Psychic พลังกายสิทธิ์ ลิขิตมรณะ

-

เขียนโดย MoMoGa

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.06 น.

  26 บท
  4 วิจารณ์
  20.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 11.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) ตอนที่ 10-2 ความจริงและผีเด็ก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “อ้าวๆ ไม่คิดจะสนทนากันต่อแล้วเหรอคะ ช่าง-น่า-สม-เพช-เสีย-เหลือ-เกิน

          มีเด็กผู้หญิงที่ดูยังไงก็อายุน้อยกว่าทั้งคู่มากยืนพิงประตูอยู่ ผมยาวเลยไหล่สีดำสนิท สวมชุดโกธิคโลลิต้าสีดำ แต่เฉพาะโบว์ที่ผูกอยู่ที่ข้อและกระโปรงเป็นสีขาว นอกนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นสีดำทั้งหมด สิ่งแรกที่มาซามุเนะคิดขึ้นมาได้เมื่อเห็นก็คือ

          “ยัยเด็กผีโลลิต้านี่เป็นญาติของรุ่นพี่เหรอครับ”

          “เดี๋ยวก่อนสิยะ อย่ามาเรียกคนที่พึ่งจะรู้จักกันด้วยคำแบบนั้นสิ”

          “เธอเองนั่นแหละ คำว่า ยะ เขาใช้กับคนที่สนิทกันไม่ใช่หรือไง”

          “ก็นายเรียกฉันแบบนั้นยังไงละยะ ฉันถึงได้ใช้ ยะ กับคนป่าเถื่อนอย่างนาย”

          “แทนที่จะถามฉันว่าเด็กคนนี้เป็นใคร ฉันว่าฉันควรถามนายมากกว่าล่ะมั้งเนี่ย”

          ซาโยโกะคิดขึ้นมาระหว่างที่มาซามุเนะและเด็กชุดโกธิคโลลิต้ายังคงดำเนินการเถียงกันต่อไป ดูท่าแล้วคงจะไม่มีใครย่อมใครอย่างแน่นอน แต่คำพูดหนึ่งของเด็วหญิงก็ต้องทำให้ทั้งมาซามุเนะและซาโยโกะรู้ตัวว่าสิ่งที่ตนกังวลกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

          “ฉันไม่มีเวลามาเล่นปาหี่กับคนไร้สามัญสำนึกอย่างนายหรอกนะยะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ถอยไปซะ”

          “ทะ เธอเองนั่นแหละ เข้ามาในโรงเรียนมัธยมปลายได้ยังไงกัน เอาเป็นว่าฉันจะไปประกาศให้นะว่ามีเด็กผีโลลิต้าหลงทางอยู่น่ะ”

          “ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน ที่นี่กำลังจะถูกทำลาย จงภูมิใจไว้ซะเถอะ ว่าคนที่จะลงมือก็คือฉันเอง หนึ่งในจตุรเทพแห่งกลุ่ม [SEVEN STAR] ฮิคาริผู้สิงสถิตยังไงล่ะ”

          “พูดอะไร อย่างเธอเนี่ยนะจะเป็น หะ...หา!”

          “ทะ...เธอเนี่ยนะ จตุรเทพที่อากิโอะบอกมาน่ะ”

          สิ่งที่เด็กหญิงพูดออกมาถือว่าทำให้ทั้งมาซามุเนะและซาโยโกะตกตะลึงเป็นอย่างมาก สิ่งที่ตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาถือว่าเป็นข้อมูลที่พวกมาซามุเนะพึ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง และจตุรเทพที่อากิโอะบอกมาก็ดูจะน่ากลัวกว่าเด็กผู้หญิงชุดโกธิคโลลิต้าเป็นร้อยเท่าเลยก็ว่าได้

          “อ้าวๆ รู้แล้วก็รีบวิ่งหางจุกตูดหนีไปสิยะ ยัย-พวก-ของ-เล่น-ไร้-คุณภาพ ฮ่าๆๆๆ-----”

          “ไม่กางอาณาเขตจะดีเหรอ”

          มาซามุเนะพูดขึ้นมาขัดเสียงหัวเราะที่ฟังดูน่าขยะแขยงของเด็กหญิงปริศนา นั้นทำให้ความสนใจของซาโยโกะและเด็กหญิงปริศนาหันไปที่ตัวเขา และสิ่งที่พวกเธอเห็นก็คือ มาซามุเนะที่กลังกำมือ แสดงถึงท่าทีที่โกรธจัดน่าดู สายตาที่แสดงถึงความเป็นห่วงของซาโยโกะส่งไปไม่ถึงจิตใจของมาซามุเนะในตอนนี้แน่นอน

          “หา? พูดอะไรนะยะ ฉันไม่ค่อยจะได้ยินเลย”

          “ถ้าไม่กาอาณาเขตละก็ คนปกติก็จะรู้ตัวจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ใช่หรือไง แล้วก็จะมีคนแห่มาดูกันเพียบ แล้วเธอก็จะถูกเห็นตัวจริงด้วย หรือเธอไม่คิดจะสู้กันละ”

          “งั้นก็เอาซี่ ฉันจะเล่นกับพวกแกสักหน่อยก็แล้วกัน”

          เด็กหญิงปริศนาหยิบสิ่งที่ดูคล้ายกับรีโมททีวีขึ้นมา เธอกดสวิตซ์ตัวหนึ่ง ทันใดนั้น อาณาเขตโลกเสมือนก็ถูกกางออกทันที ถึงแม้ว่าในห้องชมรมที่พวกเขาอยู่จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่ว่าด้านนอกนั้น มนุษย์ปกติที่อยู่ภายในรัศมีจะดูเหมือนกับว่าสลายหายไปอย่างแน่นอน

          .....หรือว่า มาซามุเนะจะคิดไว้แล้วว่าพวกเราเอาชนะมันไม่ได้ ก็เลยจะเรียกคนอื่นๆมาช่วยสินะ ฉลาดดีสมเป็นนายเลยนะ

          ความคิดของซาโยโกะนั้น คงจะถูกต้องถ้าหากมาซามุเนะในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เตรียมตัวคลุ้มคลั่งตลอดเวลา เพราะความคิดของเธอนั้นถูกปัดทิ้งไปในทันที เมื่อหลังจากที่อาณาเขตนั้นกางออกมาได้แค่เสี้ยววินาที มาซามุเนะก็กำหมัดขวาวิ่งเข้าใส่เด็กหญิงปริศนาทันที ถึงตอนนี้จะยังสัมผัสถึงออร่าพลังจิตในตัวเขาไม่ได้ แต่ซาโยโกะคิดว่า ถ้ามาซามุเนะกำลังจะตายละก็ ปีศาจที่อากิโอะเคยพูดถึงต้องเผยโฉมออกมาอย่างแน่นอน

          “ย้ากกกกกกก”

          หมัดที่มาซามุเนะปล่อยออกไป ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรแล้ว มันก็แค่หมัดขวาตรงที่เกิดขึ้นมาจากอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น แต่ถึงจะดูยังไง มันก็คือหมัดขวาตรงที่เกิดขึ้นมาจากอารมณ์ชั่ววูบอยู่ดี สรุปก็คือ มาซามุเนะไม่ได้คิดถึงภายหลังเลยว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป

          “กระจอกน่า ถ้าไม่ใช้พลังจิตก็ฆ่าฉันไม่ตายหรอกนะยะ”

          “เงียบปากแล้วตั้งรับก่อนไม่ดีกว่ารืไง ยัยเด็กผีโลลิต้า”

          เด็กหญิงปริศนานั้นหลับหมัดของมาซามุเนะได้อย่างง่ายดาย โดยการดยกตัวหลบไปทางซ้าย แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือ ท่าหมุนตัวเตะของมาซามุเนะโดยที่ใช้ขาสายเป็นเหมือนจุดหมุนนั่นเอง แน่นอนว่าตัวเธอหลบไม่ทันการโจมตีนั้นไม่ทัน แต่ก็เธอก็ใช้แขนทั้งสองข้างขึ้นมากันไว้ได้ทัน

          “ว้ายยยยย”

          แต่แรงเตะนั้นก็ทำให้เธอกระเด็นออกมานอกห้องได้อย่างสบายๆ ดูเหมือนว่าแขนทั้งสองข้างจะมีรอยช้ำอยู่แต่ก็ไม่ถึงกับกระดูกหัก     

          “เก่งดีนี่ แต่ว่าก็แค่ระดับของเล่นละนะ”

          มีแสงสีแดงสว่างจ้าขึ้นที่มือซ้ายของเด็กหญิงปริศนา เธอหันมือมาทางมาซามุเนะอย่างช้า แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาชะงักเลยแม้แต่น้อย กลับกัน มาซามุเนะก็ยังคงพุ่งเข้าไปโจมตีโดยที่ไม่ได้ระวังตัวเลย

          “มาซามุเนะ ถอยออกมา ยัยนั่นกำลังทำอะไรก็ไม่รู้”

          “<สปิริต ชู๊ตติ้ง (Spirit Shooting)>”

          มีลำแสงสีแดงพุ่งตรงไปในทิศทางที่มันถูกชี้ไป มาซามุเนะที่อยู่ในทิศนั้นชักแขนทั้งสองข้างขึ้นมาบังไว้ได้ทัน ลำแสงพุ่งผ่านร่างของมาซามุเนะในแนวเฉียงขึ้นแล้วทะลุเพดานห้องหายไป แต่สิ่งที่หลงเหลือไว้ ก็คือรอยไหม้ที่เกิดจากลำแสงนั้น มันโดนบริเวณมือขวา ทะลุผ่านไปโดนไหล่ขวาของเขาอีกที แน่นอนว่ามันไม่ถึงกับทำให้แขนขวาหลุดออกจากไหล่เพราะมันเบี่ยงออกไปนิดหน่อย แต่ก็ทำให้ไหล่และมือขวาเขาแหว่งเป็นรู้เลยทีเดียว

          …..อะไรกัน ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าพลังใจหายวาบไปนี่ อะ แต่แขนขวาก็ยังไม่หลุดสินะ

          “อ้าวๆ ยังยืนได้อีกเหรอเนี่ย ใช่ได้เลยนี่ ช่าง-น่า-ประ-ทับ-ใจ-จริงๆ

          มาซามุเนะยังคงยืนหยัดอยู่แม้ว่าทั้งตัวจะสั่นอยู่ก็ตาม ส่วนเด็กหญิงปริศนาก็ยืนขึ้นมาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนไม่บาดเจ็บเลยแม้แม่น้อย

          “หึ ของแค่นั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะยะ”

          “<เอเทอร์นอล บลาส (Eternal Blast)>”

          มีเสียงกระซิบแต่ก็ก้องไปทั่วห้องดังขึ้นในห้อง พร้อมกับมาซามุเนะที่กระโดดตัวออกไปด้านขวา และสิ่งที่โผล่ออกมาแทนที่ ก็คือลำแสงสีขาวที่พุ่งตรงไปหาเด็กหญิงปริศนา มันพุ่งทะลุอาคารเรียนของโรงเรียงไปหลายหลัง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเด็กหญิงปริศนาจะโดนการโจมตีนั้นเลยแม้แต่น้อย

          .....สะ...สุดยอด ทั้งควาเร็วและความรุนแรง เหนือกว่าที่เคยเห็นมาทั้งหมดเลยแฮะ

          “อ้าวๆ พลังแค่นั้นคิดว่าจะทำอะไรฉันได้เหรอยะ ยัย-คน-หา-ข่าว

          “เรื่องนั้นได้มาจากอาจารย์มายาซาว่าสินะ แต่ก็รู้แค่สิ่งที่อาจารย์รู้เท่านั้นแหละ เพราะว่าพลังของฉันยังไม่มีใครรู้เลยยังไงล่ะ”

          ซาโยโกะเดินออกมาจากห้องชมรมตามเสียง ก็พบกับเด็กหญิงปริศนากำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ส่วนมาซามุเนะ ในตอนนี้เขาสลบไปเพราะพิษบาดแผลแล้ว แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ทั้งที่อาณาเขตถูกกางออกมาได้หลายนาทีแล้ว แต่กลับยังไม่มีใครมาสมทบ ถ้าเหตุผลคือทุกคนกลับบ้านกันไปแล้ว มันก็แปลกเกินและอยู่เหนือความคาดหมายของมาซามุเนะและซาโยโกะมาก แต่ดูเหมือนซาโยโกะจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

          “<ดาต้า ฮันเตอร์ (Data Hunter)> .......เข้าใจแล้ว ทั้งพลังความสามารถและก็อุบายของเธอ”

          ระหว่างคำพูดของซาโยโกะนั้น เธอหลับตาไปสัก 5-6 นาที ก่อนที่จะกลับมาพูดต่อ

          “บัฟอย่างนั้นไม่ได้ผลหรอกน่า ยัย-คน...”

          “ชื่อว่า ฮิคาริ ไม่มีนามสกุล เกิดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ปัจจุบันอายุ 14 ปี มีความสามารถ <Spirit Soul> สามารถใช้อารมณ์ความรู้สึกของคนมาเป็นพลังงานในการต่อสู้ได้ อ่านใจคนได้ แล้วก็ เออ ทำไมอันนี้อ่านไม่ได้เนี่ย เออ เป็นมาโซคิสม์ด้วย มันคืออะไรละเนี่ย โอ๊ย ปวดหัวจริงๆ”

          “นะ...นี่เธออ่านความทรงจำฉันเหรอยะ ความสามารถจะบ้าบอไปแล้ว ไปตายซะเถอะแก!! “<สปิริต ชู๊ตติ้ง (Spirit Shooting)>”

          “เดี๋ยวก่อนสิ ว๊าย”

          เด็กหญิงปริศนาที่ถูกค้นประวัติด้วยความสามารถพลังจิตของซาโยโกะ ทำให้หล่อนถึงกับปรี๊ดแตกแล้วหันมาโจมตีใส่ซาโยโกะด้วยท่าโจมตีแบบเดียวกันกับที่โจมตีใส่มาซามุเนะ ซาโยโกะเลือกที่จะวิ่งเข้าไปหลบในห้องชมรมโดยลืมคิดไปเลยว่ามาซามุเนะที่นอนหมดสติอยู่อาจจะโดนลูกหลงไปด้วย

          แต่เมื่อวิ่งเข้าไปหลบก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เมื่อมาซามุเนะที่น่าจะสลบอยู่ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งของโต๊ะกลางห้อง พร้อมกับกวักมือเรียกเธอเข้าไปหา

          “มาซามุเนะ ทำไมนาย...”

          “ผมมีแผนอยู่ครับ”

          ซาโยโกะเดินเข้าไปหามาซามุเนะ พร้อมๆกับลำแสงสีขาวที่โจมตีเข้ามาในห้องอย่างมั่วซั่ว แต่ก็ยังดีที่มันไม่โดนพวกเขา

          “รุ่นพี่รู้ทุกอย่างของทางนั้นแล้วใช่ไหมครับ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะสามารถคาดเดาการโจมตีได้อยู่ ถึงจะเป็นการปล่อยออกมาแบบมั่วๆ แต่มันก็จะมีก็จะถูกกำหนดโดยจิตใต้สำนึกของคนอยู่ ถ้าเป็นรุ่นพี่ต้องทำได้แน่ๆครับ”

          “เวอร์เกินไปแล้ว ฉันจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงกันเล่า”

          “เร็วเข้าครับ แค่อ่านนิสัยใจขอของอีกฝ่ายแล้วคาดเดาลักษณะการโจมตีก็พอแล้ว”

          “จะลองดูก็แล้วกัน”

          ซาโยโกะหลับตาลง มาซามุเนะเองก็ฟื้นร่างกายตัวเองมามากแล้ว แต่เพราะความชาของบาดแผลก็เลยทำให้เขายังขยับตัวไหวอยู่ มาซามุเนะคอยสังเกตการโจมตีของฮิคาริเป็นการคุ้มการซาโยโกะ ระหว่างที่เธอกำลังใช้สมาธินั่นเอง แต่จู่ๆการโจมตีของฮิคาริที่ทำมาโดยตลอดก็หยุดลง นั่นทำให้มาซามุเนะทั้งสงสัยและก็รู้สึกปลอดภัยด้วย แต่ไม่กี่วินาที ซาโยโกะที่น่าจะมาพร้อมข่าวดีก็ทำให้เขาขวัญเสียยิ่งกว่าเดิม

          “มาซามุเนะ แย่แล้ว ยัยนั่นคิดจะถล่มตึกทิ้งเลย”

          “วะ...ว่าไงนะครับ”

          มีเสียงของการโจมตีที่คุ้นหูดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันอยู่ห่างออกไป

          “ว๊าย เดี๋ยวสิ จะทำอะไรน่ะ”

          มาซามุเนะรู้ตัวแล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เขาจึงใช้มือซ้ายดึงตัวซาโยโกะแล้วกระโดดออกนอกหน้าต่างซึ่งอยู่ด้านหลังของห้องแล้ววิ่งต่อไป มีเสียงดังโคร่มไล่หลังทั้งสองคนมา จนในที่สุดมันก็เงียบลง มาซามุเนะดึงซาโยโกะและตัวเองเข้าไปหลบในเงาของต้นไม้ในสวนหรือเรียกได้ว่ามันเป็นป่าขนาดย่อมๆเลยก็ว่าได้ ดูเหมือนว่าฮิคาริจะรู้ตัวว่าทั้งสองคนยังอยู่ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งถือได้ว่าเป็นโชคดีในโชคโคตรร้ายของทั้งคู่

          เมื่อทั้งสองคนหันกลับไปดู ก็เจอกับซากของอาคารเรียนหลังเก่าซึ่งเป็นอาคารที่มีห้องชมรมของพวกเขาอยู่ มาซามุเนะรู้สึกเสียวสั่นหลังวาบขึ้นมาทันที แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกความเจ็บปวดของบาดแผลที่กลบคืนมากลบไปจนหมด

          .....ไม่เจ็บ อาจารย์สอนมาว่าห้ามแสดงความเจ็บปวดให้คนที่หวังพึ่งเราเห็น

          อาจารย์มาซามุเนะสอนมาว่าห้ามแสดงความเจ็บปวดให้คนที่หวังพึ่งเราเห็น แต่คำสอนนั้นก็ปลิวหายไปพร้อมๆกับความเท่ที่สั่งสมมาของเขา

          “อ๊าก โอ๊ย เจ็บโว๊ย ยัยเด็กผีโลลิต้าเอ๋ย พ่อจะฆ่าไม่เลี้ยงเลย ค่อยดูเถอะ อ๊า-------”

          “เงียบก่อน เดี๋ยวยัยนั่นก็รู้กันพอดีว่าเราอยู่ไหนน่ะ”

          ซาโยโกะหยิบใบไม้แถวนั้นมายัดปากมาซามุเนะที่กำลังโวยวายอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน พร้อมกับชำเลืองมองฮิคาริที่กำลังหาตัวพวกเขาอยู่บนอากาศ

          “รุ่นพี่ครับ ผมมีแผนแล้ว”

          มาซามุเนะที่ในตอนนี้กำลังใช้มือซ้ายกดที่ไหล่ขวาของตัวเอง ใช้ไหล่ซ้ายสะกิดตัวซาโยโกะพร้อมๆกับกระซิบข้างๆหูเธอ ซาโยโกะที่ได้ยินดังนั้นจึงหันหน้ามาหาเขาแล้วทำหน้าตาสงสัยในคำพูดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร พร้อมกับพยักหน้าครั้งหนึ่งเพื่อส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อ

          “รุ่นพี่อ่านบทความเรื่อง [การโจมตีผสานของพลังจิต] ที่อาจารย์มายาซาว่าเขียนขึ้นมาแล้วใช่ไหมครับ?”

          “นายจะบอกว่านายจะใช้พลังจิตงั้นเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันขอคัดค้าน”

          “เท่ากับว่าอ่านแล้วใช่ไหมครับ ผมจะอธิบายหลักการของมันแบบคร่าวๆก็แล้วกัน การจะใช้ [การโจมตีผสานของพลังจิต] ได้  ผู้ใช้พลังจิตอย่างน้อยสองคนขึ้นไปต้องเข้าใจความรู้สึกหลายๆอย่างของอีกคน นั่นเป็นเพราะว่า พลังจิตคือพลังงานรูปแบบหนึ่งที่ถูกแปลงมาจากอารมณ์และความรู้สึก ดังนั้น ถ้าต้องการจะผสานพลังจิตให้เข้ากันได้ ต้องเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย แล้วใช้ความเข้าใจนั้นแปลงออกมาให้กลายเป็นพลังจิต เรียกว่า [พลังจิตที่เกิดจากความรู้สึกร่วม] โดยที่มันจะมีออร่าที่มีลักษณะคล้ายกัน ทำให้มันสามารถผสานเข้ากันได้ในที่สุด”

          “ฉันบอกไปแล้วไงว่าฉันจะไม่ใช้น่ะ!”

          “เดี๋ยวก่อนสิครับ พลังของรุ่นพี่น่ะ เท่าที่ผมเข้าใจ มันจะมีอานุภาพมาก ก็ขึ้นอยู่กับความรู้ของรุ่นพี่ใช่ไหมครับ แต่ถึงมันจะรุนแรงแค่ไหน แต่ถ้าขาดทักษะด้านการต่อสู้จริง ก็ใช้ได้ไม่สุดหรอกครับ ดังนั้น ผมขอเสนอว่า เราจะใช้ [พลังจิตร่วม] ครับ”

          “[พลังจิตร่วม] มันคืออะไรล่ะนั่น”

          “เท่าที่ผมพอจะคิดได้ มันคือการใช้หลักการที่ต้องมีออร่าที่คล้ายกันของพลังจิตและทำให้มันผสานเข้าด้วยกัน [การโจมตีผสานของพลังจิต] ครับ แต่ [พลังจิตร่วม] จะต่างตรงที่ ให้รุ่นพี่ถ่ายทอดออร่าพลังจิตมาให้ผม แล้วผมจะเปลี่ยนมันให้เป็นพลังจิตอีกชั้นหนึ่ง โดยจะใส่ทักษะการต่อสู้เข้าไปแทนอารมณ์ความรู้สึก เพื่อที่จะให้มันเป็นพลังจิตบริสุทธิ์ที่เกิดจากความรู้สึกของรุ่นพี่คนเดียว เพราะมันจะทำให้อาณุภาพของการโจมตีเป็นไปตามหลักการของพลังเดิมของรุ่นพี่ครับ”

          จนถึงตอนนี้ มาซามุเนะก็อธิบายออกมาพร้อมกับแสดงอาการเจ็บปวดจากบาดแผลให้ซาโยโกะเห็นเสมอ ถึงจะดูเหมือนว่าเขาพยายามจะเก็บความเจ็บปวดไว้กับตัวเอง แต่ด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่นของเขา ก็ทำให้ความกังวลของเธอต้องยอมถอยไปแต่โดยดี

          “เข้าใจแล้ว จะให้ฉันทำอะไรก็บอกมา”

          ซาโยโกะพยักหน้าให้มาซามุเนะครั้งหนึ่งแล้วค่อยพูด จากนั้นมาซามุเนะก็อธิบายวิธีการที่ซาโยโกะต้องทำ ระหว่างนั้น ฮิคาริก็ยังคงค้นหาตัวทั้งสองคนอยู่อย่างไม่ลดละ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทั้งสองคนหาที่ซ่อนได้ดี หรือว่าเธอเซ่อกันแน่ ถึงได้หาไม่เจอสักกะที

          “ยัยเด็กผีโลลิต้า!!”

          มีเสียงตะโกนเสียงหนึ่งดังออกมาจากสวน เมื่อฮิคาริหันหน้าไปตามเสียงนั้น ก็พบกับซาโยโกะที่กำลังพยุงมาซามุเนะในสภาพบาดเจ็บหนักเดินออกมาจากสวน ทั้งสามคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ฮิคาริจะพูดออกมาตามสไตล์ของเธอ

          “อ้าวๆ สภาพดูไม่ได้เลยนะ ยัย-พวก-ของ-เล่น-ไร้-คุณภาพ

          “จะพูดอะไรก็เชิญตามแต่เธอเลย”

          “ชิ พวกแกไม่มีสิทธ์จะพูดอะไรทั้งนั้นแหละยะ”

          ฮิคาริพูดออกมาพร้อมกับยิงลำแสงสีแดงออกมาอีกครั้ง ในจังหวะเดียวกัน มาซามุเนะก็รู้สึกได้ว่าไฟในใจที่ลุกโชนของตัวเองถูกเครื่องดูดฝุ่นดูดหายไปในความมืด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้กระทบกับการโจมตีของพวกเขาสักเท่าไหร่

          มาซามุเนะขาอ่อนลงนิดหน่อย แต่ก็ยังคงทรงตัวอยู่ได้เพราะว่ามีซาโยโกะคอยพยุงร่างไว้ ลำแสงที่ยิงมานั้นเข้ามาใกล้ทั้งคู่ขึ้นเรื่องยๆ เพราะระยะทางระหว่างฮิคาริกับพวกมาซามุเนะค่อนข้างไกล ทำให้ลำแสงต้องใช้เวลาเดินทางในอากาศค่อนข้างมาก ซึ่งนั่นก็อยู่ในการคำนวณของมาซามุเนะหมดแล้ว ก่อนที่จะออกมาจากสวน มาซามุเนะก็วางแผนทั้งหมดเอาไว้ พร้อมกับคาดการโดยจำลองสถานการณ์ต่างในหัวของเขาตามอารมณ์และความรู้สึกต่างๆที่ฮิคาริจะแสดงออกมา ทำให้การกระทำทุกๆอย่างของหล่อนถูกมาซามุเนะอ่านออกจนหมดเปลือกแล้วนั่นเอง

          “รุ่นพี่ครับ เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหมครับ”

          “อา ฝากด้วยนะ”

          มีออร่าสีขาวปกคลุมตัวของซาโยโกะ แล้วมันก็ค่อยๆเข้าไปคลุมตัวของมาซามุเนะอีกคน เขาใช้นิ้วชี้ของมือซ้ายที่เหลืออยู่ชี้ไปทางฮิคาริที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งอยู่ในแนวระนาบเดียวกับลำแสงที่เธอยิงมาด้วย

          “มาซามุเนะ เยื้องไปทางขวาอีก 10 องศา จะโดนเป้าหมายเต็มๆ เอาสิบแต้มเลย”

          “อย่าพูดเรื่องที่ตัวเองเข้าใจอยู่คนเดียวสิครับ”          

          มาซามุเนะเยื้องนิ้วชี้ไปทางขวาตามที่ซาโยโกะบอก ในขณะที่ลำแสงสีแดงของฮิคาริเข้ามาใกล้ทั้งสองคนเรื่อยๆ มาซามุเนะก็ยังคงไม่ทำอะไรอย่างอื่น นอกจากชี้นิ้วไปทางฮิคาริ แล้วในจังหวะนั้น เสียงตะโกนส่งสัญญาณของซาโยโกะก็ดังขึ้น

          “เอาเลย ตอนนี้แหละมาซามุเนะ ยิงเลย”

          “งั้นก็ ดับเบิ้ล ไม่สิ <ทริปเปิ้ล เอเทอร์นัล ชู๊ต (Triple Eternal Shoot)>!!”

          มีลำแสงสีขาวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร พุ่งออกมาจากปลายนิ้วชี้ของมาซามุเนะ มันทะลุผ่านลำแสงสีแดงของฮิคาริเข้าไปได้อย่างดื้อๆ แล้วก็พุ่งทะลุขั้วหัวใจของเธอไปพร้อมๆกัน รอบๆจุดที่ถูกยิงเริ่มเกิดการไหม้ และในไม่ช้า มันก็ทำให้ไหล่ซ้ายของเธอหลุดออกมาจากบ่า

          ไม่มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของฮิคาริดังขึ้น แต่ร่างไร้วิญญาณของเธอก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นโลกในเวลาต่อมา โดยที่ร่างของมาซามุเนะก็ทรุดลงพื้นแทบจะพร้อมๆกันเลย

          “สำเร็จแล้ว”

          สติของมาซามุเนะเริ่มหลุดลอยไป จนสุดท้าย สิ่งที่เขาเห็นก็กลายเป็นสีดำไปจนหมด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา