มความมั่นใจด้วยกันนะคะ”

            “ขอโทษจริงๆค่ะ”

            เนียร์เวอเด้ นากิสะและคุออน ทั้งสามคนออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะของโรงพยาบาลหลังจากที่เนียร์เวอเด้ได้สติ ในระหว่างนั้น ถึงแม้คุออนกับนากิสะจะพยายามให้กำลังใจเนียร์เวอเด้มากแค่ไหน แต่ตัวเธอก็ยังคงอยู่ในอาการเขินอายสุดขีดหลังจากที่จู่ๆตัวเองก็ล้มพับลงไปต่อหน้าทั้งสองคน

            โคร่ม!

            ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังนั่งบนม้านั่งของสวนสาธารณะอยู่ จู่ๆก็เกิดสียงระเบิดจากด้านนอกของโรงพยาบาล และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือเสียงกรี๊ดร้องขอความช่วยเหลือ ทั้งหมดลุกขึ้นมาอย่งพร้อมเพรียงกันเพื่อดูว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นั้น มันคืออะไรกันแน่ แต่เมื่อทั้งสามแหง่นหน้ามองท้องฟ้าที่จู่ๆก็มืดไป ก็ได้เจอกับสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

            “<ดราโกนิค สตรีม : เรจจิ้ง รอร์ (Dragonic Stream : Raging Roar)!>”

            สิ่งที่ทั้งสามคนเห็น ก็คือภาพของมังกรตัวสีฟ้าขนาดยักษ์กำลังโจมตีด้วยลำแสงสีแดงออกมาจากปากของมัน โดยที่บนหลังของมันมีอิบูกิยืนอยู่ ทุกคนมองตามลำแสงสีแดงที่ถูกยิงออกไปอย่างอัตโนมัติ และสิ่งที่พวกเธอเห็นก็คือ…

            “!!?”

            หลังจากที่ทัศนวิสัยของนากิสะพบกับเป้าหมายของการโจมตี เข่าของเธอก็อ่อนลงและทรุดลงไปกับพื้นทั้งอย่างนั้น เพราะสิ่งที่เธอเห็นก็คือหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตาแบบเดียวกับที่ทำให้เธอต้องมานอนอยู่ที่โรงพยาบาลนั่นเอง

            แต่คราวนี้มันต่างออกไป เพราะว่าลำแสงสีแดงขนาดใหญ่ของมังกรถูกบล็อกไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยแขนทั้งสองข้างของหุ่นยนต์ตัวนั้น และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ

            “คุณอิบูกิ ข้างบน”

            คุออนตะโกนที่เสียงที่ดังที่สุดของเธอ อิบูกิที่น่าจะได้ยินก็แหง่นหน้ามองตามที่เธอบอก แต่มันก็สายไปเสียแล้ว อิบูกิถูกโจมตีด้วยการต่อยอย่างหนักหน่วงของหุ่นยนต์อีกตัวหนึ่งที่เข้ามาจู่โจมจากด้านบน การโจมตีนั้นทำให้ร่างของเขาร่วงลงมาจากหลังของมังกรอย่างง่ายดาย และนอกจากนี้ มังกรที่เสียเจ้านายก็ถูกโจมตีด้วยมิสไซล์ชุดจากหุ่นยนต์ตัวอื่นที่กำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ

            “คุณอิบูกิ!”

            “มะ...ไม่จริงน่า”

           คุออนวิ่งออกไปหาอิบูกิที่กำลังตกลงสู่พื้นโลก แต่นากิสะก็ยืนมืออกไปห้ามเธอไว้ก่อน เพราะในเวลาต่อมามังกรตัวนั้นก็มารับตัวของเขาไว้ก่อนที่ตัวเข้าจะถึงพื้น แล้วมันจึงฃสลายไปในอากาศ ถึงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีแค่ไหนก็ตาม แต่ภัยพิบัติที่แท้จริงมันพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

            “...!?”

           ทั้งสามคนที่อยู่ในอาการตื่นตกใจต่างพูดอะไรไม่ออกกับจำนวนของหุ่นยนต์ที่อยู่ต่อหน้าของพวกเธอ ถ้าลองนับดูก็คิดว่าน่าจะเกิน 30 ไม่สิ เกิน 50 ตัวเลยก็ว่าได้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา