ยอดสตรีฉางอิ๋ง

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.

  35 ตอน
  0 วิจารณ์
  28.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) จริงๆ แล้วสืบทอดกันมาในตระกูล (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เว่ยฉางอิ๋งเป็นที่รักของท่านปู่ท่านย่ามาก ในเรือนนี้นางก็มาคารวะอยู่ทุกวัน ตั้งแต่เล็กก็เล่นไปทั่วทั้งเรือนแล้วจึงคุ้นเคยดีมาก นางเลือกกำแพงเรือนตรงนี้แล้วปีนกำแพงเข้าไปพอดีกับที่มีต้นมู่หลันฮวา[1]ต้นหนึ่งอยู่ ยามนี้เลยฤดูที่มู่หลันฮวาผลิบานไปแล้ว กิ่งไม้ใบไม้ของต้นมู่หลันฮวาจึงกำลังแผ่กิ่งก้านรับแสงอาทิตย์จนราวกับจะมีน้ำมันหยดลงมา กิ่งไม้ใยไม้สีเขียวปกคลุมไปทั่วจนทำให้ใต้ต้นไม้ร่มเย็น
นางลงมาที่พื้นและเหยียบไปบนพื้นหญ้านุ่มอย่างแผ่วเบาแล้วหลบไปด้านหลังต้นไม้ มองไปรอบๆ ต้นมู่หลันต้นนี้อิงอยู่กับกำแพง ด้านนอกมีพุ่มดอกมะลิเหมันต์พุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าตอนนี้ดอกไม้ร่วงโรยแล้ว จึงเหมือนกับต้นมู่หลันที่มีใบหนาทึบปิดบังสภาพข้างใต้ต้น
ดังนั้นที่ที่นางหลบซ่อนตัวจึงไม่มีใครมา หากระวังตัวหน่อยก็คงไม่ถูกคนในเรือนพบเข้าได้
แต่ว่าการจะเข้าไปใกล้ตัวเรือนกลับไม่ง่ายเลย...เว่ยฉางอิ๋งรีบวางแผนหาต้นไม้ที่ใช้ได้ใกล้ๆ นี้ คิดไม่ถึงว่านอกพุ่มไม้ตอนนี้กลับมีเสียงเรียกที่ดูแข็งเล็กน้อยดังมาจากที่ไกลๆ "หัวหน้าตระกูล บ่าวไปเชิญท่านหมอมาดีไหม"
เอ๋?
เพราะกังวลว่าท่านย่าที่กำลังโมโหจะไปทำให้ท่านปู่มีโทสะและจะต้องเสียเปรียบ เว่ยฉางอิ๋งที่คิดอยากจะอยู่สักหน่อยพลันรู้สึกว่า...
นางเคลื่อนเท้าออกไป แล้วรีบวิ่งไปยังพุ่มดอกไม้พลางมองไปด้านนอก แล้วนางก็เห็นเว่ยฮ่วนใช้มือกุมศีรษะเอาไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างเท้าไปที่เอว เสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบและมีท่าทางไม่น่าดู กระทั่งยังเดินออกไปจากประตูอย่างโซเซด้วย เขาเพิ่งจะออกมาจากประตู ด้านหลังก็มีเสียงโมโหของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งดังขึ้นมาทันที "เชิญหมออะไร! แผลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เอายาหม่องไปนวดไม่ใช่ว่าได้แล้วหรือ?!"
แล้วด่าต่ออีกว่า "ตัวเองบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ กลับคิดจะไปเชิญหมอมา! หลานสาวแท้ๆ ของตนถูกวางแผนเรื่องใหญ่ในชีวิตกลับคิดจะนิ่งเงียบเอาไว้! ถุย! คิดว่าข้าตายไปแล้วหรือ! จัดการท่านไม่ได้รึ?! ท่านยังคิดจะไปเชิญหมอมา! ข้าจะบอกให้ว่า หากท่านไม่จัดการเรื่องที่ข้าบอกให้เรียบร้อย ต่อให้ท่านเจ็บจนตายก็อย่าคิดว่าจะได้กินยาเลย!"
หนึ่งในเสาหลักอำนาจของต้าเว่ยทั้งหก มียศเป็นถึงฉางซานกงในปัจจุบัน เป็นหัวหน้าตระกูลเว่ย เว่ยจ้งอี้เว่ยฮ่วนผู้ที่ตระกูลเว่ยตั้งแต่ชั้นสูงลงไปชั้นล่างต่างก็เกรงขามและไม่กล้าเข้าไปสนิทง่ายๆ ยังไม่กล้ากล่าวอะไรออกมา ได้แต่ต้องกลับไปยืนฟังที่ระเบียงอย่างเรียบร้อย
ตรงต้นไม้ที่ห่างออกไป เว่ยฉางอิ๋งมองไม่เห็นท่าทีของท่านปู่ แต่ว่านางก็เดาถึงท่าทีน้ำตาตกและจนใจของเว่ยฮ่วนได้
"นี่...นี่ถึงจะเป็นวิธีควบคุมสามี!" เด็กสาวอย่างเว่ยฉางอิ๋งเห็นใจท่านปู่ได้ไม่ถึงชั่วพริบตาก็กลายเป็นความเคารพและอิจฉาท่านย่าแทน นางเกรงว่าตนเองตื่นเต้นเกินไปและจะถูกพบเข้า จึงรีบหลบไปที่มุมแล้วกัดกำปั้นของตนเองไว้ พร้อมกับกลั้นเสียงหัวเราะ "ข้าก็ว่าแล้ว สามีไม่เชื่อฟัง หากเอาแต่คุณธรรมเมตตาแล้วจะไปมีประโยชน์อะไร คนเขาไม่ว่าเจ้ายุ่งมากเรื่อง ไม่สนใจเจ้า เจ้ากลับเกรงว่าตนเองจะขี้บ่นพูดมากเกินไป! ท่าทีเรียบร้อยรู้ความล้วนแต่แสดงออกมาทั้งนั้น คนโบราณไม่ใช่พูดไว้หรือว่า บุตรกตัญญูถือกำเนิดใต้ไม้ บุตรชายเชื่อฟังได้ แล้วทำไมสามีจะไม่ได้ล่ะ เห็นความน่าเกรงขามของท่านย่าวันนี้ ท่านปู่ถูกทั้งด่าทั้งตีจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ...นี่ต่างหากที่เป็นภรรยาเจ้าบ้านที่แท้จริง!"
เว่ยฉางอิ๋งเข้าใจท่านย่าขึ้นมาว่าทำไมท่านย่าถึงไม่ได้ยืนกรานต่อต้านที่นางเรียนวิชายุทธ์อย่างท่านแม่แล้ว
"เพียงแต่ว่าท่านปู่คือฝ่ายบุ๋น ฝีมือไม่ได้มากมาย ท่านย่าตีเขาก็ทำได้ง่ายๆ" เว่ยฉางอิ๋งตื่นเต้นแล้วสงบใจลงมาพร้อมกับกังวลขึ้น "แต่ว่าเสิ่นจั้งเฟิงนั่น ได้ยินว่าเขามีฝีมือยุทธ์โดดเด่นมาตั้งแต่เล็ก ไม่รู้ว่าข้าจะสามารถจัดการเขาได้อย่างท่านปู่วันนี้ไหม?"
นางเท้าคางแล้วครุ่นคิดพลางตัดสินใจ "ไม่สนใจแล้ว ได้ยินท่านลุงเจียงกล่าวเรื่องมากมายเหล่านั้นมา หากว่าต่อสู้กันซึ่งๆ หน้าสู้เขาไม่ได้ แต่ลงมือลับหลัง ข้าไม่เชื่อว่ายังจะจัดการเขาไม่ได้อีก!"
เว่ยฉางอิ๋งกำนิ้วแล้วแสดงสีหน้าแฝงไอสังหารออกมา พร้อมกับตัดสินใจว่าวันหลังจะลองใช้การที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งด่าทอและตีเว่ยฮ่วนจนเรียบร้อยเชื่อฟังในวันนี้เป็นบทเรียนและจุดมุ่งหมาย แล้วจึงออกไปจากเรือนอย่างเบามือเบาเท้า เพื่อไปหาเจียงเจิงและฝึกฝนอย่างยากลำบากต่อไป
ภายในเรือน หลังจากจับเว่ยฮ่วนไปจัดการแผลที่ห้องหนังสือแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็กลับมามีท่าทีดังเดิม นางเรียกพวกเฉินหรูผิงเข้ามาแล้วสั่งการว่า "จัดการของให้ดี"
เมื่อครู่ได้ยินเสียงดังมาก ภายในห้องเองก็รกไปหมด แค่เศษเครื่องเคลือบใหญ่น้อยก็มีแตกไปถึงห้าหกชิ้นแล้ว เศษกระเบื้องแตกอยู่เต็มพื้น เก้าอี้ไม้จันทน์แดงยังเบี้ยวไปจากที่ เฉินหรูผิงตากระตุก เทียบกับบริเวณที่บาดเจ็บของเว่ยฮ่วนตอนเดินออกไปเมื่อครู่นี้แล้ว แค่คิดก็รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคงร้อนรนมากแล้ว และผลักเว่ยฮ่วนไปกระแทกกับเก้าอี้ไม้นั่น เก้าอี้ไม้นี้หนักมาก ต่อให้เป็นบ่าวที่แข็งแกร่ง ก็มีแค่ไม่กี่คนที่ขยับมันได้ ชัดเจนว่าเว่ยฮ่วนกระแทกไปแรงมาก
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกลับยังโมโห ใบหน้าของนางไม่มีความเห็นใจแล้วสั่งการบ่าวไพร่ต่อ จากนั้นก็ประคองแขนของเฉินหรูผิงที่ยื่นเข้ามาพร้อมกับเดินเข้าห้องไป
เฉินหรูผิงประคองฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเข้าไปยังที่เก้าอี้ริมหน้าต่างภายในห้องแล้วหมุนตัวไปปิดประตู พลางกล่าวเตือนเสียงเบาว่า "หัวหน้าตระกูลอายุมากแล้ว ครั้งหน้าฮูหยินผู้เฒ่าลงมือเบาลงหน่อยเถอะ"
"เจ้าไม่รู้" เฉินหรูผงคือบ่าวเผยเจี้ยที่มาพร้อมกับฮูหยินผู้เฒ่า รับใช้มาตั้งแต่ยังเป็นเพียงเด็กสาวอายุน้อยจนถึงตอนนี้ ผ่านเวลามาแล้วหลายสิบปี ภายนอกรักษาท่าทีไม่กล้าผิดกฎแม้แต่น้อย แต่ว่าส่วนตัวแล้วกลับปล่อยตัวมาก ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งได้ยินนางกล่าวเตือนกลับไม่ได้โมโหแต่ส่ายหน้า "เจิ้งหงร่างกายอ่อนแอ เซิ่งเหนียนไร้ความสามารถ รุ่นฉางเฟิงก็ยังเด็กกันมาก ตอนนี้ในเมืองหลวงทางฝั่งรุ่ยอวี่ถังจึงได้แต่ต้องให้เว่ยเซิ่งอี้เป็นหลักไว้ก่อน ก่อนที่ฉางเฟิงจะสยายปีกได้ ข้าจะไปแตะต้องเจ้านั่นก็ไม่ได้! จุดนี้เว่ยเซิ่งอี้รู้ดีมาก! หากว่าเจิ้งหงอาการดี ต่อให้เขาใจกล้าขนาดไหนแต่จะกล้ามาวางแผนใส่ฉางอิ๋งหรือ หากว่าข้าไม่แสดงท่าทีไม่ยอมออกมาอย่างนี้ แล้วจะทำให้บ้านสองสะเทือนได้อย่างไร?"
เฉินหรูผิงกล่าวเสียงนุ่มว่า "คุณชายห้าตอนนี้ผูกจุกแล้ว[2] และตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วก็ยังสามารถเรียนหนังสือไปติดตามหัวหน้าตระกูลไปที่ว่าการได้ด้วย ท่านสามเองก็เรียนการจัดการแล้ว ฝึกฝนมาหลายปีขนาดนี้ อย่างไรก็ต้องสามารถทำงานได้บ้าง วันเวลาเข้าใกล้มาเรื่อยๆ แล้ว เว่ยเซิ่งอี้สามารถไร้ความกลัวไปได้นานเท่าไหร่กัน ฮูหยินผู้เฒ่าทะเลาะขัดเคืองกับหัวหน้าตระกูลเพราะเขาอย่างนี้ ไม่คุ้มเลยจริงๆ"
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจแล้วกล่าวว่า "จะง่ายขนาดนั้นที่ไหน จ้งอี้ไปจากเฟิ่งโจวไม่ได้ เซิ่งเหนียนไม่สามารถรับหน้าคนได้ ปล่อยให้เขาออกไปจากเฟิ่งโจวตามลำพังก็ไม่วางใจอีก ยิ่งไม่ต้องไปหวังถึงหลานชายเขาด้วย เว่ยเซิ่งอี้เชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นหากว่าฉางเฟิงยังไม่ได้สวมหมวก สามารถปกป้องตนเองได้บ้าง ข้าจะวางใจปล่อยให้เขาไปที่เมืองหลวงได้อย่างไรกัน?"
.............................................................
[1] มู่หลันฮวา : ดอกแมกโนเลีย
[2] เด็กชายผูกจุก : สมัยก่อนราชวงศ์ชิง เด็กชายชาวฮั่นจะมีการผูกจุกเมื่ออายุได้สิบห้าปี ถือว่าเริ่มโต และจะเข้าพิธีสวมหมวกถือว่าบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุได้ยี่สิบปี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา