ยอดสตรีฉางอิ๋ง

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.

  35 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) จริงๆ แล้วสืบทอดกันมาในตระกูล (2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"ตอนนี้ฮูหยินอาก็อยู่ที่เมืองหลวง!" เฉินหรูผิงนำเอาชามลายดอกทานตะวันห้ากลีบสีเขียวตุ่นบนชามเคลือบพลิกขึ้น นางยกกาสีเงินแล้วรินชาอูเหมยจนเต็ม เปิดตู้ออกอย่างคุ้นเคยหยิบเอาบ๊วยดอกเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วออกมา พร้อมกับใช้ช้อนเงินช้อนออกมาหลายอันวางไปในชาอูเหมย ทั้งยังเติมน้ำผึ้งเข้าไปอีกหนึ่งช้อนด้วย มือทั้งสองวางไปด้านหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งแล้วกล่าวว่า "มีท่านอา ท่านอาเขยแท้ๆ อยู่ อย่างไรก็ต้องช่วยดูให้คุณชายห้าแน่ อีกอย่าง ปีหน้าไม่ใช่ว่าคุณหนูใหญ่เองก็แต่งไปที่เมืองหลวงหรือ?"
ฮูหยินอาที่นางกล่าวถึงก็คือบุตรสาวแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง เว่ยเจิ้งอิน
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยกชาอูเหมยขึ้นมาจิบหนึ่งคำแล้วกล่าวเสียงเข้มว่า "อย่างไรเจิ้งอินกับฉางอิ๋งก็แป็นหญิง จะทำอะไรมากได้อย่างไร เจิ้งหงมีบุตรชายอยู่คนเดียว ตอนนี้ฉางเฟิงอายุสิบห้าปีแล้ว ร่างกายของเจิ้งหงก็ยังไม่เห็นจะดีขึ้นมาเท่าไหร่...เกรงว่าบุตรของบ้านใหญ่คงมีเพียงฉางอิ๋งกับฉางเฟิงสองพี่น้องแล้ว แล้วเจ้าจะให้ข้ากล้าเอาฉางเฟิงไปเสี่ยงได้หรือ?"
"ฮูหยินผู้เฒ่าเพียงแค่อยากจะเตือนนายท่านรองหรือ?" เฉินหรูผิงกล่าวเสียงเข้ม "ท่านจะเรียกคุณชายรองกับคุณชายสามกลับมาจริงๆ หรือ?"
"แน่นอน" ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยกชามกระเบื้องเคลือบขึ้น ในแววตามีประกายเยือกเย็นแล้วกล่าวเสียงขรึมว่า "หากว่าไม่ใช่เพราะฉางหวั่นแต่งงานไปแล้ว บ้านสองเองก็มีบุตรชายเพียงสองคน มีบุตรชายบุตรสาวเท่าไหร่ จะอย่างไรก็ต้องเรียกกลับมาอยู่ที่เฟิ่งโจวให้หมด! ฉางอิ๋ง ฉางเฟิงของข้ายังอยู่ดี ข้าก็จะไม่ไปคิดเล็กคิดน้อยอะไรกับพวกคนรุ่นหลังพวกนี้ หากว่าฉางอิ๋งกับฉางเฟิงไม่ดี บ้านสอง...ก็รอสิ้นบุตรหลานสืบสกุลไปเถอะ!"
พูดแล้ว ก็วางชามกระเบื้องเคลือบลงไปบนโต๊ะตัวสูงทรงดอกไห่ถังอย่างแรง จนทำให้ชาอูเหมยกระเด็นออกมาทำให้แขนเสื้อของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเปียกทันที เฉินหรูผิงรีบเข้าไปใกล้แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดให้กับฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง พลางกล่าวเตือนเสียงเบาด้วยน้ำเสียงเชื่องช้าว่า "ฮูหยินผู้เฒ่าอยากจะเรียกคุณชายรองกับคุณชายสามกลับมา ก็ไม่ใช่แค่พูดออกไปประโยคเดียวหรือ ท่านย่าใหญ่อยากจะเรียกหลานกลับมาปรนนิบัติ นั่นคือให้เกียรติบ้านสอง! คุณชายรองกับคุณชายสามกลับมาที่เฟิ่งโจว จะอย่างไรก็แค่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดออกไปประโยคเดียว กับอีแค่บ้านสอง คุ้มค่าพอให้ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหที่ไหนกัน ฮูหยินผู้เฒ่าจะยกพวกเขามากเกินไปแล้ว"
ฮูหยินผู้เฒ่ายกมือขึ้นให้นางเช็ดให้ ไม่ได้กล่าวรับต่อแต่กลับกล่าวถามว่า "เมื่อครู่เหมือนในเรือนจะมีคนมา เป็นฉางอิ๋งหรือว่าฉางเฟิง?"
นอกจากบุตรหลานแท้ๆ ที่รักใคร่เอ็นดูทั้งสองแล้ว สถานการณ์อย่างเมื่อครู่ ไม่มีใครกล้าไม่รู้ความและหยุดอยู่ต่อแน่
เฉินหรูผิงกล่าวออกไปอย่างเก้อๆ ว่า "เป็นคุณหนูใหญ่ เหมือนว่านางจะมาหาฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง บ่าวขวางเอาไว้แล้ว แต่ก็จนใจเพราะคุณหนูใหญ่ไม่ยอมไป บ่าวกลัวว่าเสียงดังลอดเข้าไปจะไม่ดี คิดไม่ถึงว่าคุณหยินผู้เฒ่าก็ยังรู้"
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า "ได้ยินน่ะข้าไม่ได้ยินหรอก แต่ว่าวันอากาศร้อนอย่างนี้ เมื่อครู่หน้าต่างของห้องโถงปิดไม่สนิท เหมือนว่าข้าจะเห็นเงาผ่านไปสองครั้ง คิดว่าตอนนั้นเจ้าอยู่ด้านนอก พวกบ่าวใช้ทั้งหลายน่าจะไม่มีใครเข้ามาเดินวุ่นวาย ไม่มีคนมา ไม่ใช่สาวใช้ ข้าถึงได้ถามไปอย่างนั้น"
และกล่าวต่อว่า "เจ้าเด็กนี่ มีเรื่องอะไรไม่มาเร็วกว่านี้ไม่มาสายกว่านี้แต่ต้องมาในตอนนี้!"
แม้ว่าฉางอิ๋งจะไม่ได้เข้ามาในห้อง แต่รู้ว่าภาพที่ตนเองแสดงอำนาจออกมาถูกหลานสาวเห็นเข้า ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็ยังรู้สึกกระดาก
เฉินหรูผิงรู้ว่าแม้ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจะมีน้ำเสียงบ่นว่า แต่กลับไม่ได้โมโหหลานสาวคนนี้จริงๆ จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า "พูดไปแล้วคุณหนูใหญ่ก็ไม่ได้คิดจะอยู่ต่อ ภายหลังที่ไม่ยอมไปเพราะได้ยินเสียงดังเข้า จึงเกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเสียเปรียบ! บ่าวพูดกล่อมอยู่นานถึงได้ยอมไป"
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้ยินก็หลุดยิ้มแล้วกล่าว "ข้าจะเสียเปรียบอะไรกัน คนที่เสียเปรียบควรเป็นท่านปู่ที่ไร้น้ำใจของนางถึงจะถูก!"
"คุณหนูใหญ่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ามีเมตตามาตลอด หัวหน้าตระกูลก็แสดงท่าทีน่าเกรงขาม จึงไม่แปลกที่คุณหนูใหญ่จะกังวลใจในตัวของฮูหยินผู้เฒ่า เห็นอย่างนี้คุณหนูใหญ่ก็เอนมาด้านฮูหยินผู้เฒ่ามากกว่า" เฉินหรูผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกล่าวพลางถอนหายใจ "นางคือหลานสาวแท้ๆ ของข้า จะไม่เข้าข้างข้าได้หรือ น่าเสียดายที่ข้ามีหลานสาวเพียงแค่คนเดียว เห็นนางเติบใหญ่แล้ว ราวกับดอกไม้ที่อย่างไรก็ยังทะนุถนอมไม่พอ กลับต้องแต่งงานไปแล้ว นอกจากนี้ยังต้องแต่งงานไปถึงเมืองหลวง แต่งงานครั้งนี้ข้าไม่รู้ว่าทั้งชีวิตนี้ยังจะได้เห็นนางอีกไหม?"
ได้ยินน้ำเสียงกังวลและเสียใจของนาง เฉินหรูผิงก็รีบกล่าวทันทีวา "ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอะไรอย่างนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ายังสุขภาพแข็งแรงมาก ภายหลังยังต้องเลี้ยงดูเหลนจนเติบใหญ่อีก อยากจะเห็นคุณหนูใหญ่จะยากตรงไหนกัน เมืองหลวงมาที่เฟิ่งโจวแม้ว่าจะไม่ใกล้แต่ว่าหากภายหลังคุณหนูใหญ่สามารถมัดใจสามีได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่าเลย"
ยังกล่าวต่อว่า "อีกอย่าง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดถึงคุณหนูใหญ่ ให้คนส่งจดหมายไปที่ตระกูลเสิ่น ฮูหยินซูจะไม่ไว้หน้าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งหรือ?"
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าวว่า "จริงๆ แล้วเด็กนี่แต่งงานไปแล้วข้าจะได้เห็นนางหรือไม่ยังเป็นเรื่องเล็ก ท้ายที่สุดแล้วก็ยังต้องเป็นภายหลัง...นางมีชีวิตที่ดี ข้าเองก็วางใจแล้ว"
"คุณหนูใหญ่มีจิตใจบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทั้งยังรู้ความเฉลียวฉลาด ไม่อย่างนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งทำไมถึงได้ชอบพอคุณหนูใหญ่นัก จากสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว คนที่เข้าตาฮูหยินผู้เฒ่าได้ ยังต้องกลัวว่าผู้ใหญ่ของตระกูลเสิ่นจะไม่ชอบนางอีกหรือ?" เฉินหรูผิงกล่าวปลอบว่า "อีกอย่างความคิดของคุณหนูใหญ่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถทำให้กลับมาดีได้ คุณชายตระกูลเสิ่นคนนั้นคือผู้ที่หมิงเพ่ยถังอบรมมาเพื่อเป็นหัวหน้าตระกูลในอนาคต ฝึกฝนมาทุกอย่างทั้งบู๊บุ๋น ตระกูลเสิ่นยังเป็นตระกูลหลักของซีเหลียงอีก มีรากฐานจากการต่อสู้ ไม่แน่ว่าจะชอบใจคุณหนูตระกูลใหญ่ที่อบรมมาอย่างนุ่มนวลอ่อนแอบอบบางตามตระกูลใหญ่ทั่วไปเหล่านั้น กลับเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเราที่ทั้งแข็งทั้งอ่อนมีพร้อม ยิ่งมีบุคลิกงามสง่า นี่ต่างหากถึงยิ่งจะเป็นอย่างที่เขาชอบ เดิมที่คุณหนูใหญ่กลัวอย่างเดียวก็คือเมื่อแต่งไปแล้วจะเสียเปรียบ เกรงว่าจะคุยกับคุณชายเสิ่นไม่รู้เรื่อง ถึงได้กล่าวว่าจะตีคุณชายเสิ่นด้วยอารมณ์อย่างนั้น หากว่าเป็นสามีภรรยาที่ชอบพอสมัครสามัคคีกัน คุณหนูใหญ่ของพวกเราจะลงมือลงได้หรือ?"
นางลดเสียงลงต่ำอีก "บ่าวกล่าวที่เกินจริงหน่อย อย่างฮูหยินผู้เฒ่าในตอนนี้ที่มีพลั้งมือไปบ้าง แต่ว่าหัวหน้าตระกูลก็ไม่ได้มีโทสะใส่ฮูหยินผู้เฒ่า หากว่าคนหนึ่งตี อีกคนหนึ่งยอมโดนตี ก็นับว่าเป็นสองคนที่ชอบพอกัน มีความสุขกับมัน!"
"หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น" แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งจะฉลาด แต่ว่าเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งชีวิตของหลานสาวแท้ๆ เพียงหนึ่งเดียวแล้ว นางกลับเป็นห่วงมากเสียจนสับสน ไม่กล้ามั่นใจ ได้แต่ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า "ฉางอิ๋งแต่งงานปีหน้า จัดการเรื่องหลักก่อน ไป ทำจดหมายมาฉบับหนึ่ง บอกว่าหลายวันนี้ข้าสุขภาพไม่ดีนัก โดยเฉพาะคิดถึงฉางอวิ๋นและฉางซุ่ยหลานชายทั้งสองที่เมืองหลวง ให้พวกเขารีบพาบุตรและภรรยากลับมาที่นี่ จำไว้ว่าให้ใช้ชื่อของจงอี้!"
เฉินหรูผิงยิ้มน้อยๆ "บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"
คราวนี้บ้านสองช่างคิดไม่ตกจริงๆ ฮูหยินผู้เฒ่ายังอยู่ ยังกล้าลงมือกับบ้านใหญ่
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเว่ยเซิ่งอี้อยู่เมืองหลวงคนเดียวมานานหลายปีแล้วใช่ไหม ถึงได้ค่อยๆ ลืมฝีมือของฮูหยินผู้เฒ่า ลืมไปแล้วว่าตอนนั้นเขาคุกเข่าอ้อนวอนอยู่นานถึงสี่วันสี่คืนเพื่อขอให้ได้การอภัย ยังเป็นเว่ยฮ่วนช่วยพูดให้เขาถึงได้ผ่านมาได้อีก
....................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา