ยอดสตรีฉางอิ๋ง
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.
35 ตอน
0 วิจารณ์
28.24K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) พี่สาวผู้รังแกได้ (2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฮูหยินซ่งกุมขมับ แทบจะร้องไห้โฮออกมา!
ทำไมนางถึงได้ให้กำเนิดสายเลือดตัวน้อยที่วางใจไม่ได้อย่างนี้?!
หลังจากหมดหวังแล้ว ฮูหยินซ่งไม่สามารถไม่พยายามเตือนเรื่องภาระสำคัญของบุตรสาวต่อได้ นางอดทนเตือนแล้วเตือนอีก ทั้งยังนำคำกล่าวในหนังสือมาอ้างด้วย แทบจะกล่าวทั้งน้ำตา บรรยายถึงความคิดประหลาดพิสดารและเหลวไหลที่เว่ยฉางอิ๋งคิด และเน้นย้ำถึงความสุขงดงามที่แท้จริง การแต่งงานที่ดีที่มีพ่อสามีแม่สามีเอ็นดู สามีรักใคร่ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นสะใภ้จะต้องฉลาดเฉลียวมีเมตตา มีศีลธรรม! และมีศีลธรรม!
นับแต่โบราณมา ไม่เคยมีสะใภ้ที่ไหนที่อาศัยการตีสามีแทบเป็นแทบตายทำให้ใช้ชีวิตได้ดีเลย!
เหล่าเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์นี้ที่ได้รับการผ่อนปรนคือข้อยกเว้น ก็ด้วยเหตุนี้ แต่คนที่มาจากตระกูลสูง ใครบ้างที่หากได้ยินว่าองค์หญิงจะแต่งงานแล้วไม่กลัวจนร้อนรนแทบตาย กลัวว่าตนเองจะถูกเลือก?
โดยเฉพาะเว่ยฉางอิ๋งที่ถือกำเนิดจากตระกูลระดับสูงที่สุดในแผ่นดินของตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจว และยังแต่งงานกับตระกูลเสิ่นของซีเหลียงที่เทียบเคียงกับตระกูลเว่ยของเฟิ่งโจวอีก ตระกูลทั้งหกในแผ่นดิน ต่างก็เป็นตระกูลมีชื่อที่คนในแผ่นดินต่างยอมรับกันมาหลายร้อยปีแล้ว และมีกฎมารยาทที่โดดเด่น!
ยังยาวนานกว่าประเทศต้าเว่ยในปัจจุบันเสียอีก!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเฟิ่งโจวนั้นตั้งแต่อดีตมาก็มีผู้อาวุโสฝ่ายบุ๋นถือกำเนิดมากมาย ไม่เคยมีหญิงป่าเถื่อนมาก่อนเลย!
นิสัยอย่างเว่ยฉางอิ๋ง หากอยู่ในตระกูลเสิ่น ยังกล่าวได้ว่าเป็นหญิงที่เกิดจาดตระกูลพยัคฆ์...แต่เมื่อมาอยู่ในตระกูลเว่ยแล้ว...นี่จะกล่าวอย่างไร?
ฮูหยินซ่งจะไม่ร้อนรนได้อย่างไรกัน
นางกล่าวอย่างปวดใจและจดจ่อ ทำให้ไม่ทันสังเกตเห็นว่าเว่ยฉางอิ๋งนั้นไม่รู้เอาหัวมาพิงที่ไหล่นางตั้งแต่เมื่อไหร่...ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮูหยินซ่งพลันรู้สึกว่าบุตรสาวราวกับผงกหัวอยู่ในอกของตน กำลังจะดีใจที่บุตรสาวถือว่าเข้าใจเสียที แต่เมื่อก้มลงไปมอง เจ้าสารเลวตัวน้อยที่สิบส่วนต้องเป็นศัตรูมาเกิดคนนี้กลับกำลังพิงตนและนอนหลับ หากไม่ปลุกนางให้ตื่น เกรงว่าตนพูดไปอีกสักสามคำห้าคำ นางคงได้นอนหลับไปเฝ้าวิมานชั้นเก้าแน่!
ฮูหยินซ่งเรียกได้ว่า...
ดังนั้น ผ่านไปวันหนึ่ง เว่ยฉางอิ๋งก็ไปคุกเข่าในเรือนอย่างน้อยอกน้อยใจอีกครั้ง
เพียงแค่เมื่อวานแม้ว่าจะหลบพ้นการลงโทษของฮูหยินซ่งได้ และจงใจกล่าวว่าตนเองถูกแดดเผาออกมา แต่ว่าเว่ยฉางอิ๋งก็ถูกแดดเผาจนดำจริงๆ ดังนั้นวันนี้จึงไม่กล้าจงใจไปคุกเข่าท่ามกลางแสงอาทิตย์เพื่อให้ฮูหยินซ่งสงสารอีก
นางนั่งคุกเข่าใต้เงาไม้ของต้นการบูรอย่างอึดอัดคับใจ จ้องไปยังเรือนที่อยู่ไม่ไกลอย่างเหม่อลอย เหม่อได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอย่างรีบร้อนมา ปลายชุดคลุมบางสีจางพลันมาตรงหน้านาง น้องชายแท้ๆ เว่ยฉางเฟิงมีสีหน้าแค้นใจขัดเคืองใจนัก เขายืนด้านข้างห่างออกไปสองก้าว แล้วกัดฟันกล่าวว่า "ท่านพี่ทำไมถึงได้มาคุกเข่าที่นี่อีกแล้ว?"
"...ท่านแม่พูดเรื่องสะใภ้ต้องเฉลียวฉลาดมีศีลธรรม ข้าไม่ทันระวังแล้วหลับไป" เว่ยฉางอิ๋งไม่ได้รู้สึกขายหน้าต่อหน้าน้องชายแท้ๆ เลยแม้แต่น้อย แล้วถามอย่างไม่ใส่ใจว่า "เจ้ามาได้อย่างไร?"
เว่ยฉางเฟิงใช้มือกุมใบหน้าแล้วกล่าวอย่างทุกข์ใจว่า "ท่านพี่คิดว่าข้าอยากมาหรือ แต่ว่าแม่นมซือไล่คนไปแล้วมาหาข้า บอกว่าท่านพี่ถูกลงโทษอีกแล้ว ให้ข้าไปขอร้องท่านแม่แทนท่าน!"
"แล้วเจ้ายังไม่รีบไปอีกหรือ!" เว่ยฉางอิ๋งพลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที นางรีบเหยียดตัวตรงแล้วกล่าวเร่ง!
"ท่านพี่!" เว่ยฉางเฟิงปล่อยมือแล้วชี้ไปยังพี่สาวของตน พลางกล่าวเสียงลอดไรฟันว่า "ท่านพี่ ไม่ใช่ว่าข้าว่าท่านนะ...ท่านจะช่วยฟังท่านแม่สักหน่อยได้ไหม นั่นน่ะคือท่านแม่ของพวกเรานะ หรือว่าท่านแม่ยังจะทำร้ายท่านหรือ?"
เว่ยฉางอิ๋งปรายตามองเขาแล้วกล่าวว่า "แม่นมซือให้เจ้าไปขอร้องแทนข้า ไม่ได้ให้เจ้ามากล่าวคำที่ก่อนหน้านี้ท่านแม่ยังกล่าวไม่จบต่อ...อีกอย่าง ตอนนี้คนที่จะต้องแต่งงานไปก็ไม่ใช่เจ้า เจ้าจะเข้าใจอะไร!"
เว่ยฉางเฟิงถูกท่านพี่คนนี้ด่ามาตั้งแต่เล็ก ตอนนี้สถานการณ์อย่างนี้ยิ่งไม่มีอารมณ์จะมาถือสาโต้เถียงกับนาง เขากล่าวอย่างจริงจังว่า "ท่านพี่ คนที่จะต้องแต่งงานไม่ใช่ข้า แต่ว่าข้ากับเสิ่นจั้งเฟิงคือผู้ชายเหมือนกัน ท่านเชื่อข้าสักครั้ง ภรรยาในอนาคตของข้า หากว่ายังไม่ทันจะแต่งเข้าตระกูลมาก็คิดจะตีข้าแล้ว ท่านคิดว่าข้ายังจะปฏิบัติกับนางดีๆ ไหม?! ความคิดของผู้ชายในแผ่นดินต่างก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น! ความคิดของท่านเหล่านั้นมันเหลวไหลสิ้นดี!"
"เจ้าจะปฏิบัติกับนางดีๆ หรือไม่ก็ไม่สำคัญ ขอแค่นางสามารถตีจนเจ้าได้แต่ต้องเชื่อฟังดีๆ ได้ ยังจะต้องกลัวว่าจะดูแลบ้านไม่ได้อีกหรือ?" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวยืนกราน "เจ้าไม่ต้องมาเสียงดังใส่ข้าที่นี่ รีบไปขอร้องเสีย! จำไว้ว่าไปพูดให้ดีๆ หน่อย!"
เว่ยฉางเฟิงร้องครางแล้วกล่าวว่า "ท่านพี่ดื้อดึงอย่างนี้ ข้าว่าข้าไม่ต้องสนใจท่านแล้วดีกว่า! ท่านอยู่ตรงนี้แล้วมีสติเสียทีเถอะ!"
เขากล่าวแล้วก็สะบัดแขนเสื้อจากไป คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะหมุนตัวก็รู้สึกว่าแขนเสื้อถูกจับไว้แน่น เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าเว่ยฉางอิ๋งคว้าชายแขนเสื้อเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวเสียงเย็นว่า "เจ้ากล้าไปหรือ?!"
เว่ยฉางเฟิงปวดหัวขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "จุดประสงค์ของท่านแม่ไม่ใช่เพื่อให้ท่านพี่มาคุกเข่าที่นี่นานหรอก หรือว่าที่ท่านพี่คุกเข่าที่นี่ท่านแม่จะไม่ปวดใจหรือ ไม่ใช่เพราะหวังดีกับท่านหรือ! ตอนนี้ข้าเองก็คิดอย่างนี้เช่นกัน!"
"เจ้าจะคิดอย่างไรข้าไม่สนใจ อย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องเข้าไปหาท่านแม่แล้วไปขอร้องให้ข้าดีๆ ภายในหนึ่งก้านธูป หากว่าท่านแม่ยังไม่ให้ข้าลุกขึ้น ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวเสียงต่ำอย่างอาฆาต "รีบไปเร็ว"
เว่ยฉางเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวว่า "ท่านพี่ท่านตื่นได้แล้ว! ข้าคือน้องชายของท่าน ท่านตีข้าข้าไม่แค้นท่าน แต่ว่าเสิ่นจั้งเฟิงคนนั้นคือสามีท่านนะ! ท่านคิดว่าเขาจะยอมให้ท่านอย่างข้าหรือ?"
"เจ้าจะคิดอย่างไรข้าไม่สนใจ อย่างไรตอนนี้เจ้า ต้องเข้าไปหาท่านแม่แล้วขอร้องให้ข้าดีๆ ภายในหนึ่งก้านธูป หากว่าท่านแม่ยังไม่ให้ข้าลุกขึ้น ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!"
"ท่านพี่ท่านจะแต่งงานปีหน้าแล้ว ทุกวันนี้ยังไม่ยอมเชื่อฟังอีก ท่านจะให้ข้า ท่านแม่และท่านย่าวางใจได้อย่างไร หากว่าท่านไม่สนใจว่าข้าจะคิดอย่างไร แต่ท่านแม่กับท่านย่า...โดยเฉพาะท่านย่าที่อายุมากแล้ว ท่านจะยอมทนเห็นท่านย่าต้องไม่วางใจที่ต้องเห็นท่านแต่งงานไปไกลถึงเมืองหลวงด้วยหรือ?" เว่ยฉางเฟิงลองกล่าวด้วยเหตุผลกับนางอย่างอดทน
แต่ทว่า
"เจ้าจะคิดอย่างไรข้าไม่สนใจ อย่างไรตอนนี้เจ้า ต้องเข้าไปหาท่านแม่แล้วขอร้องให้ข้าดีๆ ภายในหนึ่งก้านธูป หากว่าท่านแม่ยังไม่ให้ข้าลุกขึ้น ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!!!"
เว่ยฉางเฟิงออกแรงดิ้น "ต่อให้ข้าไปขอร้องท่านแม่ตอนนี้ แต่ว่าท่านพี่ไปเป็นสะใภ้อย่างนี้ แล้วท่านจะไปเอาใจแม่สามีได้อย่างไร แล้วภายหลังท่านจะใช้ชีวิตอย่างไร?"
น่าเสียดาย สิ่งที่ตอบเขากลับมาก็คือ...
"ภายในหนึ่งก้านธูป หากท่านแม่ยังไม่เรียกข้าขึ้นมา ข้าจะจัดการซัดเจ้าเสียก่อน!!!"
เว่ยฉางอิ๋งทำหน้าขรึม แววตาไม่เป็นมิตร นางกล่าวไป ก็กำนิ้วที่ดูเรียวยาวอ่อนนุ่มและขาวเนียนละเอียดของนางจนดังกรอบไปด้วย!
ท่านพี่อย่างนี้!!!
คุณชายห้าตระกูลเว่ยที่รักใคร่ท่านพี่อย่างจริงใจ ทั้งยังมีกาลเทศะ ฉลาดเข้าใจเรื่องราวผู้น่าสงสาร ก็ได้แต่ต้องพ่ายแพ้ไป...
เห็นเขาก้มหน้าลงแล้วเดินไปที่ระเบียงคดอย่างเศร้าสลดแล้ว เว่ยฉางอิ๋งก็ร้องฮึออกมาอย่างพอใจแล้วกล่าวกับตนเองว่า "หากไม่ปั้นหน้าเสียหน่อย เจ้าคิดว่าพี่สาวคนนี้รังแกได้ง่ายจริงๆ หรือ?" จากนั้นก็พลันดีใจ "ฉางเฟิงเข้าใจเหตุผลที่สุด แต่ว่าก็ยังยอมเข้าไปอย่างเชื่อฟัง เห็นได้ชัดว่าหมัดเป็นเหตุผลที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว! ข้าไม่ได้ผิดจริงๆ!"
................................................
ทำไมนางถึงได้ให้กำเนิดสายเลือดตัวน้อยที่วางใจไม่ได้อย่างนี้?!
หลังจากหมดหวังแล้ว ฮูหยินซ่งไม่สามารถไม่พยายามเตือนเรื่องภาระสำคัญของบุตรสาวต่อได้ นางอดทนเตือนแล้วเตือนอีก ทั้งยังนำคำกล่าวในหนังสือมาอ้างด้วย แทบจะกล่าวทั้งน้ำตา บรรยายถึงความคิดประหลาดพิสดารและเหลวไหลที่เว่ยฉางอิ๋งคิด และเน้นย้ำถึงความสุขงดงามที่แท้จริง การแต่งงานที่ดีที่มีพ่อสามีแม่สามีเอ็นดู สามีรักใคร่ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นสะใภ้จะต้องฉลาดเฉลียวมีเมตตา มีศีลธรรม! และมีศีลธรรม!
นับแต่โบราณมา ไม่เคยมีสะใภ้ที่ไหนที่อาศัยการตีสามีแทบเป็นแทบตายทำให้ใช้ชีวิตได้ดีเลย!
เหล่าเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์นี้ที่ได้รับการผ่อนปรนคือข้อยกเว้น ก็ด้วยเหตุนี้ แต่คนที่มาจากตระกูลสูง ใครบ้างที่หากได้ยินว่าองค์หญิงจะแต่งงานแล้วไม่กลัวจนร้อนรนแทบตาย กลัวว่าตนเองจะถูกเลือก?
โดยเฉพาะเว่ยฉางอิ๋งที่ถือกำเนิดจากตระกูลระดับสูงที่สุดในแผ่นดินของตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจว และยังแต่งงานกับตระกูลเสิ่นของซีเหลียงที่เทียบเคียงกับตระกูลเว่ยของเฟิ่งโจวอีก ตระกูลทั้งหกในแผ่นดิน ต่างก็เป็นตระกูลมีชื่อที่คนในแผ่นดินต่างยอมรับกันมาหลายร้อยปีแล้ว และมีกฎมารยาทที่โดดเด่น!
ยังยาวนานกว่าประเทศต้าเว่ยในปัจจุบันเสียอีก!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเฟิ่งโจวนั้นตั้งแต่อดีตมาก็มีผู้อาวุโสฝ่ายบุ๋นถือกำเนิดมากมาย ไม่เคยมีหญิงป่าเถื่อนมาก่อนเลย!
นิสัยอย่างเว่ยฉางอิ๋ง หากอยู่ในตระกูลเสิ่น ยังกล่าวได้ว่าเป็นหญิงที่เกิดจาดตระกูลพยัคฆ์...แต่เมื่อมาอยู่ในตระกูลเว่ยแล้ว...นี่จะกล่าวอย่างไร?
ฮูหยินซ่งจะไม่ร้อนรนได้อย่างไรกัน
นางกล่าวอย่างปวดใจและจดจ่อ ทำให้ไม่ทันสังเกตเห็นว่าเว่ยฉางอิ๋งนั้นไม่รู้เอาหัวมาพิงที่ไหล่นางตั้งแต่เมื่อไหร่...ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮูหยินซ่งพลันรู้สึกว่าบุตรสาวราวกับผงกหัวอยู่ในอกของตน กำลังจะดีใจที่บุตรสาวถือว่าเข้าใจเสียที แต่เมื่อก้มลงไปมอง เจ้าสารเลวตัวน้อยที่สิบส่วนต้องเป็นศัตรูมาเกิดคนนี้กลับกำลังพิงตนและนอนหลับ หากไม่ปลุกนางให้ตื่น เกรงว่าตนพูดไปอีกสักสามคำห้าคำ นางคงได้นอนหลับไปเฝ้าวิมานชั้นเก้าแน่!
ฮูหยินซ่งเรียกได้ว่า...
ดังนั้น ผ่านไปวันหนึ่ง เว่ยฉางอิ๋งก็ไปคุกเข่าในเรือนอย่างน้อยอกน้อยใจอีกครั้ง
เพียงแค่เมื่อวานแม้ว่าจะหลบพ้นการลงโทษของฮูหยินซ่งได้ และจงใจกล่าวว่าตนเองถูกแดดเผาออกมา แต่ว่าเว่ยฉางอิ๋งก็ถูกแดดเผาจนดำจริงๆ ดังนั้นวันนี้จึงไม่กล้าจงใจไปคุกเข่าท่ามกลางแสงอาทิตย์เพื่อให้ฮูหยินซ่งสงสารอีก
นางนั่งคุกเข่าใต้เงาไม้ของต้นการบูรอย่างอึดอัดคับใจ จ้องไปยังเรือนที่อยู่ไม่ไกลอย่างเหม่อลอย เหม่อได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินอย่างรีบร้อนมา ปลายชุดคลุมบางสีจางพลันมาตรงหน้านาง น้องชายแท้ๆ เว่ยฉางเฟิงมีสีหน้าแค้นใจขัดเคืองใจนัก เขายืนด้านข้างห่างออกไปสองก้าว แล้วกัดฟันกล่าวว่า "ท่านพี่ทำไมถึงได้มาคุกเข่าที่นี่อีกแล้ว?"
"...ท่านแม่พูดเรื่องสะใภ้ต้องเฉลียวฉลาดมีศีลธรรม ข้าไม่ทันระวังแล้วหลับไป" เว่ยฉางอิ๋งไม่ได้รู้สึกขายหน้าต่อหน้าน้องชายแท้ๆ เลยแม้แต่น้อย แล้วถามอย่างไม่ใส่ใจว่า "เจ้ามาได้อย่างไร?"
เว่ยฉางเฟิงใช้มือกุมใบหน้าแล้วกล่าวอย่างทุกข์ใจว่า "ท่านพี่คิดว่าข้าอยากมาหรือ แต่ว่าแม่นมซือไล่คนไปแล้วมาหาข้า บอกว่าท่านพี่ถูกลงโทษอีกแล้ว ให้ข้าไปขอร้องท่านแม่แทนท่าน!"
"แล้วเจ้ายังไม่รีบไปอีกหรือ!" เว่ยฉางอิ๋งพลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที นางรีบเหยียดตัวตรงแล้วกล่าวเร่ง!
"ท่านพี่!" เว่ยฉางเฟิงปล่อยมือแล้วชี้ไปยังพี่สาวของตน พลางกล่าวเสียงลอดไรฟันว่า "ท่านพี่ ไม่ใช่ว่าข้าว่าท่านนะ...ท่านจะช่วยฟังท่านแม่สักหน่อยได้ไหม นั่นน่ะคือท่านแม่ของพวกเรานะ หรือว่าท่านแม่ยังจะทำร้ายท่านหรือ?"
เว่ยฉางอิ๋งปรายตามองเขาแล้วกล่าวว่า "แม่นมซือให้เจ้าไปขอร้องแทนข้า ไม่ได้ให้เจ้ามากล่าวคำที่ก่อนหน้านี้ท่านแม่ยังกล่าวไม่จบต่อ...อีกอย่าง ตอนนี้คนที่จะต้องแต่งงานไปก็ไม่ใช่เจ้า เจ้าจะเข้าใจอะไร!"
เว่ยฉางเฟิงถูกท่านพี่คนนี้ด่ามาตั้งแต่เล็ก ตอนนี้สถานการณ์อย่างนี้ยิ่งไม่มีอารมณ์จะมาถือสาโต้เถียงกับนาง เขากล่าวอย่างจริงจังว่า "ท่านพี่ คนที่จะต้องแต่งงานไม่ใช่ข้า แต่ว่าข้ากับเสิ่นจั้งเฟิงคือผู้ชายเหมือนกัน ท่านเชื่อข้าสักครั้ง ภรรยาในอนาคตของข้า หากว่ายังไม่ทันจะแต่งเข้าตระกูลมาก็คิดจะตีข้าแล้ว ท่านคิดว่าข้ายังจะปฏิบัติกับนางดีๆ ไหม?! ความคิดของผู้ชายในแผ่นดินต่างก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น! ความคิดของท่านเหล่านั้นมันเหลวไหลสิ้นดี!"
"เจ้าจะปฏิบัติกับนางดีๆ หรือไม่ก็ไม่สำคัญ ขอแค่นางสามารถตีจนเจ้าได้แต่ต้องเชื่อฟังดีๆ ได้ ยังจะต้องกลัวว่าจะดูแลบ้านไม่ได้อีกหรือ?" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวยืนกราน "เจ้าไม่ต้องมาเสียงดังใส่ข้าที่นี่ รีบไปขอร้องเสีย! จำไว้ว่าไปพูดให้ดีๆ หน่อย!"
เว่ยฉางเฟิงร้องครางแล้วกล่าวว่า "ท่านพี่ดื้อดึงอย่างนี้ ข้าว่าข้าไม่ต้องสนใจท่านแล้วดีกว่า! ท่านอยู่ตรงนี้แล้วมีสติเสียทีเถอะ!"
เขากล่าวแล้วก็สะบัดแขนเสื้อจากไป คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะหมุนตัวก็รู้สึกว่าแขนเสื้อถูกจับไว้แน่น เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นว่าเว่ยฉางอิ๋งคว้าชายแขนเสื้อเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวเสียงเย็นว่า "เจ้ากล้าไปหรือ?!"
เว่ยฉางเฟิงปวดหัวขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "จุดประสงค์ของท่านแม่ไม่ใช่เพื่อให้ท่านพี่มาคุกเข่าที่นี่นานหรอก หรือว่าที่ท่านพี่คุกเข่าที่นี่ท่านแม่จะไม่ปวดใจหรือ ไม่ใช่เพราะหวังดีกับท่านหรือ! ตอนนี้ข้าเองก็คิดอย่างนี้เช่นกัน!"
"เจ้าจะคิดอย่างไรข้าไม่สนใจ อย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องเข้าไปหาท่านแม่แล้วไปขอร้องให้ข้าดีๆ ภายในหนึ่งก้านธูป หากว่าท่านแม่ยังไม่ให้ข้าลุกขึ้น ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!" เว่ยฉางอิ๋งกล่าวเสียงต่ำอย่างอาฆาต "รีบไปเร็ว"
เว่ยฉางเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวว่า "ท่านพี่ท่านตื่นได้แล้ว! ข้าคือน้องชายของท่าน ท่านตีข้าข้าไม่แค้นท่าน แต่ว่าเสิ่นจั้งเฟิงคนนั้นคือสามีท่านนะ! ท่านคิดว่าเขาจะยอมให้ท่านอย่างข้าหรือ?"
"เจ้าจะคิดอย่างไรข้าไม่สนใจ อย่างไรตอนนี้เจ้า ต้องเข้าไปหาท่านแม่แล้วขอร้องให้ข้าดีๆ ภายในหนึ่งก้านธูป หากว่าท่านแม่ยังไม่ให้ข้าลุกขึ้น ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!"
"ท่านพี่ท่านจะแต่งงานปีหน้าแล้ว ทุกวันนี้ยังไม่ยอมเชื่อฟังอีก ท่านจะให้ข้า ท่านแม่และท่านย่าวางใจได้อย่างไร หากว่าท่านไม่สนใจว่าข้าจะคิดอย่างไร แต่ท่านแม่กับท่านย่า...โดยเฉพาะท่านย่าที่อายุมากแล้ว ท่านจะยอมทนเห็นท่านย่าต้องไม่วางใจที่ต้องเห็นท่านแต่งงานไปไกลถึงเมืองหลวงด้วยหรือ?" เว่ยฉางเฟิงลองกล่าวด้วยเหตุผลกับนางอย่างอดทน
แต่ทว่า
"เจ้าจะคิดอย่างไรข้าไม่สนใจ อย่างไรตอนนี้เจ้า ต้องเข้าไปหาท่านแม่แล้วขอร้องให้ข้าดีๆ ภายในหนึ่งก้านธูป หากว่าท่านแม่ยังไม่ให้ข้าลุกขึ้น ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!!!"
เว่ยฉางเฟิงออกแรงดิ้น "ต่อให้ข้าไปขอร้องท่านแม่ตอนนี้ แต่ว่าท่านพี่ไปเป็นสะใภ้อย่างนี้ แล้วท่านจะไปเอาใจแม่สามีได้อย่างไร แล้วภายหลังท่านจะใช้ชีวิตอย่างไร?"
น่าเสียดาย สิ่งที่ตอบเขากลับมาก็คือ...
"ภายในหนึ่งก้านธูป หากท่านแม่ยังไม่เรียกข้าขึ้นมา ข้าจะจัดการซัดเจ้าเสียก่อน!!!"
เว่ยฉางอิ๋งทำหน้าขรึม แววตาไม่เป็นมิตร นางกล่าวไป ก็กำนิ้วที่ดูเรียวยาวอ่อนนุ่มและขาวเนียนละเอียดของนางจนดังกรอบไปด้วย!
ท่านพี่อย่างนี้!!!
คุณชายห้าตระกูลเว่ยที่รักใคร่ท่านพี่อย่างจริงใจ ทั้งยังมีกาลเทศะ ฉลาดเข้าใจเรื่องราวผู้น่าสงสาร ก็ได้แต่ต้องพ่ายแพ้ไป...
เห็นเขาก้มหน้าลงแล้วเดินไปที่ระเบียงคดอย่างเศร้าสลดแล้ว เว่ยฉางอิ๋งก็ร้องฮึออกมาอย่างพอใจแล้วกล่าวกับตนเองว่า "หากไม่ปั้นหน้าเสียหน่อย เจ้าคิดว่าพี่สาวคนนี้รังแกได้ง่ายจริงๆ หรือ?" จากนั้นก็พลันดีใจ "ฉางเฟิงเข้าใจเหตุผลที่สุด แต่ว่าก็ยังยอมเข้าไปอย่างเชื่อฟัง เห็นได้ชัดว่าหมัดเป็นเหตุผลที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว! ข้าไม่ได้ผิดจริงๆ!"
................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ