ฉันเป็นแค่วายร้าย Demon in Disguise
เขียนโดย AnnularE
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.53 น.
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 20.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ปีเตอร์แพน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพี่พยาบาลมาคอยเดินวนเวียนไปมาระหว่างที่เราราวน์วอร์ดกัน ก่อนจะปรี่เข้ามาทันทีที่อาจารย์เดินออกไป
“หมอวีๆ” เธอตรงเข้ามาหาฉันด้วยท่าทีร้อนรน “ไปกับพี่หน่อยสิ”
เธอจูงกึ่งลากออกมาจนเริ่มห่างจากผู้คน
“หมอ พี่ว่ามันไม่ไหวแล้วนะ” เธอเริ่มเปิดประเด็น
“ใจเย็นๆ ก่อนพี่ มีเรื่องอะไรคะ”
“ก็คนไข้หมอ น้องเควินเนี่ย พี่ว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะหมอ หมอรู้ไหมว่าเควินแทบจะไม่แตะอาหารเลยสักอย่างนึง ทั้งหลอกล่อ ทั้งบังคับ ไม่ได้ผลสักอย่าง แถมยังไม่ยอมสื่อสารกับใคร ไม่ยอมพูดไม่ยอมบอกว่าต้องการอะไรไม่ต้องการอะไร พี่ว่าแบบนี้นอกจากจะทำให้การดูแลยากลำบากแล้วยังอาจจะอันตรายต่อตัวเด็กเองด้วยนะ” พี่พยาบาลร่ายยาวแทบไม่หยุดหายใจ
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันเองก็พยายามหาทางอยู่”
“หมอคะ แต่มีอีกอย่างนึงที่พี่สงสัย ว่าทำไมพ่อแม่แกแทบจะไม่มาเยี่ยมแกเลย”
“เห็นว่าพ่อเขาทำงานต้องที่ต่างประเทศน่ะค่ะ ส่วนแม่ก็ต้องทำงานแล้วก็ต้องขับรถไปกลับเพื่อดูแลแม่ที่อยู่ไกลด้วย”
“แต่นี่ลูกทั้งคนนะหมอ” เธอขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “ลูกไม่สบายไม่คิดจะเป็นห่วงกันบ้างหรือไง”
“ยังไงตอนนี้ก็พยายามให้แกทานอาหารให้ได้มากที่สุดแล้วกันนะคะ เดี๋ยวฉันจะพยายามหาทางดู”
................
ฉันทาบหูฟังลงบนหน้าอกของเด็กชายที่นั่งก้มหน้าและหลบตาอยู่บนเตียง
“เควิน” ไม่มีการตอบสนองจากเด็กน้อย ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ม่านด้านหลังถูกรูดปิดไว้ระหว่างสองเตียง
“เควิน” ฉันพยายามอีกครั้ง เมื่อนั่งลงฉันสามารถมองเห็นใบหน้าเศร้าหมองของเด็กชายได้ชัดขึ้น “บอกหมอได้ไหมว่าหนูเป็นอะไร เจ็บแผลรึเปล่า?” แม้จะนิ่งอยู่พักใหญ่เด็กชายก็ยังส่ายหัวให้เบาๆ เป็นคำตอบ
“แล้วทำไมถึงดื้อกับพี่พยาบาล ไม่ยอมกินข้าว” ฉันปั้นเสียงดุ ไม่รู้ทำไมในความดื้อรั้นของเควิน ภาพที่ฉันมองเขากลับมีแต่ความรู้สึกสงสาร
“เอาอย่างนี้นะ หมอจะเล่านิทานให้ฟังเรื่องนึง เราจะฟังไปด้วยแล้วก็กินข้าวไปด้วยนะ ตกลงไหม” ฉันไม่รอฟังคำตอบแต่เริ่มเล่าพร้อมกับเลื่อนจานอาหารไปตรงหน้าเด็กชาย
“มีเมืองอยู่เมืองหนึ่ง เป็นดินแดนที่สวยงามเหมือนกับในเทพนิยาย ที่นั่นมีภูเขาลูกใหญ่มากมาย มีมหาสมุทรที่มีพื้นน้ำสีน้ำเงินเข้มอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเหล่านางฟ้าตัวเล็กๆ คอยปกป้องคุ้มครองเด็กๆ” ด้วยแอคติ้งเกินจริงในน้ำเสียง นิทานของฉันเริ่มดึงความสนใจจากดวงตาคู่น้อยมาได้
“มีเด็กชายคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองแห่งนี้ เขาเป็นเด็กชายที่คล่องแคล่วว่องไว ฉลาดเฉลียว ต่อสู้ได้เก่งกาจและสามารถบินไปบนท้องฟ้าได้อย่างอิสรเสรี เด็กชายมาอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้ด้วยเหตุผลเพราะว่าเขาไม่อยากจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ แต่แล้ววันหนึ่งเด็กชายได้บินมาเที่ยวที่โลกมนุษย์ในยามค่ำคืน ที่บ้านหลังหนึ่งบานหน้าต่างเปิดกว้างอยู่ เขาได้พบกับเด็กหญิงที่น่ารักคนหนึ่งและเธอได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ เด็กชายจึงชวนเธอและน้องๆ ไปเที่ยวยังดินแดนอัศจรรย์ของเขา” แล้วเรื่องราวการต่อสู้ของเด็กๆ กับโจรสลัดและจระเข้ ก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับอาหารที่ถูกลำเลียงเข้าปากเด็กชายเป็นระยะ จนหมดลงพร้อมกับเรื่องราวในนิทานที่ดำเนินมาถึงช่วงท้าย
“หลังจากที่พวกเด็กๆ สามารถเอาชนะเหล่าโจรสลัดบนเรือได้ แต่เด็กหญิงเลือกที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ต่อไป เธอและน้องๆ จึงตัดสินใจที่จะกลับบ้าน เด็กชายจึงพาพวกเขาเหาะกลับมายังโลกมนุษย์ที่ซึ่งมีพ่อ แม่และคนที่รักเปิดหน้าต่างไว้เพื่อคอยการกลับมาของพวกเขาอยู่ และเด็กหญิงให้สัญญากับเด็กชายว่าจะกลับไปเยี่ยมเขาที่ดินแดนแห่งนั้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี”
ฉันยิ้มให้เควินที่ฟังนิทานของฉันอย่างตั้งอกตั้งใจ
“จบแล้วจ้ะ”
“ผมอยากฟังอีก” เด็กชายพูดเสียงอ่อย
“เควินคิดว่าทำไมเด็กในเรื่องถึงไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่” ฉันถามเขา
“ก็ถ้าเป็นเด็กจะได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆทั้งวันเลย” เขาตอบ
“ใช่แล้ว เพราะเวลาที่โตเป็นผู้ใหญ่เราจะต้องมีความรับผิดชอบมากมาย ต้องทำงานหาเงินมาจ่ายค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ต้องดูแลลูกๆให้มีความสุขที่สุด ต้องดูแลพ่อแม่ให้สุขสบายมากๆ เหมือนที่คุณพ่อกับคุณแม่ของเควินกำลังทำอยู่ไงล่ะ”
ฉันพยายามอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ
“เพราะฉะนั้นเควินต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่ๆ กินข้าวกินยาตามที่พี่พยาบาลบอก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่หายเหนื่อยรู้ไหมถ้าทำได้ เดี๋ยวหมอจะมาเล่านิทานให้ฟังอีก ดีไหมครับ” เด็กชายพยักหน้า
“โอเค งั้นเราสัญญากันแล้วนะ” ฉันยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วเล็กๆ ของเควินด้วยรอยยิ้มก่อนที่เด็กชายจะเปลี่ยนใจ
...............
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ