Hakon เลือกหนีไปเสียจากความจริง

-

เขียนโดย CHACHAHAL

วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 14.16 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,362 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 14.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1 ผู้ชายกับดอกทิวลิป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
“ไง ฮอลลี่” ผู้ชายหน้าหวานที่กำลังถือช่อดอกทิวลิป เดินตรงมาที่เตียงคนไข้ เขาส่งยิ้มที่เป็นมิตรให้กับฉัน 
 
เขา เป็นใครกัน 
 
“งั้นขอแนะนำตัวก่อนนะ ผมชื่อ ทิม” เขาเห็นว่าฉันเงียบอยู่นาน จึงแนะนำตัวเอง เขาต้องเป็นคนที่รู้จักฉันแน่ๆ ถึงได้รู้ชื่อฉัน อ่อ! ฉันพอรู้มาบ้างว่าตัวเองชื่ออะไรจากคุณหมอนะ 
“รู้จักฉันด้วยหรอคะ”
“อื้ม รู้จักดีเลยล่ะ” เขายิ้ม 
 
หลังจากคุยกับเขาได้สักพัก ก็ได้รู้ว่า เขาชื่อ พี่ทิม ซึ่งเขาอายุมากกว่าฉัน เขาบอกว่าเป็นคนรู้จักกับฉันก่อนความจำเสื่อม หลังจากนี้เขาจะเป็นคนดูแลทุกอย่างในชีวิตค่าใช้จ่ายต่างๆ ความเป็นอยู่ การเรียน ฉันถามเขาว่า แล้วพ่อแม่ของฉันล่ะ เขาตอบเพียงว่าฉันไม่มีพ่อแม่ มีแต่ผู้ปกครองเท่านั้น ซึ่งพี่ทิมก็ได้รับหน้าที่ต่อจากผู้ปกครองอีกที แต่ฉันไม่สามารถเจอผู้ปกครองได้ เหตุผลอะไรหน่ะหรอ เขาไม่บอกเลย เขาบอกแค่ ‘ไม่ต้องกังวล ใช้ชีวิตที่ต้องการ ชีวิตที่อยากจะเป็น ก็พอแล้ว’ เขาพูดแค่นั้น แล้วยิ้ม 
 
ใช้ชีวิตที่ต้องการ ชีวิตที่อยากจะเป็น งั้นหรอ .....
 
ฉันกลับไปเรียน ความทรงจำที่หายไป ไม่เป็นผลอะไรกับการเรียนเลย ดีแล้วล่ะ ช่วงเวลาหลายปีฉันอยู่ในห้องของคอนโด K ที่พี่ทิมจัดเตรียมให้ อยู่เพียงคนเดียว ไม่เหลือใครในอดีตที่เข้ามาหาฉันเลยสักคน ก็มีแต่พี่ทิมที่มาหาบ้างแค่ปีละครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง 
ทำไมฉันไม่ถามเขาให้มากกว่านี้ พี่ทิมเป็นใคร แล้วผู้ปกครองเป็นใคร ใช่พ่อแม่บุญธรรมหรือป่าว ฉันสงสัยหมด แต่ประเด็นคือ ฉันไม่กล้าถาม ไม่รู้ทำไม พอเห็นท่าทีของพี่ทิม ฉันก็พูดไม่ออกสะอย่างงั้น และเขาเองก็คงไม่อยากบอก มันคงเป็นความทรงจำที่ไม่ดีใช่ไหม ถ้าเป็นความทรงจำที่ดี ทำไมฉันถึงอยู่ในสภาพนั้น สภาพที่เต็มไปด้วยเลือด .... ฉันเลยตัดสินใจไม่หาคำตอบกับมัน มีที่อยู่ให้ซุกหัวนอน มีเงินเรียน มีเงินใช้ (เงินจำนวนไม่น้อยเลยในแต่เดือน) ก็เพียงพอแล้วแหละ และก็คงทำแบบที่พี่ทิมได้บอกไว้ ใช้ชีวิตที่ต้องการ ชีวิตที่อยากจะเป็น แบบนั้นคงดีที่สุดแล้วสำหรับฉัน
 
“จะเริ่มแล้วนะ”
“ตื่นเต้นจังเลย”
“ฮอลลี่”
“ฮอลลี่”
“ฮอลลี่!!!”
 
ฉันตื่นจากภวัง อิมเรียกฉันให้ดูการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มเข้ามาทุกที ทุกคนในสนามนี้ต่างลุ้นอย่างใจจดใจจ่อกันเลยล่ะ ไม่ต่างกับฉัน ถึงจะไม่ค่อยสนใจมากนั้น แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาดูด้วยตัวเอง มีแอบตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี้ย
 
การแข่งขันก็ได้เริ่มขึ้น รถแข่งเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว กล้องนับร้อยกำลังเร่งไปที่สนาม เพื่อเก็บทุกความเคลื่อนไหวของการแข่งขัน และหลายรายการก็กำลังถ่ายทอดสด เป็นการแข่งขันที่ดังมากเลยล่ะ
 
“สุดยอดเลย! เข้าเส้นชัยไปแล้ว” เสียงบุคคลอื่น เป็นผู้ชายร่างใหญ่สองคน ดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉันและอิม หลังจากที่รถแข่งสีขาวเข้าเส้นชัย อ่าาา คันนั้นชนะแล้วสินะ 
“เก่งสุดเลยวะ” 
“ไม่เสียแรงที่มาดูถึงนี่”
“นั้นดิ แต่เสียดายอย่างหนึ่ง”
“อะไรวะ”
“ก็..”
“ก็อะไรวะ”
“ก็ DK ยังไงล่ะ”
“อ่อ เออก็จริง”
“นี่ๆ คุยเรื่องไรกันหรอ DK คืออะไร” เสียงผู้หญิงดังขึ้น คาดว่าจะเป็นแฟนของใครในสองคนที่เป็นผู้ชายร่างใหญ่
“เธอไม่รู้ใช่ไหมล้าาาาา จะบอกให้ก็ได้ บอกดีไหมนะ”
“เอาซิๆ” ผู้หญิงร่างเล็กๆ ผมสั้นหน้าม้า ตอบกลับเขาอย่างรวดเร็ว
“DK เป็นนักแข่งรถเหมือนกัน หมอนั้นเก่งมากเลยล่ะ ไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง การขับรถของเขาไม่เหมือนใคร แต่ว่าหมอนั้นอะนะ เป็นนักแข่งที่ปิดบังใบหน้า ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าจริงๆหรอก เอาจริงๆ ก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
“แล้วเขาไม่เคยมาปรากฎตัวให้เห็นเลยสักครั้งหรอ”
“ก็มีนะ มาออกสื่อให้เห็นหลายครั้ง”
“อ่าว แล้วไหนบอกว่าไม่เคยมีใครเห็นไง”
“ก็คนที่มาออกสื่ออะ ตัวปลอมทั้งนั้น บางครั้งก็ผู้ชาย บางครั้งก็ผู้หญิง บางครั้งก็เด็ก หรือบางทีก็คนแก่หัวหงอก ก็เลยไม่รู้คนไหนตัวจริง คนไหนตัวปลอม หรืออาจจะไม่มีตัวจริงเลย เลยสรุปกันว่าไม่มีใครที่เห็นตัวจริงของเขายังไงล่ะ”
“โห สุดยอดเลย แล้วตอนนี้เขาไปไหนแล้วล่ะ”
“นั้นนแหละที่เสียดายมาก เขาหายไป อยู่ๆก็ไม่มีนักแข่งคนนี้ลงสนามอีกเลยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ยังไงล่ะ”
 
บทสนทนาของคนข้างหลังยังดำเนินไปเรื่อยๆ ฉันเริ่มสงสัย และสนใจในตัวนักแข่งนั้น 
DK .. 
“อิมรู้จักนักแข่งที่ชื่อ DK ไหม ที่คนข้างหลังพูดถึงหน่ะ” ฉันหันข้างกระซิบถามอิม
“ฉันจำได้ว่ามีธุระ ขอตัวไปก่อนนะฮอลลี่” อิมลุกขึ้นอย่างลุกลน เธอหันมาบอกฉัน แล้วเดินจากไป โดยที่ฉันไม่ทันได้ถามอะไรเลย อ่าวว ทิ้งกันสะงั้น ฉันอุส่าห์มาดูการแข่งขันเป็นเพื่อนนะ ทำไมทิ้งกันแบบนั้นเล่า หรือว่าจะมีธุระจริงๆ นัดสำคัญล่ะมั่ง เรากลับบ้างดีกว่า นี้ก็เย็นแล้ว เริ่มง่วงนอนแล้วสิ
พลัก!
ฉันเดินชนใครบางคนเข้า จนฉันล้มลงไปกับพื้น ฮืออออ ซวยสะมัดเลย
“อ๊ะ น้องฮอลลี่” 
“เอ้า พี่ทิม” พี่ิทิมจับมือฉันให้ลุกขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมอง อ่าว พี่ทิมนี่เอง นี่เขามาทำอะไรที่นี้ 
“อะ เอ่อ อ่อ ก็มาดูแข่งรถไง” พี่ทิมตอบด้วยน้ำเสียงมีพิรุธสุดๆ ฉันจับสังเกตได้ แต่ฉันก็ไม่อยากจะถามไรมากหรอกนะ ก็คงไม่บอกอะไรกับเราเหมือนเดิม อีกอย่างนี้ก็งานแข่ง ก็คงมาดูการแข่งจริงๆ 
“งั้นหรอคะ เพิ่งรู้ว่าพี่ทิมก็สนใจรถแข่งด้วย” ฉันยิ้ม
“ก็ สนใจอยู่บ้างนะ” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มคืนมาให้ฉัน
“อ่าวแล้วนี่ ฮอลลี่มาทำอะไรที่นี้ อย่าบอกนะว่า ก็สนใจด้วย” พี่ทิมทำท่าทางสงสัย เขาหุบยิ้ม และจ้องมองฉันอย่างกับเร่งให้ฉันตอบคำถามมาเร็วๆ เขาจ้องฉันตาไม่กระพริบ สายตาเขามีพิรุธจริงๆ
“ป่าวค่ะ คือว่าฮอลมาเป็นเพื่อนเพื่อนหน่ะค่ะ”
“งั้นหรอ แล้วไหนเพื่อนล่ะ”
“เพื่อนมีธุระต้องรีบกลับ แล้วนี่ฮอลเองก็จะกลับแล้วเหมือนกันค่ะ”
“งั้นหรอ อืมมม ให้พี่ไปส่งไหม” สายตาพี่ทิมดูผ่อนคลายลง เขากลับมายิ้มอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ขากลับว่าจะแวะมาร์เก็ตซื้อของก่อนกลับหอหน่ะค่ะ” 
“เอางั้นก็ได้ งั้นกลับดีๆนะ” เขายิ้ม แล้วลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินแยกย้ายจากกันไป 
 
 ฉันหันหลังกลับไปมองหลังจากเดินแยกกับพี่ทิม ..... ชีวิตฉันเหลือแค่เขาที่เป็นคนรู้จักจริงๆแค่คนเดียวสินะ
 
ฉันนั่งรถเมล์ประจำทางมาจนถึงมาร์เก็ต ฉันกะว่าจะซื้อพวกเครื่องดื่ม และอาหารกล่องไปไว้ที่ห้อง ฮ่าๆ ก็ฉันทำอาหารไม่เป็นนี่ ขอโทษนะคะผู้อ่าน แงงง ฉันเดินถือตระกร้าพร้อมมองอาหารกล่องที่มีหลากหลายเมนูมากมาย กินอะไรดีนะ ข้าวผัดหมู ข้าวกระเพราไข่ดาว หรือว่าจะกินมาม่าแทน เมนูง่ายๆสไตล์เด็กหอเลยนะ 
 
“หยุดนะ!!” เสียงผู้ชายมาจากไหนไม่รู้ คาดว่ามาจากด้านหลัง เสียงดังลั่นมาร์เก็ตเลยล่ะ เสียงดังขนาดนี้ มีหรือฉันจะไม่หันไปมอง 
 
ขวับ ! 
ฉันหันไปมองเจอผู้ชายร่างถึก กล้ามทะลุออกมาจากแขนเสื้อได้เลยล่ะ เขาหน้าตาน่ากลัว เขาถือปืน กำลังไล่ตามใครบางคนที่คิดจะหนีเขา ในจังหวะที่ฉันหันไปมองนั้น ก็มีผู้ชายที่วิ่งหนีผู้ชายร่างถึก ก็มาชนฉันอย่างจัง ตะกร้ากระเด็นไปทาง ฉันกระเด็นไปอีกทาง ซวยอีกแล้ว แงงง
ผู้ชายที่ชนฉันเขาก็ล้มด้วยเช่นกัน เป็นผู้ชายตัวเล็ก ผมสีแดง มีหูฟังขนาดใหญ่สำหรับไว้ครอบหูอยู่ที่คอ ท่าทางจะเด็กกว่าฉัน เขาพยายามลุกขึ้น แต่ก็ไม่ลืมที่จะขอโทษฉันแม้ว่าเขาจะรีบมากแค่ไหน เขาลุกขึ้นแล้วก้มหัวขอโทษฉันอย่างรีบๆ ฉันจึงค่อยๆลุก พยายามจะบอกกับเขาว่าไม่เป็นไร
“ขอโทษครับๆ ขอโทษจริงๆ เห้ย รุ่นพี่!!” ผู้ชายผมแดงพอมองหน้าฉันถึงกับอุทานออกมา เขาเหมือนจะรู้จักกับฉันเลย
“แก อย่าหนีนะเว้ย” แต่ไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรเขา ผู้ชายร่างถึก ก็วิ่งเข้ามาใกล้ทุกที 
“โธ่เว้ย ไม่ทันแล้ว ไปกับผมเลยละกัน” เขาจับมือฉัน แล้ววิ่งอย่างสุดแรงเกิด ฉันไม่ได้สะบัดมือ หรือพยายามหยุดวิ่ง ฉันวิ่งตามเขาไป ไม่รู้ทำไมฉันถึงทำแบบนั้น อาจเป็นเพราะคำว่า ‘รุ่นพี่’ ที่ออกมาจากปากผู้ชายผมแดงก็ได้ เขาอาจรู้จักฉัน!!  เราสองคนวิ่งออกจากมาร์เก็ต แล้วหนีเข้าตามซอกตึกมืดๆ เพื่อให้พ้นจากผู้ชายร่างถึก นี่ฉันคิดผิดหรือเปล่าเนี้ย เริ่มกลัวแล้วนะเว้ย พอแน่ใจแล้วว่าพ้นจากการตาม ผู้ชายผมแดงก็ปล่อยมือฉัน แล้วหันหน้ามามอง
“เป็นพี่จริงๆด้วย” เขาไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น เขากอดฉันอย่างแน่น เหมือนกับว่า เราเป็นคนสนิทที่พรากจากกันนาน แต่ฉันไม่ปล่อยให้เขากอดนาน ฉันผลักเขาออก
“เรารู้จักกันใช่ไหม” ฉันถามด้วยความมุ่งมั่น ผู้ชายผมแดงหน้าเหวอไปเลย ด้วยความตกใจที่ฉันผลักเขา และถามคำถามนั้น
“ผม ผมนึกว่าเป็นเรื่องโกหก นี่พี่ความจำเสื่อมจริงๆงั้นหรอ!!”
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา