Psychic พลังกายสิทธิ์ ลิขิตมรณะ
-
เขียนโดย MoMoGa
วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.06 น.
26 บท
4 วิจารณ์
20.56K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 11.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) ตอนที่ 11-2 เดินตามเกม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันเดียวกัน เวลา 21.00 นาฬิกา
หลังจากนั้นมาซามุเนะและคุออนก็พบกับคุณสุเมรางิ และทั้งวามคนก็เข้าไปในงานปาร์ตี้ตามปกติ คุออนนั้นรู้สึกได้เลยว่าตลอดทั้งงาน มาซามุเนะนั้นทำตัวไม่รู้จักการเข้าสังคมเพื่อกลบเกลื่อนว่าตัวเขานั้นกำลังระแวงนารุทากิและเพื่อนผู้ชายอีก 2 คนของเขา
แต่สิ่งที่มาซามุเนะได้กลับมา ก็คืออาการไม่รู้จักการเข้าสังคมจากทั้ง 3 คน แบบเดียวกับที่เขาแสดงออกมานั่นเอง ซึ่งอาการนั้น แม้แต่คุออนก็ยังรู้เลยว่ามันไม่ใช่การกลบเกลื่อนอย่างของมาซามุเนะ แต่มันคืออาการปกติของพวกเขาเอง นั่นทำให้ทั้งมาซามุเนะและคุออนต่างรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร มาซามุเนะก็ยังมีเรื่องที่คาใจเกี่ยวกับปาร์ตี้ในวันนี้อยู่
“มีอะไรเหรอ มาซามุเนะคุง”
หลังจากที่ปาร์ตี้จบลง มาซามุเนะก็ตัดสินใจที่จะไปส่งคุออนกลับบ้าน และระหว่างทาง คุออนก็สังเกตได้ว่าท่าทางของมาซามุเนะนั้นแปลกไปอยู่นิดหน่อย เธอจึงถามออกไปเพราะอยากจะรู้สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในตอนนี้
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ติดใจเกี่ยวกับงานเลี้ยงเมื่อตะกี้นี้เท่านั้นเอง”
มาซามุเนะยิ้มมาทางคุออนระหว่างที่ตอบ แต่ท่าทางกังวลของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“อย่าบอกนะว่ายังติดใจเกี่ยวกับ 3 คนนั้นอยู่น่ะ มาซามุเนะคุงก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรแอบแฝงไว้เลยน่ะ ฉันคิดว่ามาซามุเนะเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุดแล้วแท้ๆ
คุออนพูดออกมาพร้อมกับทำน้ำตาซึม มาซามุเนะที่เห็นดังนั้นจึงรีบตอบออกไป
“มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เรื่องนั้นฉันเองก็เข้าใจดีเหมือนกัน แต่สิ่งมี่ฉันคาใจก็คือ...”
มาซามุเนะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเพื่อบอกกับคุออน แต่เขาก็ต้องชะงักก่อนที่ตัวเขาเองจะพูดจบซะอีก
“งั้นมาซามุเนะคุงคาใจเรื่องอะไรกันแน่ล่ะ”
คุออนที่ได้ยินมาซามุเนะพูดแบบนั้น ก็เปลี่ยนจากโหมดขี้แยมาเป็นโหมดเค้นคำตอบแทน มาซามุเนะที่ได้ยินอย่างนั้น จึงจำใจต้องพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้อ~~~ สิ่งที่ฉันคาใจก็คือ...เรื่องที่วานเลี้ยงนี้มันไม่ได้ให้ความรู้สึกอยากร่วมงานของทั้ง 3 คนเลยน่ะสิ เหมือนไม่อยากมามากกว่า อะ ตะ...แต่ว่านะ ดูเหมือนว่าพอนารุทากิเจอกับคุณสุเมรางิแล้ว ก็ดูเหมือนจะร่าเริงขึ้นมาด้วยสิ ไม่แน่นะ นารุทากิอาจจะอยากอยู่กับคุณสุเมรางิ แต่ก็ไม่กล้ามากก็เลยชวนคนอื่นมาด้วยก็ได้นะ ฮ่าๆๆ”
ครึ่งแรกของคำพูดของมาซามุเนะเห็นนั้น ทำให้คุออนเกิดอาการวิตกกังวลแปลกๆขึ้นมา และอีกครึ่งหลังก็คือคำพูดกลบเกลื่อนที่ตั้งใจคิดขึ้นมาเพื่อที่จะให้คุออนสบายใจนั่นเอง
“งั้นเองหรอกเหรอเนี่ย ฉันไม่ทันได้สังเกตเลยจริงๆสิ มาซามุเนะคุงเนี่ย เก่งจริงๆเลยนะ”
“อะ...อา—- ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”
มาซามุเนะพูดกลบเกลื่อนไปปบบส่งๆ โดยที่เขาก็ยังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับข้อสงสัยข้อนั้นเลยแม้แต่น้อย
แต่ในวินาทีนั้นเอง ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็แทรกเข้ามาอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลาที่มีคนกางอาณาเขตโลกเสมือนนั่นเอง
“อะไรกัน ใครมาดางอาณาเขตโลกเสมือนในเวลาแบบนี้กันนะ ไม่สิ นี่ไม่ใช่การกางอาณาเขต แต่นี่อาณาเขตมันพึ่งจะหายไปเองนี่ ใกล้นี้เอง”
มาซามุเนะรับรู้ได้ว่าอาณาเขตโลกเสมือนที่พึ่งหายไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่ๆตนอยู่นัก เขาจึงตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างที่ผู้ชายทุกๆคนไม่ควรทำ
“เออ ขอโทษนะคุออน คือว่าฉันพึ่งจะนึกได้ว่าต้องไปซื้อของให้นากิสะสักหน่อยน่ะ โทษทีนะ เธอกลับเองได้ไหม?”
มาซามุเนะพนมมือทั้งสองข้างแล้วก้มหัวขอร้องคุออน เธอที่กำลังงงกับท่าทางของเขาก็คิดอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากการตอบตกลงไป
“อะ...อืม ก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ว่าให้ฉันไปด้วยก็ได้...นะ”
มาซามุเนะที่ได้ยินคำยืนยันของคุออนแล้ว ก็รีบวิ่งไปทางที่เขาคิดว่าเป็นจุดที่อาณาเขตหุบลง โดยที่เขาไม่ได้รอฟังคำพูดของคุออนจนจบ และปล่อยให้เธอต้องยืนสงสัยอยู่ท่ามกลางวงล้อมของความเงียบงัน
มาซามุเนะไปตรวจสอบยังจุดที่เขาคิดว่าเป็นที่ที่อาณาเขตถูกหุบลงแล้ว 3 ที่ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของพลังจิตหรืออะไรทำนองนั้น หลงเหลืออยู่เลย และในตอนนี้ เขาก็กำลังวิ่งไปยังจุดสุดท้ายซึ่งเขาคิดว่ามันมีความเป็นไปได้น้อยที่สุดแล้ว
จากที่เขาดูแล้ว จุดที่ 4 หรือก็คือจุดสุดท้ายนั้น เป็นแค่ตรอกซอยที่ถูกทิ้งร้างไว้ ทำให้มีน้ำจังอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งปกติมันก็ไม่น่าจะมีคนผ่านเข้ามาอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลเดียวกัน มันก็กลายเป็นสถานที่ลับตาคนที่พวกโจรมักจะพาเหยื่อมารีดไถเงินเช่นกัน
“อะ...อะไรกันเนี่ย”
มาซามุเนะถึงกับเข่าทรุด เมื่อมาถึงยังจุดสุดท้าย และภาพที่เขาได้เห็น ก็คือร่างของอากิโอะที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นที่มีน้ำขีงอยู่ และมีอลิซเบธที่กำลังใช้ [เพลิงแห่งการเยียวยา] พลังจิตใน [โหมดจอมเวทย์] กับอากิโอะอยู่
“กะ...เกิดอะไรขึ้นกัน”
มาซามุเนะเดินเขาไปหาอลิซเบธที่นั่งก้มหน้าตั้งใจใช้ความสามารถอยู่
“มะ มะซามุเนะ อะ อะกิโอะคุงเขา ฮือ———”
อลิซเบธหันหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ผสมปนเปกับน้ำที่หยดลงมาจากท่อที่อยู่ข้างบนหัว
......เกิดอะไรขึ้นที่นี่ สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ทั้งสองคนเจออะไรมา คำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่พุดขึ้นมาในหัวของมาซามุเนะ แต่เขาก็ต้องลืมมันไปก่อน เพราะอากิโอะที่นอนอยู่ข้างหน้าของเขา กับอลิซาเบธที่กำลังใช้พลังจิตอยู่ ทำให้เขารู้ว่าควรพาทั้งคู่ไปโรงพยาบาลก่อนนั่นเอง
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม เวลา 06.30 นาฬิกา
หลังจากที่มาซามุเนะแบกร่างของอากิโอะมายังโรงพยาบาลเสร็จ เขาก็นั่งรอกับอลิซาเบลจนถึงเช้า และสิ่งที่เขาต้องการจะทำมากที่สุดก็คือการถามสิ่งที่เกิดขึ้นกับอากิโอะและอลิซาเบธเมื่อคืนนี้ แต่เขาก็เลิกคิดเรื่องนั้นทันทีที่เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ถึงแม้วา่ตอนนี้มันจะเหลือดแห้งไปหมดแล้วของอลิซาเบธ แต่จนถึงช่วงเช้าตรู่ เธอร้องไห้ไม่หยุดจนหลับไปแล้ว มาซามุเนะจึงคิดว่าทางที่ดีควรไปสืบเรื่องนี้เอาเองจะเป็นการดีกว่า แต่ว่า…
“อากิโอะคุงเขา… เขาปกป้องฉันไว้”
ในจังหวะที่มาซามุเนะกำลังลุกขึ้นเพื่อที่จะไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขั้นระหว่างที่เขากำลังจะเดินออกไป
เมื่อเขาหันไปทางต้นเสียง ก็เห็นอลิซาเบธที่กำลังนั่อยู่ที่เก้าอี้รอของโรงพยาบาล กำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายแสงที่เกิดจากน้ำตาสะท้อนกับแสงของพระอาทิตย์ยามเช้า
“เมื่อคืนนี้ ระหว่างที่ฉันกับอากิโอะคุงกำลังเดินกลับจากการดูหนังอยู่ จู่ๆก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเรา ดูเหมือนจะเป็นคนรู้จักของอากิโอะ หมอนั่นบอกว่าให้ตามไปหน่อย และระหว่างที่กำลังเดินอยู่ เขาก็หันมาโจมตีใส่พวกเราด้วยพลังจิตอะไรบางอย่าง อากิโอะคุงเข้ามาช่วยฉันไว้ แต่เขาก็ถูกเล่นงานไปแล้ว ในตอนที่ฉันกำลังจะโจมตีสวนกลับไป จู่ๆเจ้าหมอนั่นก็พูดอะไรแปลกๆออกมา”
อลิซาเบธเงียบไปสักครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นใบหน้าของคนที่พยาบาทต่อคำพูดนั้นอย่างชัดเจน
“พะ…พูดว่าอะไรเหรอ”
มาซามุเนะที่อดใจรอไม่ไหว เดินเข้ามาหาอลิซาเบธที่กำลังทำหน้าครียดอยู่ เธอหันหน้ากลับมาหาเขา พร้อมกับพูดด้วยคำพูดที่ฟังดูแปลกประ้หลาด
“อากิโอะคุงน่ะ ตอนนี้โดนผมใช้พลังจิตเล่นงานไปแล้วล่ะครับ แต่ยังไม่ตายหรอกนะ แต่ถ้าอยากให้มันตายจริงๆล่ะก็ โจมตีมาเลยสิครับ”
มาซามุเนะรู้สึกว่านั่นไม่ใช้เสียงของอลิซาเบธ แต่เป็นน้ำเสียงที่เขารู้จัก เขาคุ้นกับเสียงนี้มาก แต่หลังจากที่อลิซาเบธพูดจบไป เธอก็สลบไปอีกคนหนึ่ง
“อะ…อลิซาเบธ เป็นอะไรไปน่ะ อลิซาเบธ”
มาซามุเนะตะโกนเรียกอลิซาเบธพร้อมๆกับเขย่าตัวเธออยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลยสักนิดเดียว
หลังจากนั้นมาซามุเนะก็ไปตามหมอและพยาบาลมาให้พาตัวอลิซาเบธไปตรวจดูด้วย และหลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมง หมอที่ทำการรักษาอิลซาเบธและอากิโอะก็บอกว่าทั้งคู่มีอาการเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว้าเป็นอะไรกันแน่ แต่ก็เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับอาการแบบนี้มาแล้วบ้าง เป็นอาการที่่เหมือนกลายเป็นเจ้าชายหรือเเจ้าหญิงนิทรา ถ้าให้สรุปตามที่มาซามุเนะค้องการ ก็คือ เป็นอาการที่ยังไม่ตายแต่ก็ไม่ได้สติ เมหือนกับเป็นศพที่สามารถปลุกขึ้นมาได้ถ้าหาวิธรการเจอ
มาซามุเนะเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับคิดหาเบาะแสไปพลาง แต่ในระหว่างนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อเขาหยิบมันออกมาดู ก็พบกับข้อความจากคนที่มีชื่อว่า โทโมยูกิ ซาเอโกะ ซึ่งเผ็นหนึ่งในนักเรียนชายที่อยู่ในห้องของอากิโอะ เขามีรูปร่างและหน้าตาเหมือนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายซะอีก ทั้งร่างกายที่เพรียวบางและหน้าตาที่เหมือนผู้หญิง ส่วนข้อความมีเนืื้อหาคือ
{โอคาซากิ อากิโอะและอลิซาเบธ อาเธน่า ทั้งสองคนถูกผมจัดการไปแล้วครับ ถ้าไม่อยากให้ทั้งคู่ตายล่ะก็ ช่วยมาหาผมที่สวนของโรงเรียนตอน 1 ทุ่มตรงก็พอครับ แต่ต้องมาคนเดียวเท่านั้นนะ}
หลังจากที่มาซามุเนะอ่านข้ความนั้นจบ ออร่าสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาแล้ว แต่ก็ยังดีที่เขาระงับยังมันได้อยู่ แต่เมื่อรู้ตัวอีกที โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็กลายเป็นเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปซะแล้ว
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม เวลา 19.00 นาฬิกา
“มาแล้วสินะครับ คุณฮันโซ ไม่สิ ชินโด มาซามุเนะ”
มีเด็กผู้ชายสวมเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนมาซาราดะคนหนึ่ง กำลังยืนพิงประตูทางเข้าสวนของโรงเรียนมาซาราดะ ถึงจะบอกว่าเป็นเด็กผู้ชาย แต่ถ้าเจอกันครั้งแรกล่ะก็ จะต้องสับสนว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอย่างแน่นอน ใช่แล้ว เขาก็คือคนที่ส่งข้อความมาหามาซามุเนะละอ้างตัวว่าตนเป็นคนทำร้ายอากิโอะและอลิซาเบธ โทโมยูกิ ซาเอโกะ
ส่วนอีกด้านหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาทางโทโมยูกิด้วยท่าทางที่่ตึงเครียด แต่ก็หยุดลงเมื่อเห็นว่าระยะห่างระหว่างตนกับโทโมยูกินั้นหดสั้นลงเหลือไม่ถึง 10 เมตรแล้ว แน่นอนว่าคนคนนั้นคือ ชินโด มาซามุเนะ
“แกเป็นคนที่ทำร้ายอากิโอะกับอลิซาเบธจริงๆเหรอ ต้องการอะไรกันแน่ล่ะ ถึงได้เรียกฉันให้มาหาที่นี่น่ะ”
มาซามุเนะพูดออกไปด้วยท่าทางโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปที่โทโมยูกิด้วยสายตาที่ดูเหมือนกับสัตว์ป่าที่กำลังมองไปที่เหยื่อที่ตัวเองไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเล่นกัน
“ต้องการอะไรน่ะเหรอครับ ฆ่ายังไงล่ะครับ ฆ่าแกไงล่ะ แกมันก็แค่ขยะสังคมที่สมควรถูกกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะใช้วีธีไหนก็ตาม แกมันขยะ ส่วนฉันก็คือฮีโร่ที่มีหน้าที่กำจัดขยะอย่างแกยังไงล่ะ"
สีหน้าที่ดูเรียบร้อยของโทโมยูกิ ถูกย้อมไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธแค้นพร้อมกับปล่อยออร่าสีดำทมิฬที่พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ มาซามุเนะก็ไม่ได้สนใจใบหน้านั้นสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ก็เป็นสิ่งเดีวกันกับโทโมยูกิ
“งั้นก็คุยกันง่ายหน่อยสินะ ฉันก็มาที่นี่เพราะจะฆ่าแกเหมือนกันนั่นแหละ!!”
มาซามุเนะพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนจากเสียงที่ฟังดูสบายๆ กลายเป็นน้ำเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธ พร้อมกับออร่าสีดำทมิฬที่พวยพุ่งออกมาไม่ต่างอะไรกับโทโมยูกิ
“<พอยซั่น อบิส (Poison Abyss)>”
มีออร่าสีม่วงปกคลุมทั่วร่างของโทโมยูกิ ออร่าเหล่านั้นค่อยๆรวมเข้ากับร่างกายของเขา และค่อยๆกลายสภาพเป็นอวัยวะต่างๆ ทั้งกรงเล็บ หาง เขา แขนและขา ดูแล้วเหมือนเป็นเกราะของปีศาจยังไงยังงั้น
“ไปตายซะ”
มีเสียงกระซิบของโทโมยูกิดังขึ้น และหลังจากนั้นไม่ถึงวินาที การโจมตีของโทโมยูกิก็เริ่มต้นขึ้น
เริ่มจากการกระโจนเข้าไปโจมตีด้วยกรงเล็บที่มือขวา มาซามุเนะโยกตัวหลับได้อย่างหวุดหวิด แต่การโจมตีของโทโมยูกิก็ยังไม่หมดแค่นั้น เขาใช้กรงเล็บที่มือซ้ายโจมตีต่อไปโดยไม่รีรอ
แต่มาซามุเนะก็ใช้ออร่ารวมไว้ที่ขาแล้วกระโดดหนีออกมาด้วยความเร็วพอๆกัน แต่ก็ไม่ทันที่เท้าของเขาจะแตะกับพื้น โทโมยูกิก็ใช้หางที่ยาวกว่า 3 เมตร ตวัดโจมตีใส่เขา
“ตายซะเถอะแก <ออร่า เบิร์ส (Aura Burst)>”
จู่ๆก็มีกลุ่มออร่าสีขาวจำวนมากเข้าไปห่อหุ้มที่หางของโทโมยูกิ ทำให้ทั้งความเร็วและความรุนแรงของการโจมตีนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
แน่นอนว่ามาซามุเนะไม่สามารถหลบการโจมตีนั้นได้ทัน ทำให้เขาโดนหางนั้นซัดจนกระเด็นเข้าไปในอาคารเรียนเก่า
“ออกมาสิ ไอ้ขยะสังคม ฉันรู้ว่าแกไม่ตายเพราะอะไรแค่นี้หรอก”
โทโมยูกิยืนโดยเว้นระยะของเขากับจุดที่มาซามุเนะกระเด็นไว้ห่างพอสมควร เขามองดูรูของอาคารเรียนเก่าอย่างใจเย็น และสุดท้ายก็ใช้ห่างที่ถูกยืดยาวกว่าเดิมโจมตีแบบสุ่มเข้าไปในจุดที่มาซามุเนะกระเด็นไป
“<ดาร์ค ดาร์ค (Dark Dark)>”
ในจังหวะที่หางของโทโมยูกิซึ่งมีปลายแหลมโจมตีเข้าไป ก็มีออร่าสีดำทมิฬพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทันใดนั้นเอง โทโมยูกิก็พึ่งจะรู้สึกตัวว่าหางของตัวเองถูกจับอยู่ แต่นั่นก็อยู่ในแผนของเขาอยู่แล้ว เพราะคุณสมบัติของออร่าสีม่วงของเขา ก็คือมีความเป็นพิษอยู่ในตัว ไม่ว่ามันจะอยู่ในรูปไหน แต่ถ้าแตะโดนสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตนั้นก็จะถูกกัดกร่อนจากพิษจนตายไปในที่สุด
แต่มันก็ไร้ค่า เมื่อต้องเจอกับความสามารถ [Dark] ที่จะกลืนกินทุกสิ่งที่สัมผัสโดนมัน
“อะไรกันน่ะ”
จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างทะยานขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับหางดึงโทโมยูกิ ทำให้ตัวของเขาถูกดึงขึ้นไปด้วย
“ใครกันแน่...ที่ต้องตาย”
สิ่งที่ทะยานขึ้นไปก็คือมาซามุเนะนั่นเอง แต่ในตอนนี้เขาดูต่างจาดเมื่อปกตินิดหน่อย ตรงที่ปีกนั้นมีรูปร่างเหมือนปีของค้างคาว และมีออร่าปกคลุมทั่วร่างจนเกือบจะมองไม่เห็นหน้าตาของเขาแล้ว
มาซามุเนะกระชากหางของโทโมยูกิ ทำให้ตัวของเขานั้นพุ่งขึ้นไปบนอากาศด้วยความเร็วสูง พร้อมๆกับที่มาซามุเนะก็พุ่งลงมา และใช้ใบมีดสีดำทมิฬฟันเข้าที่ท้องของโทโมยูกิ มีเลือดสายหนึ่งพุ่งออกมาจากท้องของเขา แล้วปิดท้ายด้วยการทุ่มตัวเขาลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วสูง
ตู้ม!!
การตกลงสู่พื้นโลกของโทโมยูกิ ทำให้เกิดหลุมขนาดเท่าห้องเรียน หลังจากที่มาซามุเนะปลดปล่อยพลังจิตที่มีที่มามาจากความโกรธนั้น ก็ทำให้เขาสงบใจลงไปบ้างแล้วมาซามุเนะค่อยๆร่อนลงสู่พื้นโลกโดยที่ยังคงระวังการโจมตีสวนจากโทโมยูกิอยู่ตลอดเวลา เพราะเขายังจับออร่าของโทโมยูกิได้อยู่จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้หลุมที่น่าจะมีโทโมยูกิอยู่ทีละนิด จนสุดท้าย โทโมยูกิก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
“นายแค้นฉันเรื่องอะไรล่ะ ทำไมต้องอยากฆ่าฉันขนาดนั้นด้วย”
มาซามุเนะเปิดฉากถามกับโทโมยูกิที่ตอนนี้ กระดูกทั่วทั้งร่างน่าจะหักไปหมดแล้ว และแผลที่ท้องก็ยังมีเลือดไหลออกมาอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็คงต้องพูดว่า ยังดันทุรังยืนอยู่ได้โดยที่ไม่มีอะไรมาค้ำยันไว้ สำหรับมาซามุเนะแล้ว เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นความกล้าของโทโมยูกิก็ได้
“เพราะพ่อแม่ของฉันยังไงล่ะ แกเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของฉันยังไงล่ะ! แกตัดหัวทั้งสองคนทิ้งอย่างไม่ใยดี โดยที่จงใจเหลือฉันไว้ แกมันขยะ!”
คำพูดนั่น ไปกระตุ้นความอยากรู้ของมาซามุเนะ ทำให้เขาเกิดสงสัยว่า คนที่ฆ่าพ่อแม่ของโทโมยูกิ อาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาก็ได้ และความแค้นนั้นก็อาจจะเป็นความเข้าใจผิดก็ได้
“นายลองเล่ารายละเอียดเรื่องนั้นมาสิ บางทีนายอาจจะ…”
ในระหว่างที่มาซามุเนะกำลังพูดอยู่ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ใช่ทั้งของเขาและของโทโมยูกิดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา และเมื่อเขาหหันหลังกลับไปดู ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นคาวาซากิ คุออน หญิงสาวที่เขารักเขาและหวงแหนมากที่สุด กำลังวิ่งมาทางทั้งสองคนอยู่ ทันใดนั้น มาซามุเนะก็รู้สึกตัวได้ ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ระ…รึว่า แก”
มาซามุเนะหันหน้ากลับมาหาโทโมยูกิ ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าหางที่มีขนาดยาวกว่า 10 เมตร กำลังพุ่งเข้าไปหาคุออนที่กำลังวิ่งเข้ามาโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นการโจมตีนั้นเลย
“คุออน------------”
มาซามุเนะรีบกระโจนเข้าไปหาคุออนที่กำลังวิ่งเข้ามาด้วยการใช้พลังจิตเพื่อเพิ่มความเร็ว
“ทำไมมาซามุเนะคุงถึง… อ๊ะ!?”
มาซามุเนะรีบเข้าไปกอดคุออนไว้ และในเวลาเดียวกัน หางที่มีปลายแหลมคมก็พุ่งเข้ามาเสียบเข้าที่กลางหลังของมาซามุเนะ ในเวลาเดียวกันกับที่ถูกแทง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหายไปจากตัวของเขา
มาซามุเนะผลักคุออนออกไปจากตัวเอง หางที่แทงอยู่ก็เข้ามาลึกยิ่งกว่าเดิม จนสุดท้ายก็ทะลุร่างของเขา แล้วค่อยดึงกลับไปด้วยความเร็วสูง เลือดที่ซึมอยู่บริเวณบาดแผลตอนที่ยังถูกแทงอยู่ ก็พุ่งออกมาเหมือนกับน้ำในสายยางที่พุ่งออกมาหลังจากที่ถูกอุดเอาไว้
มาซามุเนะค่อยๆล้มลงสู่พื้น และก่อนที่จะหมดสติไป เขาก็หันหน้าไปหาโทโมยูกิ ทำให้โทโมยูกิเกิดสงสัยอะไรขึ้นมา แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะตอกย้ำความพ้ายแพ้ของมาซามุเนะด้วยคำพูด
“ใช่แล้ว เรื่องที่ฉันพูดออกไป ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเลย ทั้งความแค้น เรื่องพ่อแม่ หรือแม้แต่สภาพที่ดูน่าสังเวชของฉัน ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด แกน่ะผิดเองนะ ที่ดันโง่มาเชื่อ บางทีแกอาจจะเป็นขยะของจริงเลยก็ได้”
โทโมยูกิพูดจบ พร้อมกับเดินจากไปในความมืด ปล่อยให้คุออนพยุงร่างของมาซามุเนะไปที่โรงพยาบาล
หลังจากนั้นมาซามุเนะและคุออนก็พบกับคุณสุเมรางิ และทั้งวามคนก็เข้าไปในงานปาร์ตี้ตามปกติ คุออนนั้นรู้สึกได้เลยว่าตลอดทั้งงาน มาซามุเนะนั้นทำตัวไม่รู้จักการเข้าสังคมเพื่อกลบเกลื่อนว่าตัวเขานั้นกำลังระแวงนารุทากิและเพื่อนผู้ชายอีก 2 คนของเขา
แต่สิ่งที่มาซามุเนะได้กลับมา ก็คืออาการไม่รู้จักการเข้าสังคมจากทั้ง 3 คน แบบเดียวกับที่เขาแสดงออกมานั่นเอง ซึ่งอาการนั้น แม้แต่คุออนก็ยังรู้เลยว่ามันไม่ใช่การกลบเกลื่อนอย่างของมาซามุเนะ แต่มันคืออาการปกติของพวกเขาเอง นั่นทำให้ทั้งมาซามุเนะและคุออนต่างรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร มาซามุเนะก็ยังมีเรื่องที่คาใจเกี่ยวกับปาร์ตี้ในวันนี้อยู่
“มีอะไรเหรอ มาซามุเนะคุง”
หลังจากที่ปาร์ตี้จบลง มาซามุเนะก็ตัดสินใจที่จะไปส่งคุออนกลับบ้าน และระหว่างทาง คุออนก็สังเกตได้ว่าท่าทางของมาซามุเนะนั้นแปลกไปอยู่นิดหน่อย เธอจึงถามออกไปเพราะอยากจะรู้สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในตอนนี้
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ติดใจเกี่ยวกับงานเลี้ยงเมื่อตะกี้นี้เท่านั้นเอง”
มาซามุเนะยิ้มมาทางคุออนระหว่างที่ตอบ แต่ท่าทางกังวลของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“อย่าบอกนะว่ายังติดใจเกี่ยวกับ 3 คนนั้นอยู่น่ะ มาซามุเนะคุงก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรแอบแฝงไว้เลยน่ะ ฉันคิดว่ามาซามุเนะเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุดแล้วแท้ๆ
คุออนพูดออกมาพร้อมกับทำน้ำตาซึม มาซามุเนะที่เห็นดังนั้นจึงรีบตอบออกไป
“มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เรื่องนั้นฉันเองก็เข้าใจดีเหมือนกัน แต่สิ่งมี่ฉันคาใจก็คือ...”
มาซามุเนะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาเพื่อบอกกับคุออน แต่เขาก็ต้องชะงักก่อนที่ตัวเขาเองจะพูดจบซะอีก
“งั้นมาซามุเนะคุงคาใจเรื่องอะไรกันแน่ล่ะ”
คุออนที่ได้ยินมาซามุเนะพูดแบบนั้น ก็เปลี่ยนจากโหมดขี้แยมาเป็นโหมดเค้นคำตอบแทน มาซามุเนะที่ได้ยินอย่างนั้น จึงจำใจต้องพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกไปอย่างช่วยไม่ได้
“เฮ้อ~~~ สิ่งที่ฉันคาใจก็คือ...เรื่องที่วานเลี้ยงนี้มันไม่ได้ให้ความรู้สึกอยากร่วมงานของทั้ง 3 คนเลยน่ะสิ เหมือนไม่อยากมามากกว่า อะ ตะ...แต่ว่านะ ดูเหมือนว่าพอนารุทากิเจอกับคุณสุเมรางิแล้ว ก็ดูเหมือนจะร่าเริงขึ้นมาด้วยสิ ไม่แน่นะ นารุทากิอาจจะอยากอยู่กับคุณสุเมรางิ แต่ก็ไม่กล้ามากก็เลยชวนคนอื่นมาด้วยก็ได้นะ ฮ่าๆๆ”
ครึ่งแรกของคำพูดของมาซามุเนะเห็นนั้น ทำให้คุออนเกิดอาการวิตกกังวลแปลกๆขึ้นมา และอีกครึ่งหลังก็คือคำพูดกลบเกลื่อนที่ตั้งใจคิดขึ้นมาเพื่อที่จะให้คุออนสบายใจนั่นเอง
“งั้นเองหรอกเหรอเนี่ย ฉันไม่ทันได้สังเกตเลยจริงๆสิ มาซามุเนะคุงเนี่ย เก่งจริงๆเลยนะ”
“อะ...อา—- ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”
มาซามุเนะพูดกลบเกลื่อนไปปบบส่งๆ โดยที่เขาก็ยังไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับข้อสงสัยข้อนั้นเลยแม้แต่น้อย
แต่ในวินาทีนั้นเอง ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็แทรกเข้ามาอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นในเวลาที่มีคนกางอาณาเขตโลกเสมือนนั่นเอง
“อะไรกัน ใครมาดางอาณาเขตโลกเสมือนในเวลาแบบนี้กันนะ ไม่สิ นี่ไม่ใช่การกางอาณาเขต แต่นี่อาณาเขตมันพึ่งจะหายไปเองนี่ ใกล้นี้เอง”
มาซามุเนะรับรู้ได้ว่าอาณาเขตโลกเสมือนที่พึ่งหายไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่ๆตนอยู่นัก เขาจึงตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างที่ผู้ชายทุกๆคนไม่ควรทำ
“เออ ขอโทษนะคุออน คือว่าฉันพึ่งจะนึกได้ว่าต้องไปซื้อของให้นากิสะสักหน่อยน่ะ โทษทีนะ เธอกลับเองได้ไหม?”
มาซามุเนะพนมมือทั้งสองข้างแล้วก้มหัวขอร้องคุออน เธอที่กำลังงงกับท่าทางของเขาก็คิดอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากการตอบตกลงไป
“อะ...อืม ก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ว่าให้ฉันไปด้วยก็ได้...นะ”
มาซามุเนะที่ได้ยินคำยืนยันของคุออนแล้ว ก็รีบวิ่งไปทางที่เขาคิดว่าเป็นจุดที่อาณาเขตหุบลง โดยที่เขาไม่ได้รอฟังคำพูดของคุออนจนจบ และปล่อยให้เธอต้องยืนสงสัยอยู่ท่ามกลางวงล้อมของความเงียบงัน
มาซามุเนะไปตรวจสอบยังจุดที่เขาคิดว่าเป็นที่ที่อาณาเขตถูกหุบลงแล้ว 3 ที่ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของพลังจิตหรืออะไรทำนองนั้น หลงเหลืออยู่เลย และในตอนนี้ เขาก็กำลังวิ่งไปยังจุดสุดท้ายซึ่งเขาคิดว่ามันมีความเป็นไปได้น้อยที่สุดแล้ว
จากที่เขาดูแล้ว จุดที่ 4 หรือก็คือจุดสุดท้ายนั้น เป็นแค่ตรอกซอยที่ถูกทิ้งร้างไว้ ทำให้มีน้ำจังอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งปกติมันก็ไม่น่าจะมีคนผ่านเข้ามาอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลเดียวกัน มันก็กลายเป็นสถานที่ลับตาคนที่พวกโจรมักจะพาเหยื่อมารีดไถเงินเช่นกัน
“อะ...อะไรกันเนี่ย”
มาซามุเนะถึงกับเข่าทรุด เมื่อมาถึงยังจุดสุดท้าย และภาพที่เขาได้เห็น ก็คือร่างของอากิโอะที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นที่มีน้ำขีงอยู่ และมีอลิซเบธที่กำลังใช้ [เพลิงแห่งการเยียวยา] พลังจิตใน [โหมดจอมเวทย์] กับอากิโอะอยู่
“กะ...เกิดอะไรขึ้นกัน”
มาซามุเนะเดินเขาไปหาอลิซเบธที่นั่งก้มหน้าตั้งใจใช้ความสามารถอยู่
“มะ มะซามุเนะ อะ อะกิโอะคุงเขา ฮือ———”
อลิซเบธหันหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ผสมปนเปกับน้ำที่หยดลงมาจากท่อที่อยู่ข้างบนหัว
......เกิดอะไรขึ้นที่นี่ สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ทั้งสองคนเจออะไรมา คำเหล่านั้นเป็นสิ่งที่พุดขึ้นมาในหัวของมาซามุเนะ แต่เขาก็ต้องลืมมันไปก่อน เพราะอากิโอะที่นอนอยู่ข้างหน้าของเขา กับอลิซาเบธที่กำลังใช้พลังจิตอยู่ ทำให้เขารู้ว่าควรพาทั้งคู่ไปโรงพยาบาลก่อนนั่นเอง
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม เวลา 06.30 นาฬิกา
หลังจากที่มาซามุเนะแบกร่างของอากิโอะมายังโรงพยาบาลเสร็จ เขาก็นั่งรอกับอลิซาเบลจนถึงเช้า และสิ่งที่เขาต้องการจะทำมากที่สุดก็คือการถามสิ่งที่เกิดขึ้นกับอากิโอะและอลิซาเบธเมื่อคืนนี้ แต่เขาก็เลิกคิดเรื่องนั้นทันทีที่เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ถึงแม้วา่ตอนนี้มันจะเหลือดแห้งไปหมดแล้วของอลิซาเบธ แต่จนถึงช่วงเช้าตรู่ เธอร้องไห้ไม่หยุดจนหลับไปแล้ว มาซามุเนะจึงคิดว่าทางที่ดีควรไปสืบเรื่องนี้เอาเองจะเป็นการดีกว่า แต่ว่า…
“อากิโอะคุงเขา… เขาปกป้องฉันไว้”
ในจังหวะที่มาซามุเนะกำลังลุกขึ้นเพื่อที่จะไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขั้นระหว่างที่เขากำลังจะเดินออกไป
เมื่อเขาหันไปทางต้นเสียง ก็เห็นอลิซาเบธที่กำลังนั่อยู่ที่เก้าอี้รอของโรงพยาบาล กำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายแสงที่เกิดจากน้ำตาสะท้อนกับแสงของพระอาทิตย์ยามเช้า
“เมื่อคืนนี้ ระหว่างที่ฉันกับอากิโอะคุงกำลังเดินกลับจากการดูหนังอยู่ จู่ๆก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเรา ดูเหมือนจะเป็นคนรู้จักของอากิโอะ หมอนั่นบอกว่าให้ตามไปหน่อย และระหว่างที่กำลังเดินอยู่ เขาก็หันมาโจมตีใส่พวกเราด้วยพลังจิตอะไรบางอย่าง อากิโอะคุงเข้ามาช่วยฉันไว้ แต่เขาก็ถูกเล่นงานไปแล้ว ในตอนที่ฉันกำลังจะโจมตีสวนกลับไป จู่ๆเจ้าหมอนั่นก็พูดอะไรแปลกๆออกมา”
อลิซาเบธเงียบไปสักครู่หนึ่ง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นใบหน้าของคนที่พยาบาทต่อคำพูดนั้นอย่างชัดเจน
“พะ…พูดว่าอะไรเหรอ”
มาซามุเนะที่อดใจรอไม่ไหว เดินเข้ามาหาอลิซาเบธที่กำลังทำหน้าครียดอยู่ เธอหันหน้ากลับมาหาเขา พร้อมกับพูดด้วยคำพูดที่ฟังดูแปลกประ้หลาด
“อากิโอะคุงน่ะ ตอนนี้โดนผมใช้พลังจิตเล่นงานไปแล้วล่ะครับ แต่ยังไม่ตายหรอกนะ แต่ถ้าอยากให้มันตายจริงๆล่ะก็ โจมตีมาเลยสิครับ”
มาซามุเนะรู้สึกว่านั่นไม่ใช้เสียงของอลิซาเบธ แต่เป็นน้ำเสียงที่เขารู้จัก เขาคุ้นกับเสียงนี้มาก แต่หลังจากที่อลิซาเบธพูดจบไป เธอก็สลบไปอีกคนหนึ่ง
“อะ…อลิซาเบธ เป็นอะไรไปน่ะ อลิซาเบธ”
มาซามุเนะตะโกนเรียกอลิซาเบธพร้อมๆกับเขย่าตัวเธออยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเลยสักนิดเดียว
หลังจากนั้นมาซามุเนะก็ไปตามหมอและพยาบาลมาให้พาตัวอลิซาเบธไปตรวจดูด้วย และหลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมง หมอที่ทำการรักษาอิลซาเบธและอากิโอะก็บอกว่าทั้งคู่มีอาการเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว้าเป็นอะไรกันแน่ แต่ก็เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับอาการแบบนี้มาแล้วบ้าง เป็นอาการที่่เหมือนกลายเป็นเจ้าชายหรือเเจ้าหญิงนิทรา ถ้าให้สรุปตามที่มาซามุเนะค้องการ ก็คือ เป็นอาการที่ยังไม่ตายแต่ก็ไม่ได้สติ เมหือนกับเป็นศพที่สามารถปลุกขึ้นมาได้ถ้าหาวิธรการเจอ
มาซามุเนะเดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับคิดหาเบาะแสไปพลาง แต่ในระหว่างนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อเขาหยิบมันออกมาดู ก็พบกับข้อความจากคนที่มีชื่อว่า โทโมยูกิ ซาเอโกะ ซึ่งเผ็นหนึ่งในนักเรียนชายที่อยู่ในห้องของอากิโอะ เขามีรูปร่างและหน้าตาเหมือนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายซะอีก ทั้งร่างกายที่เพรียวบางและหน้าตาที่เหมือนผู้หญิง ส่วนข้อความมีเนืื้อหาคือ
{โอคาซากิ อากิโอะและอลิซาเบธ อาเธน่า ทั้งสองคนถูกผมจัดการไปแล้วครับ ถ้าไม่อยากให้ทั้งคู่ตายล่ะก็ ช่วยมาหาผมที่สวนของโรงเรียนตอน 1 ทุ่มตรงก็พอครับ แต่ต้องมาคนเดียวเท่านั้นนะ}
หลังจากที่มาซามุเนะอ่านข้ความนั้นจบ ออร่าสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาแล้ว แต่ก็ยังดีที่เขาระงับยังมันได้อยู่ แต่เมื่อรู้ตัวอีกที โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็กลายเป็นเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปซะแล้ว
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม เวลา 19.00 นาฬิกา
“มาแล้วสินะครับ คุณฮันโซ ไม่สิ ชินโด มาซามุเนะ”
มีเด็กผู้ชายสวมเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนมาซาราดะคนหนึ่ง กำลังยืนพิงประตูทางเข้าสวนของโรงเรียนมาซาราดะ ถึงจะบอกว่าเป็นเด็กผู้ชาย แต่ถ้าเจอกันครั้งแรกล่ะก็ จะต้องสับสนว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอย่างแน่นอน ใช่แล้ว เขาก็คือคนที่ส่งข้อความมาหามาซามุเนะละอ้างตัวว่าตนเป็นคนทำร้ายอากิโอะและอลิซาเบธ โทโมยูกิ ซาเอโกะ
ส่วนอีกด้านหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาทางโทโมยูกิด้วยท่าทางที่่ตึงเครียด แต่ก็หยุดลงเมื่อเห็นว่าระยะห่างระหว่างตนกับโทโมยูกินั้นหดสั้นลงเหลือไม่ถึง 10 เมตรแล้ว แน่นอนว่าคนคนนั้นคือ ชินโด มาซามุเนะ
“แกเป็นคนที่ทำร้ายอากิโอะกับอลิซาเบธจริงๆเหรอ ต้องการอะไรกันแน่ล่ะ ถึงได้เรียกฉันให้มาหาที่นี่น่ะ”
มาซามุเนะพูดออกไปด้วยท่าทางโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปที่โทโมยูกิด้วยสายตาที่ดูเหมือนกับสัตว์ป่าที่กำลังมองไปที่เหยื่อที่ตัวเองไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเล่นกัน
“ต้องการอะไรน่ะเหรอครับ ฆ่ายังไงล่ะครับ ฆ่าแกไงล่ะ แกมันก็แค่ขยะสังคมที่สมควรถูกกำจัดทิ้ง ไม่ว่าจะใช้วีธีไหนก็ตาม แกมันขยะ ส่วนฉันก็คือฮีโร่ที่มีหน้าที่กำจัดขยะอย่างแกยังไงล่ะ"
สีหน้าที่ดูเรียบร้อยของโทโมยูกิ ถูกย้อมไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธแค้นพร้อมกับปล่อยออร่าสีดำทมิฬที่พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ มาซามุเนะก็ไม่ได้สนใจใบหน้านั้นสักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ก็เป็นสิ่งเดีวกันกับโทโมยูกิ
“งั้นก็คุยกันง่ายหน่อยสินะ ฉันก็มาที่นี่เพราะจะฆ่าแกเหมือนกันนั่นแหละ!!”
มาซามุเนะพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนจากเสียงที่ฟังดูสบายๆ กลายเป็นน้ำเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธ พร้อมกับออร่าสีดำทมิฬที่พวยพุ่งออกมาไม่ต่างอะไรกับโทโมยูกิ
“<พอยซั่น อบิส (Poison Abyss)>”
มีออร่าสีม่วงปกคลุมทั่วร่างของโทโมยูกิ ออร่าเหล่านั้นค่อยๆรวมเข้ากับร่างกายของเขา และค่อยๆกลายสภาพเป็นอวัยวะต่างๆ ทั้งกรงเล็บ หาง เขา แขนและขา ดูแล้วเหมือนเป็นเกราะของปีศาจยังไงยังงั้น
“ไปตายซะ”
มีเสียงกระซิบของโทโมยูกิดังขึ้น และหลังจากนั้นไม่ถึงวินาที การโจมตีของโทโมยูกิก็เริ่มต้นขึ้น
เริ่มจากการกระโจนเข้าไปโจมตีด้วยกรงเล็บที่มือขวา มาซามุเนะโยกตัวหลับได้อย่างหวุดหวิด แต่การโจมตีของโทโมยูกิก็ยังไม่หมดแค่นั้น เขาใช้กรงเล็บที่มือซ้ายโจมตีต่อไปโดยไม่รีรอ
แต่มาซามุเนะก็ใช้ออร่ารวมไว้ที่ขาแล้วกระโดดหนีออกมาด้วยความเร็วพอๆกัน แต่ก็ไม่ทันที่เท้าของเขาจะแตะกับพื้น โทโมยูกิก็ใช้หางที่ยาวกว่า 3 เมตร ตวัดโจมตีใส่เขา
“ตายซะเถอะแก <ออร่า เบิร์ส (Aura Burst)>”
จู่ๆก็มีกลุ่มออร่าสีขาวจำวนมากเข้าไปห่อหุ้มที่หางของโทโมยูกิ ทำให้ทั้งความเร็วและความรุนแรงของการโจมตีนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
แน่นอนว่ามาซามุเนะไม่สามารถหลบการโจมตีนั้นได้ทัน ทำให้เขาโดนหางนั้นซัดจนกระเด็นเข้าไปในอาคารเรียนเก่า
“ออกมาสิ ไอ้ขยะสังคม ฉันรู้ว่าแกไม่ตายเพราะอะไรแค่นี้หรอก”
โทโมยูกิยืนโดยเว้นระยะของเขากับจุดที่มาซามุเนะกระเด็นไว้ห่างพอสมควร เขามองดูรูของอาคารเรียนเก่าอย่างใจเย็น และสุดท้ายก็ใช้ห่างที่ถูกยืดยาวกว่าเดิมโจมตีแบบสุ่มเข้าไปในจุดที่มาซามุเนะกระเด็นไป
“<ดาร์ค ดาร์ค (Dark Dark)>”
ในจังหวะที่หางของโทโมยูกิซึ่งมีปลายแหลมโจมตีเข้าไป ก็มีออร่าสีดำทมิฬพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทันใดนั้นเอง โทโมยูกิก็พึ่งจะรู้สึกตัวว่าหางของตัวเองถูกจับอยู่ แต่นั่นก็อยู่ในแผนของเขาอยู่แล้ว เพราะคุณสมบัติของออร่าสีม่วงของเขา ก็คือมีความเป็นพิษอยู่ในตัว ไม่ว่ามันจะอยู่ในรูปไหน แต่ถ้าแตะโดนสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตนั้นก็จะถูกกัดกร่อนจากพิษจนตายไปในที่สุด
แต่มันก็ไร้ค่า เมื่อต้องเจอกับความสามารถ [Dark] ที่จะกลืนกินทุกสิ่งที่สัมผัสโดนมัน
“อะไรกันน่ะ”
จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างทะยานขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับหางดึงโทโมยูกิ ทำให้ตัวของเขาถูกดึงขึ้นไปด้วย
“ใครกันแน่...ที่ต้องตาย”
สิ่งที่ทะยานขึ้นไปก็คือมาซามุเนะนั่นเอง แต่ในตอนนี้เขาดูต่างจาดเมื่อปกตินิดหน่อย ตรงที่ปีกนั้นมีรูปร่างเหมือนปีของค้างคาว และมีออร่าปกคลุมทั่วร่างจนเกือบจะมองไม่เห็นหน้าตาของเขาแล้ว
มาซามุเนะกระชากหางของโทโมยูกิ ทำให้ตัวของเขานั้นพุ่งขึ้นไปบนอากาศด้วยความเร็วสูง พร้อมๆกับที่มาซามุเนะก็พุ่งลงมา และใช้ใบมีดสีดำทมิฬฟันเข้าที่ท้องของโทโมยูกิ มีเลือดสายหนึ่งพุ่งออกมาจากท้องของเขา แล้วปิดท้ายด้วยการทุ่มตัวเขาลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วสูง
ตู้ม!!
การตกลงสู่พื้นโลกของโทโมยูกิ ทำให้เกิดหลุมขนาดเท่าห้องเรียน หลังจากที่มาซามุเนะปลดปล่อยพลังจิตที่มีที่มามาจากความโกรธนั้น ก็ทำให้เขาสงบใจลงไปบ้างแล้วมาซามุเนะค่อยๆร่อนลงสู่พื้นโลกโดยที่ยังคงระวังการโจมตีสวนจากโทโมยูกิอยู่ตลอดเวลา เพราะเขายังจับออร่าของโทโมยูกิได้อยู่จากนั้นเขาก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้หลุมที่น่าจะมีโทโมยูกิอยู่ทีละนิด จนสุดท้าย โทโมยูกิก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
“นายแค้นฉันเรื่องอะไรล่ะ ทำไมต้องอยากฆ่าฉันขนาดนั้นด้วย”
มาซามุเนะเปิดฉากถามกับโทโมยูกิที่ตอนนี้ กระดูกทั่วทั้งร่างน่าจะหักไปหมดแล้ว และแผลที่ท้องก็ยังมีเลือดไหลออกมาอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็คงต้องพูดว่า ยังดันทุรังยืนอยู่ได้โดยที่ไม่มีอะไรมาค้ำยันไว้ สำหรับมาซามุเนะแล้ว เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นความกล้าของโทโมยูกิก็ได้
“เพราะพ่อแม่ของฉันยังไงล่ะ แกเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของฉันยังไงล่ะ! แกตัดหัวทั้งสองคนทิ้งอย่างไม่ใยดี โดยที่จงใจเหลือฉันไว้ แกมันขยะ!”
คำพูดนั่น ไปกระตุ้นความอยากรู้ของมาซามุเนะ ทำให้เขาเกิดสงสัยว่า คนที่ฆ่าพ่อแม่ของโทโมยูกิ อาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาก็ได้ และความแค้นนั้นก็อาจจะเป็นความเข้าใจผิดก็ได้
“นายลองเล่ารายละเอียดเรื่องนั้นมาสิ บางทีนายอาจจะ…”
ในระหว่างที่มาซามุเนะกำลังพูดอยู่ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ใช่ทั้งของเขาและของโทโมยูกิดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา และเมื่อเขาหหันหลังกลับไปดู ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นคาวาซากิ คุออน หญิงสาวที่เขารักเขาและหวงแหนมากที่สุด กำลังวิ่งมาทางทั้งสองคนอยู่ ทันใดนั้น มาซามุเนะก็รู้สึกตัวได้ ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ระ…รึว่า แก”
มาซามุเนะหันหน้ากลับมาหาโทโมยูกิ ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าหางที่มีขนาดยาวกว่า 10 เมตร กำลังพุ่งเข้าไปหาคุออนที่กำลังวิ่งเข้ามาโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นการโจมตีนั้นเลย
“คุออน------------”
มาซามุเนะรีบกระโจนเข้าไปหาคุออนที่กำลังวิ่งเข้ามาด้วยการใช้พลังจิตเพื่อเพิ่มความเร็ว
“ทำไมมาซามุเนะคุงถึง… อ๊ะ!?”
มาซามุเนะรีบเข้าไปกอดคุออนไว้ และในเวลาเดียวกัน หางที่มีปลายแหลมคมก็พุ่งเข้ามาเสียบเข้าที่กลางหลังของมาซามุเนะ ในเวลาเดียวกันกับที่ถูกแทง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหายไปจากตัวของเขา
มาซามุเนะผลักคุออนออกไปจากตัวเอง หางที่แทงอยู่ก็เข้ามาลึกยิ่งกว่าเดิม จนสุดท้ายก็ทะลุร่างของเขา แล้วค่อยดึงกลับไปด้วยความเร็วสูง เลือดที่ซึมอยู่บริเวณบาดแผลตอนที่ยังถูกแทงอยู่ ก็พุ่งออกมาเหมือนกับน้ำในสายยางที่พุ่งออกมาหลังจากที่ถูกอุดเอาไว้
มาซามุเนะค่อยๆล้มลงสู่พื้น และก่อนที่จะหมดสติไป เขาก็หันหน้าไปหาโทโมยูกิ ทำให้โทโมยูกิเกิดสงสัยอะไรขึ้นมา แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะตอกย้ำความพ้ายแพ้ของมาซามุเนะด้วยคำพูด
“ใช่แล้ว เรื่องที่ฉันพูดออกไป ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเลย ทั้งความแค้น เรื่องพ่อแม่ หรือแม้แต่สภาพที่ดูน่าสังเวชของฉัน ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด แกน่ะผิดเองนะ ที่ดันโง่มาเชื่อ บางทีแกอาจจะเป็นขยะของจริงเลยก็ได้”
โทโมยูกิพูดจบ พร้อมกับเดินจากไปในความมืด ปล่อยให้คุออนพยุงร่างของมาซามุเนะไปที่โรงพยาบาล
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ