Mention Of Love (รัก)
-
เขียนโดย Nanpm
วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.52 น.
12 ตอน
0 วิจารณ์
10.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ความจริง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รุ่งเช้าของวันอาทิตย์ อิงรีบตื่นแต่เช้าแล้วขับรถมาโรงพยาบาลเพื่อนำของฝากมาให้หญิงสาวที่นอนพักรักษาตัวอยู่
“สวัสดีครับคุณป้า ของฝากจากพัทยาครับ” อิงยื่นถุงของฝากให้แม่ของลิน
“แล้วของลินล่ะคะ ไม่มีเหรอ” หญิงสาวทำเสียงอ้อน
“มีสิคะ นี่ไง สวยไหม” ชายหนุ่มนำโมบายที่เขานั่งทำเมื่อคืนออกมาจากถุงแล้วยกขึ้นตรงหน้าของหญิงสาว
“สวยจัง ขอบคุณนะคะ อิงน่ารักที่สุดเลย” ลินยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วยื่นมือไปรับโมบายมาจากชายหนุ่ม
“สองคนคุยกันไปก่อนนะ แม่ลงไปซื้อของข้างล่างก่อน” แม่ของหญิงสาวเอ่ยขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
อิงนั่งลงข้าง ๆ เตียงมองหน้าหญิงสาวที่ยิ้มกับโมบายที่เขาทำให้ แต่แล้วเธอก็หยุดยิ้มแล้ววางโมบายลง
“อิงอาทิตย์หน้า หมอบอกว่าลินต้องผ่าตัดแล้ว ลินกลัวจังเลย” หญิงสาวพูดด้วยความรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เมื่อเธอจะต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
“ไม่ต้องกลัวนะลิน ลินต้องหาย เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันไง” ชายหนุ่มพยายามปลอบและให้กำลังใจหญิงสาว
“วันนั้นอิงต้องอยู่กับลินนะ” หญิงสาวจับมือของชายหนุ่มไว้แน่น
ชายหนุ่มยิ้มแล้วพยักหน้ารับ เขานั่งคุยอยู่กับหญิงสาวจนแม่ของเธอกลับขึ้นมาเขาจึงขอตัวกลับบ้าน
เต้ยืนรอลิฟต์อยู่ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขามองหน้าชายหนุ่มที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ ทั้งคู่สบตากันแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มรีบเดินออกจากลิฟต์เดินผ่านหน้าเขาไป โดยไม่มีคำพูดหรือคำทักทายใด ๆ
เต้เดินมาที่โรงอาหารของโรงพยาบาล แล้วมองหาใครบางคน
“สวัสดีครับอาหมอ” เต้ยกมือไหว้อาหมอซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อและเป็นคุณหมอประจำที่รักษาแม่ของเขา
“มานั่งก่อน กินข้าวกัน อามานั่งรออาหญิงด้วย เดี๋ยวตรวจคนไข้เสร็จก็ตามมา” อาหมอบอกให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ
“อ้าว เต้ไม่เจอกันเลย เป็นไงบ้าง มารับยาให้คุณแม่เหรอจ๊ะ” อาหญิงซึ่งเป็นหมอแผนกโรคหัวใจและเป็นภรรยาของอาหมอเอ่ยทักทายเต้
“ครับ วันนี้แม่ทำขนมเลยให้เอาขนมมาฝากอาหมอกับอาหญิงด้วย แต่ดูอาหญิงดูเหนื่อย ๆ นะครับ” เต้พูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของอาหญิงดูเหนื่อยล้า
“ใช่ พอดีอาพึ่งไปตรวจคนไข้โรคหัวใจมาที่ชั้น 5 เคสสำคัญใกล้จะผ่าตัดแล้ว” อาหญิงตอบแล้วยิ้มให้เต้
“หนูลินลดาน่ะเหรอ” อาหมอพูดชื่อใครคนหนึ่งทำให้เต้ทำท่าตกใจ
“ทำไมทำท่าแบบนั้น รู้จักกับเขาเหรอ” อาหมอสงสัยเมื่อเห็นท่าทางตกใจของหลานชาย
“ไม่เชิงน่ะครับ พอดีเพื่อนผมชื่ออิงเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ คือผมเห็นเขามาโรงพยาบาลบ่อย ๆ แล้วเคยได้ยินเขาพูดถึงชื่อนี้น่ะครับ” เต้ตอบอาหมอทั้งที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมด เผื่อเขาจะได้รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับอิงและผู้หญิงที่ชื่อลลิน
“ผู้ชายที่ตัวสูง ๆ ขาว ๆ หน้าตาเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นน่ะเหรอ คงจะเป็นแฟนของคนไข้ที่อาดูแลอยู่ โลกกลมจังเนอะ แต่คู่นี้น่ารักดีนะเห็นมาเยี่ยมแทบทุกวัน” อาหญิงทำท่านึกออกว่าเต้พูดถึงชายหนุ่มคนไหน
เต้นั่งนิ่งเมื่อได้ยินว่าอิงเป็นแฟนกับคนไข้ของอาหญิง เขารีบขอตัวกลับบ้านโดยให้เหตุผลว่าแม่รอเขาอยู่ แต่จริง ๆ แล้วเต้กำลังรีบจะไปที่ที่หนึ่ง ระหว่างทางที่นั่งรถกลับเขาคิดว่าควรจะบอกว่านดีไหม แต่ถ้าไม่บอกหญิงสาวก็ต้องโดนอิงหลอกต่อไป
“อ้าวเต้ มาหาว่านเหรอ วันนี้ว่านเขาไปบ้านพัทน่ะ เห็นว่าจะไปทำรายงานกัน เราไม่รู้เหรอ” พี่หว้าเปิดประตูมาแล้วทักทายชายหนุ่มที่มากดกริ่งที่หน้าบ้าน
“ไม่ทราบครับ ไม่ได้โทรหาเลย พอดีวันนี้ไปรับยาให้แม่เลยแวะมาหาว่าน”
“ไม่รีบกลับใช่ไหม เข้ามาคุยกับพี่ในบ้านหน่อยสิ” ลูกหว้าชวนให้เต้เข้ามาในบ้านเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่หว้าคนสวย ดูหน้าเครียด ๆ” เต้ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“พี่จะเล่าตามตรงนะ มันเป็นเรื่องที่บ้านพี่ แม่และก็ว่าน เลยอยากให้เต้ช่วยคุยกับว่านให้พี่หน่อย”
ลูกหว้าเริ่มอธิบายเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่ครอบครัวของเธอจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ ก็เลยอยากให้เต้ช่วยคุยกับว่านให้ตัดสินใจไปกับเธอ ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเรื่องราวจากพี่หว้าทำให้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่ก็ต้องจำใจตอบตกลงที่จะช่วยพูดกับว่านให้
“ผมจะลองดูนะครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้า
“ขอบใจนะ และพี่ก็เข้าใจแต่ไม่ต้องเศร้าไปนะ พี่สัญญาว่าจะพาว่านกลับมาเที่ยวหานะหนุ่มน้อย” ลูกหว้าปลอบใจชายหนุ่ม เพราะรู้ว่าเขาผูกพันและสนิทกับน้องสาวของเธอมาตั้งแต่เด็กเมื่อถึงเวลาที่ต้องห่างกันเขาคงรู้สึกใจหายและเสียใจเป็นแน่
เมื่อเต้กลับถึงบ้านเขาหยิบมือถือเพื่อโทรหาชายหนุ่มคนหนึ่ง
“สวัสดีครับ” เสียงของชายหนุ่มปลายสายกล่าวทักทาย
“อิงหรือเปล่า เราเต้เอง” เต้พูดตอบ
“อืม มีอะไรหรือเปล่า” อิงพอรู้ว่าเขาจะโทรมาเรื่องอะไร
“นายตั้งใจหลอกว่าน นายมีแฟนอยู่แล้วก็ไม่น่ามาหลอกว่านนะ” เต้พูดออกมาด้วยความโมโห
“เราไม่ได้ตั้งใจจะหลอกว่าน ทุกอย่างที่ทำมันเป็นความจริง เราชอบว่านจริง ๆ” อิงพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนว่าเต้กลับจะมาโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
“แต่นายมีผู้หญิงอีกคน แล้วว่านล่ะ นายอย่าหลอกว่านอีกต่อไปเลย จะทำร้ายผู้หญิงถึงสองคนมันไม่ดีเลย” เต้พูดจบก็วางสายทันทีโดยไม่ฟังอะไรจากอิงอีก
อิงนิ่งเงียบและสับสน ชายหนุ่มรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันแย่มาก แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย เขาไม่สามารถทิ้งผู้หญิงคนหนึ่งไปกับผู้หญิงคนหนึ่งได้ทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอกว่าจริง ๆ เขารักใคร
เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านดังถี่ ๆ เหมือนมีคนมากดรัว ๆ
“ใครกันเนี่ย ไม่มีมารยาทเลย คนยิ่งปวดท้องเข้าห้องน้ำอยู่” พัทโวยวายขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านของเธอ
“พัทไปเข้าห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวเราออกไปดูให้” ว่านบอกให้เพื่อนของเธอไปทำธุระให้เสร็จ แล้วเธอก็รีบเดินออกไปที่หน้าบ้าน
“นายเต้ นายจะกดรัว ๆ ทำไม” ว่านพูดต่อว่าชายหนุ่มเพื่อนของเธอ และเปิดประตูให้เขาเข้ามา
“ว่าน ไปกับเราเดี๋ยวนี้” เต้ไม่พูดเปล่าดึงแขนว่านให้เดินตามเขาออกจากบ้านมา
“ปล่อย ๆ อะไรของนายเนี่ยจะพาเราไปไหน” ว่านสะบัดแขนหลุดก็ยืนจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความรู้สึกโมโหและสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปไหน
“เราถามว่านจริง ๆ นะ ว่านชอบอิงใช่ไหม” ชายหนุ่มถามจริงจัง
“ใช่ จะทำไม” หญิงสาวตอบอย่างหนักแน่นและยังคงโมโหชายหนุ่มตรงหน้าอยู่
“อย่างงั้นว่านตามเรามา เราจะพาไปพบใครคนหนึ่ง”
ว่านสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ เต้ถึงมาถามเธอเรื่องอิงแล้วจะพาเธอไปเจอใคร ถึงแม้จะงง ๆ ด้วยความอยากรู้หญิงสาวจึงตามเขาไป
“นั่งรถพามาโรงพยาบาลเนี่ยนะ ใครเป็นอะไรเหรอ” ว่านรู้สึกแปลกใจเมื่อเต้พาเธอมาที่โรงพยาบาล
“เดี๋ยวว่านก็รู้ ตามเรามา” เต้รีบพาหญิงสาวขึ้นไปที่ชั้น 5
เต้หยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วย หญิงสาวทำหน้าสงสัย เต้ชี้ให้ดูชื่อคนป่วยที่อยู่ในห้องนั้น แล้วชายหนุ่มก็เปิดประตูและจูงมือเธอเข้ามาในห้อง ว่านตกใจเพราะไม่รู้ว่าเต้พาเธอมาเจอใคร และดูเหมือนหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงก็มองเธอกับเต้ด้วยความสงสัยเช่นกัน
“พวกหนูมาหาใครจ๊ะ” เสียงของผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นแม่ของหญิงสาวบนเตียงเอ่ยถามขึ้น
“ขอโทษครับ พอดีผมมาเยี่ยมเพื่อน สงสัยจะจำห้องผิด ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ” เต้รีบกล่าวขอโทษแล้วพาว่านเดินออกจากห้องทันที
“อะไรของนายเนี่ย เรางงไปหมดแล้ว ลากไปลากมา แล้วไหน อะไร ใคร ที่นายอยากให้เรามาเจอ” ว่านถามขึ้นเมื่อเดินพ้นจากห้องพักของลินลดา
“ไว้เราค่อยคุยกันระหว่างกลับบ้านนะ” เต้ตอบเพียงเท่านี้ยิ่งทำให้หญิงสาวอึดอัดและแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอกันแน่
ระหว่างที่เต้เดินเข้ามาในหมู่บ้าน หญิงสาวที่เดินมาข้าง ๆ ก็ทำท่าหงุดหงิดขึ้นมา
“จะบอกได้หรือยัง ว่าเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวเริ่มถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่านเห็นผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลได้ไหม” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่กลับถามหญิงสาวกลับ ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดและโมโหขึ้นมา
“เห็นสิ มันอะไรยังไงพูดมาเลยเราอยากรู้แล้ว”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของอิง” เต้พูดออกด้วยความอึดอัดใจ
“พูดบ้าอะไร ไม่จริงอะ นายอย่ามาล้อเล่นแบบนี้” ว่านตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอก และยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“มันเป็นความจริง ว่านเชื่อเราสิ ว่านกำลังโดนมันหลอก” เต้ยังคงย้ำ ทำให้ว่านสับสนว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงไหม
“ไม่จริง นายไม่ชอบอิง นายเลยใส่ร้ายเขา พรุ่งนี้เราจะไปถามอิงต่อหน้า” หญิงสาวพูดจบก็รีบวิ่งหนีชายหนุ่มไป
ถึงแม้หญิงสาวจะไม่เชื่อคำพูดของเพื่อนของเธอ แต่อีกใจเธอก็กลัวว่ามันจะเป็นแบบที่เขาพูดจริง ๆ
หลังเลิกเรียนว่านบอกให้เต้กลับบ้านไปก่อน หญิงสาวต้องการอยู่คุยกับพัทลำพัง เต้เองก็ต้องจำใจกลับก่อนเพราะดูเหมือนว่าหญิงสาวยังเคืองเรื่องที่เขาบอกกับเธอเมื่อวานนี้
“เมื่อวานหนีกลับบ้านทำไมไม่บอก อยู่ดี ๆ ก็หายไป เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พัทถามขึ้นเมื่ออยู่กับว่านสองคน
ว่านหันมามองหน้าเพื่อนสาวของเธอแล้วเล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้ฟัง
“ว่าน เราไม่รู้จริง ๆ ว่าอิงมีใครไหม เพราะเท่าที่รู้เขาไม่เคยสนใจใคร นายเต้อาจจะไม่ชอบอิงจริง ๆ ก็ได้” พัทพูดเสริมแต่เธอก็ไม่แน่ใจนัก
“วันนี้พัทเอารถมาใช่ไหม” ว่านถามขึ้นมา
ว่านชวนพัทขับรถตามไปดูเพื่อเป็นการยืนยันความจริง พัทขับรถตามรถของอิงห่าง ๆ หญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ ถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาล
“เธอจำได้ใช่ไหมว่าอยู่ห้องไหน” พัทถามแต่เมื่อเห็นสีหน้าของว่านก็รู้สึกเป็นห่วงและกลัวเช่นเดียวกับเพื่อนของเธอว่าสิ่งที่เต้พูดจะเป็นความจริง
ว่านกับพัทมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องที่ว่านมากับเต้เมื่อวานนี้
“ลงไปรอข้างล่างกันเถอะ” พัทพูดขึ้นเพราะรู้ว่าเพื่อนของเธอแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว
“อิง จะกลับแล้วเหรอ ลินอยากให้อิงอยู่นาน ๆ เพราะลินไม่รู้ว่าจะมีเวลาอยู่กับอิงได้นานแค่ไหน” หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงทำสายตาเว้าวอน
“ไม่พูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวลินก็หายแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปไง พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะคนดี” อิงพูดจบก็หอมที่หน้าผากของหญิงสาว แล้วเธอก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา
ชายหนุ่มเดินลงลิฟต์มา เขาต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าของหญิงสาวสองคนที่เขาคุ้นเคย และเธอทั้งคู่กำลังเดินตรงมาหาเขา
“อิง มาเยี่ยมใครเหรอคะ” ว่านถามขึ้น
“คนรู้จักน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่ยอมสบสายตาของหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาอยู่
“เดี๋ยวเราไปรอที่รถนะ” พัทรีบขอแยกตัวออกมาเพราะอยากให้สองคนได้คุยกันเอง
ว่านกับอิงไปหาที่เงียบ ๆ นั่งคุยกัน
“เราตามอิงมา เราไม่ขอโกหก ดังนั้นเรามาคุยความจริงกัน” ว่านเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
ชายหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา เลยยิ่งทำให้เธออึดอัด จนต้องถามเรื่องที่เธอได้ยินมาจากเต้
“เราไม่เคยหลอกว่าน แต่เราขอโทษนะ ว่านลืมเราไปเถอะ” ชายหนุ่มพูดออกด้วยความรู้สึกเสียใจ
“ทำไมอะ เราไม่เข้าใจ” หญิงสาวเริ่มน้ำตาคลอแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินออกไป โดยไม่ตอบอะไรและปล่อยให้หญิงสาวสับสนและนั่งเสียใจอยู่เพียงคนเดียว
หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัว เธอพยายามตั้งสติและเดินไปหาพัทที่รอเธออยู่ เมื่อว่านเดินมาถึงที่รถ พัทเห็นสีหน้าและอาการของเพื่อนก็ไม่กล้าถามอะไร เพราะพอจะเดาได้ว่าความจริงมันคืออะไร มีแค่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ
ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านว่าน หญิงสาวเดินขึ้นห้องนอนด้วยอาการแปลก ๆ ดูเงียบ ๆ ไม่พูดเล่นหยอกล้อแม่และพี่สาวของเธอเหมือนทุกวัน ทำให้ลูกหว้าต้องรีบเดินตามขึ้นมาดูว่าน้องสาวของเธอเป็นอะไร
“เป็นอะไรน้องสาว วันนี้ดูเหนื่อย ๆ” ลูกหว้าเดินขึ้นมาดูน้องสาวเธอบนห้องนอน
“พี่หว้า ว่านจะไปอังกฤษให้เร็วที่สุด” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ แต่เน้นหนักตรงเร็วที่สุด
“ตัดสินใจดีแล้วนะ พี่จะได้รีบจัดการให้” ลูกหว้าย้ำอีกรอบกับน้องสาว ซึ่งว่านก็ยืนยันคำเดิม
ลูกหว้ารู้ดีว่าน้องสาวของเธอตัดสินใจไปอยู่กับอังกฤษไม่ได้มาจากความเต็มใจจริง ๆ แต่เธอก็คิดว่ามันคือสิ่งที่ดีแล้วที่น้องสาวของเธอเปลี่ยนใจ
บางครั้งความจริงมันก็โหดร้าย แต่เราก็ต้องยอมรับมันและเดินหน้ากันต่อไป
“สวัสดีครับคุณป้า ของฝากจากพัทยาครับ” อิงยื่นถุงของฝากให้แม่ของลิน
“แล้วของลินล่ะคะ ไม่มีเหรอ” หญิงสาวทำเสียงอ้อน
“มีสิคะ นี่ไง สวยไหม” ชายหนุ่มนำโมบายที่เขานั่งทำเมื่อคืนออกมาจากถุงแล้วยกขึ้นตรงหน้าของหญิงสาว
“สวยจัง ขอบคุณนะคะ อิงน่ารักที่สุดเลย” ลินยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วยื่นมือไปรับโมบายมาจากชายหนุ่ม
“สองคนคุยกันไปก่อนนะ แม่ลงไปซื้อของข้างล่างก่อน” แม่ของหญิงสาวเอ่ยขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
อิงนั่งลงข้าง ๆ เตียงมองหน้าหญิงสาวที่ยิ้มกับโมบายที่เขาทำให้ แต่แล้วเธอก็หยุดยิ้มแล้ววางโมบายลง
“อิงอาทิตย์หน้า หมอบอกว่าลินต้องผ่าตัดแล้ว ลินกลัวจังเลย” หญิงสาวพูดด้วยความรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เมื่อเธอจะต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
“ไม่ต้องกลัวนะลิน ลินต้องหาย เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันไง” ชายหนุ่มพยายามปลอบและให้กำลังใจหญิงสาว
“วันนั้นอิงต้องอยู่กับลินนะ” หญิงสาวจับมือของชายหนุ่มไว้แน่น
ชายหนุ่มยิ้มแล้วพยักหน้ารับ เขานั่งคุยอยู่กับหญิงสาวจนแม่ของเธอกลับขึ้นมาเขาจึงขอตัวกลับบ้าน
เต้ยืนรอลิฟต์อยู่ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขามองหน้าชายหนุ่มที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ ทั้งคู่สบตากันแค่เสี้ยววินาทีชายหนุ่มรีบเดินออกจากลิฟต์เดินผ่านหน้าเขาไป โดยไม่มีคำพูดหรือคำทักทายใด ๆ
เต้เดินมาที่โรงอาหารของโรงพยาบาล แล้วมองหาใครบางคน
“สวัสดีครับอาหมอ” เต้ยกมือไหว้อาหมอซึ่งเป็นเพื่อนของพ่อและเป็นคุณหมอประจำที่รักษาแม่ของเขา
“มานั่งก่อน กินข้าวกัน อามานั่งรออาหญิงด้วย เดี๋ยวตรวจคนไข้เสร็จก็ตามมา” อาหมอบอกให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ
“อ้าว เต้ไม่เจอกันเลย เป็นไงบ้าง มารับยาให้คุณแม่เหรอจ๊ะ” อาหญิงซึ่งเป็นหมอแผนกโรคหัวใจและเป็นภรรยาของอาหมอเอ่ยทักทายเต้
“ครับ วันนี้แม่ทำขนมเลยให้เอาขนมมาฝากอาหมอกับอาหญิงด้วย แต่ดูอาหญิงดูเหนื่อย ๆ นะครับ” เต้พูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของอาหญิงดูเหนื่อยล้า
“ใช่ พอดีอาพึ่งไปตรวจคนไข้โรคหัวใจมาที่ชั้น 5 เคสสำคัญใกล้จะผ่าตัดแล้ว” อาหญิงตอบแล้วยิ้มให้เต้
“หนูลินลดาน่ะเหรอ” อาหมอพูดชื่อใครคนหนึ่งทำให้เต้ทำท่าตกใจ
“ทำไมทำท่าแบบนั้น รู้จักกับเขาเหรอ” อาหมอสงสัยเมื่อเห็นท่าทางตกใจของหลานชาย
“ไม่เชิงน่ะครับ พอดีเพื่อนผมชื่ออิงเป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยน่ะครับ คือผมเห็นเขามาโรงพยาบาลบ่อย ๆ แล้วเคยได้ยินเขาพูดถึงชื่อนี้น่ะครับ” เต้ตอบอาหมอทั้งที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมด เผื่อเขาจะได้รู้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับอิงและผู้หญิงที่ชื่อลลิน
“ผู้ชายที่ตัวสูง ๆ ขาว ๆ หน้าตาเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นน่ะเหรอ คงจะเป็นแฟนของคนไข้ที่อาดูแลอยู่ โลกกลมจังเนอะ แต่คู่นี้น่ารักดีนะเห็นมาเยี่ยมแทบทุกวัน” อาหญิงทำท่านึกออกว่าเต้พูดถึงชายหนุ่มคนไหน
เต้นั่งนิ่งเมื่อได้ยินว่าอิงเป็นแฟนกับคนไข้ของอาหญิง เขารีบขอตัวกลับบ้านโดยให้เหตุผลว่าแม่รอเขาอยู่ แต่จริง ๆ แล้วเต้กำลังรีบจะไปที่ที่หนึ่ง ระหว่างทางที่นั่งรถกลับเขาคิดว่าควรจะบอกว่านดีไหม แต่ถ้าไม่บอกหญิงสาวก็ต้องโดนอิงหลอกต่อไป
“อ้าวเต้ มาหาว่านเหรอ วันนี้ว่านเขาไปบ้านพัทน่ะ เห็นว่าจะไปทำรายงานกัน เราไม่รู้เหรอ” พี่หว้าเปิดประตูมาแล้วทักทายชายหนุ่มที่มากดกริ่งที่หน้าบ้าน
“ไม่ทราบครับ ไม่ได้โทรหาเลย พอดีวันนี้ไปรับยาให้แม่เลยแวะมาหาว่าน”
“ไม่รีบกลับใช่ไหม เข้ามาคุยกับพี่ในบ้านหน่อยสิ” ลูกหว้าชวนให้เต้เข้ามาในบ้านเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่หว้าคนสวย ดูหน้าเครียด ๆ” เต้ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“พี่จะเล่าตามตรงนะ มันเป็นเรื่องที่บ้านพี่ แม่และก็ว่าน เลยอยากให้เต้ช่วยคุยกับว่านให้พี่หน่อย”
ลูกหว้าเริ่มอธิบายเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่ครอบครัวของเธอจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ ก็เลยอยากให้เต้ช่วยคุยกับว่านให้ตัดสินใจไปกับเธอ ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเรื่องราวจากพี่หว้าทำให้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่ก็ต้องจำใจตอบตกลงที่จะช่วยพูดกับว่านให้
“ผมจะลองดูนะครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้า
“ขอบใจนะ และพี่ก็เข้าใจแต่ไม่ต้องเศร้าไปนะ พี่สัญญาว่าจะพาว่านกลับมาเที่ยวหานะหนุ่มน้อย” ลูกหว้าปลอบใจชายหนุ่ม เพราะรู้ว่าเขาผูกพันและสนิทกับน้องสาวของเธอมาตั้งแต่เด็กเมื่อถึงเวลาที่ต้องห่างกันเขาคงรู้สึกใจหายและเสียใจเป็นแน่
เมื่อเต้กลับถึงบ้านเขาหยิบมือถือเพื่อโทรหาชายหนุ่มคนหนึ่ง
“สวัสดีครับ” เสียงของชายหนุ่มปลายสายกล่าวทักทาย
“อิงหรือเปล่า เราเต้เอง” เต้พูดตอบ
“อืม มีอะไรหรือเปล่า” อิงพอรู้ว่าเขาจะโทรมาเรื่องอะไร
“นายตั้งใจหลอกว่าน นายมีแฟนอยู่แล้วก็ไม่น่ามาหลอกว่านนะ” เต้พูดออกมาด้วยความโมโห
“เราไม่ได้ตั้งใจจะหลอกว่าน ทุกอย่างที่ทำมันเป็นความจริง เราชอบว่านจริง ๆ” อิงพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนว่าเต้กลับจะมาโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
“แต่นายมีผู้หญิงอีกคน แล้วว่านล่ะ นายอย่าหลอกว่านอีกต่อไปเลย จะทำร้ายผู้หญิงถึงสองคนมันไม่ดีเลย” เต้พูดจบก็วางสายทันทีโดยไม่ฟังอะไรจากอิงอีก
อิงนิ่งเงียบและสับสน ชายหนุ่มรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันแย่มาก แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย เขาไม่สามารถทิ้งผู้หญิงคนหนึ่งไปกับผู้หญิงคนหนึ่งได้ทั้งที่เขารู้อยู่เต็มอกว่าจริง ๆ เขารักใคร
เสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านดังถี่ ๆ เหมือนมีคนมากดรัว ๆ
“ใครกันเนี่ย ไม่มีมารยาทเลย คนยิ่งปวดท้องเข้าห้องน้ำอยู่” พัทโวยวายขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านของเธอ
“พัทไปเข้าห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวเราออกไปดูให้” ว่านบอกให้เพื่อนของเธอไปทำธุระให้เสร็จ แล้วเธอก็รีบเดินออกไปที่หน้าบ้าน
“นายเต้ นายจะกดรัว ๆ ทำไม” ว่านพูดต่อว่าชายหนุ่มเพื่อนของเธอ และเปิดประตูให้เขาเข้ามา
“ว่าน ไปกับเราเดี๋ยวนี้” เต้ไม่พูดเปล่าดึงแขนว่านให้เดินตามเขาออกจากบ้านมา
“ปล่อย ๆ อะไรของนายเนี่ยจะพาเราไปไหน” ว่านสะบัดแขนหลุดก็ยืนจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความรู้สึกโมโหและสงสัยว่าเขาจะพาเธอไปไหน
“เราถามว่านจริง ๆ นะ ว่านชอบอิงใช่ไหม” ชายหนุ่มถามจริงจัง
“ใช่ จะทำไม” หญิงสาวตอบอย่างหนักแน่นและยังคงโมโหชายหนุ่มตรงหน้าอยู่
“อย่างงั้นว่านตามเรามา เราจะพาไปพบใครคนหนึ่ง”
ว่านสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ เต้ถึงมาถามเธอเรื่องอิงแล้วจะพาเธอไปเจอใคร ถึงแม้จะงง ๆ ด้วยความอยากรู้หญิงสาวจึงตามเขาไป
“นั่งรถพามาโรงพยาบาลเนี่ยนะ ใครเป็นอะไรเหรอ” ว่านรู้สึกแปลกใจเมื่อเต้พาเธอมาที่โรงพยาบาล
“เดี๋ยวว่านก็รู้ ตามเรามา” เต้รีบพาหญิงสาวขึ้นไปที่ชั้น 5
เต้หยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วย หญิงสาวทำหน้าสงสัย เต้ชี้ให้ดูชื่อคนป่วยที่อยู่ในห้องนั้น แล้วชายหนุ่มก็เปิดประตูและจูงมือเธอเข้ามาในห้อง ว่านตกใจเพราะไม่รู้ว่าเต้พาเธอมาเจอใคร และดูเหมือนหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงก็มองเธอกับเต้ด้วยความสงสัยเช่นกัน
“พวกหนูมาหาใครจ๊ะ” เสียงของผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นแม่ของหญิงสาวบนเตียงเอ่ยถามขึ้น
“ขอโทษครับ พอดีผมมาเยี่ยมเพื่อน สงสัยจะจำห้องผิด ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ” เต้รีบกล่าวขอโทษแล้วพาว่านเดินออกจากห้องทันที
“อะไรของนายเนี่ย เรางงไปหมดแล้ว ลากไปลากมา แล้วไหน อะไร ใคร ที่นายอยากให้เรามาเจอ” ว่านถามขึ้นเมื่อเดินพ้นจากห้องพักของลินลดา
“ไว้เราค่อยคุยกันระหว่างกลับบ้านนะ” เต้ตอบเพียงเท่านี้ยิ่งทำให้หญิงสาวอึดอัดและแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอกันแน่
ระหว่างที่เต้เดินเข้ามาในหมู่บ้าน หญิงสาวที่เดินมาข้าง ๆ ก็ทำท่าหงุดหงิดขึ้นมา
“จะบอกได้หรือยัง ว่าเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวเริ่มถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่านเห็นผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลได้ไหม” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่กลับถามหญิงสาวกลับ ยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดและโมโหขึ้นมา
“เห็นสิ มันอะไรยังไงพูดมาเลยเราอยากรู้แล้ว”
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนของอิง” เต้พูดออกด้วยความอึดอัดใจ
“พูดบ้าอะไร ไม่จริงอะ นายอย่ามาล้อเล่นแบบนี้” ว่านตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มบอก และยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“มันเป็นความจริง ว่านเชื่อเราสิ ว่านกำลังโดนมันหลอก” เต้ยังคงย้ำ ทำให้ว่านสับสนว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงไหม
“ไม่จริง นายไม่ชอบอิง นายเลยใส่ร้ายเขา พรุ่งนี้เราจะไปถามอิงต่อหน้า” หญิงสาวพูดจบก็รีบวิ่งหนีชายหนุ่มไป
ถึงแม้หญิงสาวจะไม่เชื่อคำพูดของเพื่อนของเธอ แต่อีกใจเธอก็กลัวว่ามันจะเป็นแบบที่เขาพูดจริง ๆ
หลังเลิกเรียนว่านบอกให้เต้กลับบ้านไปก่อน หญิงสาวต้องการอยู่คุยกับพัทลำพัง เต้เองก็ต้องจำใจกลับก่อนเพราะดูเหมือนว่าหญิงสาวยังเคืองเรื่องที่เขาบอกกับเธอเมื่อวานนี้
“เมื่อวานหนีกลับบ้านทำไมไม่บอก อยู่ดี ๆ ก็หายไป เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พัทถามขึ้นเมื่ออยู่กับว่านสองคน
ว่านหันมามองหน้าเพื่อนสาวของเธอแล้วเล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้ฟัง
“ว่าน เราไม่รู้จริง ๆ ว่าอิงมีใครไหม เพราะเท่าที่รู้เขาไม่เคยสนใจใคร นายเต้อาจจะไม่ชอบอิงจริง ๆ ก็ได้” พัทพูดเสริมแต่เธอก็ไม่แน่ใจนัก
“วันนี้พัทเอารถมาใช่ไหม” ว่านถามขึ้นมา
ว่านชวนพัทขับรถตามไปดูเพื่อเป็นการยืนยันความจริง พัทขับรถตามรถของอิงห่าง ๆ หญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ ถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาล
“เธอจำได้ใช่ไหมว่าอยู่ห้องไหน” พัทถามแต่เมื่อเห็นสีหน้าของว่านก็รู้สึกเป็นห่วงและกลัวเช่นเดียวกับเพื่อนของเธอว่าสิ่งที่เต้พูดจะเป็นความจริง
ว่านกับพัทมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องที่ว่านมากับเต้เมื่อวานนี้
“ลงไปรอข้างล่างกันเถอะ” พัทพูดขึ้นเพราะรู้ว่าเพื่อนของเธอแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว
“อิง จะกลับแล้วเหรอ ลินอยากให้อิงอยู่นาน ๆ เพราะลินไม่รู้ว่าจะมีเวลาอยู่กับอิงได้นานแค่ไหน” หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงทำสายตาเว้าวอน
“ไม่พูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวลินก็หายแล้ว เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปไง พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะคนดี” อิงพูดจบก็หอมที่หน้าผากของหญิงสาว แล้วเธอก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยา
ชายหนุ่มเดินลงลิฟต์มา เขาต้องตกใจเมื่อเห็นหน้าของหญิงสาวสองคนที่เขาคุ้นเคย และเธอทั้งคู่กำลังเดินตรงมาหาเขา
“อิง มาเยี่ยมใครเหรอคะ” ว่านถามขึ้น
“คนรู้จักน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่ยอมสบสายตาของหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาอยู่
“เดี๋ยวเราไปรอที่รถนะ” พัทรีบขอแยกตัวออกมาเพราะอยากให้สองคนได้คุยกันเอง
ว่านกับอิงไปหาที่เงียบ ๆ นั่งคุยกัน
“เราตามอิงมา เราไม่ขอโกหก ดังนั้นเรามาคุยความจริงกัน” ว่านเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
ชายหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา เลยยิ่งทำให้เธออึดอัด จนต้องถามเรื่องที่เธอได้ยินมาจากเต้
“เราไม่เคยหลอกว่าน แต่เราขอโทษนะ ว่านลืมเราไปเถอะ” ชายหนุ่มพูดออกด้วยความรู้สึกเสียใจ
“ทำไมอะ เราไม่เข้าใจ” หญิงสาวเริ่มน้ำตาคลอแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินออกไป โดยไม่ตอบอะไรและปล่อยให้หญิงสาวสับสนและนั่งเสียใจอยู่เพียงคนเดียว
หญิงสาวรู้สึกชาไปทั้งตัว เธอพยายามตั้งสติและเดินไปหาพัทที่รอเธออยู่ เมื่อว่านเดินมาถึงที่รถ พัทเห็นสีหน้าและอาการของเพื่อนก็ไม่กล้าถามอะไร เพราะพอจะเดาได้ว่าความจริงมันคืออะไร มีแค่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ
ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านว่าน หญิงสาวเดินขึ้นห้องนอนด้วยอาการแปลก ๆ ดูเงียบ ๆ ไม่พูดเล่นหยอกล้อแม่และพี่สาวของเธอเหมือนทุกวัน ทำให้ลูกหว้าต้องรีบเดินตามขึ้นมาดูว่าน้องสาวของเธอเป็นอะไร
“เป็นอะไรน้องสาว วันนี้ดูเหนื่อย ๆ” ลูกหว้าเดินขึ้นมาดูน้องสาวเธอบนห้องนอน
“พี่หว้า ว่านจะไปอังกฤษให้เร็วที่สุด” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือ แต่เน้นหนักตรงเร็วที่สุด
“ตัดสินใจดีแล้วนะ พี่จะได้รีบจัดการให้” ลูกหว้าย้ำอีกรอบกับน้องสาว ซึ่งว่านก็ยืนยันคำเดิม
ลูกหว้ารู้ดีว่าน้องสาวของเธอตัดสินใจไปอยู่กับอังกฤษไม่ได้มาจากความเต็มใจจริง ๆ แต่เธอก็คิดว่ามันคือสิ่งที่ดีแล้วที่น้องสาวของเธอเปลี่ยนใจ
บางครั้งความจริงมันก็โหดร้าย แต่เราก็ต้องยอมรับมันและเดินหน้ากันต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ