Ask her to be my last​ (to be)#รัก​ไม่เลือกเวลาเกิด

-

เขียนโดย fRONG_UFO

วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 23.35 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2563 01.10 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) โลกกลม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

#โลกกลม

 

 

“มึงกลับบ้านยังไงตะวัน”

พี่ภูเอ่ยถามผมหลังจากลงรถบัสที่กลับมาจากค่าย

 

“ว่าจะนั่งแท็กซี่กลับครับ”

 

มันมืดแล้ว งั้นเดี๋ยวกูไปส่งที่บ้านละกัน รอกูตรงนี้ ไปเอารถแปป”

พี่ภูเอ่ยกับผมแล้วเดินไปเอารถแบบดูเร่งรีบ

 

“วัน ๆ”

เสียงมิกซ์เรียกผม แล้วบูมก็โบกมือเรียกด้วย

 

“ป่ะมึงกลับบ้านกัน”

มิกซ์เอ่ยชวนผม พร้อมกับช่วยถือกระเป๋า

 

“คือกู..พี่ภูจะไปส่งกูที่บ้านนะ”

 

 

ประโยคเดียวทำให้ผมถึงกลับหันไปมองไอ้วันพูด

“มึงว่าไงนะวัน”

 

“พี่ภูผาจะไปส่งกู”

 

“มึงกับมันญาติดีกันแล้วหรอ”

ผมถามย้ำขึ้นอีกครั้ง แต่ก็มีมารมาขัดจังหวะก่อน

 

“ขึ้นรถดิตะวัน”

เสียงพี่ภูเรียกตอนผมคุยกับไอ้บูมกับไอ้มิกซ์ ขณะที่จอดรถเก๋งอยู่ข้างๆ

 

“กูกลับก่อนนะมึง”

“วันจันทร์เจอกันนะพวกมึง ยังไงเดี๋ยวไลน์หา”

ผมโบกลาเพื่อนทั้งสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ มันคงงงที่ผมดีกับพี่รหัสเร็วขนาดนี้

 

 

 

“ปกติมึงกลับบ้านยังไงหรอ”

อีกฝ่ายถามขึ้นขณะขับรถ

 

“ตอนเช้าคนขับรถมาส่งครับ ส่วนตอนเย็นพ่อมารับครับ บางทีก็เอารถมาเองครับ”

ผมตอบกลับไปด้วยประโยคยาวๆ

 

“มึงนี่ดูเป็นลูกคุณหนูเนาะ น่าจะรวยน่าดู”

พี่ภูพูดขึ้นแล้วก็ยิ้มมุมปากนิดๆ

 

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

ผมตอบแล้วหันไปมองหน้าพี่ภูเเล้วก็เป็นจังหวะที่พี่ภูก็หันมาสบตาผมแล้วยิ้มให้พอดี

******************************(ผมอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้นานๆจัง)************************************

 

 

 

 

"นี่บ้านมึงหรอ"

พี่ภูถามขึ้น

 

"ใช่ครับ พี่ส่งผมเเค่ตรงนี้ก็ได้"

 

"เออๆ งั้นกูส่งตรงนี้นะ"

พี่ภูเอ่ยบอก

 

เเต่ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูรั้วเพื่อเข้าบ้าน พี่ภูก็เอ่ยขึ้นจากด้านหลัง

 

"ตะวัน!! วันนี้กูเป็นพี่รหัสที่ดีให้มึงเเล้วนะ"

อีกฝ่ายหันมายิ้มกว้างๆให้ผม

เเต่...

ทำไมผมรู้สึกใจเต้นเเรงตอนตะโกนบอกไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่นว่ะ ผมก็พูดปกตินี่หว่า

 

 

 

“พ่อค๊าบๆๆ”

ผมตะโกนหาพ่อดังไปจนทั่วบ้าน

 

“พ่อเราอยู่นี่ตะวัน”

แม่เดินมาตอบผมแล้วลูบหัวเบาๆตามเคย

“พ่อนั่งดูบอลอยู่หน้าทีวีรอลูกชายอยู่หน่ะสิ”

 แม่เอ่ยขึ้น

 

“พ่อไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับ”

ผมรีบเข้าไปถามพ่อพร้อมกับมองไปรอบๆ ร่างกายของพ่อเพื่อหารอยบาดแผลที่รถชน

 

“พ่อสบายดีไอ้ลูกชาย”

แค่ถลอกนิดหน่อยเอง แม่เราก็กระต่ายตื่นตูมทำลูกตกอกตกใจหมด

“พรุ่งนี้เพื่อนคนสนิทที่ทำหุ้นบริษัทกับพ่อจะมากินข้าวบ้านเรานะ”

“จำได้ไหมลูก ลูกชายเพื่อนพ่อที่เคยวิ่งเล่นกับตะวันตอนเด็กๆอ่ะ ที่บ้านแฝดหลังเก่า”

“น่ากลับจากเมืองนอกมา 5 ปีได้ เห็นว่าเรียนที่เดียวกับลูกด้วยนะ”

“แต่รู้สึกว่าน่าจะอายุมากกว่าตะวันปีนึงหรือสองปี”

 

“ดีจังเลยครับ ผมอยากเจอคุณอากับพี่ใหญ่  

แล้วมากันแค่ 2 คนหรอครับพ่อ”

ผมถามด้วยความสงสัย

 

“ใช่ๆ”

“ไปพักผ่อนเถอะไป พรุ่งนี้ก็ตื่นเช้าๆนะตะวัน”

พ่อเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับบอกให้ผมไปพักผ่อน ปกติจะคุยกันยาวกว่านี้ พ่อคงเห็นว่าพึ่งกลับมาจากค่ายมาแล้วคงเหนื่อย”

 

 

 

 

วันนี้มีนัดกินข้าวกับคุณอาสมชายที่ทำบริษัทร่วมกันและเป็นเพื่อนสนิทกันมาก แต่ผมไปกับพ่อสองคน (คุณแม่ผมเสียไปตั้งแต่เด็กแล้ว)

เรากำลังจะเดินทางไปบ้านของคุณอาสมชายกับคุณอาหนิง

โดยน้าสมานจะเป็นคนขับรถพาไป (น้าสมานคือคนขับรถคนเก่าในตระกูล)

 

“ภู ได้ผลไม้ไปฝากคุณอาสมชายหรือเปล่า”

พ่อเอ่ยขึ้นขณะกำลังขึ้นรถ

“ได้มาแล้วพ่อ”

 

ผมมาถึงบ้านหลังใหญ่แล้วก็เดินตามพ่อเข้า สายตาก็กวาดมองไปรอบๆบ้าน ภายในบ้านดูมีระเบียบอย่างดี เมื่อก่อนที่ผมไปบ้านคุณอาทั้งสองตอนนั้นเป็นบ้านอีกหลังที่ติดกับบ้านผม เรียกว่าบ้านแฝดเลยดีกว่า ผมนี่รู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้าน เรียกว่าจะรู้ดีกว่าบ้านตัวเองซะอีก เเต่มาบ้านใหม่ผมเลยไม่ค่อยคุ้นชินกับสิ่งของต่างๆ แล้ว

 

“คุณอาสมชายสวัสดีครับ คุณอาหนิงสวัสดีครับ” 

ผมยกมือสวัสดีท่านทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า แล้วท่านทั้งสองก็รับไหว้พบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“โตขึ้นเยอะเลยนะหลานภูผา”

คุณอาสมชายกล่าวขึ้นกับผม

 

“มาๆไปกินข้าวกันเร็ว อาหารเยอะมากสั่งมาจากภัตตาคารมาเป็นพิเศษเลยนะ”

คุณอาสมชายรีบชวนไปนั่งร่วมกินข้าว

 

 

“อาหนิงครับ แล้วน้องวัน..ไปไหนหรอครับ”

ผมรู้จักน้องวันตั้งแต่เด็ก เคยวิ่งเล่นด้วยกัน แต่ไม่ได้เจอน้องมาจะ10 ปีได้แล้วมั้ง  เพราะผมไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก พึ่งกลับมาเรียนตอนมอปลายที่โรงเรียนชายแค่ 3 ปีสุดท้ายเอง

 

 

“เอ่อ..อาต้องขอโทษด้วยน้องน่าจะยังนอนไม่ตื่น

2 วันที่ผ่านมาน้องไปค่าย กลับแล้วไม่ค่อยสบาย

อาต้องขอโทษด้วยที่น้องเสียมารยาทไม่ลงมาร่วมกินข้าวด้วยกัน”

 

“ไม่เป็นไรครับงั้นให้น้องพักผ่อนดีกว่าครับ”

 

“อ้าวตะวันแม่นึกว่าลูกลงมาจากห้องไม่ไหว”

อาหนิงผู้หญิงกล่าวขึ้นกับใครสักคนที่ยืนจากข้างหลังเก้าอี้ผม แล้วนั่นคงจะเป็นน้องวันที่ผมเคยวิ่งเล่นด้วยตอนเด็ก

 

“ดีขึ้นแล้วแม่ ผมอยากลงมาสวัสดีคุณอามงคล”

ผมตอบแม่แล้วมองไปรอบๆโต๊ะ แต่ผมคุ้นตาคนที่นั่งหันหลังตรงด้านหน้าที่ผมยืนอยู่ แต่ก็ยังไม่เอ๊ะใจอะไร อาจเป็นเพราะว่าผมไม่ได้เจอพี่ใหญ่มานานมากแล้ว

 

 

“ตะวันนั่งลงกินข้าว”

พ่อเอ่ยขึ้นมาบอกผม

 

“ตะวันนั่งข้างพี่ภูผาเลย ไม่ได้เจอกันนานน่าจะมีเรื่องคุยกันเยอะ”

พ่อเอ่ยขึ้นแล้วทำสายตาดุนิดๆใส่ผม พ่อคงอยากให้คุย อย่างน้อยก็จะได้ไม่เสียมารยาทที่ไม่เจอกันนาน

 

ผมนั่งเก้าอี้แล้วหันไปมองอีกฝ่ายข้างๆ สายตาเราทั้งคู่ได้สบตากันทันที

แต่..นี่มัน..

 

ทำให้เราทั้งสองคนเอ่ยประโยคออกมาที่พร้อมกันออกมา

“พี่ภู”

“ตะวันนี่มึง..”

 

 

“อ้าวเราสองคนจำกันได้แล้วเหรอ”

อามงคลเอ่ยขึ้น ไม่ดิพ่อพี่ภูเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกใจ

แล้วพ่อกับแม่ของผมก็แปลกใจด้วยเหมือนกัน

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

พี่ใหญ่ที่ผมเคยวิ่งเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ ก็คือพี่ภูผาเองเหรอ..

จะโลกกลมเกินไปไหมนะ

 

 

 

#ภูผาตะวัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา