ยอดสตรีฉางอิ๋ง
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.
35 ตอน
0 วิจารณ์
28.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
23) นิสัยต่างกัน (2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความซ่งไจ้สุ่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า "สรุปแล้วคือข้าว่าเรื่องนี้ ควรเป็นใครก็ให้คนนั้นไปจัดการเถอะ ทำไมเจ้าจะต้องลงไปในน้ำนั้นด้วย คิดว่าหากเว่ยฉางเสียนรังแกมาถึงที่บ้านแล้วเจ้าค่อยออกหน้าไม่ใช่ว่าจะยิ่งมีสิทธิ์มากกว่าหรือ ไปบ้านนางไปทำให้นางขายหน้า ต่อให้คนของจิ้นผิงกงไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ แต่คงยากที่จะแพร่ข่าวไปว่าเจ้ามีนิสัยดุดันก้าวร้าว เจ้าว่าหากแพร่ไปถึงเมืองหลวง จะมีผลดีอะไรกับเจ้าหรือ อีกไม่นานเจ้าก็จะแต่งงานแล้ว ดังนั้นข้าว่าน้องสาวทั้งสองคนของเจ้าความคิดไม่ปกติ ต่อให้อยากจะหาคนออกหน้าให้นาง ก็ไม่ควรจะเลือกเจ้า หรือว่าฉางเฟิงจะเป็นคนที่รังแกได้ง่ายหรือ?"
ถึงแม้ว่าเว่ยฉางอิ๋งจะเก่งกาจการต่อสู้ แต่กลับไม่ใช่คนที่โง่งมไร้เดียงสา นางเพียงแค่ดื้อดึงเท่านั้น เมื่อได้ฟังอย่างนี้นางจึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า "นี่นับว่าน่าแปลกแล้ว ข้ากับพวกนางไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน อีกอย่างตอนนี้งานแต่งงานของพวกนางท่านย่าก็เป็นคนจัดการให้ แล้วจะมีความกล้าอะไรมาวางแผนข้า?"
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งปฏิบัติกับบ้านใหญ่ตั้งแต่บนไปล่างอย่างลำเอียงแบบเห็นได้ชัด แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้เป็นคนที่เข้มงวดมาตลอด ทำให้บ้านอื่นไม่กล้ากระทั่งแสดงท่าทีอิจฉาออกมา เว่ยฉางอิ๋งคุ้นชินกับการเป็นที่หนึ่งเหนือคนอื่นในตระกูลนานแล้ว เมื่อได้ยินที่ซ่งไจ้สุ่ยวิเคราะห์ออกมา ว่ามาจากความสนใจต่อความแค้นเคืองอิจฉาริษยาจากพี่น้องชายหญิงทั้งหลาย จึงมักคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ซ่งไจ้สุ่ยมีอนาคตอย่างนั้น ทั้งยังได้รับการถ่ายทอดวิชาฝีมือที่ลึกล้ำร้ายกาจมากมายมาจากฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลซ่งอีก จึงมักไม่กลัวที่จะคิดถึงคนอื่นในทางที่ร้ายกาจที่สุดเอาไว้ก่อน จึงกล่าวทันทีว่า "เจ้าคิดว่าต้องเป็นอย่างไรถึงจะมีความแค้นหรือ ทะเลาะกันแตกหักกันตรงๆ ถึงจะเป็นความแค้นหรือ พูดไปถึงฮองเฮาในตอนนี้กับรัชทายาท แต่ก่อนต่อหน้าฮ่องเต้เวลาปฏิบัติกับข้ายังนับว่าเกรงใจบ้าง แต่วันนี้ ในใจข้าเฝ้ารอคอยแทบจะอยากให้ทั้งสองคนตายเลยถึงจะดี! เพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องแต่งงานไปทุกข์ทนในวังตะวันออก!"
แล้วกล่าวต่อว่า "เจ้าคิดดูว่าที่ท่านย่าคอยตามใจรักใคร่เจ้ากับฉางเฟิงอย่างนี้ เว่ยฉางเสียนถึงกล้ารังแกพวกนางแต่ไม่กล้ารังแกพวกเจ้าสองพี่น้อง คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าของบ้านเจ้า จะไม่รู้สึกอิจฉาหรือ ในใจเกิดความริษยา คิดทำร้ายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร นอกจากนี้เจ้าดูสิขนาดท่านย่ายังไม่คิดจะมาสนใจเรื่องนี้เลย!"
เว่ยฉางอิ๋งขมวดคิ้วแล้วกล่าว "บ้านอื่นก็ว่าไป แต่อาสะใภ้สาม หลายเดือนนี้ที่ท่านอยู่มาก็เห็นแล้วว่า นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับชาติตระกูลที่ถือกำเนิดมา กลัวที่สุดก็คือการที่คนอื่นพูดว่านางไม่เหมาะกับการเป็นสะใภ้ตระกูลเว่ย ไม่ว่าอะไรต่างก็ต้องทำอย่างฉลาดมีเมตตามีคุณธรรมไว้ก่อน ข้าว่าที่พี่หญิงรองคอยรังแกนางและคนในบ้านนาง ก่อนหน้านี้น้องหญิงสี่กับน้องหญิงห้าไม่ได้กล่าวว่าจะไม่ไป เกรงว่าคงเกี่ยวข้องกับนิสัยของอาสะใภ้สามด้วย ส่วนท่านย่า อย่างไรก็เป็นผู้ใหญ่ พี่หญิงรองก็ไม่ได้ทำถึงขนาดว่าจะไม่จัดการไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่พี่น้องทะเลาะกัน ฐานะอย่างท่านย่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร?"
ซ่งไจ้สุ่ยนิ่งคิดไปแล้วกล่าวว่า "ก็มีเหตุผล...แต่ว่าฮูหยินเผยคนนี้เองก็ช่างน่าขัน นางกลัวว่าคนอื่นจะพูดว่านางปีนป่ายมาแต่งงานกับตระกูลเว่ย นางคอยเอาใจท่านย่าก็ไม่ใช่ว่าได้แล้วหรือ ท่านย่าเป็นคนที่ยอมให้คนนอกมากล่าวว่าสะใภ้ของตนเองง่ายๆ หรือ ยิ่งไปกว่านั้นฮูหยินเผยจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับการเป็นสะใภ้ตระกูลเว่ย แน่นอนว่าต้องเป็นท่านย่าคนเดียวที่พูดแล้วจบ ส่วนบ้านอื่นนั้น โดยเฉพาะเว่ยฉางเสียนที่เป็นรุ่นหลังอีก นางยังหวาดกลัวอย่างนั้น เกรงว่าท่านย่ามองแล้วคงต้องผิดหวังมากแน่"
"หนามในใจของอาสะใภ้สามที่ใหญ่ที่สุดก็คือสิ่งนี้ แล้วนางยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้อีก" เว่ยฉางอิ๋งกล่าว "ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเวลาตนเองอยู่บ้านไม่นั้นสามารถเหยียดหลังตรงได้ จริงๆ แล้วท่านย่าไม่เคยโทษนางเรื่องบุตรชายมาก่อนเลย ทั้งยังชมเชยนางหลายครั้งเรื่องความนุ่มนวลมีเมตตามีคุณธรรม ข้าว่าอาจเพราะท่านย่าเห็นแก่หน้าของท่านปู่ใหญ่จึงไม่ได้คิดบัญชีอะไรกับจวนจิ้นผิงกงมากกว่า"
ซ่งไจ้สุ่ยหัวเราะออกมา แม้จะไม่กล่าวอะไร แต่ในใจกลับคิดว่า หลายปีก่อนในใจของท่านย่าต่างก็อยู่ที่บุตรหลานของบ้านใหญ่ ตอนนี้ในใจก็คิดแต่เรื่องอนาคตของพี่น้องคู่นี้ เว่ยเซิ่งเหนียนนั่นไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของท่านย่าสักหน่อย ทั้งยังมีความสามารถธรรมดาไม่มีประโยชน์นัก ดึงมาเป็นพวกก็คุณค่าไม่มาก แล้วท่านย่ายังจะมีอารมณ์ที่ไหนไปสนใจบุตรหลานของบ้านเขาอีกว่าจะมีอนาคตไหม จะรุ่งเรืองไหมหรือว่าจะถูกคนรังแกไหมอีก ขอแค่ฮูหยินเผยจัดการบ้านสามไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่อะไร ท่านย่าก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว อย่างไรก็ไม่ใช่สายเลือดของนาง!
ดังนั้น ตอนที่อารมณ์ดี ชื่นชมนางเผยสักหน่อยจะเป็นอย่างไร?
เอาเว่ยเกาชวนที่ถูกเว่ยฮ่วนตรวจสอบการเรียนพร้อมกับเว่ยฉางเฟิงมาพูดแล้วกัน เว่ยเกาชวนพบเว่ยฮ่วนราวกับหนูพบแมว เว่ยเซิ่งเหนียนขี้ขลาด นางเผยเป็นฮูหยินยังไม่กล้าช่วยพูดให้เขา ก็ยังมีฮูหยินผู้เฒ่าซ่งที่คอยพูดบ้างเวลาที่เว่ยเกาชวนถูกลงโทษจากฎตระกูล ที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยอมช่วยพูดยังไม่ใช่เพราะว่าเขาสู้เว่ยฉางเฟิงไม่ได้ไม่สามารถคุกคามเว่ยฉางเฟิงในอนาคตได้หรือ! หากว่าในด้านการเรียนเว่ยเกาชวนเหนือกว่าเว่ยฉางเฟิง คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคงมองเขาไม่สบอารมณ์ไปนานแล้ว
ในใจของซ่งไจ้สุ่ยรู้ดีว่า แม้ตำแหน่งผู้นำตระกูลจะสืบทอดแก่ผู้มีความสามารถในตระกูลมาตลอด แต่ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งแล้ว ไม่เพียงแต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลเว่ยของเฟิ่งโจวเท่านั้น กระทั่งตำแหน่งฉางซานกงของเว่ยฮ่วน ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ชั้นสูงประเทศ ทั้งหมดทั้งมวล ต่างก็ต้องเป็นของเว่ยฉางเฟิงทั้งนั้น!
ไม่ว่าใครที่ใจกล้าและมีใจทะเยอทะยาน อย่างเว่ยเซิ่งอี้ที่เป็นข้อยกเว้นในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะเว่ยฮ่วนไม่มีบุตรชายคนอื่นที่มีความสามารถ และจำเป็นต้องให้เว่ยเซิ่งอี้เป็นผู้ที่คอยหนุนเว่ยฮ่วนที่มีอายุมากขึ้นและร่างกายอ่อนแอส่วนรุ่นหลานก็ยังไม่โตในหลายปีมานี้ ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งในตอนนั้นคงได้บีบเว่ยเซิ่งอี้จนตายแน่!
ส่วนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะคุกคามตำแหน่งของเว่ยฉางเฟิงได้นั้น ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเองก็ไม่เลือกวิธีการ
ไม่เพียงแค่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเท่านั้น ฮูหยินซ่งที่ใจอ่อนราวกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิกับบุตรสาวบุตรชาย สำหรับอุปสรรคที่ขัดขวางอนาคตของบุตรสาวบุตรชายแล้วจะต้องใช้ฝีมือที่เหี้ยมโหดอำมหิตขนาดไหนนางก็เหี้ยมโหดอำมหิตเท่านั้น
คิดได้อย่างนี้แล้ว ซ่งไจ้สุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เว่ยฉางอิ๋งแล้วกล่าวอย่างแค้นใจว่า "ไร้มารดาหนุน ตอนนี้ข้าถึงได้เข้าใจความหมายนี้เอง!"
"...ทำไมถึงได้คิดมาถึงตรงนี้ได้?" เว่ยฉางอิ๋งที่กำลังหยิบเอากุญแจเงินแบ่งผลไม้ตามฤดูในถ้วยได้ยินเข้า ใบหน้าก็พังทันที
และแล้ว ซ่งไจ้สุ่ยก็เบี่ยงหัวข้อไปที่เรื่องที่ทุกวันนี้นางทั้งจนใจทั้งทุกข์ใจทั้งร้อนรนทั้งแค้นเคืองทั้งหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว "หากว่าท่านแม่ยังอยู่ ตอนนี้ทำไมข้าจะต้องมาหน้าด้านอยู่ที่ตระกูลเว่ยเพราะไม่อยากแต่งงานกับเจ้านายที่ทำแต่เรื่องเหลวไหลไร้สาระของวังตะวันออกนั่นด้วย ทั้งยังต้องคอยกังวลว่าจะถูกไล่ไปทุกเมื่ออีก...หรือว่าชาติก่อนข้าทำเรื่องผิดบาปอะไรเอาไว้มากมายนัก ทำไมข้าถึงได้ต้องมีชะตาอย่างนี้...รู้แต่แรกว่ามาเกิดกับตระกูลซ่งแล้วต้องแต่งงานกับคนอย่างนั้น ข้ายอมไปเกิดเป็นหญิงธรรมดาที่ต้องลำบากไปทุกวันในตระกูลต่ำยังดีกว่า แต่งงานกับประชาชนตระกูลต่ำธรรมดา อย่างไรก็ยังดีว่าต้องไปเป็นชายารัชทายาทอะไรนั่น..."
เห็นพี่สาวที่ก่อนหน้านี้ยังคอยชี้แนะอย่างสุขุมรอบคอบและเต็มไปด้วยความมั่นใจพริบตาเดียวกลับพลันใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา ร้องไห้อย่างเสียใจและอับจน เว่ยฉางอิ๋งก็ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า "บางที...หากท่านแสร้งป่วย แกล้งป่วยหนัก ข้าจะลองไปขอร้องท่านย่าแทนท่านดูไหม?"
ซ่งไจ้สุ่ยพลันหยุดร้องไห้ นางกระทืบเท้าแล้วรีบกล่าวเร่งทันที "เจ้ายังไม่รีบไปอีกรึ?!"
.............................................
ถึงแม้ว่าเว่ยฉางอิ๋งจะเก่งกาจการต่อสู้ แต่กลับไม่ใช่คนที่โง่งมไร้เดียงสา นางเพียงแค่ดื้อดึงเท่านั้น เมื่อได้ฟังอย่างนี้นางจึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า "นี่นับว่าน่าแปลกแล้ว ข้ากับพวกนางไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน อีกอย่างตอนนี้งานแต่งงานของพวกนางท่านย่าก็เป็นคนจัดการให้ แล้วจะมีความกล้าอะไรมาวางแผนข้า?"
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งปฏิบัติกับบ้านใหญ่ตั้งแต่บนไปล่างอย่างลำเอียงแบบเห็นได้ชัด แต่เพราะฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้เป็นคนที่เข้มงวดมาตลอด ทำให้บ้านอื่นไม่กล้ากระทั่งแสดงท่าทีอิจฉาออกมา เว่ยฉางอิ๋งคุ้นชินกับการเป็นที่หนึ่งเหนือคนอื่นในตระกูลนานแล้ว เมื่อได้ยินที่ซ่งไจ้สุ่ยวิเคราะห์ออกมา ว่ามาจากความสนใจต่อความแค้นเคืองอิจฉาริษยาจากพี่น้องชายหญิงทั้งหลาย จึงมักคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ซ่งไจ้สุ่ยมีอนาคตอย่างนั้น ทั้งยังได้รับการถ่ายทอดวิชาฝีมือที่ลึกล้ำร้ายกาจมากมายมาจากฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลซ่งอีก จึงมักไม่กลัวที่จะคิดถึงคนอื่นในทางที่ร้ายกาจที่สุดเอาไว้ก่อน จึงกล่าวทันทีว่า "เจ้าคิดว่าต้องเป็นอย่างไรถึงจะมีความแค้นหรือ ทะเลาะกันแตกหักกันตรงๆ ถึงจะเป็นความแค้นหรือ พูดไปถึงฮองเฮาในตอนนี้กับรัชทายาท แต่ก่อนต่อหน้าฮ่องเต้เวลาปฏิบัติกับข้ายังนับว่าเกรงใจบ้าง แต่วันนี้ ในใจข้าเฝ้ารอคอยแทบจะอยากให้ทั้งสองคนตายเลยถึงจะดี! เพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องแต่งงานไปทุกข์ทนในวังตะวันออก!"
แล้วกล่าวต่อว่า "เจ้าคิดดูว่าที่ท่านย่าคอยตามใจรักใคร่เจ้ากับฉางเฟิงอย่างนี้ เว่ยฉางเสียนถึงกล้ารังแกพวกนางแต่ไม่กล้ารังแกพวกเจ้าสองพี่น้อง คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าของบ้านเจ้า จะไม่รู้สึกอิจฉาหรือ ในใจเกิดความริษยา คิดทำร้ายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร นอกจากนี้เจ้าดูสิขนาดท่านย่ายังไม่คิดจะมาสนใจเรื่องนี้เลย!"
เว่ยฉางอิ๋งขมวดคิ้วแล้วกล่าว "บ้านอื่นก็ว่าไป แต่อาสะใภ้สาม หลายเดือนนี้ที่ท่านอยู่มาก็เห็นแล้วว่า นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับชาติตระกูลที่ถือกำเนิดมา กลัวที่สุดก็คือการที่คนอื่นพูดว่านางไม่เหมาะกับการเป็นสะใภ้ตระกูลเว่ย ไม่ว่าอะไรต่างก็ต้องทำอย่างฉลาดมีเมตตามีคุณธรรมไว้ก่อน ข้าว่าที่พี่หญิงรองคอยรังแกนางและคนในบ้านนาง ก่อนหน้านี้น้องหญิงสี่กับน้องหญิงห้าไม่ได้กล่าวว่าจะไม่ไป เกรงว่าคงเกี่ยวข้องกับนิสัยของอาสะใภ้สามด้วย ส่วนท่านย่า อย่างไรก็เป็นผู้ใหญ่ พี่หญิงรองก็ไม่ได้ทำถึงขนาดว่าจะไม่จัดการไม่ได้ ทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่พี่น้องทะเลาะกัน ฐานะอย่างท่านย่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร?"
ซ่งไจ้สุ่ยนิ่งคิดไปแล้วกล่าวว่า "ก็มีเหตุผล...แต่ว่าฮูหยินเผยคนนี้เองก็ช่างน่าขัน นางกลัวว่าคนอื่นจะพูดว่านางปีนป่ายมาแต่งงานกับตระกูลเว่ย นางคอยเอาใจท่านย่าก็ไม่ใช่ว่าได้แล้วหรือ ท่านย่าเป็นคนที่ยอมให้คนนอกมากล่าวว่าสะใภ้ของตนเองง่ายๆ หรือ ยิ่งไปกว่านั้นฮูหยินเผยจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับการเป็นสะใภ้ตระกูลเว่ย แน่นอนว่าต้องเป็นท่านย่าคนเดียวที่พูดแล้วจบ ส่วนบ้านอื่นนั้น โดยเฉพาะเว่ยฉางเสียนที่เป็นรุ่นหลังอีก นางยังหวาดกลัวอย่างนั้น เกรงว่าท่านย่ามองแล้วคงต้องผิดหวังมากแน่"
"หนามในใจของอาสะใภ้สามที่ใหญ่ที่สุดก็คือสิ่งนี้ แล้วนางยังไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้อีก" เว่ยฉางอิ๋งกล่าว "ดังนั้นจึงรู้สึกว่าเวลาตนเองอยู่บ้านไม่นั้นสามารถเหยียดหลังตรงได้ จริงๆ แล้วท่านย่าไม่เคยโทษนางเรื่องบุตรชายมาก่อนเลย ทั้งยังชมเชยนางหลายครั้งเรื่องความนุ่มนวลมีเมตตามีคุณธรรม ข้าว่าอาจเพราะท่านย่าเห็นแก่หน้าของท่านปู่ใหญ่จึงไม่ได้คิดบัญชีอะไรกับจวนจิ้นผิงกงมากกว่า"
ซ่งไจ้สุ่ยหัวเราะออกมา แม้จะไม่กล่าวอะไร แต่ในใจกลับคิดว่า หลายปีก่อนในใจของท่านย่าต่างก็อยู่ที่บุตรหลานของบ้านใหญ่ ตอนนี้ในใจก็คิดแต่เรื่องอนาคตของพี่น้องคู่นี้ เว่ยเซิ่งเหนียนนั่นไม่ใช่บุตรชายแท้ๆ ของท่านย่าสักหน่อย ทั้งยังมีความสามารถธรรมดาไม่มีประโยชน์นัก ดึงมาเป็นพวกก็คุณค่าไม่มาก แล้วท่านย่ายังจะมีอารมณ์ที่ไหนไปสนใจบุตรหลานของบ้านเขาอีกว่าจะมีอนาคตไหม จะรุ่งเรืองไหมหรือว่าจะถูกคนรังแกไหมอีก ขอแค่ฮูหยินเผยจัดการบ้านสามไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่อะไร ท่านย่าก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว อย่างไรก็ไม่ใช่สายเลือดของนาง!
ดังนั้น ตอนที่อารมณ์ดี ชื่นชมนางเผยสักหน่อยจะเป็นอย่างไร?
เอาเว่ยเกาชวนที่ถูกเว่ยฮ่วนตรวจสอบการเรียนพร้อมกับเว่ยฉางเฟิงมาพูดแล้วกัน เว่ยเกาชวนพบเว่ยฮ่วนราวกับหนูพบแมว เว่ยเซิ่งเหนียนขี้ขลาด นางเผยเป็นฮูหยินยังไม่กล้าช่วยพูดให้เขา ก็ยังมีฮูหยินผู้เฒ่าซ่งที่คอยพูดบ้างเวลาที่เว่ยเกาชวนถูกลงโทษจากฎตระกูล ที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งยอมช่วยพูดยังไม่ใช่เพราะว่าเขาสู้เว่ยฉางเฟิงไม่ได้ไม่สามารถคุกคามเว่ยฉางเฟิงในอนาคตได้หรือ! หากว่าในด้านการเรียนเว่ยเกาชวนเหนือกว่าเว่ยฉางเฟิง คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคงมองเขาไม่สบอารมณ์ไปนานแล้ว
ในใจของซ่งไจ้สุ่ยรู้ดีว่า แม้ตำแหน่งผู้นำตระกูลจะสืบทอดแก่ผู้มีความสามารถในตระกูลมาตลอด แต่ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าซ่งแล้ว ไม่เพียงแต่ตำแหน่งผู้นำตระกูลเว่ยของเฟิ่งโจวเท่านั้น กระทั่งตำแหน่งฉางซานกงของเว่ยฮ่วน ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ชั้นสูงประเทศ ทั้งหมดทั้งมวล ต่างก็ต้องเป็นของเว่ยฉางเฟิงทั้งนั้น!
ไม่ว่าใครที่ใจกล้าและมีใจทะเยอทะยาน อย่างเว่ยเซิ่งอี้ที่เป็นข้อยกเว้นในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะเว่ยฮ่วนไม่มีบุตรชายคนอื่นที่มีความสามารถ และจำเป็นต้องให้เว่ยเซิ่งอี้เป็นผู้ที่คอยหนุนเว่ยฮ่วนที่มีอายุมากขึ้นและร่างกายอ่อนแอส่วนรุ่นหลานก็ยังไม่โตในหลายปีมานี้ ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งในตอนนั้นคงได้บีบเว่ยเซิ่งอี้จนตายแน่!
ส่วนที่มีความเป็นไปได้ว่าจะคุกคามตำแหน่งของเว่ยฉางเฟิงได้นั้น ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเองก็ไม่เลือกวิธีการ
ไม่เพียงแค่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเท่านั้น ฮูหยินซ่งที่ใจอ่อนราวกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิกับบุตรสาวบุตรชาย สำหรับอุปสรรคที่ขัดขวางอนาคตของบุตรสาวบุตรชายแล้วจะต้องใช้ฝีมือที่เหี้ยมโหดอำมหิตขนาดไหนนางก็เหี้ยมโหดอำมหิตเท่านั้น
คิดได้อย่างนี้แล้ว ซ่งไจ้สุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่เว่ยฉางอิ๋งแล้วกล่าวอย่างแค้นใจว่า "ไร้มารดาหนุน ตอนนี้ข้าถึงได้เข้าใจความหมายนี้เอง!"
"...ทำไมถึงได้คิดมาถึงตรงนี้ได้?" เว่ยฉางอิ๋งที่กำลังหยิบเอากุญแจเงินแบ่งผลไม้ตามฤดูในถ้วยได้ยินเข้า ใบหน้าก็พังทันที
และแล้ว ซ่งไจ้สุ่ยก็เบี่ยงหัวข้อไปที่เรื่องที่ทุกวันนี้นางทั้งจนใจทั้งทุกข์ใจทั้งร้อนรนทั้งแค้นเคืองทั้งหวาดกลัวอย่างรวดเร็ว "หากว่าท่านแม่ยังอยู่ ตอนนี้ทำไมข้าจะต้องมาหน้าด้านอยู่ที่ตระกูลเว่ยเพราะไม่อยากแต่งงานกับเจ้านายที่ทำแต่เรื่องเหลวไหลไร้สาระของวังตะวันออกนั่นด้วย ทั้งยังต้องคอยกังวลว่าจะถูกไล่ไปทุกเมื่ออีก...หรือว่าชาติก่อนข้าทำเรื่องผิดบาปอะไรเอาไว้มากมายนัก ทำไมข้าถึงได้ต้องมีชะตาอย่างนี้...รู้แต่แรกว่ามาเกิดกับตระกูลซ่งแล้วต้องแต่งงานกับคนอย่างนั้น ข้ายอมไปเกิดเป็นหญิงธรรมดาที่ต้องลำบากไปทุกวันในตระกูลต่ำยังดีกว่า แต่งงานกับประชาชนตระกูลต่ำธรรมดา อย่างไรก็ยังดีว่าต้องไปเป็นชายารัชทายาทอะไรนั่น..."
เห็นพี่สาวที่ก่อนหน้านี้ยังคอยชี้แนะอย่างสุขุมรอบคอบและเต็มไปด้วยความมั่นใจพริบตาเดียวกลับพลันใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา ร้องไห้อย่างเสียใจและอับจน เว่ยฉางอิ๋งก็ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า "บางที...หากท่านแสร้งป่วย แกล้งป่วยหนัก ข้าจะลองไปขอร้องท่านย่าแทนท่านดูไหม?"
ซ่งไจ้สุ่ยพลันหยุดร้องไห้ นางกระทืบเท้าแล้วรีบกล่าวเร่งทันที "เจ้ายังไม่รีบไปอีกรึ?!"
.............................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ